ผู้เขียน หัวข้อ: 2007 Beijing Youth Weekly  (อ่าน 10456 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
2007 Beijing Youth Weekly
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 04:56:21 AM »
Beijing Youth Weekly” 20070301 – No.597


ซูโหย่วเผิงอยากจะมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบเป็นหนุ่มฉกรรจ์

หน้ากล้องอย่างซูโหย่วเผิงได้โปกมือบอกว่าไม่เคยมีภาพลักษณ์ของไกวๆหู่เลย ได้ไว้หนวดเครา ตัวมอมแมมนิดหน่อย มีเส้นผมที่ห้อยลงมาอย่างยุ่งเหยิงหน่อยๆ เห็นถึงอารมณ์ที่โหดทารุณ ได้เขียนถึงความเป็นที่ซ้อนเล้นของความเป็นชาย ชุดที่ทันสมัย ได้มีท่วงทำนองที่ไม่ปกติ นี่เป็นภาพที่โหย่วเผิงมอบให้กับเรา พูดว่าใหม่ คือพวกเราคุ้ยเคยกับภาพวันวานของเขาในไกวๆหู่เกินไป เขาที่ต่อหน้าเรานั้นยังต้องมีคนใช้เวลาในการยอมรับเขาด้วย แต่ว่าสำหรับตัวเขาเองนั้นคุ้นเคยแล้ว และทั้งยังชอบ เพราะเขารู้สึกว่าภาพอย่างนี้นั้นใกล้เคียงกับความเป็นตัวเองมากกว่า ชีวิตนั้นปล่อยไปตามอิสระซูโหย่วเผิงในวันนี้ เป็นคนหนึ่งที่เคยผ่านเป็นคนดังในวัยเด็ก และเริ่มต้นนับศูนย์ใหม่ทั้งการงานและชีวิต


ผู้ชายแห่งสามสิบสี่ปี แช๊ก (เสียงไฟกล้องถ่ายรูป) ได้ตามและติดกับเสียงของช่างภาพ โหย่วเผิงได้มีภาพที่ไม่เหมือนกันออกมา การเปลี่ยนแปลงที่เร็ว สิ่งที่มองเห็นได้คือความมีชีวิตชีวา รูปมิติ ภาพลักษณ์ ตัวตนจริงๆของซูโหย่วเผิง


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Beijing Youth Weekly No.597
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 05:03:02 AM »

ปีที่ผ่านมานั้นผมได้เปลี่ยนไปหมด

ปีที่ผ่านมา โหย่วเผิงมีเจตนาที่จะปล่อยให้การงานน้อยลง เขาอยากให้ตัวเองนั้นได้มีเวลาที่มากขึ้นในการให้ความสุขและสัมผัสถึงชีวิตของตน ฉะนั้น เขามีโอกาสหลายครั้งในการพบปะสังสรรคกับสหายเก่าและเพื่อนนักเรียนเก่า นั่นเป็นความสุขที่ลบเลือนไปไม่ได้เป็นความทรงจำที่สวยงาม มีอยู่คืนหนึ่ง ผมได้คึกขึ้นมาในทันใด ก็ได้นัดกับเพื่อนไปเดินเล่นชายหาด ทั้งยังได้ถ่ายรูปใต้ดวงไฟที่มีความหมายมาก ไม่ได้บ้าคลั่งสนุกอย่างนี้มานานแล้วจริงๆ โหย่วเผิงได้หลงไหลไปกับบรรยากาศในตอนนั้นไปแล้ว สามารถจะจิตนาการณ์ภาพได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกในตอนนั้นเป็นอย่างไร

สำหรับคนคนหนึ่งแล้วอารมณ์ที่ฮึกเหิมพลุ่งพล่านนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ผมไม่ชอบที่จะเอาตัวเองไว้ในกรอบ ตอนนี้ยากมากที่จะหาสิ่งที่ตัวเองรู้สึกสนใจตื่นเต้นเป็นพิเศษ โอกาสยากมากที่สามารถได้เดินเล่นในบรรยากาศอย่างนี้กับเพื่อนที่รู้ใจ โดยเฉพาะการผจญภัยในสมัยเด็ก ไม่ได้มีประสบการณ์อย่างนั้นมานานแล้วจริงๆ

