ซูโหย่วเผิงอยากมีความรัก
นักร้องหนุ่มอดีตสมาชิกวงเสี่ยวหูตุ้ยที่มาเอาดีทางการแสดงจนประสบความสำเร็จอย่าง ซูโหย่วเผิง ได้มาโปรโมทอัลบั้มใหม่ "หว่าหวา special"(ตุ๊กตา สเปเชี่ยล) ที่สถานีวิทยุไถเป้ยจืออิน FM 107.7 เขาเปิดตัวด้วยเพลงใหม่อย่าง"เมิ่งเจี้ยนเป่ยจี่กวง"(ฝันเห็นแสงที่ขั้วโลกเหนือ) แถมยังบอกแฟนๆ ว่า"ในวันนี้ผมมาในฐานะนักร้อง หวังว่าทุกคนคงจะยังจำกันได้นะครับ"
แม้ว่ากำลังจะมีงานถ่ายละครอย่างต่อเนื่องแต่ในใจลึกๆ ซูโหย่วเผิงก็ยังคิดถึงการร้องเพลงอยู่เสมอ ตัวเขาเองเคยคิดที่จะออกจากวงการอยู่เหมือนกันแต่เนื่องจากเสียงเรียกร้องและการให้กำลังใจของแฟนๆ บวกกับความรักในดนตรีของเขา ทำให้เขาตัดสินใจจะเดินในเส้นทางนี้ต่อไป
ในเวลาสั้นๆ เพียง 2 ชั่วโมงของรายการนั้นนอกจากจะทำให้ซูโหย่วเผิงร้องเพลงได้น้อยไปหน่อยแล้วก็ยังทำให้แฟนๆ ที่มาฟังรู้สึกว่ายังไม่ค่อยจะจุใจเท่าที่ควร เขาจึงออกตัวบอกแฟนๆ ว่า"ฝากด้วยนะครับ คราวหน้าอย่าลืมให้ผมมาร้องเพลงที่สถานีอีกนะ"
สำหรับในด้านความรัก ซูโหย่วเผิงเปิดใจว่าเขารู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะความจริงแล้วเขาเองก็อยากจะมีความรักใจจะขาด แต่ว่าเนื่องจากงานแสดงที่รัดตัว เสร็จจากงานหนึ่งก็ต้องรีบไปทำอีกงานหนึ่ง เพิ่งกลับจากเมืองนี้ก็ต้องไปเมืองนั้นต่อ ทำให้เขายังไม่สามารถหาคนที่จะเข้าใจตัวของเขาจริงๆ ได้เสียทีอีกทั้งสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะให้คำมั่นสัญญาหรือให้ความสุขกับใครคนใดคนหนึ่งได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเรื่องคู่แท้ก็ยังคงต้องมองหากันต่อไป เขายังกล่าวยิ้มๆ อีกว่าสื่อมวลชนชอบจับคู่ให้เขาอยู่เรื่อย ถึงตอนนี้ดาราสาวๆ ที่ตกเป็นข่าวกับเขาก็มีจำนวนไม่น้อยแต่ว่ายังไม่มีใครที่เป็น "คนที่ใช่" จริงๆ เลย
ระยะหลังนี้ซูโหย่วเผิงเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ แต่ใครจะคิดว่าในสมัยที่เขายังเป็นนักร้องวงเสี่ยวหู่ตุ้ยอยู่ เขาก็เคยได้เป็นข่าวดังมาแล้วเหมือนกัน เพราะในช่วงนั้นมีงานแจกลายเซ็นต์แบบมาราธอนจนทำให้การจราจรในเมืองไทเปเป็นอัมพาตเลยทีเดียว ดังนั้นจึงกลายเป็นหัวข้อข่าวใหญ่ในข่าวภาคค่ำเลยทีเดียว ตัวซูโหย่วเผิงเองก็ยังจำเหตุการณ์ในตอนนั้นได้ดี ในตอนนั้นดีเจเสริมขึ้นว่า"ใช่แล้ว ใช่แล้ว ยังจำได้ว่าในสมัยนั้นน้องสาวและลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงต่างก็วิ่งตามติดวงเสี่ยวหู่ตุ้ยตั้งแต่เช้าจนค่ำเลยทีเดียว" ไม่คิดว่าจะถูกซูโหย่วเผิงย้อนกลับว่า"อ้าวแล้วพวกคุณไม่มาตามด้วยเหรอ ถ้าอย่างนั้นถือว่าคุณเชยมากเลยนะเนี่ย"เพื่อจะไม่ให้หน้าแตกพิธีกรเลยตอบเสียงดังว่า"แต่ว่าพวกเรารู้จักเพลงของคุณเป็นอย่างดีเลยนะ"
