This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Messages - My Dream_ฝน
2
« เมื่อ: กันยายน 11, 2013, 04:14:51 PM »
3
« เมื่อ: กันยายน 11, 2013, 04:05:07 PM »
คลิปที่ 2http://www.youtube.com/v/?v=5O4H1W4fdR8คุณชอบร้องเพลงที่สุด ฝนจึงเลือกคลิปที่คุณร้องเพลงมาทำ “คลิป” นี้นะคะ
(คลิปมีเยอะมาก แต่ด้วยเวลาของเพลงที่จำกัด ทำให้ต้องตัดใจตัดออกหลายคลิปเลยค่ะ)
สำหรับเพลงที่เลือกมาก็ “Crazy for you” และ “爱” ค่ะ
ชื่อเพลง แทนความรู้สึกในใจที่อยากบอกนะคะ
CRAZY FOR YOU
ค่ำคืนที่นอนไม่หลับอยู่คนเดียว
จิตใจที่คิดถึงเธอ ไม่สามารถหยุดแม้แต่หนึ่งวินาที
ฉันคิดว่าครั้งนี้ ฉันได้ตกอยู่ในหลุมรักแล้ว
ความฝันที่สวยงาม ฉันจะมอบให้เธอด้วยมือฉันเอง
ไม่กล้าแสดงความรัก แท้จริงของฉันต่อเธอ
เธอไม่เข้าใจแน่นอนว่า ฉันได้มีความจริงใจแล้ว
เธอต้องรู้ว่าใจที่รักหล่อนมากกว่าท้องฟ้า
เพื่อคลั่งไคล้ต่อความรัก ฉันต้องตะโกนเสียงดัง ฉันรักเธอเข้าแล้ว
ให้ทั้งหมดของเธอและฉัน ให้ความอบอุ่นของเธอและฉัน
ขอเพียงหวังเธอสามารถ ให้ความห่วงใยสักเล็กน้อยแก่ฉัน
ให้ความจริงใจของเธอและฉัน ให้ความรักของเธอและฉัน
จับมือฉันไว้ ในหนทางเบื้องหน้า
I WILL BE CRAZY FOR YOU
愛 (ความรัก)
นำหัวใจคุณหัวใจผมร้อยเป็นพวง ร้อยเป็นต้นหญ้าโชคดีเต้นร้องเป็นวงกลมที่มีศูนย์กลางหนึ่งแท่ง
ให้สิ่งของทั้งหมดเรียกร้องรอคอยอนาคตจากวัยหนุ่มสาวมาเป็นเพื่อน
อย่าให้อายุเยาว์วัยยิ่งเติบโตยิ่งโดดเดี่ยว นำหญ้าโชคดีของผมปลูกอยู่ในความฝันของคุณ
ให้โลกตามวงกลมที่มีศูนย์กลางของพวกเรา หมุนไม่หยุดตลอด
ร้องเรียกเสียงดังต่อท้องฟ้าว่าผมรักคุณ พูดต่อเมฆขาวที่เร่ร่อนพเนจรอยู่ว่าผมคิดถึงคุณ
ให้ท้องฟ้าได้ยิน ให้เมฆขาวได้เห็น
ใครก็ลบไม่ทิ้ง คำสัญญาที่ได้ตกลงไว้
คิดอยากพาคุณไปดูทะเลด้วยกันพูดว่า “ผมรักคุณ”
ให้ดาวที่สว่างที่สุดพูดว่าผมคิดถึงคุณ
ฟังๆคำสาบานของทะเล ดูๆท้องฟ้าสีครามที่ดื้อรั้น
ให้เรารักกันอย่างอิสระ
4
« เมื่อ: กันยายน 11, 2013, 03:52:56 PM »
苏有朋
祝你生日快乐 11-09-2013
สุขสันต์วันเกิดค่ะ “โหย่วเผิง”
ปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้วนะคะที่ฝนได้มีโอกาสอวยพรวันเกิดให้คุณ เร็วจังนะคะ
ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ชีวิตของฝนเรียกได้ว่า เหมือนมีคุณอยู่เคียงข้างกันทุกวันเลยล่ะนะคะ
ฝนมีคุณคอยเป็นกำลังใจ เป็นพลังให้ในยามที่ท้อแท้
มีเสียง(เพลง)ของคุณอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา เสียงที่อบอุ่น อ่อนโยน
อยู่กับผลงานต่างๆของคุณทั้งในอดีตและปัจจุบัน
คิดถึงคุณจังเลยค่ะ โหย่วเผิง
ปีนี้ฝนขอใช้ 2 คลิปนี้เป็นสื่อแทนความรักที่มีต่อคุณนะคะ
คลิปที่ 1http://www.youtube.com/v/?v=W2UwS4WGtsM
ฝนเลือกเรื่องนี้มาทำคลิปเพราะเป็นเรื่องที่ทำให้ฝนได้เริ่มรู้จักคุณค่ะ ฝนหลงรักพี่รองมาก
จึงได้ออกตามหาคุณ
และ เพราะคลิปเรื่องนี้ที่มีอยู่มักเป็นคลิปรวมหรือไม่ก็เน้นที่จางนารา ไม่เห็นคลิปที่เน้นเฉพาะคุณเท่าไหร่
คลิปนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีเลยนะคะว่า คุณเป็นนักแสดงที่สามารถ ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ผ่านทางสีหน้าและแววตา ได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด
ฝนไม่สามารถละสายตาจากคุณได้เลยล่ะค่ะ แถมเรื่องนี้คุณยังน่ารักมากๆอีกด้วยนะคะ
5
« เมื่อ: กันยายน 11, 2013, 01:32:16 PM »
6
« เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2013, 04:50:42 PM »
[7/06/2013]
ซูโหย่วเผิงความทรงจำครั้ง “องค์หญิงกำมะลอ” กับฉากขี่ม้าเสี่ยงอันตราย
ซูโหย่วเผิง : ป้อนหญ้าให้เค้ากินบ้าง ยังไงเค้าก็ต้องชอบเราแน่ ลูบหัวเค้า คุณต้องคลุกคลีกับเค้า
แล้วคุณยังต้องแสดงออกถึง ความเป็นมิตรที่สามารถรับรู้ได้ มันจะทำให้เค้าคุ้นเคยกับเรา
และกล้าที่จะเข้าใกล้เรา
ผู้สื่อข่าว : ในวันนั้นซูโหย่วเผิงยังได้มีโอกาสเข้าชมการแข่งขันม้า ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับฝนฟ้า
ที่ไม่เป็นใจ จึงทำให้เค้าเปลี่ยนความสนใจมาที่โรงม้า ความจริงแล้ว
ซูโหย่วเผิงนั้นผูกพันธ์ใกล้ชิดกับม้า นั้นเริ่มตั้งแต่ คราวเล่นละครเรื่ององค์หญิงกำมะลอแล้ว
ในเวลานั้น บทบาทการแสดงผมนั้นเรียนรู้ด้านการขี่ม้าเลยไม่น้อย
ซูโหย่วเผิง : นั่นถือได้ว่าเป็นการขี่ม้าครั้งแรกของผมเลย ตอนที่ผมเล่นเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ
ถ่ายกันที่ราบทุ่งกว้าง ทุกคนจะเข้าใจตรงกันว่า เมื่อเรามารวมตัวกันแล้วตะโกนว่า
เฮ่ย ! ทุกทุกคนก็ต้องขี่ม้าฝ่ามันออกไป ตอนแรกที่ผมฝึกขี่ม้าใหม่ๆนะครับ
ต้องคอยจับเชือกบังคับม้าด้านหน้าไว้แน่นตลอด ไม่กล้าที่จะปล่อยมือเลย
กลัวว่าถ้าปล่อยมือแล้วมันจะไม่ปลอดภัย มันต้องตกม้าแน่ๆ แต่ตอนนี้ผมคง
ไม่ต้องทำอย่างนั้นแล้วล่ะ ไม่จำเป็นต้องจับเชือกบังคับม้าด้านหน้าแน่นอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าว : ถึงแม้ว่าจะผ่านละครที่ต้องอาศัยการขี่ม้ามาไม่น้อย แต่ก็ยังจำเป็นต้องฝึกความคุ้นเคยกับม้า
สักเล็กน้อย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น และในระหว่างที่ถ่ายทำละครเรื่อง
มนต์รักในสายฝนอยู่นั้น คนที่ฝึกม้าจนชำนาญมือ ก็ยังเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันกับ
การขี่ม้าเช่นกัน
ซูโหย่วเผิง : เรื่อง ( มนต์รักในสายฝน ) ตอนนั้น เคยตกม้าอยู่ครั้งหนึ่ง ถามว่าอาการสาหัสมั้ย
ครั้งนั้นตกแล้วถูกม้าลาก ตอนนั้นตกลงมาแล้วเนี่ย ขาของผมมันยังเกี่ยวติดกับ
ตรงขาเหยียบบริเวณนั้น แล้วถูกลากไปสิบกว่าเมตรได้ครับ
ผู้สื่อข่าว : ฟังอย่างนี้แล้ว การขี่ม้านั้นถือว่าอันตรายเลยทีเดียว นักแสดงท่านไหนที่ต้องเข้าฉากกับม้านั้น
ควรต้องใช้ความระมัดระวังกันสักหน่อยนะครับ
7
« เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2013, 02:52:33 PM »
[8/04/2013]
ซ้อมละคร : เริ่ม action
ผู้สื่อข่าว : (เปิดกล้องภาพยนตร์ใหม่ ! ซูโหย่วเผิง หลินอีเฉิน รับบทเป็นตำรวจปราบปรามเหล่าร้าย)
: ซูโหย่วเผิงมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ เริ่มถ่ายกันที่ฉากโรงพยาบาล ตลอดเวลา
ที่ผ่านมากับการทำงานในแผ่นดินใหญ่ ครั้งนี้เค้าก็ได้กลับมาลงจอเงินภาพยนตร์
ที่ไต้หวันอีกครั้งกับบทบาทที่ท้าทายในบทตำรวจ
ซูโหย่วเผิง : การถ่ายทำวันนั้นเนี่ย ผมอดไม่ได้จริงๆที่ต้องคุยกับทางผู้กำกับ พูดถึงเรื่องเอ่อ.......
ที่ผมแสดงออกมาได้ขี้เหร่มากเลยอ่ะครับ มันคงทำให้ทุกทุกคนตกอกตกใจแน่
แล้วผมยังคิดอีกว่า ผมคงไม่คิดที่จะกลับไปรับบทคุณชายรักโรแมนติกเหมือนที่
ผ่านมาอีกอ่ะครับ อึม...
