10 นวนิยายเด่นของผู้ชายที่ชื่อ "ซูโหย่วเผิง"

[Chomnath]

เรียบเรียงโดย พี่หมิง...Chomnath

เนื่องใน วันครบรอบ 38 ปี : Alec Su You Peng

และ

วันครบรอบ 1 ขวบปี บ้านซูโหย่วเผิง www.baansuyoupeng.com
11 กันยายน  2011

เนื่องในวันเกิดครบรอบ 38 ปี ซูโหย่วเผิง
ตลอดการเดินทางบนเส้นทางบันเทิง
เราขออวยพรให้โหย่วเผิงประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน
และพวกเราพร้อมที่จะก้าวไปกับคุณ
สนับสนุนคุณ รักคุณ รักคุณ และก็จะรักคุณตลอดไป

From : suyoupeng thaifans
www.baansuyoupeng.com

-------------------------------------------------------

关于苏有朋 三十八 年周岁生日
一直在影视歌圈生涯之路
我们当即庆祝苏有朋到处遍远达成名
连我们跟着你迈步前进
鼓励支持  爱你  也永远爱着你

泰国朋友影迷 向苏有朋致敬

[Chomnath]

นิยายเรื่องแรก ปี 1992   

เพราะอู๋ฉีหลงต้องเกณฑ์ทหาร
วงเสี่ยวหู่ตุ้ยต้องแยกย้ายจากกัน
ซูโหย่วเผิงฉายเดี่ยวครั้งแรกในชีวิต
โดยการออกอัลบั้ม I Only Want You To Love Me
นับตั้งแต่ก้าวออกมาทำอัลบั้มเดี่ยว เพลงชุดแรก
ก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทเท่า

เราจะเห็นว่าตอนโหย่วเผิงอยู่วงเสี่ยวหู่ตุ้ย
ในสายตาของนักข่าว ล้วนเป็นเรื่องน่ารักฉลาด
ตอนนี้ไม่มีอู๋ฉีหลง ไม่มีเฉินจื้อเผิงช่วยร้องด้วยแล้ว
เขายิ่งเพิ่มพูนความขยัน เป็นทวีคุณ
ไกวๆหู่ ถึงคราวโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว


นิยายเรื่องที่ 2  นกซีเกิลแห่งสวรรค์และพื้นดิน / Seagulls of Heaven&Earth

อัลชุดนี้เป็นการร่วมรวมเพลงที่ซูโหย่วเผิงบินเดี่ยวซึ่งเป็นเพลง
ต่างๆที่อยู่ในเสี่ยวหู่ตุ้ย มาเป็นอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองมีชื่ออัลบั้มว่า
Wind Sound Rain Sound Su Sound
อยากสื่อทุกเพลงให้แฟนได้ฟังเสียงของซูโหย่วเผิง


มีหนึ่งเพลงพิเศษมากๆทีเดียว
เขาได้มอบเพลงหนึ่งให้แก่แฟนเพลงชื่นชอบเขา ชื่อว่า "หลี่อี้หัว"
เพลงๆนี้ก็คือเพลง (นกซีเกิลแห่งสวรรค์และพื้นดิน)

"หลี่อี๋หัว" เคยเป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งอยู่ห่างไกลถึงทะเลเมดิเตอรเรเนียน
ในปีนั้นลักษณะโรคของเธอหนักสาหัสสากรรจ์
ครั้งหนึ่งถูกหมอแพทย์ลงความเห็นว่า
เธอจะอยู่ได้ไม่เกิน 13 ปี ทุกๆวันยังต้องฉีดเข็มยาเปลี่ยนถ่ายเลือด
เธอรู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก ในขณะนั้นความหวังอย่างเดียวของเธอก็คือ
ได้มองเห็นซูโหย่วเผิง

ต่อมาซูโหย่วเผิงหลังจากได้รับรู้จึงมีความตั้งใจเป็นพิเศษ
ไปที่โรงเรียนของเธอเพื่อพบหน้าเธอ
ช่วยเธอมีใจกล้าหาญสู้ๆ   

เพื่อให้หญิงสาวที่ชื่นชอบมีความกล้าหาญเผชิญหน้ากับโรคร้ายรุมเร้า
แฟนเพลงท่านนี้ชอบโหย่วเผิงร้องเพลง (นกซีเกิลแห่งสวรรค์และพื้นดิน)
ช่วงเวลาเธอป่วยหนัก....ตอนนั้นซูโหย่วเผิงก็เป็นช่วงเวลาตกต่ำพอดี