บางครั้งการพยายามอย่างสุดหัวใจ(สุดกำลัง)นั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สนุกเหมือนกัน แต่ว่า มนุษย์เรานั้นจะมีฉากกำแพงกั้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจหรือรู้มาก่อน โดยเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงก็มักจะปิดกั้นตัวตนความเป็นจริงของตัวเองไว้ สำหรับพวกเขาแล้วอันนี้ถือเป็นการป้องกันแห่งนิสัยของพวกเขา

คนรอบข้างผมหลายคนก็กระซิบบอกผมให้ป้องกันปกป้องตัวเองด้วย แต่ผมคิดว่าผมเป็นคนประเภทจิตใจเร้าร้อน สามารถที่จะสัมผัสถึงจิตใจที่อารีย์และอ่อนโยนของโหย่วเผิง ทุกครั้งที่ได้สัมภาษณ์เขาก็จะรู้สึกว่าจะเข้าใจรู้จักเขาขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ฉะนั้นในใจเรานั้นนับถือเป็นสหายกันและกัน เป็นที่ตกใจทำให้ผมทึ่งก็คือ เวลาผ่านไปแล้วหลายปี เขาสามารถเล่าถึงการสัมภาษณ์ครั้งแรกของเราได้อย่างละเอียดเลย

ครั้งก่อนที่เจอเขาก็ช่วงปลายปี ดูเหมือนเขาจะมีความเย็นชา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงานหรือว่าความรัก ครั้งนี้ รู้สึกว่าอารมณ์ของเขานั้นเร่าร้อนขึ้นมามากแล้ว เมื่อได้พูดก็จะเห็นถึงความสุขในตัวเขา ผมรู้สึกว่าปีที่แล้วนั้นผมได้เปลี่ยนไปทั้งหมด เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

ผมว่าจะหยุดพักกับเขาแล้วมาสัมผัสความลึกซึ้งของชีวิตด้วยกัน ในวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันนั้น คนเราจะปล่อยวางสบายได้ในช่วงพริบตา ไม่ใช่ว่าจะเคร่งอยู่อย่างนั้น จิตใจก็จะสงบลงอย่างธรรมชาติ ตอนเด็กเริ่มดัง เป็นช่วงที่ได้เกียรติยศชื่อเสียง แต่กลับสูญเสียความอิสระและความเป็นส่วนตัวของสมัยตอนเด็กไป เหมือนกับลูกข่างที่หมุนอยู่ ไม่ได้หยุดพักแม้แต่เซี่ยววินาที




จริงๆนะ การได้พักได้หย่อนนั้นสำคัญมากๆ ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าปล่อยวางแล้ว ที่จริงก็พึ่งเซ็นสัญญากับบริษัทของจีน มีงานใหม่เข้ามา สำหรับอนาคตแล้วผมนั้นสู้เต็มที่ โหย่วเผิงได้เปิดรอยยิ้มออก ยิ้มร่ามาก เป็นรอยยิ้มที่เคยคุ้นเคยมาก แต่เพียงแค่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นเขายิ้มอย่างนี้มานานแล้ว สาเหตุอาจเป็นเพราะอายุก็ได้ ตลอดเวลาเขาอยากจะให้ใบหน้าของเขานั้นเข้ากับอายุของเขา ช่วงระยะเวลานี้ เขาได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ ได้ไว้หนวดเครา ทรงผมจัดได้เท่ห์มาก โดยเฉพาะตอนถ่ายรูป เขายิ้มแทบจะนับได้เลย (น้อยมาก) หน้าตาที่ขรึม แต่ว่า ผมสังเกตเห็นจากเวลาที่เขาได้คุยกับเพื่อนๆนั้น หัวเราะแทบจะขาดใจเลยแหล่ะ เห็นได้ว่าตอนนี้ความสุขของเขานั้นออกมาจากใจจริงๆ

เพื่อนเก่ามาเจอกันรวมกัน คุณว่าพวกเขาเปลี่ยนไปเยอะไหม?

ผมรู้สึกว่าคนที่อยู่ในวงการบันเทิงนั้นจะแก่ยาก ภายนอกนั้นเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แต่เพื่อนนักเรียนที่เป็นหมอหรือไอที ดูไปแล้วเหมือนกับลูกโป่งเลยอย่างนั้น

คิดแป๊ปหนึ่ง คุณเรียนจบมหาลัยและได้ทำงานเกี่ยวกับช่างกลจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?