ผู้สื่อข่าว : คู่หูของซูโหย่วเผิง ในเรื่องนี้นั่นก็คือ ดารานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมรางวัลจินจงอย่าง
หลินอีเฉิน ครั้งนี้เธอสวมบทบาทหญิงแกร่งซึ่งตัวเธอเองก็ยังไม่เคยได้รับบทแบบนี้
ที่ไหนมาก่อน ที่ต้องมาถือปืนกับการปฏิบัติภาระกิจของเธอ
หลินอีเฉิน : เคยรับบทมาก็เยอะนะค่ะ มันก็ไม่ใช่จะยากลำบากมากขนาดนั้นหรอกนะค่ะ
แต่ถ้าจะเอามาเทียบกันจริงๆเนี่ยก็ถือว่ายากเอาการทีเดียว
ผู้สื่อข่าว : ภาพเหล่านี้คงแสดงให้เห็นว่า ไม่มีการใช้แสตนอิน เธอเล่นเองจริงทั้งหมด นี่ถึงกับ
ทำให้คนที่เคยเข้ารับการรักษาจากแพทย์อย่าง ซูโหย่วเผิง ถึงกับต้องถอนหายใจ
กินไม่ได้กันเลยทีเดียว
ซูโหย่วเผิง : ตอนที่อยู่ที่กองถ่าย มักจะต้องทำ..... ต้องทำอะไรที่อาจจะเจ็บซะหน่อยอาจจะรู้สึก
ไม่สบายตัว บางครั้ง ก็ไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงนะครับ มันก็มีผลกระทบบ้าง
ผู้สื่อข่าว : ทุ่มทุนกว่า 400 ล้าน กับภาพยนตร์แนวคดีสืบสวนสอบสวน ที่ปักหลักถ่ายทำกันที่เมือง
กาวสง เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ได้นำเสนอทัศนียภาพของที่นี่แล้วนะค่ะ ยังมีความลับของ
ตัวภาพยนตร์ให้เราติดตามรอชมกันอีกด้วย
อู๋ซวนหลิน รายงานจากเมืองกาวสง
8
« เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2013, 02:36:50 PM »
[8/04/2013]
ผู้สื่อข่าว : (ซูโหย่วเผิงถ่ายทำภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนหลังจากที่ห่างหายวงการไต้หวันมานาน ,
ทุ่มทุนสร้างโดยชาวกาวสง)
: จากการทุ่มทุนสร้าง 400 ล้าน โดยคนเมืองกาวสง กับภาพยนตร์แนวคดีสืบสวนสอบสวน
เรื่อง เถียนมี่ซาจี และในวันนี้ยังคงปักหลักถ่ายทำกันอยู่ที่เมืองกาวสง ดารานักแสดงนำ
ทั้งดารานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมรางวัลจินจงอย่างหลินอีเฉิน และดารานักแสดงนำ
ที่ห่างหายจากจอเงินในไต้หวันไปเสียนานอย่าง ซูโหย่วเผิง ร่วมด้วย เหล่ยหง ,
หลางจู่หยุน , อูจงเทียน เป็นต้น มาร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วย นับได้ว่าเป็นอีกภาพยนตร์
ระดับคุณภาพเรื่องหนึ่งเลย
(หลินอีเฉิน, ซูโหย่วเผิง นักแสดง)
หลินอีเฉิน : โดยส่วนตัวยังไม่เคยรับบทตำรวจแบบนี้มาก่อนนะค่ะ ฉันคิดว่าในอาชีพนี้เนี่ย
มันมีอะไรที่แตกต่างกันเยอะเลยค่ะ แล้วยังต้องฝึกฝนเรียนรู้พื้นฐานในอาชีพนี้ด้วยค่ะ
อย่างเช่น การใช้ปืน ทักษะการจู่โจม เป็นต้นน่ะค่ะ จริงจริงแล้ว ถ้าจะว่าไปนะค่ะ
ฉันเคยได้เห็นภาพยนตร์ในบทนี้มาก็มากนะค่ะมันดูเหมือนไม่น่าจะยากแต่พอมา
ได้รับบทเองจริงจริงเนี่ย มันยากเอาการอยู่เหมือนกันอ่ะนะค่ะ
ซูโหย่วเผิง : ผมอยากให้เห็นอีกภาพลักษณ์แย่ๆหนึ่งของผมอ่ะครับ ฮาฮา....... มีสิ จริงนะ
ในการเข้าถ่ายทำวันนั้นผมมันก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะไปคุยกับทางผู้กำกับเรื่อง เอ่อ......
ผมน่ะมันแสดงได้ขี้เหร่ขนาดนี้เนี่ย คงจะทำให้ทุกๆคนตกอกตกใจแน่ แล้วผม
ยังคิดอีกนะครับว่า คงไม่คิดที่จะกลับไปเล่นบทพวกคุณชายโรแมนติกแบบเดิมอีก
หลินอีเฉิน : ฮาฮา.....
ซูโหย่วเผิง : ครับ
ผู้สื่อข่าว : นี่เพียงแค่ภาพยนตร์เรื่องเถียนมี่ซาจีนั้นยังไม่ได้มีกำหนดเข้าฉายเลยนะครับ
ท่านรองกระทรวงวัฒนธรรมของเมืองกาวสง ท่านหลิวซิ่วเหมย ยังได้เตรียมผลิตผล
ที่เป็นที่ขึ้นชื่อของเมืองกาวสง มามอบให้กับทางทีมงานอีกด้วย ทำให้ทางทีมงาน
รู้สึกถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นของคนที่นี่เลยล่ะครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนด
เข้าฉายในปลายปี 2013 นี้ครับ แฟนแฟนภาพยนตร์ที่รักภาพยนตร์ประเทศเราล่ะก็
อย่าพลาดเลยทีเดียวครับ
ผู้สื่อข่าว กัวจู้นถิง สถานีข่าวเมืองกาวสง รายงาน
9
« เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2013, 02:17:36 PM »
[8/04/2013]
ผู้สื่อข่าว : ซูโหย่วเผิงรับบทเป็นตำรวจ ค่าประกันภัย 150 ล้าน ยิงปืนลั่นทำเอา หลินอีเฉิน ตกอกตกใจ
ซ้อมละคร : เริ่ม action ปัง !
ผู้สื่อข่าว : ซูโหย่วเผิงและหลินอีเฉิน กับภาพยนตร์ เถียนมี่ซาจี รับบทเป็นตำรวจ วันนี้ (วันที่8)
กับฉากถ่ายทำที่ซูโหย่วเผิงต้องเข้าไปช่วยเหลือหลินอีเฉิน ทีแรกนึกว่าที่ซูโหย่วเผิง
รับบทเป็นตำรวจได้คล่องซะขนาดนั้น หารู้ไม่ว่า
ซ้อมละคร : เริ่ม action ! ปืนมันลั่น !
ซูโหย่วเผิง : ปืนมันลั่น ! ฮาฮา.....
ซ้อมละคร : คัต ! ฮาฮา... เริ่ม action (ปืนล่ะ // ล้วงไม่ถึง) เริ่ม ปัง ! โทษทีครับขออีกเทค
ผู้สื่อข่าว : ฮึม....ลุงซู คุณแสดงได้เหมือนเป็นตำรวจรักษาการณ์ประตูสีตกเลย
ซูโหย่วเผิง : อันนี้นี่มันเป็นอะไรที่สับเพร่ามากเลย
หลินอีเฉิน : (คำอธิบายช่วย) เพราะว่าเสื้อผ้าเนี่ย ต้อง ( ปืน ) มันต้องซ่อนได้ ดังนั้นเค้า
ความสะดวกเวลาเราชักปืนออกมาเนี่ย มันเลยดูไม่สะดวกเหมือนกับใส่ชุดเครื่องแบบ
ตำรวจจริงๆ
ผู้สื่อข่าว : ( ดังนั้นปืนเค้าถึงลั่นบ่อยงัย ) ( บางครั้งที่กำลังถ่ายทำกันอยู่ )
ซูโหย่วเผิง : เอ่อ.....เมื่อวานก็มีบ้างนิดหน่อย ก็ตอนที่ผมต้องล้วงมันออกมา ตอนที่กำลังจะชักปืน
ออกมา ซองลูกปืนมันดันตก เป็นเรื่องที่สับเพร่าจริงๆ ตอนที่ทำปืนหลุดมือยังยิ้มได้อีก
ผู้สื่อข่าว : ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องอาศัยทักษะการเคลื่อนไหวในทุกมุมกล้อง บริษัทค่ายภาพยนตร์
ประกันภัยให้นักแสดง 150 ล้าน
ซูโหย่วเผิง : ( ปืนจริง ) กับอันนี้น่าจะพอๆกัน
ผู้สื่อข่าว : แต่ลุงซูเด็กดื้อคนนี้พอจับปืนได้ก็......
ซูโหย่วเผิง : ปัง
หลินอีเฉิน : ฮือฮือ~ ~
ซูโหย่วเผิง : ใช่ครับมันสนุกดี สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยดีมั้ย สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยดีมั้ย
ผู้สื่อข่าว : อั้ยย่ะ ! อย่าทำอย่างนี้สิ
ซูโหย่วเผิง : ก็มันสนุกจริงๆนิ
หลินอีเฉิน : อ๊า......
ซูโหย่วเผิง : ให้ความรู้สึกดีเนอะ ฮาฮา.... (ใจร้าย)
ผู้สื่อข่าว : โอเค แค่ปืนปลอมถึงกล้าเล่นขนาดนี้ได้ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยน้องน้องกรุณาอย่าได้
เลียนแบบเชียวนะ
หลินอีเฉิน : มันต้องมีควัน คือซองกระสุนมันต้องรู้สึกว่ามันปะทุระเบิดออก ดังนั้นแล้วเนี่ย
ข้างในต้องใส่แป้งกันผดเข้าไปด้วยเล็กน้อย ทุกครั้งที่ยิง มันจะได้กลิ่นของแป้งกันผด
นี่แหละ หอมมาก ยอดเยี่ยมสุดๆเนอะ
ซูโหย่วเผิง : พอเรายิงปืนมันจะทำให้เราเหมือนกับกำลังอยู่ในความฝันเลย
ผู้สื่อข่าว : ดิฉันหวังว่า ไกวไกวหู่ จะเปลี่ยนไปเป็น ห้วยห้วยหู่ รายงาน
สถานีข่าว ต้ง
10
« เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2013, 01:51:16 PM »
[13/04/2013]
ผู้สื่อข่าว : (ซูโหย่วเผิงร่วมงานกับหลินอีเฉินเรื่อง “เถียนมี่ซาจี”)
ภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนที่มาถ่ายทำกันที่เมืองกาวสง กองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง
เถียนมี่ซาจี เมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้เดินทางไปที่เมืองกาวสง ถ่ายทำฉากภาพยนตร์ คราวนี้ได้ทั้ง
ซูโหย่วเผิง หลินอีเฉิน รับบทเป็นดารานักแสดงนำ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองได้ทำความรู้จัก
คุ้นเคย ก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกัน ซึ่งทาง หลินอีเฉินครั้งนี้เธอได้รับบทเป็นตำรวจหญิง
ต่อไปขอเชิญทางด้านผู้สื่อข่าวของเรากันเลยค่ะ
(ถ่ายทำ “ เถียนมี่ซาจี ” ซูโหย่วเผิง หลินอีเฉินร่วมงานกัน)
กองถ่ายภาพยนตร์เรื่องเถียนมี่ซาจี เดินทางไปถ่ายทำกันที่โรงพยาบาลที่เมืองกาวสง
นอกจากความพยายามด้านนักแสดง นักแสดงที่มากด้วยความสามารถ ทั้งที่เคยมีผลงาน
จากแผ่นดินใหญ่อย่างซูโหย่วเผิง และดารานักแสดงจากรางวัลจินจงอย่างหลินอีเฉิน
อีกด้วยดารานักแสดงสมทบอย่าง หลางจู่หยุน, อู๋จงเทียน ร่วมแสดงด้วย ทำเอาฉากนี้
คึกคักขึ้นมาเลยทีเดียว
ซ้อมละคร : อีกเทคนะค่ะ เริ่ม 3 2 1 action
ผู้สื่อข่าว : (ซูโหย่วเผิงรับบทเป็นตำรวจ ชักปืนเรียกเสียงฮา)
ซูโหย่วเผิงกับการทำงานที่แผ่นดินใหญ่มานาน จนกลับมาลงดาราจอเงินที่ไต้หวันอีกครั้ง
ภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้กับบทบาทที่ท้าทาย เป็นบทบาทภาพลักษณ์ของตำรวจทั้งกายและใจ
โดยทางบริษัทค่ายหนังในไต้หวัน คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มาทำงานร่วมกันในครั้งนี้
เพื่อความสมบูรณ์ของบทบาทตำรวจ ซูโหย่วเผิง ต้องซุ่มซ้อมกับบทการแสดง
เป็นอย่างหนัก เพื่อให้ตัวเองเข้าถึงตัวละครในบทนี้ ทว่าในการเข้าฉากบางครั้ง
ก็ยังมีภาพหลุดที่ทำเอาขำกันไม่หยุด
ซ้อมละคร : เริ่ม action
ซูโหย่วเผิง : ปืนมันลั่น ฮาฮา......