เขาและเธอต่างใช้เพลงๆนี้ฟันฝ่าทุกข์ยากซึ่งกันและกัน
คำหนุนใจ คำหนุนชีวิต และความเชื่อมั่นร่วมกัน

ปี 2002 หญิงสาวผู้นี้ได้หายเป็นปกติปลิดทิ้งราวกับเรื่องราวปาฎิหาริย์
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เธอยังต้องใช้เข็มฉีดยาเปลี่ยนถ่ายเลือดอยู่
และยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่ 2 เป็นสาวสวยเรียบร้อยท่านหนึ่ง

[Chomnath]

นิยายเรื่องที่ 3 ไปศึกษาเรียนต่อและท่องเที่ยวที่ประเทศอังกฤษ   

ซูโหย่วเผิงเมื่อย่างสู่วัยรุ่นตอนต้นก็ได้เข้าสู่วงการแล้ว
ได้เผชิญกับบุคคลหลากหลายซึ่งมีอายุมากกว่าจึงเป็นแรงกดดันแบบนี้บ้าง

แต่สำหรับประเทศที่มีชาวจีนพ้นทะเลจึงมีความเอาใจใส่มากๆ
การศึกษาเรียนต่อและท่องเที่ยวในประเทศอังกฤษครั้งนั้น
เป็นครั้งแรกของซูโหย่วเผิง ซึ่งมาในสถานที่ที่ตัวเองไม่มีใครรู้จักเลย

มีความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่อีกครั้งรู้สึกมีความเป็นอิสระ
จากสภาพชีวิตดั้งเดิมของซูโหย่วเผิงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
บางครั้งได้กระโดดโลดเต้น ได้ ปลดปล่อยตัวเองอย่างอิสระ
ไม่ต้องทำตามกรอบหรือกฏกติกาที่สังคมวางให้


ทันทีทันใดจะปรากฏพบเจอชีวิตเป็นไปได้มีหลากหลายชนิด
จริงๆแล้วในเวลานั้นซูโหย่วเผิงมีแรงกดดันอันมากมาย
ด้วยตัวเองเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง   
อีกทั้งเป็นบุคคลสาธารณะ
ทุกคนสนใจเอาใจใส่เรื่องราว

[Chomnath]

นิยายเรื่องที่ 4  ธุรกิจตกต่ำลงเหว

ก่อนถ่ายซีรีย์เรื่อง องค์หญิงกำมะลอ
ซูโหย่วเผิงได้เจอะเจอมรุสมเรื่องธุรกิจช่วงหนึ่ง
ในเวลานั้นเหมือนดิ่งตกลงไปยังก้นเหวลึก
ในขณะนั้น    การออกอัลบั้มของเขาหยุดชงัก

ตามติดด้วยความว้าเหว่หงอยเหงา
อาจจะเป็นเพราะคนไม่ยอมรับแล้วหรือ
ไม่ให้โอกาส (ไกวๆหู่) คนนี้อีกแล้วหรือ
แฟนๆที่ร่วมส่งเสียงดัง และเป็นกำลังใจให้กันมายังรักกันอยู่หรือเปล่า
ทุกอย่างกำลังเกิดคำถาม ต่ออนาคต หน้าที่การงานของตัวเอง
ในวงการบันเทิง .....ตัวเองจะดำรงชีพแบบไหน

ชีวิตช่วงนี้มันยาวนานนัก ธุรกิจของตัวเองที่แท้จริงคืออะไร
คุณพ่อเล่นหุ้นจนกลายเป็นคนล้มละลาย พ่อ-แม่ แยกทางกัน
บ้านต่างคนต่างอยู่คนละทิศและทาง  ทำมาหากินลำบากยากเย็น

ขณะเดียวกันเขาเห็นแน่ชัดว่าขอเลือกหนทางของตัวเอง
เมื่อไม่มีการเดินผิดพลาด เขาเริ่มสะสม อมแรงแบบเงียบๆ

เริ่มเพิ่มพูนความแข็งแกร่งฝึกฝนอบรมทุกวิถีทางให้กับตนเอง
ใช้แรงต่อสู่เพื่อให้ตัวเองมีภูมิต้านทาน เป็นฐานอันมั่นคงให้กับครอบครัวตนเอง

[Chomnath]

<a href="http://www.tudou.com/v/3x7_x4XkZII/" target="_blank" class="new_win">http://www.tudou.com/v/3x7_x4XkZII/</a>