โหย่วเผิงคิดแล้วคิดอีก ก็ยังไม่ตอบ แล้วก็อั้นไม่อยู่ที่จะหัวเราะออกมา ไม่กล้าคิดเลย อาจจะเป็นแบบลูกโป่งเลยก็เป็นได้นะ ยังมีลูกอีกสองคน

ทุกคนอาจจะมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน เรื่องหลักสำคัญของชีวิตก็จะไม่เหมือนกันด้วย โหย่วเผิงยังได้เสริมอีกว่า เรื่องหลักสำคัญของชีวิตคุณคืออะไร?

ปรารถนาที่จะให้การงานมีบรรยากาศใหม่ๆ มีการงานหลายอย่างจำต้องทำให้ดีกว่าเดิม

การหาเงินสำคัญไหม? แต่เด็กสภาพการเงินครอบครัวของโหย่วเผิงนั้นไม่ค่อยดี หลายปีมานี้ เงินที่เขาได้รับจากการทำงานนั้นได้ไปช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวและทั้งส่งน้องชายเรียน การหาเงินนั้นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญอันต้นๆแล้วหล่ะ ตอนนี้ให้ความสำคัญกับความสุขของการงานมากกว่า หลายปีก่อนนั้นได้สะสมประสบการณ์การทำงานมา คนอื่นก็จะไม่เรียกร้องเรามากเกินไป แต่ว่าได้เลื่อนสูงขึ้นตามตำแหน่งนั้น คนอื่นก็จะเรียกร้องเราสูงเหมือนกัน ก็จะต้องระวังในการเลือกสรรเป็นพิเศษ ได้ปล่อยจังหวะการงานให้ช้าลง การพักผ่อนก็เพื่อจะให้สภาพการงานดีกว่านี้ขึ้นมา

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Beijing Youth Weekly
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 05:09:58 AM »
อยากจะแข็งแรงเป็นชายห้าวหาญ


เวลาพักผ่อน เวลาส่วนใหญ่ของโหย่วเผิงนั้นจะอยู่ที่บ้าน วันตรุษจีน บ้านก็ยิ่งจะเป็นที่แรกที่เขาต้องเลือกอยู่ เขารู้สึกแปลกมากกับการไม่ได้กลับบ้านของปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงมีเรื่องหนึ่งที่ยังทำให้เสร็จในตลอดปีนี้ อารมณ์ความรู้สึกที่ประหลาดใจของโหย่วเผิง เวลาไม่ทำงานนั้นไปทำอะไร? วิถีชีวิตของศิลปินนั้นเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วไป

โหย่วเผิงก็ยังยิ้มก่อนพูดเหมือนเดิม... พูดไปแล้วคุณอาจไม่เชื่อ ผมอยากจะฝึกร่างกายให้แข็งแกร่งเป็นชายห้าวหาญ ดูอารมณ์ที่ประหลาดของผม โหย่วเผิงได้หัวเราะจนเกือบจะพูดไม่ออก แต่ว่าจนแล้วจนเล่าก็ยังไม่สำเร็จ บางครั้งเนื่องจากต้องถ่ายหนังก็เลยยากที่จะทำมันต่อไป การฝึกร่างกายแกร่งของผมนั้นก็เพื่อจะให้มีกล้ามขึ้น


หลายปีก่อน โหย่วเผิงไปถ่ายที่กรีกแล้วเขียนความนั้น ก็เคยโชว์ให้เราเห็นรูปร่างที่มีกล้ามแล้ว ดูแล้วแข็งแกร่งจริงๆ ตอนนั้นได้อดทนฝึกฝนเป็นเดือน ระหว่างนั้นมันทุกข์ทรมานมากๆ การเพาะกายมีหลายแบบ หากอยากให้มีกล้ามขึ้นนั้นต้องฝึกท่าของมัน ในตอนนั้นรู้สึกถึงความสำเร็จก็ต่อเมื่อตอนอาบน้ำแล้วถอดเสื้อเห็นกล้ามในเวลานั้น ผมคิดว่า ไม่ว่ามันจะเพาะฝึกอย่างไร ก็คงจะเป็นแบบห้าวหาญไม่ได้หรอก

ปีที่ผ่านมา โหย่วเผิงก็ได้เพิ่มรายการที่จะทำให้ตัวเองผ่อนคลายอีกกิจกรรมหนึ่ง ก็ค่อยเว็ปไซด์ สำหรับเขาแล้ว เว็ปไซส์ตัวเองนั้นตัวเองเป็นคนเขียนแต่ง เพราะอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองใครจะรู้ได้ ความรู้สึกของตัวเองใครจะยิบมาเขียนให้ถูกได้ เขียนเว็ปด้วยตัวเอง ความรู้สึกที่เขียนได้เยอะคือเวลาความรู้สึกโดดเดี่ยวกับอารมณ์เศร้าของเขา แต่เวลาที่อารมณ์ดีนั้นกลับไม่อยากเขียน เหมือนกับว่าไม่มีอะไรที่จะเขียน