ผู้สื่อข่าว : นักแสดงคู่หูในเรื่องนี้ หลินอีเฉิน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เค้าทั้งสองได้มาแสดงร่วมกัน
กับภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวน และในครั้งนี้เธอมารับบทเป็นตำรวจสาว สาวแกร่ง
ถูกขนานนามว่าผู้มากด้วยเสน่ห์ อยากเจออะไรที่แปลกใหม่ท้าทาย ในครั้งนี้เธอก็ได้มา
ร่วมแสดงกับดาราในดวงใจของเธอสมัยเด็กอย่างซูโหย่วเผิง หลินอีเฉิน ยอมรับว่าคุ้ม
กับการรอคอย
หลินอีเฉิน : จริงๆแล้ว แต่ก่อนความประทับใจของพี่โหย่วเผิง ส่วนใหญ่จะเป็นผลงานด้านนักร้อง
แล้วความจริง ครั้งนี้มันก็ไม่มีอะไรเลยที่เหมือนกันเลย ในการร่วมงานกันด้านงานแสดง
แล้วในฉาก ในส่วนนี้ก็ กับตัวดิฉันเองก็มีความประทับใจมากเลยทีเดียว ดังนั้นในบางครั้งเนี่ย
เราก็จะพูดคุยกันเกี่ยวกับความคิดเห็นในเรื่องการแสดง
ผู้สื่อข่าว : ทุ่มทุน 400 ล้าน “ เถียนมี่ซาจี ” ถ่ายทำที่เมืองกาวสง ที่รวมบรรดาเหล่านักแสดง
รวมความแปลกใหม่ และเป็นภาพยนตร์ได้รับความสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง
จากสื่อและผู้ชมในปีนี้
เหลียน เห๋อ ป้าว , หลิว ซูเว๋ เซิ่ง รายงานจากเมืองกาวสง
11
« เมื่อ: เมษายน 09, 2013, 05:08:01 PM »
http://www.youtube.com/v/?v=vEuP_7Tj88Y[2/2/2013]
ผู้สื่อข่าว : เว็ป CCTV ตรุษจีนราตรี 2013 ในวันนี้เรามีโอกาสได้มาสัมภาษณ์ ซูโหย่วเผิง
ซูโหย่วเผิงค่ะ กล่าวทักทายแฟนรายการกันหน่อยค่ะ
ซูโหย่วเผิง : สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ ผมซูโหย่วเผิง
ผู้สื่อข่าว : ไม่ทราบว่า วันนี้คุณมาร่วมงานตรุษจีนราตรี 2013 คุณได้เตรียมการแสดงอะไรไว้ค่ะ
ซูโหย่วเผิง : วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองปีใหม่นะครับ ฮาฮา... เป็นเพราะเป็นงานราตรีปีใหม่นะครับ
เป็นงานที่ทุกคนได้ร่วมสนุกมีความสุขด้วยกัน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข
ผมจะเอาบทเพลงที่ทุกๆคนสามารถร่วมร้องได้ แล้วก็เป็นเพลงเข้ากับบรรยากาศด้วย
ผู้สื่อข่าว : แล้วอยากทราบว่า คุณจะร้องเพลงแนวคลาสสิคหรือเพลงเก่า ด้วยได้ไหมค่ะ
ซูโหย่วเผิง : ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ เพราะตรุษจีนราตรีนี้เค้าต้องการให้ผมร้องเพลงนี้
จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้มีตัวเลือกอะไรหรอกครับ ฮาฮา
ผู้สื่อข่าว : แล้วในปี 2013 ล่ะค่ะมีงานอะไรบ้าง
ซูโหย่วเผิง : ปี 2013 เหรอครับ ผมคิดว่าเป็นปีที่ค่อนข้างยุ่งมากเลยทีเดียว เพราะในปี 2012
ผมได้เริ่มลงมือเป็นผู้กำกับละครเอง เรื่อง ไม่รักก็อย่ามากวนใจ เอ๊ะ ใช่แล้ว
ยังเอามาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์จงยางนี้ด้วยล่ะ ใช่ ใช่แล้วล่ะครับ
ในปี 2013 จะเริ่มออกอากาศให้ได้ชมกัน ทำงานมาตอนนี้ค่อนข้างสนุกเลยทีเดียวครับ
ในปี 2013 นอกจากงานด้านการแสดงแล้ว ถ้ายังมีอะไรผมคงได้มาบอกกันอีกทีหลัง
แล้วกันนะครับ
ผู้สื่อข่าว : พวกเราจะตั้งหน้าตั้งตารอกันนะค่ะ เรามาอวยพรท่านผู้ชมกันสักเล็กน้อยดีกว่าค่ะ
ซูโหย่วเผิง : ครับ ขอให้ท่านผู้ชมทุกท่าน เพื่อนๆทุกคน ทุกๆครอบครัว มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง
สุขสันต์วันปีใหม่ครับ
12
« เมื่อ: เมษายน 09, 2013, 04:49:38 PM »
http://www.youtube.com/v/?v=N0mu4ZknoZg[16/1/2013]
ผู้สื่อข่าว : เสียงเพลงของวงเสี๋ยวหู่ตุ้ยนะครับ เป็นเพลงสำหรับคนที่เกิดช่วงปี 70 หรือปี 80
อย่างผมนี่แหละครับ แล้วในวันนี้นะครับ ซูโหย่วเผิงได้เดินทางไปที่ซีอัน
มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าตัวหนึ่ง มาถึงวันนี้เป็นที่ถามถึงกันมากเลยนะครับ
ของการกลับมารวมวงอีกครั้งของเสี๋ยวหู่ตุ้ย
(หยาง หาร รายงาน) (ซูโหย่วเผิงมาที่ซีอัน)
(ข้อถกเถียงกัน “วงเสี๋ยวหู่ตุ้ย” ยากที่จะกลับมารวมวง งานยุ่งและไม่รีบแต่งงาน)
: สัมภาษณ์ซูปเปอร์สตาร์ที่ในวันนี้มากไปด้วยมาดแมนอย่าง ซูโหย่วเผิง ที่ทำให้ใคร
หลายหลายคนได้กรี๊ดกัน หลังจากงานเสร็จสิ้น ซูโหย่วเผิงยังอยากที่จะลองพูดภาษาซ่านซี
ถึงแม้ว่าทางผู้สื่อข่าวของเรา จะอยู่ในการควบคุมของทางผู้กำกับ แต่ทางซูโหย่วเผิงเอง
อยากที่จะพูดภาษาซ่านซีทักทายแฟนๆ
ซูโหย่วเผิง : ผม ซูโหย่วเผิง (ผมดีใจที่ได้มาที่นี่) ผมดีใจที่ได้มาที่นี่ (มาพบกับทุกๆคน) มาพบกับทุกๆคน
ตอนนี้ผมกำลังถ่ายเรื่อง.....ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ซื่อต้าหมิงปู่ ของทางผู้กำกับ
เฉิน เจีย ซ่าง ก็ใกล้จะปิดกล้องแล้ว เสร็จจากเรื่องนี้ก็ยังมี.....งานตรุษจีนราตรี
ก็จะได้ไปร่วมฉลองงานปีใหม่ที่บ้านด้วย
สำหรับปีหน้าที่จะถึงนี้เหรอครับ เพิ่งจะเริ่มทดลองงาน งานด้านผู้จัดละคร มันค่อนข้าง
ที่จะน่าสนใจทีเดียว ในปี 2013 นี้ ก็คงต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไว้ด้านนี้
ปีนี้คงยังมี โครงการเพลง เมื่อถึงเวลานั้นแล้วถ้าหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี คงจะได้
มาหาทุกคนที่ซีอัน มาเจอกันในนามของมิตรรักแฟนเพลง
ผู้สื่อข่าว : ในตอนนี้มีภาพจากทางอินเตอร์เน็ตได้นำมาโพส์ตใหม่ ของวงเสี๋ยวหู่ตุ้ย ที่ทุกคนหวังจะให้
กลับมารวมกันอีกครั้ง โหย่วเผิง บอกกับเราเรื่องของเวลาที่ไม่เคยตรงกัน
ปีนี้ที่จะกลับมารวมกันคงจะยาก
ซูโหย่วเผิง : มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้ งานแสดงคอนเสิร์ตของวงเสี๋ยวหู่ตุ้ย ตอนนี้ทาง
บริษัทค่ายเพลง กำลังอยู่ในช่วงประสานงานกันอยู่ เพราะว่าสิ่งที่ต้องพิจารณากัน
มันมีอีกมากมายเลย พวกเราคงต้องขอยืดเวลาตรงนี้ออกไปก่อนนะครับ
คิดว่าในปี 2014 คงจะเป็นที่เรียบร้อย
ผู้สื่อข่าว : แน่นอนค่ะว่าสิ่งที่มวลชนมากมายต่างให้ความสนใจนั่นคือทุกๆอย่างที่เป็น ซูโหย่วเผิง
ซูโหย่วเผิง : คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าทุกๆคนจะให้ความสนใจมากมาย กับชีวิตส่วนตัวของผมมากขนาดนี้
ฮาฮา.... ผมไม่ใช่กลุ่มคนที่ต่อต้านการแต่งงานครับ ผมค่อนข้าง.....ผมไม่ค่อยรีบนะครับ
เรื่องแต่งงาน ผมหวังว่าเค้าคนนั้น ( คู่ชีวิต ) ไม่อยากให้มีงานที่ยุ่งเหมือนผมเลย ฮาฮา....