นิยายเรื่องที่ 5 องค์ชาย 5

ซีรีย์เรื่ององค์หญิงกำมะลอ
เพื่อให้ซูโหย่วเผิงลิ้มชิมรสชาติ เปิดโอกาสโด่งดังใหม่อีกครั้ง
ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องขอบคุณ....ฉงเหยา (瓊瑤) 
ผู้แต่งนวนิยายหญิงชาวไต้หวัน

จาก "ไกวๆหู่" ถึงองค์ชายห้า
ซูโหย่วเผิงมีประสบการณ์จากการเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนจาก นักร้องคนหนึ่ง มาเป็น ดาราคนหนึ่ง
จุดๆนี้ ทำให้ซูโหย่วเผิงรู้สึกทั้งดีใจและเสียใจ
เพราะว่าต้นกำเนิดเป็นนักร้องไช่ไหม(โหย่วเผิงรักการร้องเพลงมากค่ะ)

ถึงแม้องค์ชายห้าจะมีบทบาทไม่ค่อยมาก
แต่ภาพลักษณ์ (องค์ชายห้า) ยังคงกินใจลึกซึ้งในใจคน
เป็น (องค์ชายห้า) ทำให้ชีวิตการเป็นนักแสดงของ
ซูโหย่วเผิงได้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง

ใช้คำพูดซูโหย่วเผิง ที่ว่า
"นิสัยบนพื้นฐานของผมค่อนข้างจะคล้าย องค์ชายห้า อยู่นิดๆ
ค่อนข้างคล้ายกับคนจิตใจซื่อสัตย์
ผมรู้สึกผมยังอยากทำให้หัวเราะ
ยังมีความสนุกสนาน ไม่มีความกลัดกลุ้มอย่างนั้น"


ถึงแม้เเสี่ยวเยี่ยนจื่อ - เป็นตัวละครหลัก
แต่การเป็นองค์ชายห้าเพื่อให้เสี่ยวเยี่ยนจื่อมีความสมบูรณ์แบบ
การเป็นองค์ชายห้าให้เสี่ยวเยี่ยนจื่อ อยากยอมรับกฎในวัง ด้วยความรักที่มีต่อเขา
การเป็นองค์ชายห้าให้เสี่ยวเยี่ยนจือจากนิสัย กระโดกกระเดก  ไม่ชอบเรียนหนังสือ
ทำให้นางสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขามากขึ้น

นี้คือการเป็นองค์ชาย 5 ในต้นฉบับของซูโหย่วเผิง
(น้องป๊อป เปลี่ยนความคิดใหม่ค่ะ กลับไปดูเรื่องนี้ใหม่แล้วจะชอบทั้ง เสี่ยวเยี่ยนจื่อและหย่งฉี)

[Chomnath]

นิยายเรื่องที่ 6 เจ้าเหวย  หลินซินหยู  เหมือนพี่เหมือนน้อง

ซูโหย่วเผิงกับหลินซินหยู, เจ้าเหวย ได้ร่วมแสดงหลายครั้ง
เพราะฉะนั้นคนนอกวงการย่อมคิดว่าความรักระหว่างเขา
กับหลินซินหยูและเจ้าเหวยโดนปั้นแต่งเรื่องขึ้นมา
จริงๆทำให้ปากของผู้คนถกเถียงไม่ได้
จริงๆเขาทั้งสามคนเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ
การร่วมคิดและการเดาของคนนอกวงการ
ทั้งไม่กระทบความรักระหว่างพวกเขา

โหย่วก็เคยพูดว่าเธอทั้ง 2 คนต่างเป็นเด็กผู้หญิงที่ฉลาดมาก
ด้านการแสดงต่างมีพรสวรรค์มากๆ   
เจ้าเหวย ค่อนข้างมีทรรศนะของตัวเองอุปนิสัยค่อนข้างแข็ง 
ส่วนหลินซินหยู ก็เป็นคนมีความนึกคิดมาก
ทั้งไม่เหมือนในจอทีวีเลย
ซึ่งทุกคนได้รู้จักอย่างนั้น   
เจอลมพัดจึงหักเป็นท่อนๆแล้ว
เธอมิใช่มีนิสัยอย่างนี้
คนทั้งสองต่างเป็นคนจิตใจดี,ร่าเริง,เบิกบานใจ
ไม่ใช่เป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสา
พวกเขาอยู่ด้วยกันล้วนสามารถกล่าวได้ว่า
เป็นเพื่อนที่ดีเรียกพี่เรียกน้อง

