ผู้เขียน หัวข้อ: [2015-05-05]โจ่วเอ่อทะลุสี่ร้อยล้าน ซูโหย่วเผิงเข้าใจช่วงวัยรุ่นที่ผ่านไปแล้ว  (อ่าน 4959 ครั้ง)

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
12512432_1200x1000_192.jpg" border="0
12512433_1200x1000_192.jpg" border="0
12512434_1200x1000_192.jpg" border="0
12512435_1200x1000_192.jpg" border="0

ที่มา http://ent.qq.com/a/20150505/045273.htm#p=4

5 พฤษภาคม 58 โจ่วเอ่อทะลุสี่ร้อยล้าน ซูโหย่วเผิงเข้าใจช่วงวัยรุ่นที่ผ่านไปแล้ว

สำนักข่าวบันเทิงเถิงซวิ่น(腾讯)รายงาน เมื่อวานนี้ (4 พค) ซูโหย่วเผิงได้นำกลุ่มนักแสดงหนุ่มสาวจากเรื่องโจ่วเอ่อมาโปรโมทที่คุนหมิง ช่วงสัมภาษณ์ ซูโหย่วเผิงบอกว่าเขาได้เอาช่วงวัยรุ่นของตัวเองที่ผ่านไปแล้วมาใส่ไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย นักแสดงทุกคนก็รู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณสำหรับการชี้แนะ

   เผชิญหน้ากับข้อสงสัย นี่ก็เป็นครั้งแรกของซูโหย่วเผิงเหมือนกันที่ตอบข้อสงสัย เช่นแฟนหนังสือเสียดายที่สวี่อี้(许弋)หายไป ผู้ชมที่สงสัยกับการเปลี่ยนไปของหลี่เอ่อ (李珥) รวมไปถึงผู้ชมที่ไม่เข้าใจตอนเริ่มและตอนจบของเรื่อง และอื่นๆ

สัมพันธ์วัยรุ่น
ซูโหย่วเผิงนำอดีตของตัวเองถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์


   เมื่อถามเกี่ยวกับตัวละครที่ชอบมากที่สุด ซูโหย่วเผิงบอกว่าเขาชอบหลิน (琳) และโหยวทา (尤他) หลินนั้น เป็นผู้หญิงประเภทคมในฝัก ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่โหยวทาเป็นประเภทที่ไปรักใครเงียบๆ เป็นผู้ชายที่รู้ตัวเองดี รู้ว่าเวลาไหนควรถอย ตอนที่นักข่าวถามว่า เขามีท่าทีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไร ซูโหย่วเผิงตอบอย่างปลงๆว่า “ผมนำอดีตของตัวเองถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ ภาพขาวดำที่ปรากฏบนจอของปาลา และเฮยเหริน (黑人)ที่ตบโต๊ะแล้วบอกว่ากลับไปไม่ได้แล้ว รูปงานศพของปาลาเป็นตัวแทนของวัยรุ่นทุกคนในภาพยนตร์ เคยทั้งเหลิง เคยทั้งฟุ่มเฟือยใช้เงินเป็นเบี้ย แม้กระทั่งหนีไป เฮยเหรินตบโต๊ะเป็นการย้ำอีกครั้งว่ากลับไปไม่ได้แล้ว เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกเสียใจกับช่วงวัยรุ่น แต่มันก็ต้องก้าวต่อไปข้างหน้า ไม่ย้อนกลับมา นี่เป็นทัศนะคติของผมที่มีต่อช่วงวัยรุ่น”

ตอบคำถามที่สงสัย
เคยผ่านเหตุการณ์ที่ได้รับการให้อภัย


   จากมุมมองของผู้กำกับซูโหย่วเผิง ภาพยนตร์วัยรุ่นไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องราวที่เรียบง่ายของวัยรุ่น สิ่งที่เขาให้ความสำคัญก็คือ เนื้อแท้ของวัยรุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซูโหย่วเผิงตั้งใจในการวางพล็อตอย่างมาก ฉากที่ปาลาแต่งหน้าให้เสี่ยวเอ่อตัว (小耳朵) เป็นฉากหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก ฉากที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอาง เป็นการจุดประกายในการอยากเป็นเด็กไม่ดีของปาลา  ผู้ชมและเสี่ยวเอ่อตัวร่วมกันผ่านความในใจอันซับซ้อนไปด้วยกัน เป็นฉากที่ต้องครุ่นคิดอย่างมาก ตลอดจนหลังจากที่ปาลาตาย เสี่ยวเอ่อตัวก็ใช้ชื่อปาลาส่งข้อความหาจางย่าง(张漾)มาโดยตลอด ตอนที่เสี่ยวเอ่อตัวมีไข้สูง ช่วงที่เธอเลอะเลือนมีบุคลิกเป็นปาลา และอื่นๆ มีผู้ชมเข้าใจว่าปาลามีชีวิตอยู่ตลอด และก็มีคนเข้าใจว่าเป็นลักษณะที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี เพราะเธอเชื่อว่าต้องทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถได้ในสิ่งที่เธอต้องการ