ยังหวังว่ามีอะไร..... ( คนรู้ใจ ) เป็นคนที่คอยให้การสนับสนุน ให้การเกื้อหนุนผมครับ
ผู้สื่อข่าว : สถานีข่าวรายงาน
13
« เมื่อ: มีนาคม 30, 2013, 06:19:04 PM »
http://www.youtube.com/v/?v=h85CpO2v2aw[28/2/2013]
ผู้สื่อข่าว : (หลี่เจินเจิน ผู้สื่อข่าว) ไม่กี่ปีมานี้ภาพยนตร์ในประเทศเราได้รับความนิยม ซึ่ง หลินอี้เฉิน
ได้ร่วมงานกับ ซูโหย่วเผิง ที่ไม่ได้ทำงานที่บ้านเกิดตัวเองมาสิบกว่าปี
ได้มาร่วมงานกันเป็นครั้งแรก
(ถ่ายทำภาพยนตร์ที่ไต้หวัน เป็นครั้งแรกที่หลินอี้เฉินกับซูโหย่วเผิงได้มาร่วมงานกัน)
ครั้งแรกกับการร่วมงานแสดงด้วยกัน ซูโหย่วเผิงยังบอกอีกว่าเป็นอะไรที่รอคอยมานานแล้ว
แล้วยังบอกอีกนะค่ะว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะแสดงผลงานเพื่อเข้าชิงรางวัลก็เป็นได้
เค้าคิดว่าการที่ได้ทำงานกับ หลินอี้เฉิน เป็นอะไรที่โชคดีมากๆ หลินอี้เฉิน, ซูโหย่วเผิง,
หลางจู๋ย, เหลิ๋ยหง เหล่าบรรดานักแสดงชั้นนำที่ร่วมแสดงกันในภาพยนตร์เรื่อง (เถียนมี้ซาจี)
ซูโหย่วเผิง : เอ่อ...ขอฝากตัวด้วยครับ
ผู้สื่อข่าว : พระเอก ซูโหย่วเผิง ที่ห่างหายจากวงการหนังในไต้หวันมาสิบปีกว่า ครั้งนี้เค้าได้กลับมา
รับงานที่บ้านเกิดของตัวเอง คราวนี้ได้มาร่วมงานกับ หลินอี้เฉิน มารับบทตำรวจคู่หูกัน
(10 กว่าปีที่ห่างหายจากวงการ ซูโหย่วเผิง ได้มาร่วมงานกับ หลินอี้เฉิน เป็นครั้งแรก)
ซูโหย่วเผิง : (นักแสดงนำ ซูโหย่วเผิง) ชอบ อี้เฉิน มาก แล้วก็ครบรอบ 50 ปีม้าทองปีนี้ด้วย
ผมหวังว่าเราสองคนจะพยายามทำหนังเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แล้วก็ อี้เฉิน
เป็นคนที่นำโชคมากเลยนะ ผมเฝ้ารอคอยมานานมาก
หลินอี้เฉิน : (นักแสดงนำ หลินอี้เฉิน) ไงก็ พวกเราจะพยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ค่ะ
อาจเป็นเพราะเรายังไม่ค่อยคุ้นเคยกันสักเท่าไหร่ เพราะเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง
แต่ฉันเชื่อนะค่ะว่า พอไปถึงที่นั้นแล้วค่อยบอกอีกทีได้มั้ย? ( ได้สิ มันได้อยู่แล้ว )
ผู้สื่อข่าว : (ภาพยนตร์ใหม่ หลินอี้เฉิน ซูโหย่วเผิง ยังปิดละครไว้เป็นความลับ)
วันที่ 2 มีนาคมนี้ จะได้ฤกษ์เปิดกล้องภาพยนตร์ประจำประเทศ หลินอี้เฉิน
กับบทบาทที่ท้าทายที่เธอยังไม่เคยได้รับบทมาก่อน นอกจากนั้นด้านพอทของ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ วันเปิดกล้องทางผู้จัดได้สั่งกำชับให้อุ๊บไว้ก่อน เพราะเกรงว่า
ถ้าพูดอะไรไปภาพยนตร์ก็หมดสนุกกันสิค่ะ
เหลิ๋ยหง : (นักแสดง เหลิ๋ยหง) ตั้งตารอกันนะครับ ( คุณรับบทเป็นผู้จัดการธนาคารคุณก็พูดได้ )
ผู้กำกับครับ คุณช่วยพูดหน่อยจะได้มั้ย
ผู้สื่อข่าว : (ซูโหย่วเผิงถ่ายทำหนังแนวใหม่ที่ไต้หวัน ผู้กำกับป้าวเลือกบทบาทได้อย่างน่าสนใจ)
ภาพยนตร์แนวใหม่ ที่ทางผู้กำกับให้เหตุผลที่เลือก ซูโหย่วเผิง ได้อย่างน่าสนใจ
ซูโหย่วเผิง : ผมคิดว่าสุดท้ายแล้วรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้กลับมาในครั้งนี้ แต่ผลสุดท้ายผู้กำกับ
บอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เพราะสิ่งแรกคือในประเทศเราอ่ะ ยังไม่มี ยังไม่มี
นักแสดงรุ่นลุงเลย ฮาฮา... ดีที่ยังมีตำแหน่งนี้ว่างพอดีเลย คุณจะกลับมาช่วยงานได้มั้ย
ผู้สื่อข่าว : (ถ่ายหนังแนวใหม่ ซูโหย่วเผิงเป็นดารารุ่นลุง)
ถูกเรียกว่าลุง ซูโหย่วเผิงไม่เคยคิดที่จะแคร์มันเลยสักนิด เพราะได้กลับมา
ถ่ายหนังที่บ้านเกิด ได้กลับมาหาเพื่อนฝูง และได้อยู่กับคนในครอบครัว
กลับมาถ่ายหนังคราวนี้ นี่คือสิ่งที่เค้าคิดไว้ว่าอยากจะทำมัน
เฉิน ฮุ่ย เหวิน, เย่ เยี่ยน เซิง สถานนีข่าวไต้หวันรายงาน
14
« เมื่อ: มีนาคม 22, 2013, 06:14:32 PM »
http://www.youtube.com/v/?v=oZ0uTCMzrvY[2/2/2013]
บรรยาย : ชายต้นแบบ Men’s Joker
นายแบบประจำปี 2013 เดือนกุมภาพันธ์ < ชายต้นแบบ Men’s Joker >
ซูโหย่วเผิง ( อักษรสีแดง )
ซูโหย่วเผิง : ผมคิดว่า ผมอยากจะใส่เสื้อที่ใส่แล้วเคลื่อนไหวสบายใส่แล้วสบายตัวได้ทั้งวัน
ถ้าหากว่าต้องเป็นทางการในการทำงาน ก็คงต้องเป็นเสื้อผ้าที่ค่อนข้างออกจะเป็น
ทางการสักนิดนึง แต่ในความเป็นทางการนั้นก็ แต่ความเป็นจริงแล้วผมก็...ยังค่อนข้าง...
ค่อนข้างที่จะทำตัวสวนกระแสสักหน่อยและผมยังไม่ชอบทำอะไรตามใครสักเท่าไหร่ด้วยครับ
ดังนั้นถ้าจะหาอะไรที่เหมาะกับผมซึ่งมันคงต้องตามหากันต่อไป
ที่สิ่งนั้นจะเต็มไปด้วยความน่าสนใจ มันอาจจะมีอะไรที่ดูแปลกและดูขัดขัด
หรืออาจจะเป็นสินค้าที่ค่อนข้างก้าวกระโดด หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์
ที่มีคุณค่าอยู่ในนั้น มันจะทำให้ผมคิดว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว
: ผมคิดว่าทุกๆคนคงต้องดูความเป็นตัวเองให้ออกครับ
(# อะไรคือความทันสมัย # : อักษรสีฟ้า) แล้วก็ยังต้องดูวัยและอายุของตัวเองด้วย
เพราะว่าทุกๆคนล้วนแล้วแต่มีบุคลิกเป็นของตน รวมถึงนิสัยของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นแล้วของที่เหมาะหรือถูกใจก็ต้องไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้คุณต้องลงทุน
เสียเวลาในการที่จะค้นหามัน ต้องกล้าที่จะเสียเงินเพื่อเรียนรู้มัน เมื่อซื้อของที่มันไม่ใช่แล้ว
คุณก็จะได้เริ่มมีข้อคิดให้กับตัวเอง
: การเป็นต้นแบบ (# อะไรคือชายต้นแบบ # : อักษรสีฟ้า)
ผมคิดว่าคุณต้องมีบุคลิกลักษณะเด่นที่เป็นตัวคุณก่อนนะครับ มีลักษณะพิเศษเป็นของตัวเอง
มีมุมมองของตัวเองและไม่ใช่ที่จะทำตัวตามกระแส แล้วผมคิดว่านอกจากทั้งหมดนี้แล้ว
จะต้องมีร่างกายและใจที่เข้มแข็งด้วยนะ ฮาฮา.....ร่างกายต้องแข็งแรง
แล้วก็เป็นคนที่เริ่มที่จะรู้จักพอเพียง ผมคิดว่าเพียงเท่านี้
คุณก็จะสามารถแสดงความมีเสน่ห์ในตัวคุณออกมาได้อย่างเต็มที่
บรรยาย : กุมภาพันธ์นี้ เชิญพบกับ...... ชายต้นแบบ Men’s Joker
15
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2013, 03:57:45 PM »
http://www.youtube.com/v/?v=s0YDDNMT1LI
[17/1/2013]
ผู้สื่อข่าว : กลับมาอีกครั้งกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ตั้งแต่เปิดกล้องถ่ายทำ
กันนะครับ ก็ได้รับเสียงกระแสตอบรับจากประชาชน และสื่อมวลชนไม่น้อยเลยนะครับ
ทำให้ทางรายการ ท่านปานซิน ของเราสืบทราบมาว่า ในกองถ่ายกับสามดารานักแสดงนำ
ที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ
อักษรชมพู
ซูโหย่วเผิง : ไม่เจอกันตั้งนาน คุณนี่ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะเนี่ย
เจี่ยจิ้งเหวิน : คุณก็เหมือนกัน
ซูโหย่วเผิง : อีกแป๊ปเราไปกินข้าวด้วยกันนะ
เจี่ยจิ้งเหวิน : ฉันเชื่อคุณค่ะ
ผู้สื่อข่าว : การกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของเจี่ยจิ้งเหวินและซูโหย่วเผิงนั้น ถือเป็นโอกาสดี
ที่ทั้งสองนั้นคิวงานว่างตรงกันอย่างพอดิบพอดี ซึ่งการมาร่วมงานกันในครั้งนี้
ทั้งสองคนก็ได้เตรียมความพร้อมมาเต็มที่ และไม่ลืมที่จะร่วมกันรื้อฟื้นความทรงจำ
ครั้งเมื่อ 10 ปีก่อน
เตี่ยเมี่ยง : หัวอกของผู้หญิงน่ะ คุณไม่มีวันที่เข้าใจหรอก ให้เค้าได้ระบายมันออกมาบ้างเถอะ
เจี่ยจิ้งเหวิน : ใช่ค่ะ, พวกเราดีใจมากๆเลยค่ะ แล้วความรู้สึกนี้มันก็ยังรู้สึกคุ้นเคยกับมันด้วยค่ะ
เพราะมันนานมากแล้วที่ไม่ได้พูดคุยกันเสียงดังๆในห้องแต่งตัว แล้วก็ยังคง
คิดถึงมันอยู่ตลอด
ซูโหย่วเผิง : มันยังต้องใช้ความพยายามมากกว่าจินตนาการ มันก็ใช่นะครับ ที่ทุกๆคนได้กลับมา
เจอกันอีกที่ห้องแต่งตัว (แถบอักษร : ซูโหย่วเผิง) แล้วความรู้สึกนั้นมันกลับไม่เหมือนเดิม
และผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผมไม่คุ้นเคยกับมัน
ผู้สื่อข่าว : ปี 2002 ภาพยนตร์เรื่องดาบมังกรหยก นำแสดงโดย ซูโหย่วเผิง, เจี่ยจิงเหวิน และ
หยวนหยวน เรื่องที่น่าเสียดายก็คือเป็นเวลากว่า 10 ปี ที่พวกเค้าไม่ได้มาร่วมงานกัน
ภาพยนตร์เรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า โฉมใหม่นี้ ได้ดีกรีจากนักแสดงชั้นนำมากมาย
ร่วมแสดง ในการถ่ายทำภาพยนตร์นั้น ก็มักที่จะพบกับความลำบากใจในการถ่ายทำ
อยู่ไม่ใช่น้อย
อักษรสีชมพู
เกาหยวนหยวน : ถ่ายหน่อย ถ่ายหน่อย เลือกภาพที่สวยที่สุดแล้วก็ส่งให้แฟนเราดูสักหน่อยดีกว่า
เจี่ยจิ้งเหวิน : คนเยอะแยะกำลังจ้องมองเราอยู่นะ
เกาหยวนหยวน : ไม่ต้องกลัว
ผู้สื่อข่าว : เธอคนนั้น (เกาหยวนหยวน) มีบ้างไหมที่มาชวนพวกคุณสองคนคุยเล่นกัน
ซูโหย่วเผิง : พูดคุยเล่นกันก็มีบ้างนะครับ พวกเค้าสองคนจะเป็น “คู่กัดตลอดกาล” กันอยู่แล้ว
(อักษรสีชมพู : “คู่กัดตลอดกาล”) ก็คงพูดคุยอะไรกันไม่มากแหละ
ผู้สื่อข่าว : เป็นเวลานานพอสมควรที่พวกเค้าไม่ได้ร่วมงานด้วยกัน จนถึงวันนี้มันก็ยังคงอยู่ใน
ความทรงจำของเราทุกคน เวลากว่า 10 ปีพวกเค้าก็ยังไม่เปลี่ยน ถึงแม้ว่า
ในเวลานั้นจะมีเรื่องอันเป็นวีรกรรมก็ตามที
เจี่ยจิ้งเหวิน : ฉันคิดว่าในเวลานั้น (แถบอักษร : เจี่ยจิ้งเหวิน) ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างแซบ
พอดูเลย (อักษรสีชมพู : ตัวแซบ) ถ้าพวกคุณได้เห็นภาพทะเล้นๆ ที่ได้โพส์ตลง
ทางเว็ปไซต์อ่ะค่ะ
(แถบอักษร : ภาพ เกาหยวนหยวน “ทำหน้าทะเล้น”) (อักษรชี้ : เกาหยวนหยวน)
ซึ่ง เกาหยวนหยวน และฉัน ก็พูดถึงเรื่องนี้มานานพอสมควร นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นภาพแรก
เป็นภาพที่ทำหน้าตาหน้าเกลียดที่สุดเลยก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ
ถูกฉันที่เป็นคน “เอาไปแฉ” ด้วยแหละค่ะ
16
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2013, 03:37:54 PM »
http://www.youtube.com/v/?v=lMV-wFFx6kU
[15/1/2013]
ผู้สื่อข่าว : 17 มกราคมที่ผ่านมา ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า เกาหยวนหยวน
ซูโหย่วเผิง 10 กว่าปีกับการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง
(แถบอักษร : ซูโหย่วเผิงแอบเม้าส์ว่าในตอนนั้น เกาหยวนหยวน “ยังไม่ค่อยเป็นงาน”)
ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ 3 ดารานักแสดงสบทบ เมื่อ 10 ปีก่อนในภาพยนตร์
เรื่องดาบมังกรหยก ทั้ง เกาหยวนหยวน, ซูโหย่วเผิง, เจี่ยจิ้งเหวิน ที่ทั้งสามกลับมา
ร่วมงานกันอีกครั้ง ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เกาหยวนหยวน รับบทเป็นเทพธิดาผู้พี่
ซูโหย่วเผิง รับบทเป็น อู๋หยาจื่อ และเจี่ยจิ้งเหวิน รับบทเป็น หลี่ชิวสุ่ย
ในระหว่างการถ่ายทำที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยของทั้งสามคน แต่สักนิดนึงพวกเค้าก็
ไม่ได้แสดงออกเลยว่า พวกเค้านั้นเหน็ดเหนื่อยกันมากแค่ไหน ซึ่งเมื่อห่างหาย
จากการร่วมงานกันไปนาน อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเหมือนทั้งเพื่อนและคนใกล้ชิดที่รู้ใจ
และเมื่อทั้งสามได้เวียนมาพบกันดูเหมือนว่าจะมีความสุขมากเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าจะไม่มีบทมากมายเท่าใด ก็อาจะทำให้ใครหลายหลายคนผิดหวังกันไม่ใช่น้อย
ถึงแม้ว่าในฉากนี้จะไม่มีบทที่ต้องแสดงอะไรแล้ว งั้นเรามาพูดคุยกันถึง
เมื่อ 10 ปีก่อนกันดีกว่า
ซูโหย่วเผิง : ผมกับความประทับใจต่อ หยวนหยวน ก็มีเยอะนะครับ เพราะว่า หยวนหยวน อืม.......