[Chomnath]

<a href="http://www.tudou.com/v/GhZYpH-iN00/" target="_blank" class="new_win">http://www.tudou.com/v/GhZYpH-iN00/</a>

นิยายเรื่องที่ 7  ตู้เฟย

จากองค์ชายห้าถึงตู้เฟยกันบ้าง
การแสดงของซูโหย่วเผิงมีคุณภาพมากขึ้นจัดได้ว่าก้าวกระโดดพรวดเลยทีเดียว
ซูโหย่วเผิงชอบที่สุดซึ่งเขาแสดง (ตู้เฟย)

เพราะตู้เฟยเป็นการยืนยันความเชื่อมั่นอย่างหนึ่ง
ยืนยันว่าเขาสมารถทำให้ดีกว่านี้
หากมาเทียบตอนนี้กับเมื่อก่อน
ก็คือเทียบวันนี้กับอนาคต

ภาพยนตร์เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานจากจิตวิญญารของซูโหย่วเผิง
ดังนั้นเขาร้องเพลง - ความรักลึกซึ้ง สายฝนพรำๆ
หรือจะเป็นเพลงพระจันทร์แทนใจฉัน, คิดถึงคิดถึง, เมื่อ, เป็นต้น

ซูโหย่วเผิงพูดว่า เขาชอบเพลง ห่าวเสี่ยงห่าวเสี่ยว-คิดถึงคิดถึง
เพราะเพลงนี้มันเข้ากับบุคลิกของตู้เฟย เขาชดเชยความเสียดายในจิตใจ
เขาสามารถร้องเพลงนี้รอบเดียวและสามารถจำความหมายเพลงได้แบบขึ้นใจ

ร้องแล้วทำให้เขาสบายใจสุดๆๆ

[Chomnath]

นิยายเรื่องที่ 8 เป็นตัวแทนโฆษณา งานชมรมมิตรภาพและการร้องเพลง

ปี 2001 และ ปี 2002 ซูโหย่วเผิงโฆษณาชาเชียว...อาจารย์คาง
ปี 2001 เขาอยู่ในประเทศจีน 11 หัวเมือง
เป็นการร่วมกิจกรรมมิตรภาพและการร้องเพลง
ปี 2002 ได้ไปที่เมืองหางโจว เมืองซีหู
เมืองกุ้ยหลินแม่น้ำหลีเจียงหรือแม่น้ำหลี
กำเพลงเมืองจีนหรือฉางเฉิงด่านจวีหยง

เปิดงานชมรมมิตรภาพร้องเพลงตามหัวเมืองต่างๆ 3 รอบ
ทำให้ซูโหย่วเผิงเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ
ที่แฟนๆหรือมวลชนต่างชื่นชอบ และมาร่วมกิจการด้วยอย่างหนาแน่น

ซูโหย่วเผิงบอกว่า ยากที่จะได้รับโอกาสเช่นนี้
ทำให้ผมไปประเทศจีนในแหล่งสถานที่หลายๆแห่งซึ่งไม่เคยไป

[Chomnath]

<a href="http://www.tudou.com/v/qlbAY0QYlNM/" target="_blank" class="new_win">http://www.tudou.com/v/qlbAY0QYlNM/</a>

นิยายเรื่องที่ 9 จางอู๋จี้หรือเตียบ่อกี้

ซูโหย่วเผิงในปี 2003 ซึ่งดูดีที่สุดก็คือเขาอยู่ในหนัง อี่เทียนถูหลงจี้กระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร
แสดงเป็นจางอู๋จี้   ซูโหย่วเผิงเคยแต่ดูบทประพันธ์ของกิมย้ง (จินหยง)

ก่อนหน้านี้ดาบมังกรหยกมีผู้สร้างนำมาปัดฝุ่นทำใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
บทบาทจางอู๋จี้ ต้นฉบับหนังหลายๆฉบับของ หลี่เหลี่ยนเจี๋ย
หม่าจิ่งเทาและเหลียงเฉาเหว่ย  ทุกคนล้วนฝีมือระดับแถวหน้าทั้งนั้น

มาเทียบกับโหย่วเผิงแล้ว โหย่วเผิงมีแรงกดดันไม่น้อย
แต่ซูโหย่วเผิงเผยว่า ทุกๆคนล้วนแตกต่างกัน
เพียงแต่ในใจคิดอยากแสดงบทจางอู๋จี้ของตัวเองให้ดี