   ฉากในภาพยนตร์ที่ทำให้ผู้ชมซาบซึ้งมากที่สุดฉากหนึ่ง ก็คือฉากในน้ำ ซูโหย่วเผิงให้บอกขณะให้การสัมภาษณว่า ตนใช้ความสามารถอย่างมากในการถ่ายทำฉากนี้ ไม่ว่าจะต้องดิ้นรนหาโลเกชั่นในแต่ละเมือง และยังมีสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีต่อนักแสดง ล้วนแต่แสดงถึงการให้ความสำคัญของซูโหย่วเผิงต่อฉากนี้ “ในมุมมองของผม เวลาที่คนอยู่ในน้ำ จะมีสภาพเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา ปิดกั้นเสียงจากโลกภายนอก จิตใจของผู้ชมและนักแสดงจะสงบลงไปด้วยกัน  จางย่างเห็นผู้หญิงที่จมน้ำเป็นปาลา ในน้ำเป็นสัญลักษณ์ของการละทางโลก ปาลาที่บริสุทธิ์นั้น กลับมาแล้ว หลังจากที่ผู้ชมและจ่างย่างรู้สึกยินดีแล้ว กลับต้องพบกับความผิดหวังอันยิ่งใหญ่” ผู้ชมก็จะนั่งเงียบๆอยู่ตรงนั้น มองดูอารมณ์อบอุ่นที่กำลังค่อยๆเกิด ในใจกลับรู้สึกขึ้นๆลงๆ นี่คือการอธิบายการแก้ตัวและการให้อภัยของวัยรุ่นในแบบของผู้กำกับซูโหย่วเผิง ไม่ได้บอกเล่าผ่านฉากที่ไม่สร้างสรรค์ ที่มากที่สุดคือความคิดอันอบอุ่นและสงบนิ่งของวัยรุ่น แผลเป็นจากความเจ็บปวดก็ค่อยๆเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ลึกและชัดเจน

พูดคุยนอกรอบ
นักแสดงยกให้ซูโหย่วเผิงเป็น “ครูใหญ่”


   ไม่นานมานี้ ทีมงานพบว่าช่วงที่ซูโหย่วเผิงกำกับการแสดงอยู่นั้น อารมณ์จะร้อนมาก เลยขนานนามว่า ผู้กำกับ “อารมณ์ร้าย” ในเรื่องนี้ นักแสดงหลักที่มาแถลงข่าวในครั้งนี้ กลับไม่คิดเหมือนกัน หูเซี่ย (胡夏) รู้สึกขอบคุณอารมณ์ร้ายในการกำกับของผู้กำกับเป็นอย่างมาก เขาบอกว่าต้องมีความกดดัน ถึงจะมีการเติบโต ถึงจะทำให้เขาแสดงเป็นโหยวทา (尤他)ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ หม่าซือฉุน (马思纯) เรียกซูโหย่วเผิงอย่างสนิทสนมว่าครูใหญ่ เขาดูแล้วคนทั้งกองถ่ายนี้ ไม่เพียงแค่กำกับการแสดง ทั้งยังจัดการเรื่องราวต่างๆในกองถ่ายอีกด้วย นักแสดงหญิงอย่างเฉินตูหลิง (陈都灵) รู้สึกขอบคุณมือของผู้กำกับที่คอยสอนการแสดง ทำให้ช่วงวัยรุ่นของเธอเข้าสู่โลกใบใหม่ที่ไม่เหมือนกับของคนอื่น  แต่ผู้กำกับซูโหย่วเผิงกล่าวอย่างยินดีว่า “เพราะว่าผมเป็นผู้กำกับมือใหม่ เพราะฉะนั้นเลยทุ่มเทมากกว่าผู้กำกับรุ่นแน่นอน ผมก็ยินดีกับความตั้งใจที่เหล่านักแสดงแสดงออกมา ถึงได้ถ่ายทำออกมาเหมือนกับฉากในใจที่ผมคิดไว้ ผมว่าผมโชคดีด้วยครับ”

   มีรายงานว่า ภาพยนตร์โจ่วเอ่อ เข้าฉายได้สิบวัน กวาดรายได้ไปกว่าสี่ร้อยล้าน ว่ากันว่าภาพยนตร์ที่นำเนื้อเรื่องมาจากนิยายเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่ถ่ายทำตามเนื้อเรื่องต้นฉบับเท่านั้น ซูโหย่วเผิงยังได้เอาประสบการณ์ของตัวเองใส่เข้าไปด้วย ภาพยนตร์โจ่วเอ่อ ไม่เพียงแต่มีช่วงวัยรุ่นที่ผ่านไปแล้ว ยังมีเนื้อหาของการแก้ตัวและการให้อภัยอีกด้วย สิ่งที่ผู้ผลิตได้รับนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ผลงานชิ้นเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้เกียรติและการยอมรับผู้กับกำคนใหม่อีกด้วย