(แถบอักษร : ซูโหย่วเผิง) ตอนนั้นเค้าก็ยังถือได้ว่ายังเป็นดาราใหม่อยู่นะครับ
หนังที่ถ่ายก็ ยังถือว่าเป็นเรื่องแรกของเค้าเลยก็ว่าได้ ซึ่งตอนนั้นเค้าก็ยัง
ไม่ค่อยชำนาญสักเท่าไหร่น่ะครับ ทุกคนคงจะทราบกันดีนะครับ ว่าเค้าแสดงเป็น
เรื่องแรก และใจอาจจะยังไม่ได้ชอบงานแสดงด้านนี้ แล้วอาจจะคิดว่าเป็นแค่
ดาราสมัครเล่น แล้วก็ทางด้านผู้กำกับ, ทางทีมงาน, และรวมถึงดารานักแสดงรุ่นพี่
ก็คิดว่าเอ๊ะ บุคลิกความสามารถของน้องเค้าเนี่ย ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกไกลเลยนะเนี่ย
แต่น้องเค้าก็ยังเอ๊ะ ยังดูเหมือนว่าไม่ค่อยกระตือรือร้นสักเท่าไหร่
แล้วบางครั้งน้องเค้าจะเอาข้าวโพดที่คุณแม่เค้าต้มมาให้จากบ้าน อ่ะ พี่โหย่วเผิง
ฉันให้พี่ลองชิมข้าวโพดจากปักกิ่งดูค่ะ ในตอนนั้นน้องเค้า ค่อนข้างที่จะ... ค่อนข้าง...
ดูเป็นผู้ใหญ่เลยทีเดียว มันก็ยังไม่... ถึงกับดูแก่ขนาดนั้นนะครับ แล้วก็ด้านการแสดง
ซึ่งน้องเค้ายังไม่ได้มีความคิดเห็นใดๆเลยเกี่ยวกับตรงนี้ เลยคิดว่าเอ๊ะ
น้องเค้านี่ออกจะเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนต่อโลก
ผู้สื่อข่าว : ซึ่งทั้งสามคนในตอนนี้ถ้าจะให้เทียบกับเมื่อ10 ปีก่อน แต่ละคนงานก็ค่อนข้างเยอะ
ไม่ง่ายเลยที่ทั้งสามคนจะมีตารางงานที่ว่างลงล็อคกันได้ขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะ
ไม่มีบทพูดด้วยกันในหนังก็ตามที มันคงจะสร้างความเสียใจให้กับท่านผู้ชมไม่ใช่น้อย,
ใช่ไหมล่ะค่ะ
สถานนีข่าว โยวคู่ รายงาน
17
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2013, 02:56:16 PM »
http://www.youtube.com/v/?v=W3YuTDM0AEk
[15/1/2013]
ผู้สื่อข่าว : ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ดารานักแสดงสบทบ 3 ท่าน อย่าง ซูโหย่วเผิง, เกาหยวนหยวน,
เจี่ยจิ้งเหวิน กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า
(แถบอักษร : เจี่ยจิ้งเหวิน (แปดเทพอสูรมังกรฟ้า) ยินดีต้อนรับเกาหยวนหยวนมาเป็นสะใภ้ไต้หวัน)
และในวันนี้กองถ่ายได้ถ่ายทำฉากที่ ซูโหย่วเผิง, เกาหยวนหยวน, เจี่ยจิ้งเหวิน
เป็นฉากที่ทั้งสามคนต้องแสดงร่วมกัน ซึ่งเป็นฉากที่ค่อนข้างไม่ง่ายเลย
แต่ความกดดันในการทำงานนั้น กับทั้งสามคนก็ไม่ได้เป็นที่น่ากังวลใจแต่อย่างใด
ถ้าจะให้พูดถึงประสบการณ์ด้านการแสดงของทั้งสามคน คงเป็นเรื่องที่
อาจเล่าให้จบได้ในวันเดียว เราไปดูด้านสองสาวนักแสดงของเรากันดีกว่า
เจี่ยจิ้งเหวิน : คิดดูแล้วกันเดินคุยกันมาตั้งนาน ดูสิว่าฉันน่ะหันหลังกลับไปบ้างยัง
ผู้สื่อข่าว : เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี ทั้ง 3 ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย ซึ่งทางซูโหย่วเผิงและ
เจี่ยจิ้งเหวิน ได้หวนย้อนไปถึงเมื่อก่อนที่ทั้งสองได้เคยร่วมงานกันมาตั้งหลายเรื่อง
เจี่ยจิ้งเหวิน : ก็ตอนนั้นที่โหย่วเผิงถ่ายทำหนังเรื่องนั้นนะค่ะ ที่ทำให้ประทับใจที่สุดเลยก็คือ
แล้วเค้าก็ถามฉันว่าตอนไหนเหรอ ฉันก็ตอบเค้าไปว่า ก็ตอนที่เธออยู่ในกองถ่าย
แล้วก็ได้ ได้.....ได้ ด่าแมลงวันไง อิอิ.... ฉันพูดกับเค้าว่าในการถ่ายหนังเรื่องนั้น
มันเป็นอะไรที่ยากจะลืมเลือนเลยจริงๆ เพราะหน้าร้อนที่นั่นมันร้อนมากๆ
และตอนที่เราทานข้าวกันอยู่นั้น รอบๆจะรายล้อมไปด้วยแมลงวันเลยค่ะ
ประกอบกับฉันที่เป็นผู้หญิงด้วยมั้ง จึงเกิดอาการรับไม่ได้อ่ะค่ะ ซึ่งแมลงวัน
มันก็เยอะมากเลยจริงๆค่ะ เลยคิดว่ามันเป็นอะไรที่พอกลับมาเล่าใหม่แล้ว
รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ขำดี
ซูโหย่วเผิง : ตอนนั้นเค้าก็ถือได้ว่าเป็นดาราหน้าใหม่เลยทีเดียวล่ะครับ ยังใหม่กับการถ่ายละครโทรทัศน์
อยู่น่ะครับ แล้วหลังจากนั้น..ก็ได้มาแสดงพวกเรื่องอภินิหารนะครับ แต่เรื่องจาก
อภินิหารเทพในตอนนั้น ด้านการแสดงยังออกจะไม่ค่อยชำนาญสักเท่าไหร่
ทุกคนคงเข้าใจกันนะครับว่า เพิ่งได้แสดงเป็นเรื่องแรก แล้วใจยังอาจจะยังไม่ได้ชอบ
ในด้านนี้ อาจจะคิดว่าเค้าเป็นแค่ดาราสมัครเล่น แล้วไม่ว่าจะเป็นทาง ผู้กำกับ,
ทางทีมงาน, และยังรวมถึงดารานักแสดงรุ่นพี่ คิดว่าเอ๊ะ บุคลิกความสามารถ
ของน้องเค้าเนี่ย มันยังสามารถที่จะพัฒนาได้อีกไกลเลยนะ แต่น้องเค้าก็ยังเอ๊ะ
ยังดูเหมือนไม่ค่อยกระตือรือร้นอะไรสักเท่าไหร่เลย
แล้วบางครั้งที่มากองถ่าย จะต้องพกข้าวโพดที่คุณแม่เค้าเป็นคนต้มให้มาจากบ้าน
อ่ะ พี่โหย่วเผิงฉันให้พี่ลองชิมข้าวโพดจากปักกิ่งดูค่ะ ผมคิดว่าน้องเค้า ค่อนข้างที่จะ.....
ค่อนข้าง..... ดูเป็นผู้ใหญ่เลยทีเดียว แต่ก็ยังไม่........ถึงกับว่าดูแก่ขนาดนั้นนะครับ
แล้วก็กับด้านการแสดงซึ่งน้องเค้า ก็ไม่ได้มีความคิดใดๆเลยเกี่ยวกับตรงนี้
เลยคิดว่าเอ๊ะ น้องเค้าออกจะดูเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนต่อโลก
ผู้สื่อข่าว : ทางด้านเจี่ยจิ้งเหวินที่ได้แต่งงานแล้วมาใช้ชีวิตที่ไต้หวัน กับดาราไต้หวันที่กำลังพลิกตนเอง
มาเป็นผู้จัดอย่างซูโหย่วเผิง คิดไม่ถึงเลยนะค่ะว่า ในอนาคต เกาหยวนหยวน
อาจจะได้ผลันตัวเองมาเป็นสะใภ้ไต้หวัน
: รู้หรือไม่ค่ะว่าตอนนี้เนี่ย เกาหยวนหยวน ได้รับฉายาว่าว่าที่สะใภ้ไต้หวัน
ซูโหย่วเผิง : ก็ยังไม่ได้แต่งนิ ไม่ต้องมาบังคับผมให้ตอบเลย ผมไม่รู้ ฮาฮา.......