โหย่วเผิงยังบอกอีกว่า "จางอู๋จี้เป็นผู้กล้ามีคุณธรรมมาก
ช่างมีความรักที่ลึกซึ้ง มีนิสัยใจคอดีมาก
เป็นบทบาทซึ่งมีอิทธิพลสุดๆของบทประพันธ์กิมย้ง (จินหยง)

ทำให้คนที่ดูดาบมังกรหยกฉบับซูโหย่วเผิง
ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า
ซูโหย่วเผิงมีความละเอียดอ่อนมากละเอียดถี่ถ้วน
กับสถานการณ์เอาใจใส่ ของ 4 สาวสวยแตกต่างกันไป

เขาทำให้เราเห็นว่า (เตียบ่อกี้) ในแบบฉบับของเขา
เป็นคนดี มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ และรักเดียวได้อย่างกลมกลืน
(ไม่ได้ให้คนมองว่า เตียบ่อกี้เป็นผู้ชายที่เจ้าชู้เลย)

เขาทำให้เราเห็นว่า เตียบ่อกี้ ที่เขาแสดงสามารถมองออกดังนี้

-การเอาใจใส่ต่อจิวจี้เยี้ยกเพิ่มความเคารพและตื้นตันใจ
-การเอาใจใส่ต่อมินมิน ทั้งรักทั้งแค้น ดิ้นรนไม่หลุด
-ดูแลเสี่ยวเจียวมีการเพิ่มพูนรักสงสาร
-ดูแลตู้ยี้ทั้งซาบซึ้งกับความรู้สึกพูกพัน

ซูโหย่วเผิงอารมณ์ความรักเหล่านี้ล้วนโชว์แสดงออกมาดีมาก(ให้ไปเลย 100%)
ฝีมือการแสดงของเขาได้ก้าวเข้ามาอีกขั้น เป็นที่ยอมรับ และจับตามองของ
ของคนในวงการหนังจีนกำลังภายใน

[Chomnath]

<a href="http://www.tudou.com/v/ov932kHd3rw/" target="_blank" class="new_win">http://www.tudou.com/v/ov932kHd3rw/</a>

นิยายเรื่องที่ 10 when the snow comes

ในงานแถลงข่าวซูโหย่วเผิงได้อาสาขายเสื้อมือสอง
ซูโหย่วเผิงกล่าวอย่างตื้นตันใจว่า

“นี่เป็นความปรารถนาอย่างหนึ่งของผม
เข้าสู่วงการมาหลายปี หลายคนส่วนมากเอาใจใส่ผม
ผมได้รับสิ่งที่ต้องการอันมากมาย
ผมรู้สึกได้รับจากสังคม ควรคืนกำไรสู่สังคม
มิฉะนั้นแล้วผมจะมองหน้าฟ้าดินได้อย่างไร
ในใจของผมมีผู้สั่งการ   
ผมหวังว่าเมื่อสามารถตอบแทนสังคมผมต้องพยายามทำ”

หลายๆครั้งซูโหย่วเผิงได้รับให้เป็นทูตต่างๆ เขาไม่คิดปฏิเสธเลย
เพราะการได้ทำอะไรเพื่อสังคม เป็นความปรารถนาที่ตัวเองได้ตั้งใจเอาไว้
การเป็นทูตสันถวไมตรีที่ใจรักชอบของพวกเด็กๆจากศูนย์เด็กปัญญาอ่อนกลับคืนสู่สภาพปกติ
พวกเขาช่างน่ารัก ช่างซึ้งใจ โดยเฉพาะคือผู้ปกครองและครูบาอาจารย์ของเด็กๆเหล่านี้

พวกเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ
การดำรงชีพของพวกเขาควรจะได้รับความเอาใจใส่อย่างจริงจัง
ให้เขาเหล่านั้นมีแหล่งสถานที่ มีความสุขเหมือนกับคนปกติทั่วๆไป
คุณมองดูเพื่อนๆเหล่านี้  เมื่อคุณได้ทำอะไรเพื่อพวกเขาเพียงเล็กๆน้อยๆ
ก็จะพบว่าตัวเองมีความสุขมากมายแค่ไหน

หลังจากคุณเติบโตแล้วก็แต่งงานได้ลูกมาหนึ่งคน
เป็นเด็กที่มีอุปสรรคทางสมองอีก

ตลอดชีวิตของคุณคือต้องดูเลเขาไปตลอดชีวิต
ไม่มีเรื่องอื่นใดสามารถกระทำได้

ดังนั้นเพลงๆนี้ when the snow comes     ขอกระทำเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ
หวังว่าสามารถให้พวกเขานำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่                             

http://www.baansuyoupeng.com/music_2002.best%20love%20-%2009.when%20the%20snow%20comes.html