แสงตะวัน ความรู้สึกที่มีความสุขนั้นอยากจะแสดงออกให้เห็น โหย่วเผิงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เหมือนกับสองสามวันนี้ผมมีความสุขมากๆ แต่ก็อย่างว่ายากจะให้ปากกาสื่อออกมาให้รู้ ฉะนั้น เว็ปของผมกี่วันแล้วที่ไม่มีการปรับปรุง(อัฟเดรท) ถ้าดูตามอย่างนี้แล้ว ทุกคนสามารถจะรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของเขาผ่านทางเว็ปของเขา หากว่าเขาไม่ได้เขียนอะไรลงเว็ปหลายวัน ก็แสดงว่าอารมณ์เขาดี ทุกคนก็อย่าไปคิดอะไรมาก



คุณสนใจให้ความสำคัญกับเว็ปข้อความของคุณไหม?

มีให้ความใส่ใจนะ ทุกวันก่อนเที่ยงก็จะเข้าไปดูข้อความของผม อยากจะรู้ถึงการตอบสนองของทุกคน

หากว่ามีข้อความที่ไม่ดี หรือแง่ลบ คุณถือสาไหม?

หากว่าพูดแล้วมีเหตุผลผมก็ฟัง หากไม่มีเหตุผลผมก็จะไม่ใส่ใจ (จะลบทิ้งไหม?) ผมขี้เกียจลบ หากว่าอยากจะโจมตีผมให้ร้ายผมก็ทำได้ ผมก็ไม่ได้กระทบกระทั่งอะไร เวลาหลายปีก็ทำให้ชินแล้ว เดินในทางของตัวเอง ให้เขาพูดไปเถิด คำพูดนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกหรือเกี่ยวข้องกับผม ตอนนี้ผมจะเอามันฝังไว้ที่ใจ เพราะว่าผมไม่สามารถที่จะทำในสิ่งที่ทุกคนพูดและให้ทุกคนชื่นชอบหมดได้ และไม่สามารถที่จะเป็นที่รักของทุกคนได้ สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ผมมักจะเป็นคนที่ปรับสภาพจิตใจของตัวเองได้ง่าย ก็จะมองปัญหาในอีกมุมมองหนึ่ง ก็จะไม่ไปจมอยู่กับที่

พูดถึงการเติบโต โหย่วเผิงอดที่คิดถึงไม่ได้กับสิบปีที่แล้วที่ได้แสดงละครหนังเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ) วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สิบปีหลัง ใบหน้าอันอ่อนวัยของศิลปินในสมัยนั้นวันนี้กลับกลายเป็นศิลปินดัง ก่อนหน้านี้ไม่นาน โหย่วเผิง หลินซินหยู กับ โจวเจีย ได้นัดพบกันแล้วงานที่บ้านจ้าวเวย ชื่องานว่า สมาคมศิษย์เก่าหนังละครองค์หญิงกำมะลอ ในงาน พวกเขาได้เอ่ยถึงเรื่องอดีตมากมายรวมทั้งยังได้แอบปล่อยข้อมูลลับด้วย ตามที่รู้ว่า ถ่ายหนังนั้นสามารถถ่ายภาคหนึ่งกับสองได้ โหย่วเผิงรู้สึกว่าจ้าวเวยในวันนี้นั้นผ่อมเยอะแล้ว ปล่อยวางแล้ว ซินหยูยิ่งอยู่ยิ่งมีกลิ่นไอของผู้หญิง พวกเขาบอกว่าสมัยนั้นผมจะเป็นคนชอบเบื่อเซ็ง กดดัน ตอนนี้นั้นได้แสดงตัวตนของตัวเองแล้ว ก็จะตลกขำหน่อย โหย่วเผิงกล่าว