เจี่ยจิ้งเหวิน : อ๋อ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยินดีต้อนรับเลยค่ะ แล้วมันก็ดีเสียอีกนะที่ฉันคิดว่า ขอบคุณค่ะขอบคุณ
ผู้สื่อข่าว : สถานีโทรทัศน์ โซฮู รายงาน
18
« เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 04:52:46 PM »
http://www.youtube.com/v/?v=MKbgfJsxhM8
[3/1/2013]
บรรยาย : "ไม่รักก็อย่ามากวนใจ”
ลู่ซีนั่ว : มีผู้หญิงบางคน เพียงเพื่อให้ได้มาเพื่อความสุขสบาย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
เธอก็ยอมที่จะทำมันเพื่อให้ได้มันมา
หลิวหลิน : เธอมีชื่อว่า หลิวหลิน เป็นผู้หญิงที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน การแต่งงานเนี่ย
เป็นเรื่องอะไรที่ใหญ่โตขนาดนั้น ถ้าหากตัดสินใจสุ่มสี่สุ่มห้าไป แล้วทำไม
ไม่รอให้แน่ใจซะก่อนล่ะ
ชาย : ถ้าหากคุณยังอยู่เป็นโสดอย่างนี้ต่อไป งั้นก็รีบหาแฟนสักคนสิ
หลิวหลิน : ถ้าจะให้ยึดตามสถิติจากเว็ปไซต์นะ รายได้ของผู้ชายน่ะเป็นสี่เท่าของผู้หญิงเลย
ทีเดียวเชียว อย่างนี้ถึงจะเรียกได้ว่ามีความมั่นคงในชีวิต
ชาย : เงินเดือนผมถ้ารวมสองแรงแล้ว เพิ่งจะแค่หมื่นสองพันกว่าหยวนเท่านั้นเอง
หลิวหลิน : แล้วถ้าหากว่าสามีเราหน้าตาไม่ดี มันต้องส่งผลกระทบต่อลูกหลานเราแน่ๆเลย
ชาย : ผมหัวล้านแล้วคุณจะทำไมผมล่ะหา !
เฉินสู้เฟิง : แล้วเรื่องการตีตลาดที่กับกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานน่ะ ซีนั่ว เค้าร่วมด้วยกันกับ
อุดมการณ์ของพวกคุณด้วยหรือเปล่า
ลู่ซีนั่ว : อยู่ตัวคนเดียวมันก็สบายดีอยู่แล้ว แล้วทำไมผู้ชายอย่างผม ต้องเสียเงินเพื่อไปสู่ขอ
ผู้หญิงด้วยเล่า พอกลับมาถึงบ้านก็จะต้องบ่นเป็นต่อยหอยไม่หยุดเนี่ยนะ
เพื่อที่จะก้าวไปสู่นักธุรกิจสมองเปรื่อง ไอ้เรื่องประเภทที่ต้นทุนก็ไม่ได้คืน
แล้วยังต้องทำลายชีวิตคนอื่นอีกเนี่ย คุณคิดว่าคนอย่างผมกล้าทำมั๊ยล่ะ ผม ลู่ซีนั่ว
หลิวหลิน : ตั้งแต่ฉันเกิดมายังไม่เคยเจอคนอะไรหลงตัวเองได้เท่าคุณมาก่อนเลย
: ฮัลโหลค่ะ ขอโทษนะค่ะ นี่คือคุณลู่ใช่มั้ยค่ะ
ลู่ซีนั่ว : ทำไมโลกมันชั่งกลมได้เสียนี่กะไร
หลิวหลิน : ทำไมโลกมันชั่งกลมเสียจริงๆ
ลู่ซีนั่ว : ครั้งที่แล้วผมยังไม่ได้คิดบัญชีกับคุณเลย
หลิวหลิน : ว้าย ! คุณขับรถยังไงของคุณเนี่ยหา !
ลู่ซีนั่ว : ผมก็ใช้มือของผมขับไงเล่า เออจริงสิ แล้วก็ยังมีขาของผมด้วย
หลิวหลิน : คุณมันยังเป็นคนอยู่หรือเปล่าหา !! มันต้องให้รู้ซะบ้าง ว่าใครเป็นใคร
ลู่ซีนั่ว : หลิวหลิน มาพบผมหน่อย
หลิวหลิน : ฉันไม่รู้จริงๆว่าที่นี่เป็นบริษัทของคุณ
ลู่ซีนั่ว : ที่ทุกๆเดือนคุณได้เงินเดือนจากผม มันก็เท่ากับว่าผมน่ะออกตังค์มาให้คุณใช้
หลิวหลิน : คุณอย่าคิดนะว่าคุณน่ะเป็นผู้จัดการ แล้วจะมาบีบบังคับฉัน ให้ก้มหัวเคารพนอบน้อม
คนอย่างคุณได้
ลู่ซีนั่ว : คนอย่างคุณเนี่ยมันไม่รู้จักกาลเทศะ
หลิวหลิน : คนอย่างฉันฆ่าได้ หยามไม่ได้ ฉันผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งสามสิบกว่าปี
ลู่ซีนั่ว : สำรวมหน่อยสิคุณ ถึงอย่างไรผมได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการของคุณ
หลิวหลิน : พูดจาชักแม่น้ำทั้งห้า
ลู่ซีนั่ว : คุณจะให้ความยำเกรงผมสักหน่อยบ้างจะได้มั้ย
: ไหนเรามาลองทำตัวเหมือนเพื่อนทำกับเพื่อนหน่อยจะได้มั้ย
หลิวหลิน : ฉันไม่ได้เป็น โมนาลิซ่า ที่จะต้องมาคอยส่งยิ้มให้กับทุกๆคน ทุกเวลาอย่างนั้นนะ
: ลู่ซีนั่ว คุณจะหยุดปั่นหัวฉันสักทีจะได้มั้ย
: เรื่องระหว่างฉันกับเค้า ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
ซู ยูเว่ : ถ้าจะให้ฉันพูดนะ ผู้ชายอย่าง ลู่ซีนั่ว นะ ยังไงก็ต้องถูกเค้าจับกินแน่เลย
หยางหยาง : ให้ฉันได้พูดบ้างสิ ฉันว่า ซู ยูเว่ ก็ฟังดูเข้าทีอยู่เหมือนกันนะ เย่
หลิวหลิน : ไม่มีจิตไม่มีใจอะไรทั้งนั้นล่ะ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดเนี้ย เธอยังจะไม่คิดที่ช่วยพูดอะไรบ้าง
เลยเหรอ
เฉินสู้เฟิง : นับแต่นี้ไป เธอคือภรรยาของผม หยาง หยาง ผมรักเค้า แล้วเค้าก็รักผม
เราสองคนใจตรงกัน
หลิวหลิน : ไม่ต้องมาเฉไฉเลย คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ อยู่ตัวคนเดียว บ้านออกจะใหญ่โตอย่างนี้
อยู่แบบโดดเดี่ยว เดียวดาย อย่างนี้น่ะเหรอ
เฉินเผิง : เมื่อผมได้เห็นหน้าคุณ มันเหมือนกับว่ามีภรรยาคู่ใจมาคอยดูแลผมอย่างไงอย่างงั้น
ิ หัวใจผมมันพองโต
หลิวหลิน : พี่ก็เป็นผู้หญิง พี่ก็ต้องรู้สิจ๊ะ ใช่ม๊ะ
ยู้หมิ่น : พี่ซีนั่ว ในหัวใจของฉัน เปรียบเหมือนดวงจันทร์ที่สุกสกาวอยู่บนท้องฟ้า ที่ฉันเฝ้าปรารถนา
แต่ไม่กล้าอาจเอื้อม ไม่ว่าจะสวยหรือว่าอัปลักษณ์เค้าก็จะส่องแสงไปทั่วทุกที่
หยางหยาง : ทำให้คนอื่นพลอยเจ็บใจไปด้วยเลย เจ็บใจ ! ปลอบใจฉันหน่อยสิ
หลิวหลิน : คุณถามฉันว่าอะไรที่เรียกว่า พี่สาวจิ่งเหรอ หมายความว่าอย่างไรงั้นเหรอ
จินกู่ : อักษร จิ่ง ก็เป็นเส้นขนานสองคู่ที่มาทับซ้อนกันไง
ลู่ซีนั่ว : นี่กี่นิ้ว
หลิวหลิน : ก็สองนิ้วไงล่ะ
ลู่ซีนั่ว : หลิวหลิน ผมอยากถามคุณว่า คุณน่ะเป็นผู้หญิงจริงๆใช่ม่ะ
หลิวหลิน : คุณน่ะก็เป็นไอ้พวกผู้ชายมักมาก กินข้าวจานนี้ แต่ตามองไปในหม้อใบโน้น
ลู่ซีนั่ว : ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า คุณน่ะเป็นชามใบนี้ หรืออยากเป็นหม้อใบนั้นกันแน่
ซู ยูเว่ : เธอกับคนคนนั้น มีความหมายอะไรอื่นแอบแฝงมั้ยจ๊ะ
หลิวหลิน : เอามาให้ฉัน
ลู่ซีนั่ว : จะเอาอะไรล่ะ
หลิวหลิน : เอามันมานี่ ! เอาโทรศัพท์ของคุณมานี่
: ถ้าหากว่าคุณยังทำตัวลามกกับฉันอยู่อย่างนี้ล่ะก็ ฉันจะทำให้คุณ
ไม่มีวันได้ตื่นลืมตามาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไป
ลู่ซีนั่ว : แล้วคิดว่าคนอย่างคุณมันไว้ใจได้งั้นหรือ ผมยังไม่ได้ยกคุณเป็นผู้หญิงของผมเลยสักหน่อย
: คุณ คนอย่างคุณเนี่ยใจแข็งไม่น้อยเลยเนอะ
หลิวหลิน : เกิดเป็นผู้หญิงมันต้องหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ว่าจะคบใครสักคนหรือว่าจะต้องแต่งงาน
คงไม่ใช่เพียงเพราะเป็นแค่ของเล่น อยู่เป็นหญิงโสดที่สูงค่ายังจะดีซะกว่า
ไม่ว่าจะพี่สาวคุณ หรือว่าฉันน่าจะเป็นประเภทสุดท้ายถึงจะถูก
จินกู่ : โปรดพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน จริงๆแล้วผมก็ เป็นหนุ่มมาดเท่ห์
ลู่ซีนั่ว : การจะเป็นพี่ชายสักคนเนี่ย ผมจะไม่ยอมให้ใครคนนั้นได้ ได้คบกันแบบพี่สาวน้องชาย
ได้เด็ดขาด
หลิวหลิน : คุณนี่สบประหม่าฉันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะ จะบอกอะไรให้นะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ฉันจะไม่ขอเห็นน้ำหน้าคนอย่างคุณอีก นางหน้าด้าน
หยางหยาง : ก็บอกแล้วไง พวกเราก็ได้แต่ทุกข์ใจ แต่สำหรับเธอน่ะมันคือความรัก ใช่ไหมล่ะ
เซียวเฉียง : หลินหลิน ตกใจหมดเลยใช่มั้ยล่ะ
หลิวหลิน : ฉันยอมรับนะ ว่าฉันเคยรักคนอย่างคุณ และฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า คนอย่างคุณ
จะทำให้ฉันมีความทรงจำที่แสนจะเจ็บปวด แล้วมันยากแค่ไหน กว่าที่ฉัน
จะผ่านคืนวันและความทรงจำที่เลวร้ายนั้นมาได้ แล้วอยู่ๆคุณก็ปรากฏตัวออกมา
ทำตัวลับๆล่อๆอย่างนี้เนี่ย คุณแต่งงานมีครอบครัวแล้ว แล้วคุณจะให้ฉัน
