ผู้เขียน หัวข้อ: 2000 ซูโหย่วเผิง+หลินจื้ออิง "เด่นปะทะดังเลยเป็นเรื่อง"  (อ่าน 8279 ครั้ง)

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
ซูโหย่วเผิง+หลินจื้ออิง "เด่นปะทะดังเลยเป็นเรื่อง"

"ละครเรื่องเดชเสี่ยวฮื้อยี้" ได้กลับมาทำเป็นบทละครทีวีอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เคยสร้างชื่อเสียงโด่งดังให้กับทาง ATV และ TVB มาแล้ว มาคราวนี้ทาง ATV ได้นำกลับมาปัดฝุ่นและสร้างเป็นละครทีวีอีกครั้งหนึ่งโดยมีการนำดาราดังๆ มาร่วมประชันกันอย่างมากมาย รวมทั้งยังเอา"หลินจื้ออิง" และ "ซูโหย่วเผิง" มารับบทเด่นในละครเรื่องนี้ เพื่อตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ ของดาราหนุ่มชื่อดังทั้ง 2 ที่อยากจะชมผลงานของทั้งคู่ โดยมีหลินจื้ออิงมารับบทเป็นเซียวฮื้อยี้ และซูโหย่วเผิงมารับบทเป็นฮวยบ่อข่วย เป็นจอมยุทธหนุ่มรูปงามที่เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของเจ้าแม่วังบุปผา เป็นคนมีนิสัยเย็นชา ซึ่งแตกต่างจากองค์ชายห้าในเรื่ององค์หญิงกำมะลอ ราวฟ้่ากับดินเลยก็ว่าได้ และในละครเรื่องนี้ก็มีทำนองของเรื่อง คือพี่น้องต้องมาฆ่ากันเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทั้ง หลินจื้ออิง และซูโหย่วเผิง ต่างก็มีเส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงที่คล้ายๆ กันเพราะพวกเค้่าทั้งคู่ก็เคยผ่านจุดที่ต่ำสุดและสูงที่สุดมาแล้ว และทั้งคู่ก็ยังเป็นนักร้องเหมือนกันซะอีก แถมทั้งคู่ยังเป็นจตุรเทพของประเทศไต้หวันอีกด้วยนะ เพียงจะต่างกันก็ตรงที่ว่า หลินจื้ออิง นั้นเริ่มจะติดตลาดทางฮ่องกงก่อน ซูโหย่วเผิง ดังนั้น หลินจื้ออิงจึงเป็นที่รู้จักในหลายๆประเทศก่อนซูโหย่วเผิง ก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสามารถของทั้งคู่แล้วล่ะก็เรียกว่าสูสีดู๋ดี๋เชียวล่ะ มาคราวนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่องการทำงานในละครเรื่องนี้นะ แต่เราจะมาพูดถึงความดังของพวกเค้ากัน คืออย่างว่าล่ะคนดังก็ต้องมีข่าวเป็นของธรรมดาอยู่แล้ว ก็เลยมีข่าวซุบซิบกันมาว่าซูโหย่วเผิงและหลินจื้ออิงนั้นมีปัญหากันระหว่างการถ่ายทำละครทีวีเรื่องนี้ โดยมีทั้งการแย่งบทละครของตัวละคร เซียวฮื้อยี้ รวมทั้งการร้องเพลงนำในละครเรื่องนี้ด้วย เราก็เลยจะขอหยิบบทเรื่องนี้มาแถลงให้เพื่อนๆฟังกันดีกว่า ซึ่งเราก็เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนก็คงอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ก็มีนักแสดงหลายๆคนออกมาโต้แทนอย่าง

"หลี่ฉีหง" ผู้รับบทเป็น"เตียเจ็ง"หรือ"เสี่ยวเสียนหนี่" เธอกล่าวว่้า

การที่มีข่าวทะเลาะเบาะแว้งกันในกองถ่ายระหว่างหลินจื้ออิงและซูโหย่วเผิงนั้นไม่เป็นความจริงเลย ความจริงแล้วพวกเค้าทั้ง 2 ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ซึ่งถ้ามีเวลาว่างๆ ในกองถ่ายพวกเค้ามักจะชวนกันเล่นไพ่หรือบางทีก็ไปโยนโบว์ลิ่งด้วยกันไม่มีอะไรเลยที่จะดูว่าพวกเค้าทั้งคู่มีปัญหากันอย่างที่มีข่าวออกมาเลย ซึ่งตลอดระยะเวลาการถ่ายทำทุกคนดูจะมีความสุขกันมาก และในครั้งแรกที่ฉันได้พบกับพวกเค้าทั้งคู่ ฉันดูพวกเค้าออกจะกลัวๆ และเขินๆ กันอยู่บ้างเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากันทั้งคู่และยังต้องมาเล่นเป็นฝาแฝดกันอีกด้วยในเรื่องนี้ ก็เลยมีอาการเคอะๆ เขินๆ กันบ้างเป็นธรรมดา แต่เมื่อพวกเค้าได้มีเวลาพบกันมากขึ้นและทำความรู้จักกันแล้ว เค้าทั้งคู่ก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน และสำหรับตัวฉันเองก็เหมือนได้พี่ชายมาตั้ง 2 คนแน่ะ ซึ่งฉันก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าเค้าทั้งคู่ไม่ได้ทะเลาะกันอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน แต่ถ้าจะมีข่าวออกมาน่าจะเป็นข่าวที่เค้าทั้งคู่ชอบเล่นไพ่กันหามรุ่งหามค่ำมากกว่านะ(ยิ้ม)