[Chomnath]

นิยายเรื่องที่ 7  ตู้เฟย

เราพูดรวบรัดไป อาจทำให้คนเข้าใจผิด คิดว่าเรื่อง "มนต์รักในสายฝน" โหย่วเผิงร้องด้วยหรือ
ในเรื่องนี้โหย่วเผิงไม่ได้ร้องสักเพลงค่ะ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่โหย่วเผิงได้ฉีกบทบาทเดิมๆ มารับบทตลกๆ
น่ารักแต่จริงใจ ไม่ใช่บทยอดชาย หรือคุณชาย

เพลงที่เอ่ยถึงข้างบนคือเพลงที่โหย่วเผิงประทับใจจากละครที่ตัวเองเล่น
และเพลงเหล่านี้ได้นำไปขับร้องบนเวทีคอนเสิร์ตที่เซี่ยงไฮ้ปี 2002 ด้วยค่ะ

เช่นเพลงพระจันทร์แทนใจฉัน
http://www.youtube.com/watch?v=8_FRofm8uzM&feature=related

เพลงตัง(เมื่อ)
http://www.youtube.com/watch?v=gH-cgy3e11E&feature=related

เพลงห่าวเสี่ยงห่าวเสี่ยง(คิดถึงคิดถึง)
http://www.youtube.com/watch?v=KAU4rJFEYrA&feature=related

[Alec Love Me]

http://www.baansuyoupeng.com/music_1995.wind%20sound%20rain%20-%2002.seagulls%20of%20heaven&earth.html

ช่วงฟังเพลงนี้ครั้งแรกก็เฉยๆนะ รู้แต่ว่าเพลงนี้(น้องหมิว)ของพี่ป๊อปชอบ
แต่ยิ่งมาอ่านนิยายของพี่หมิงเขียนแล้ว ทำให้ประทับใจเพลงนี้ขึ้นมาทันทีทันได
ยิ่งเห็นว่าเพลงนี้มีที่มาที่ไป ก็ยิ่งอินอ๊ะ

เรื่องราวของ "หลี่อี้หัว" ที่มีความผูกพันกับโหย่วเผิงมันช่างประทับใจจังค่ะ
ทุกข์สุขร่วมกันฟันฝ่า จิตใจแน่วแน่ มรสุมลูกไหนๆก็ไม่สามารถล้มพวกเขาได้

[Alec Love Me]

นิยายเรื่องที่ 9 จางอู๋จี้หรือเตียบ่อกี้

เขาทำให้เราเห็นว่า เตียบ่อกี้ ที่เขาแสดงสามารถมองออกดังนี้

-การเอาใจใส่ต่อจิวจี้เยี้ยกเพิ่มความเคารพและตื้นตันใจ
-การเอาใจใส่ต่อมินมิน ทั้งรักทั้งแค้น ดิ้นรนไม่หลุด
-ดูแลเสี่ยวเจียวมีการเพิ่มพูนรักสงสาร
-ดูแลตู้ยี้ทั้งซาบซึ้งกับความรู้สึกพูกพัน

พึ่งดูเรื่องนี้จบมาหยกๆค่ะ ประทับใจคำพูดจอมยุทธเตีย
นึกถึงบทความที่ (พี่หมิง) เขียน อยากจะหยิบยกมาคุยดังนี้

จี้เยี้ยก ถาม เตียบ่อกี้ว่าระหว่าง จี้เยี้ยก,ตู้ยี้,เสี่ยวเจี่ยว,มินมิน
พี่บ่อกี้รักใครมากที่สุด ขอให้บอกนางตามความจริง

บ่อกี้ บอกกับนางตามความรู้สึกที่มาจากใจว่า

- จี้เยี้ยกกับเจ้าข้ารู้สึกนับถือ

- กับตูยี้ ข้ารู้สึกซาบซึ้ง

- กับเสี่ยวเจียว ข้ารู้สึกเวทนา

- แต่กับ มินมิน มันเป็นความรักจากก้นบึ้งของหัวใจ

เป็นคำตอบที่ตอบได้ดีมากค่ะ "ความรักจากก้นบึ้งของหัวใจ"
เป็นคำตอบที่ไม่ต้องมีคำบรรยายและไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมแล้ว