เป็นเมียเก็บของคุณเหรอไง
ติงจวน : เฉินสู้ผิง ถ้าหากวันนี้คุณกล้าหนีไปล่ะก็ ฉันก็กล้ากลับบ้านไปกับคุณด้วย
ซู ยูเว่ : ขอแค่คัดจอบเลือกเสียมให้ดี ไม่มีทางหรอกที่จะขุดกำแพงไม่ได้
ติงจวน : แค่มีฉันอยู่ด้วย คุณก็ไม่ต้องคิดที่จะได้พักแล้วล่ะ
หยางหยาง : แม่นางปีศาจตนนั้น มันมอมเมาด้วยเสน่ห์ เพื่อจะช่วงชิงราชบัลลังค์
หลิวหลิน : ฉันคงไม่ยอมให้เค้า คอยมานั่งปั่นหัวฉันอย่างนี้ต่อไปหรอก
ลู่ซีนั่ว : ดื่มสักหน่อยสิ อาจทำให้อะไรๆดีขึ้น
หลิวหลิน : เคยมีคนบอกคุณไหมว่า คุณนี่ก็เป็นผู้ชายที่ช่างเอาใจเหมือนกัน
ลู่ซีนั่ว : อย่าบอกนะว่าคุณชอบผม
หลิวหลิน : คุณน่ะไม่ใช่สเปคฉันเลย
ลู่ซีนั่ว : คุณมันสาวมั่น ไม่แคร์การแต่งงาน ไม่ใช่เหรอ ยังจะเลือกอีก
หลิวหลิน : แล้วถ้าอยากจะเลือกบ้างมันผิดนักเหรอ
ยู้หมิ่น : พี่ซีนั่ว แล้วถ้าหากวันหนึ่ง พี่เกิดอยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาล่ะ พี่ต้องบอกฉัน
เป็นคนแรกนะ
จินกู่ : คุณจะเชื่อใจผมสักครั้งจะได้มั้ย อย่ามองผมเป็นเพียงแค่ตัวประกอบอย่างนั้นสิ
หยางหยาง : คนอย่างฉันรักได้ก็เกลียดได้ มีอิสระกับชีวิตเต็มที่ ไม่จอมปลอม ไม่เสแสร้ง
ความรักมันต้องปล่อยไปตามธรรมชาติ
หลิวหลิน : คุณไม่รู้สึกว่ามันน่าขำไปหน่อยเหรอ ฉันน่ะเหรอหึงคุณ แล้วคุณมีอะไรเกี่ยวข้องกันกับฉัน
ด้วยงั้นเหรอ คุณคิดไปเองหรือเปล่า
หลี่หมิงจู : แม่น่ะดูออกนะ ว่าแกสองคนมีใจลึกซึ้งต่อกัน ลูกก็ไม่ต้องทำตัวปากอย่างใจอย่าง
อยู่อีกเลยนะ
: ซีนั่ว วันนี้ลูกจะมาเยี่ยมแม่ยายใช่ไหมจ๊ะ
: ทดสอบกันหน่อย ว่าลูกน่ะจะสามารถทำหน้าที่ภรรยาที่ดีของบ้านตระกลูลู่ได้
หลิวหลิน : นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ อะไรอะไรก็พูดถึงแต่เรื่องเป็นสะไภ้บ้าอะไรนั่น
หลี่หมิงจู : แม่จะบอกอะไรให้อย่างนะ ถึงยังไงแม่ก็ยังเลือกเค้าอยู่ดี
: หลิน อ่า แม่อยากถามอะไรหน่อย หนูอยากจะหาผู้ชายสักคนที่ทื่อทื่อ
อยากจะแต่งด้วยกันมั้ย หน้าตาดีไม่เบาเลยนะ
หลิวหลิน : นั่นมันไม่ใช่ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 หรอก
หลี่หมิงจู : ก็นั่นไงล่ะ ลู่ซีนั่วไง
หลิวหลิน : แม่อย่าพยายามพูดจาหว่านล้อมหนูอย่างนี้ได้มั้ย แม่น่ะยังไม่รู้อะไรหรอก
หยางหยาง : คบกันแบบมีอิสระ เลือกที่จะมีอิสระ โอกาสก็คือโอกาส เมื่อมันผ่านไปก็หมดหนทาง
ลู่ซีนั่ว : เคยมีคนเคยพูดกับคุณไหมว่า ตอนที่คุณมือไม้สั่นเนี่ย มันดูน่ารักไปหมดเลย
หลิวหลิน : ฉันจะบอกคุณให้นะ ลู่ซีนั่ว คุณจะใช้พูดจาแทะโลมอะไรฉันอีกล่ะก็ ฉันจะไปแจ้งความ
ลู่ซีนั่ว : ผู้หญิงแค่คนเดียว อย่าดูเพียงแค่รูปโฉมภายนอกที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ ใจเนี่ยแข็งยังกับเหล็ก
แต่พอต้องมาเจอหน้ากันจริงๆ มันทำให้จิตใจนั้นฟุ้งซ่านเตลิดเปิดเปิงไปหมด
จินยู้ : คุณจะซื้อห้องเมื่อไหร่ ให้ติดต่อผมโดยตรงเลยนะ
หลิวหลิน : แน่ใจและแน่นอน
จินยู้ : ผมเป็นถึงลูกชายของท่านรองหุ้นส่วน แล้วเรื่องที่ผมพูดไปเนี่ยสักนิดนึง
คุณจะไม่เชื่อถือกันหน่อยเหรอ สองคนอยู่ด้วยกัน ลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์
ลู่ซีนั่ว : ผมก็สังเกตแต่ยัยนั่นนั่นแหละ เป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น ยัยนั่นอยู่ใกล้นาย
ต้องมีจุดประสงค์อะไรแน่ๆ
หลิวหลิน : อย่าคิดนะว่าแค่ไอ้ 2 ล้านกว่าเนี่ยจะสยบคนอย่างฉันได้
ลู่ซีนั่ว : ดี งั้นก็ดี คุณนี่มันหยิ่งใช่ย่อยเลยนะ ฉันขอชมเชย
หลิวหลิน : หึ ไอ้คนใจดำ อำมหิต
ลู่ซีนั่ว : ไม่ต้องทำหน้าน่าสงสาร สวรรค์ไม่เห็นใจหรอก
จินยู้ : Stop เรื่องนี้มีฉันเป็นแกนนำ ฉันเป็นคนควักตังค์เอง พวกแกสองคนมัวแต่ยิ่งจ้องอะไรกันอยู่
เพลง : ไม่ได้เตรียมตัวเลยสักนิด และไม่เคยมีความคิดกังวลใดๆ แล้วคุณก็ก้าวเข้ามา ในโลกของฉัน
มันพาเอาความเซอร์ไพร์มาให้ รู้สึกไม่เป็นตัวเอง
หลิวหลิน : ฉันยอมรับนะว่าฉันชอบคุณ แต่มันก็แค่ได้ชอบ
ลู่ซีนั่ว : หลิวหลิน คุณอย่าคิดเช่นนั้นสิ ว่าเราสองคนเป็นไปไม่ได้
: ผมมาเยี่ยม เป็นเพราะว่าคุณยังติดค้างผม ผมไม่ได้ตามมาทวงบุญคุณ
ไม่ได้ตามมาทวงหนี้จากคุณ คุณต้องคืนผมให้ดีนะ ผมอยากให้คุณมีสติ
มีชีวิตต่อไปให้ได้ หลายปีผ่านไปนี้ ผมถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ทำไมผมถึงต้อง
เปลี่ยนใจอะไรเพื่อคนอย่างคุณ มันเปลี่ยนไปจริงๆ มันก็เป็นการทำร้ายกันอย่างไม่ปราณี
ผมอยากจะฟังคำตอบจากปากคุณมาตลอด ทำให้ได้สบายใจ ได้เดินหน้าต่อไป
ทำให้ผมไม่ต้องคิดอยากที่จะตามหาคุณทุกหนแห่งอย่างแทบบ้าคลั่ง คนที่ทุกข์ทรมาน
มันไม่ได้มีคุณแค่คนเดียว มันยังมีผมด้วย
หลิวหลิน : เพื่อคุณ และก็เพื่อตัวฉันเองด้วย คุณลืมฉันไปซะเถอะนะ
: ลู่ซีนั่ว คนอย่างคุณมันก็หว่านเสน่ห์เค้าไปทั่ว จะหว่านล้อมยังไงมันก็ไม่เป็นผล
แต่ขอร้องคุณไม่ต้อง กรุณาอย่าเอาฉันเข้าไปรวมคนประเภทเดียวกันกับคุณ
ซู ยูเว่ : ชวนป๋ายโล่ว ในที่สุดเธอก็ได้แต่งงานกับเค้าสักทีนะ
ติงจวน : พี่ค่ะ
เฉินสู้เผิง : ติงจวน
ติงจวน : อยากให้คุณอย่าขาดกับผู้หญิงคนนั้นซะ แล้วก็มาแต่งงานกับฉัน
เฉินสู้เผิง : คุณยังจะบังคับจิตใจผมไปอีกนานแค่ไหน ถึงคุณจะพอใจสักที
ติงจวน : ไม่ว่าคุณจะรักเค้าหรือว่าฉัน คุณยังคงเป็นผู้ชายของฉันตลอดไป ไม่ก็อาจเป็นผู้ชายของฉัน
เพียงคนเดียว คุณสามารถเลือกที่จะไม่เอาใครก็ได้ แต่ฉันจะไม่ยอมทิ้ง
สิ่งที่ฉันได้เลือกไว้แล้ว
หยางหยาง : ตอนนี้ฉัน จะใช้ความเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้บอกให้เธอ รีบออกจากที่นี่ไปเดี๋ยวนี้
ติงจวน : วันนี้คุณกล้าที่จะไล่ฉันได้ แล้วฉันก็จะไม่ใช่น้องสาวของแกอีกต่อไป
หยางหยาง : ยังไม่ไปอีก งั้นฉันไปเอง
ติงจวน : ฉันไม่ยอมให้คุณมีเด็กสองคนนั้นหรอก เรื่องนี้คุณต้องให้ฉันเป็นคนจัดการนะค่ะ
: คุณยังจะทรมานใจฉันอยู่อย่างนี้ ระวังไว้ฉันจะทำให้คุณบ้านแตกไม่มีชิ้นดีเลย
เฉินสู้เผิง : ปล่อยสิ
ติงจวน : ไม่ให้คุณไป
เฉินสู้เผิง : นับวันคุณยิ่งจะไม่มีเหตุผลขึ้นทุกวัน
ติงจวน : เฉินสู้เฟิง
เซียวเฉียง : หลินหลิน
หลิวหลิน : ไอ้สารเลว
: คนอย่างคุณเนี่ยมันบ้าตั้งแต่เกิดจริงจริง คุณไม่ต้องมาคิดว่าดีอะไรขนาดนั้น
หลี่หมิงจู : ชีวิตคู่น่ะ แท้ที่จริงมันก็เหมือนการท้าพนันอย่างหนึ่ง ลมตะวันออกต้องพัดกลบลมตะวันตก
หลิวหลิน : บ้านคุณเนี่ยไม่เลวเลยนะ
: คุณอยากจะจ้องตรงไหนก็เชิญตามสบายเลย
ลู่ซีนั่ว : ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แน่นอนจะทำอะไรก็ได้ตามสบาย
หลิวหลิน : ที่พี่ทำน่ะมันไม่ใช่การแก้แค้น พี่ทำมันเป็นการระบายอารมณ์
เฉินสู้เผิง : คุณจะไปไหน ให้ผมไปส่ง
หยางหยาง : ไม่ต้องหรอก เราเลิกกันแล้ว ไม่ต้องมารบกวนคุณแล้ว ลาก่อน
: เคยมีผู้ชายบอกกับฉันว่า เมื่อเค้าแบกฉันไว้เหมือนกับเค้าแบกโลกใบนี้ไว้ทั้งใบ
เค้าจะพูดจาหวานซึ้งไม่หยุด ทำร้ายโลกของฉันไปหมดสิ้น สุภาษิตเค้าก็ว่าไว้ถูก
ชีวิตคนนั้นทำไมมันช่างลำบากเสียนี่กระไร
ลู่ซีนั่ว : ผมชอบความความประหลาดใจ ผมชอบความสับสนที่จะตัดสินใจ ผมยอมเสียไม่ได้
ที่จะให้คุณได้รับความไม่ยุติธรรมใดๆ ผมคงยอมไม่ได้ ที่ผมเห็นคุณอยู่ข้างกายอย่างนี้
แต่มันเหมือนมีหมอกหนามากั้นไว้
: ผมอยากถามคุณว่า คุณจะยอมเป็นแฟนผมได้มั้ย?