ซูโหย่วเผิงไม่ค่อยสบายนัก(เป็นหวัด)ในวันที่ร้องเพลงที่สถานีไถเป่ยจืออิน"หว่าหวา special"ทำให้เสียงร้องในวันนั้นออกจะแหบพร่าไปบ้าง แต่เขากลับให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้อย่างสบายอารมณ์ว่า"จริงๆ แล้วผมว่าความไม่สมบูรณ์แบบมันก็ดีไปอีกแบบนะ อย่างน้อยทุกคนก็จะรู้ว่าผมร้องสดไม่ได้ลิปซิงค์" นอกจากนี้ผู้ชมหลายคนยังไปโพสต์ข้อความลงในอินเตอร์เน็ตบอกว่า พวกเขาเติบโตขึ้นมากับเสียงเพลงของซูโหย่วเผิง เมื่อได้ยินเพลงทีไรก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองก็เคยผ่านช่วงเวลาวัยรุ่นมาแล้วและยังมีแฟนเพลงอีกกลุ่มหนึ่งโพสต์ว่า สมัยก่อนตัวเองยังเคยตามติดไกวไกวหู่(เสือเชื่อง-ฉายาของซูโหย่วเผิงตอนอยู่วงเสี่ยวหู่ตุ้ย)วงเสี่ยวหู่ตุ้ยอยู่เลย ตอนนี้ลูกสาวตัวเองก็เริ่มโตพอที่จะมีศิลปินในดวงใจกับเค้าแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมาติดใจ อู่อาเกอ ในซีรี่ส์เรื่อง หวนจูเกอเกอ เหมือนกันซะนี่(อู่อาเกอคือบทที่ซูโหย่วเผิงแสดงในซีรี่ส์เรื่อง"หวนจูเกอเกอ"(เจ้าหญิงกำมะลอ) เจอข้อความที่โพสต์มาแบบนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีแต่ดีเจกลับอิจฉาที่เขาสามารถเป็นไอดอลที่คนชื่นชอบได้ทั้ง 2 ยุคสมัย เรียกได้ว่าร้ายกาจจริงๆ นะเนี่ย
อีกไม่นานซูโหย่วเผิงก็จะไปถ่ายหนังที่เมืองจีนเมื่อถูกถามถึง"เรื่องของอาเม่ย"(จางหุ้ยเม่ย)ที่เพิ่งเกิดขึ้นและส่งผลให้คนจีนเกิดอาการต่อต้านสินค้านอกประเทศ ตอนแรกเขามีน้ำเสียงเหมือนกับไม่ค่อยอยากจะตอบคำถามนี้นัก แต่ในที่สุดก็แสดงความคิดเห็นว่าพวกเราล้วนเป็นนักดนตรี ดังนั้นสิ่งที่พวกเราสนับสนุนก็คือเสียงดนตรี และเขายังไม่ลืมที่จะพูดถึงอัลบั้มชุดใหม่ว่า"หวังว่าทุกคนคงสนใจเพลงใหม่ของผม ซึ่งในอัลบั้มนี้ก็มีโบนัสแทร็คให้ด้วย หวังว่าทุกคนคงจะสนับสนุนของลิขสิทธิ์ด้วยนะครับ"
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ร่วมงานกับนักแสดงสาวชาวเกาหลีอย่างแชริมมาแล้ว และในผลงานเรื่องล่าสุดที่กำลังจะเปิดกล้องของเขาเรื่อง หมัวซื่อซือ (นักมายากล)เขาก็จะได้ร่วมงานกับนักร้องหนุ่มชาวเกาหลีอย่าง อันเจวุก อีกด้วย โดยได้ดาราสาวหลินซินหยูที่เคยเป็นข่าวกับเขา มารับบทนำเพื่อที่จะเล่นละครเรื่องนี้ได้อย่างสมจริงถึงบทบาทเขาจะต้องฝึกเทคนิคในการแสดงมายากลด้วย อีกสองเดือนที่จะถึงนี้ก็จะไปถ่ายละครที่ปักกิ่งแล้ว ตัวเขาเองที่ไว้ผมยาวอยู่ก็ต้องตัดผมเพื่อแสดงละครเรื่องนี้ เขาบอกว่า"ช่วงไม่นานมานี้ผมจะมัดผมตลอด แต่พอละครเรื่องนี้จะเปิดกล้องก็เลยต้องตัดผมด้วย แม้ว่าส่วนหนึ่งอาจจะรู้สึกไม่ค่อยอยากตัดนักแต่ผมเชื่อว่าลุคใหม่ของผมคงทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกตาได้ไม่น้อยเลยล่ะ"