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
หรือแม้แต่"เฉินเต๋อหยง"ผู้รับบท"ทิซิมลั้ง"หรือ"เถี่ยซินหลัน"ก็ออกมาโต้แทนว่า

การที่มีข่าวออกมาว่าเค้าทั้งคู่ทะเลาะกันนั้นอาจจะเป็นไปได้ทั้งซูโหย่วเผิงและหลินจื้ออิงต่างก็เป็นคนมีชื่อเสียงด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งการที่ทั้งคู่ได้มาทำงานร่วมกันในละครทีวีเรื่อง"เดชเซียวฮื้อยี้"นี้ตลอดระยะเวลาการถ่ายทำงานละครเรื่องนี้ ทั้งคู่ทำงานด้วยความตั้งใจและเอาใจใส่ต่อการถ่ายทำละครเรื่องนี้มาก ซึ่งฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าทำใมผู้สื่อข่าวจึงพยายามเสนอข่าวในแง่ลบของพวกเค้าทั้งคู่ และฉันก็รู้สึกว่ามีคนหลายต่อหลายคนคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเค้าทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา ในระหว่างการถ่ายทำละครเรื่องนี้ในความเป็นจริงแล้วเค้าทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอทั้งในเวลาถ่ายทำและเวลาพักผ่อนซึ่งฉันเป็นคนกลางก็พอจะมองออกว่าอะไรเป็นอะไรและเมื่อฉันได้รู้ข่าวเรื่องนี้ ฉันมีความรู้สึกว่ามันน่าขำมากเลย อาจจะเป็นเพราะว่าในการเริ่มต้นการทำงานทั้งคู่ยังใหม่ต่อกันและอาจจะยังไม่รู้จักกันมากนักก็เลยอาจจะยังมีอาการเขินกันบ้างก็เลยไม่ค่อยได้พูดจาเล่นหัวกันมากนัก แต่พอหลังจากที่พวกเค้าทั้งคู่ได้รู้จักกันแล้ว พวกเค้าทั้งคู่ก็พูดจากันและเล่นหัวเหมือนเพื่อนกันและก็ไม่ได้ทะเลาะกันอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน อย่างที่เรามาถึงเมืองจีนเพื่อถ่ายทำละครเรื่องนี้กัน

พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตลอดเวลาซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควรจึงทำให้พวกเค้าได้มีเวลาทำความรู้จักกันมากขึ้น ในตอนนั้นมีฉัน ซูโหย่วเผิงไปเล่นโบว์ลิ่งและก็มีหลินจื้ออิงแจมไปด้วยและในบางครั้ง หลินจื้ออิงก็ยังไปเคาะประตูที่ห้องนอนของซูโหย่วเผิงเพื่อชวนพูดคุยหรือออกมาเล่นไพ่ด้วยกันถึงเช้าเลยก็มี และในบางครั้งพวกเค้าก็แอบหนีไปโยนโบว์ลิ่งด้วยกัน 2 คนโดยไม่ชวนฉันเลยสักคำ และพวกเค้าทั้งคู่ก็มักจะชอบหาเรื่องอะไรบ้าๆ ประหลาดๆ มาทำ อย่างมีอยู่ครั้งหนึ่งที่พวกเค้าทั้งคู่เกิดความคิดประหลาดขึ้นมาอย่างหนึ่งคือทั้ง ซูโหย่วเผิงและหลินจื้ออิง นั้นได้ไปแปลงโฉมตัวเอง

โดยการไปทำผมของเค้าทั้งคู่ให้หยิกเป็นลอนแล้วก็เพ้นท์สีที่หน้ามีทั้งสีแดง สีเขียว น้ำเงิน เหลืองและยังมีสีอื่นๆ อีกซึ่งพวกเค้าใช้สีกันเยอะมากและก็หลากสีสันซะด้วย เวลามองดูเผินๆแล้วเหมือนกับพวกแอฟฟริกา หรือไม่ก็พวกที่เค้่าไปเชียร์บอลที่ข้างสนามอะไรประมาณนั้นเลย(หัวเราะ) มาโชว์ให้พวกเราในกองถ่ายได้ดูกัน ฉันดูพวกเค้าออกจะตื่นเต้นและสนุกสนานกับการทำอะไรประหลาดๆ พวกนี้นะ แล้วพวกเค้าก็ยังนำความคิดนี้ไปบอกให้"หยางเจียซุย"ซึ่งเป็นผู้จัดการของซูโหย่วเผิง ลองทำดูบ้าง แล้วอย่างนี้จะหาว่าพวกเค้ามีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันได้อย่างไร ในเมื่อพวกเค้าเป็นเำพื่อนที่ดีต่อกันอย่างนี้