ซูโหย่วเผิง รับบทเป็น ลู่ซีนั่ว
หลิวหลิน : คุณบอกว่าดื่มเยอะขนาดนี้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ แล้วคุณจะออกมาดื่มเป็นเพื่อนฉันทำไมกัน
ฉินหลัน รับบทเป็น หลิวหลิน
เฉินสู้เผิง : ทั้งชีวิตผมก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ ผมแต่งงานครั้งนี้ครั้งเดียว
ฐานจุ้นเยี่ยน รับบท เฉินสู้เผิง
หยางหยาง : แค่คุณเป็นผู้ชาย ฉันก็ยอมที่จะแต่งงานกับคุณ
สง หน๋าย จิ่น รับบท หยางหยาง
หลี่หมิงจู : ลูกไม่รู้เหรอว่าวันนี้แม่มีความสุขมากแค่ไหน
หลิวหลินหมู่ รับบท หลี่หมิงจู
จินยู้ : เซียวกวงอี้ รับบท จินยู้
เซียวเฉียง : เรื่องด่วนก็ด่วนไป ทุกเรื่องมันต้องค่อยเป็นค่อยไป
อู๋หัวซิน รับบท เซียวเฉียง
ซู ยูเว่ : ถ้าหากว่าเค้าชอบฉันจริงขึ้นมาล่ะก็ บอกมากับฉันตรงตรงมันก็จบแล้วใช่ไหมล่ะ
หวัง ซวน หยู๋ รับบท ซู ยูเว่
เฉินเผิง : ผมยังไม่กล้าบอก กลัวว่าคุณได้ยินแล้วจะโกธรผม
จางเทียนหลิน รับบท เฉินเผิง
ยู้หมิ่น : ฉันอยากให้เค้าคืนคุณให้กับฉัน แต่ว่าฉันไม่
หยางเฉิงเฉิง รับบท ยู้หมิ่น
ติงจวน : มองอะไรล่ะ ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไง
เหยิ่น เจีย รุ่ย รับบท ติงจวน
หลิวหลิน : อ่ะนี่ ฉันให้คุณ รองเท้าสี่หลินเหมินหนึ่งคู่
19
« เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 04:22:07 PM »
http://www.youtube.com/watch?v=_ir8gHfljoA
[29/12/2012]
ผู้สื่อข่าว : เมื่อ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา ซูโหย่วเผิง , ฉินหลัน ได้ออกมาเปิดตัวภาพยนตร์
ที่ทั้งสองร่วมกันแสดงภาพยนตร์แนวรักคอมมาดี้เรื่อง "ไม่รักก็อย่ามากวนใจ"
ในงานภาพยนตร์ปี 2012 ซึ่งงานนี้ได้เสียงกระแสตอบรับทั้งแฟนคลับและสื่อมวลชน
เป็นอย่างมาก ในภาพยนตร์เรื่อง ไม่รักก็อย่ามากวนใจ นี้ ทั้ง ซูโหย่วเผิง และ ฉินหลัน
เป็นคู่กัดที่เจอหน้ากันทีไร เป็นต้องมีเรื่องให้ปะทะฝีปากกัน จนทำให้ความสัมพันธ์
ของเค้าทั้งสองนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความผูกพัน
ลู่ซีนั้ว : มันก็จะมีแค่เสื้อผ้าที่ผมไม่ชอบและไม่ถูกใจเท่านั้น มีที่ไหนกันที่เสื้อผ้าจะมีสิทธิ์
ไม่ชอบและไม่ถูกใจคนอย่างผม
หลิวหลิน : นี่คุณ มันจะไม่ดูหลงตัวเองไปหน่อยหรอกเหรอ
ลู่ซีนั้ว : ผมว่าคงจะมีแต่คนด้วยกันเท่านั้นที่จะคุยกันรู้เรื่อง
หลิวหลิน : ฉันจะบอกอะไรให้อย่างนะ ฉันน่ะไม่เคยคิดที่จะสนใจอะไรคุณเลยแม้แต่นิดเดียว
: คุณนี่ยังมีความเป็นคนอยู่บ้างหรือเปล่า
ลู่ซีนั้ว : ก็ผมมันก็เป็นผู้ชายโฉดอยู่แล้วนิ แล้วยังต้องแสดงความเป็นคนอีกด้วยเหรอ
หลิวหลิน : พาฉันกลับบ้าน , ฉันให้
ผู้สื่อข่าว : จากละครเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ ภาค 3 , และมนต์รักในสายเมฆในบท ลี่ผิง ฉินหลัน
ถือได้ว่าเป็น ตัวแทนของภาพลักษณ์ผู้หญิงที่สุภาพนุ่มนวลคนหนึ่ง จนวันนี้
เธอได้มารับบท ผู้หญิงปากจัด จนทำให้ใครหลายๆคน ต้องแปลกใจกับการ
พลิกบทบาทของเธอ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทุกบทบาทมันก็จัดได้ว่าเป็นผลงานของเธอ
เรามาฟังกันดีกว่าว่า ผู้กำกับมีความรู้สึกกับเธออย่างไรบ้าง
ผู้กำกับ : บทบาทของเธอในเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ ฉินหลัน
เลยทีเดียวครับ
ซูโหย่วเผิง : ฮาฮา...
ผู้กำกับ : ก่อนหน้านี้ ฉินหลัน ที่พวกเรารู้จักไม่เป็นคนแบบนี้นะ มันเป็นบทบาทที่เค้าแสดงมันออกมา
ได้อย่างสมจริงสมจัง ออกมาจากเบื้องลึกของเธอ ถ้าจะให้บอกว่าเล่นได้ดีมากมั้ย
ซูโหย่วเผิง : ผมคงไม่ต้องพูดแล้วล่ะครับ ฮาฮา....
ผู้สื่อข่าว : ภาพยนตร์เรื่อง ไม่รักก็อย่ามากวนใจ นี้ เป็นเรื่องราวระหว่างชายโสด-หญิงมั่น
ที่เดินทางมาพบกัน แล้วหนุ่มโสดนอกจอ อย่างซูโหย่วเผิงล่ะ ที่ยากจะเดาออก
ว่าเค้านั้นอายุ 39 แล้ว จะจริงหรือที่เค้าจะไม่ยอมแต่งงาน
ซูโหย่วเผิง : ผมก็ไม่ได้รีบที่จะต้องแต่งงานอ่ะนะครับ ผมก็ไม่ได้ไม่อยากแต่ง
ผู้สื่อข่าว : ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซูโหย่วเผิง รับบทเป็นทั้งดาราแสดงนำ และยังเป็นทั้งผู้จัดมือใหม่ด้วย
ถ้าจะให้เค้าพูด นี่อาจจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในการทำงานของเค้าก็ว่าได้
ถึงแม้ว่าด้านดารา อู๋ฉินหลง จะมีประสบการณ์ด้านผู้กำกับมาบ้าง แล้วทางนี้
ก็ได้ทาบทามบ้างแล้ว แต่ด้วยงานของเค้าที่ท่วมท้น เราไปฟังกันว่าเค้าจะรู้สึก
อย่างไรบ้างกับเรื่องนี้
ซูโหย่วเผิง : เรื่องที่ผมต้องรับผิดชอบก็ค่อนข้างเยอะอ่ะนะครับ เลยทำให้เวลาว่างเหลือน้อยลง
แต่มันก็ทำให้ตัวผมเองเกิดความคิดดีๆมากมายเลย ซึ่งมันก็ผลักดันให้ผม
สร้างสรรค์สิ่งเหล่านั้นออกมาได้ และนี่คือสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือจุดที่แตกต่าง
จากการเป็นแค่นักแสดงครับ
20
« เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 02:53:40 PM »
http://www.youtube.com/watch?v=omfE1oU2nKw
[29/12/2012]
ผู้สื่อข่าว : สถานีปักกิ่ง คู่ลิ่วหยู๋
เมื่อ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่อง "ไม่รักก็อย่ามากวนใจ" ได้จัดแถลงข่าวต่อ
สื่อมวลชน ซูโหย่วเผิง ผู้จัดมือใหม่ ที่ได้ร่วมงานกับ ฉินหลิน "ร่วมปะทะฝีปาก”
เป็นคู่กัดกันในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซูโหย่วเผิง รับบทเป็น
หนุ่มโสดเย็นชา ร่วมด้วย ฉินหลัน รับบทเป็น สาวมั่น หลิวหลัน หลากรสหลากอารมณ์
จากความไม่เข้าใจกัน กลับสร้างความประทับใจได้อย่างลึกซึ้ง ที่นำตัวละครทั้งสอง
ที่มีรูปแบบไลฟ์สไตล์แตกต่างกันเดินทางมาเจอกัน
ซูโหย่วเผิง : ต้องขอยอมรับว่าบทบาทของเราในเรื่องนี้ มันค่อนข้างเหมือนลิ้นกับฟัน มีหลายหลายฉากที่
เราต้องใช้คารมเชือดเฉือนกัน ยอมรับตามตรงเลยว่าบทบาทในเรื่องนี้ เราทั้งสองคน
ยังไม่เคยได้เล่นที่ไหนมาก่อนเลย ซึ่งมันอาจดูแตกต่างจากชีวิตจริงของเราทั้งสองคน
ฉินหลัน : ใช่ค่ะ, เรื่องนี้มันทำให้เราได้ฝึกรับฝีปากกัน
ซูโหย่วเผิง : ฮาฮา ใช่ครับ ซึ่งบทบาทในเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะดูดุเดือด ผมคิดว่าถ้าใครได้มาดู
เรื่องนี้แล้วเนี่ย ต้องรู้สึกไม่ผิดหวังแน่นอนครับ อะไรนะครับ มีเยอะมากเลยนะครับ / ค่ะ,
ที่เราสองคนเนี่ย
ฉินหลัน : พอถ่ายถ่ายไป เอ๊ะ เราสองคนเหมือนกับคนที่ต้องมานั่งทะเลาะกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน
มันเหมือนกับคนที่ต้องคอยหาเรื่องทะเลาะกันอยู่เรื่อย
ซูโหย่วเผิง : เราไม่ได้เรียกว่าทะเลาะกัน ต้องเรียกว่ารับฝีปากกันน่าจะดีกว่านะครับ รับฝีปากกัน
อย่างดุเดือดเสียด้วย
ผู้สื่อข่าว : ซูโหย่วเผิง ซึ่งรับหน้าที่เป็นทั้งดารานักแสดงนำ และอีกหน้าที่ที่ต้องเป็นทั้งผู้จัด
ในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากหรือความกดดันใดๆสำหรับเค้าเลย
ซูโหย่วเผิง : อุปสรรคในด้านการทำงานมันก็มีบ้างอ่ะนะครับ แต่อาจเป็นเพราะอะไรอะไรมันก็ใหม่หมด
สำหรับเรา มันยังมีอะไรที่ให้เราเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ ที่ผมคิดว่าผมโชคดีก็ตรงที่
ผมได้ร่วมงานกับดารานักแสดงมากมาย และเพื่อนๆที่คอยให้การช่วยเหลือ
และแก้ไขปัญหาให้ผมเสมอมา แล้วผลที่ออกมามันก็คือความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นทางผู้กำกับ
ที่ผมเคยร่วมงานกับเค้ามาจากเรื่อง ดาบมังกรหยก อีกทั้งยังเป็น ครู ของผม
ด้านการแสดงอีกด้วย เป็นผู้ที่มากประสบการณ์ แล้วนอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆนักแสดง
ที่ให้ความร่วมมือ อย่างเช่น.......หลันจึ ไง
ฉินหลัน : คุณนี่ก็ยังจำชื่อฉันผิดเลยเนอะ
ซูโหย่วเผิง : ผมไม่ได้จำผิดสักหน่อย , ไม่เคยๆ เลย เพราะฉะนั้นแล้วทุกๆคนที่ร่วมงานกัน
ล้วนแต่มีความสุข และเต็มที่กันกับการทำงาน
ผู้สื่อข่าว : คู่ ลิ่ว หยู๋ รายงาน