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
มาคราวนี้เราก็จะมาฟังจากปากของเจ้าตัวบ้างดีกว่า ว่าเค้าจะพูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง โดยขอเริ่มจาก "ซูโหย่วเผิง"กันก่อนเลยดีกว่า

 "จริงๆ แล้วผมก็เริ่มรู้สึกเบื่อกับข่าวพวกนี้มากเลยนะ เพราะจริงๆ แล้วผมคิดว่าการที่คนเราจะคิดหรือจะทำอะไรไม่เห็นจำเป็นต้องไปบอกให้ใครๆรู้เลยแต่กลับกลายเป็นว่าการที่ผมนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลยนั้นกลับเป็นผลเสียให้กับตัวผมเองว่าผมกับ "หลินจื้ออิง" ทะเลาะกันในกองถ่ายนั้นก็เหมือนกันผมคิดว่ามันตลกนะ ทำใมผมจะต้องไปทะเลาะกับเค้าด้วยหล่ะ เพราะช่วงนั้นผมก็มีงานยุ่งมากคงไม่มีเวลามานั่งทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้หรอก ซึ่งกว่าจะถ่ายละครกันเสร็จผมก็เหนื่อยแล้วอยากที่จะพักผ่อนทำโน่นทำนี่ และหลินจื้ออิง ก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนคุยและเพื่อนเที่ยวที่ดีได้เลย นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเรามีอายุไล่เลี่ยกันก็เลยคุยกันได้ถูกคอ ส่วนเรื่องเพลงประกอบละครที่ใครๆ ก็ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมไม่ค่อยพอใจ หลินจื้ออิงนั้น ผมแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำกับการที่ไม่ได้ร้องเพลงนำประกอบในละครเรื่องนี้ เพราะทางผู้จัดการส่วนตัวของผมก็เห็นว่าผมไม่เหมาะที่จะร้องเพลงประกอบละครเรื่องนี้ หรือแม้แต่ในละครเรื่อง"องค์หญิงกำมะลอทั้งภาค1และ2" ก็ตาม ซึ่งเป็นเพราะว่าผมเองก็กำลังจะมีงานเพลงออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมก็ไม่เห็นจะต้องไปทุกข์ร้อนกับการร้องเพลงนำในละครเรื่องนี้หรืออะไรก็แล้วแต่นั้นที่เป็นข่าวกันอยู่ เพราะโดยปกติแล้วผมก็ไม่ชอบที่จะไปแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใครอยู่แล้วและผมก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่้งคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้แน่นอน ผมจะคิดแต่เพียงแค่ว่าทำงานของตนออกมาให้ดีที่สุด แล้วก็ขอให้ทุกคนยอมรับในผลงานของผมแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว(ยิ้ม)"


ส่วน"หลินจื้ออิง"เองพอได้ฟังข่าวเรื่องนี้เขาก็อมยิ้ม แล้วพูดว่า

"ผมก็พอได้ยินข่าวนี้มาบ้างเหมือนกันตามงานต่างๆ เพราะเราทั้งคู่ก็เป็นจตุรเทพเหมือนกัน และจากการที่เราได้มาร่วมงานกันในครั้งนี้ทำให้พวกเราได้รู้จักกันมากขึ้น แถมตอนนี้เราทั้งคู่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมมักจะชอบชวนเค้ามาเล่นไพ่หรือบางทีเราก็ยังไปโยนโบว์ลิ่งด้วยกันเลย นอนด้วยกันก็ยังเคยเลยนะ เพราะช่วงนั้นพวกผมมักจะชอบชวนกันทำอะไรบ้าๆ บอๆ อยู่เรื่อยๆ(หัวเราะ) ซึ่งผมก็รู้สึกดีใจนะกับการที่ผมได้มาร่วมงานในละครเรื่องนี้ เพราะนอกจากผมจะได้ประสบการณ์การทำงานแล้ว ผมก็ยังได้เพื่อนที่ดีกลับมาด้วย เพราะฉะนั้นผมจะยอมปล่อยโอกาสดีๆ ที่จะได้เพื่อนสนิทเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง โดยการมานั่งทะเลาะกับเค้า คุณคิดว่ามันคุ้มมั้ยล่ะแต่ผมว่าไม่นะ มันไม่คุ้มกันเลย"

เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะเข้าใจแล้วนะคะ ว่าข่าวนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ บางครั้งความเข้าใจของคนเพียง 2-3 คนก็สามารถสร้างกระแสหรือข่าวให้กับทั้งคู่ได้ อาจจะเป็นเพราะละครทีวีเรื่อง"เดชเซียวฮื้อยี้"นี้ นำนักแสดงชายชื่อดังที่มีผลงานเป็นที่รู้จักกันทั่วบ้่านทั่วเมืองมารับบทเด่น ซึ่งย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องมีคนจับตามอง แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าลองเกิดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้จะเลือกใครเหมือนกันนะ เพราะต่างก็หล่อและมีความสามารถด้วยกันทั้งคู่นี่นา...เนอะ