สิ่งที่ให้โหย่วเผิงประทับใจคือ สิบกว่าปีมานี้มีผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ชายหรือหญิง ก็ล้วนได้ติดตามเขาตลอดมา ได้เคียงข้างเขาในการเดินผ่านวันเวลาแห่งการเติบโต โหย่วเผิง ผมนั้นได้เติบโตไปกับเสียงเพลงของคุณนะ เขามักจะได้ฟังเริ่องราวที่เหมือนกันในที่ที่ต่างกัน คนที่พูดเหล่านั้นล้วนเป็นคนมีอายุทั้งนั้น คำพูดอย่างนี้นั้นมักจะทำให้ผมประทับใจ ไม่ต้องไปเอ่ยถึงใคร แม้กระทั่งตัวเองได้ยินเสียงเพลงใน เคทีวี ก็ทำให้รู้สึกประทับใจแล้ว หวนให้คิดถึงช่วงเวลาช่วงนั้นที่ยากจะลืมมัน

เสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นจะทำให้ผู้อื่นคิดถึงหลายๆเรื่องในอดีต มีคนเล่าเรื่องให้คุณฟังไหม?

มี มีพิธีกรรายการของเซี่ยงไฮ้คนหนึ่งได้บอกกับผมตอนนั้นเขาได้ตากลมตากฝนเพื่อไปซื้อม้วนเทป.. เรื่องราวอย่างนี้นั้นมีมากมาย ตัวโหย่วเผิงเองก็ยอมรับว่าตอนนั้นเขาเป็นขวัญใจนักร้องของคนสมัยนั้น


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Beijing Youth Weekly
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 05:19:52 AM »

ปฏิเสธไม่ได้เลย เสี่ยวหู่ตุ้ยได้อิทธิพลต่อคนรุ่นนั้น และ (องค์หญิงกำมะลอ) ตู้เฟย จางอู่จี้ก็ได้มีอิทธิพลต่อคนอีกรุ่นหนึ่ง นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แฟนๆของโหย่วเผิงนั้นมีรุ่นสู่รุ่นที่ไม่มีวันจบ สามารถจะเติบโตไปกับคนสองรุ่นด้วยกัน ผมจะถนอมมันอย่างมาก ก็เหมือนที่คุณพูด ไม่ใช่ว่าศิลปินทุกคนจะทำอย่างนี้ได้ ตอนนี้นั้นผมกำลังจะก้าวไปอีกก้าวหนึ่งซึ่งเป็นก้าวแห่งสิบปีอีกสิบปีหนึ่ง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสามารถจะนำความรู้สึกที่ดีๆและสิ่งใหม่ๆมาให้กับทุกคน นี่ก็จะเป็นความรักอย่างหนึ่งที่ผมจะได้ตอบแทนกับทุกคน

ก็คือการตอบแทนในวิธีการอย่างนี้ โหย่วเผิงก็ได้ก้าวหน้า ฐานะดีขึ้น เติบโต ตามลำดับ แม้ว่าทุกคนจะไม่สามารถมองเห็นวันเวลาของใบหน้าที่เป็นเด็กมากเท่าไร แต่โหย่วเผิงกลับรู้สึกถึงความมีสติปัญญากับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การที่จะแข่งกับตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่เที่ยงธรรมที่สุด

ครั้งหนึ่งเขาเคยมีภาพหนึ่งที่ดูจากภายนอกแล้วดูเหมือนว่าตัวเองแก่ขึ้นมาหน่อย จนกระทั่งปฏิเสธที่จะให้คนอื่นเรียกเขาว่าไกวๆหู่ แต่เมื่อเขาได้เข้าใจถึงความเป็นผู้ใหญ่จริงๆแล้ว เขาก็ได้ยอมรับในสิ่งเหล่านี้ เพราะจากจุดนี้ก็ให้เขามองเห็นความดื้อของตัวเอง

การแสดงเป็นตู้เฟยนั้นนับได้ว่าเป็นการเอาชนะตัวเอง สำหรับนิสัยบุคลิกของตัวเองแล้วมันเป็นการขุดคุ้ย



คุณคิดว่ามีด้านไหนบ้างที่ตัวเองจะต้องขุดคุ้ยมัน?

โหย่วเผิงได้คิดชั่วครู่ หัวเราะ ....ด้านลบ ยินดีที่จะให้ผู้กำกับทุกคนมาขุดคุ้ยกัน

พูดถึงการเติบโต โหย่วเผิงอดที่คิดถึงไม่ได้กับสิบปีที่แล้วที่ได้แสดงละครหนังเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ) วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สิบปีหลัง ใบหน้าอันอ่อนของศิลปินในสมัยนั้นวันนี้กลับกลายเป็นศิลปินดัง ก่อนหน้าที่ไม่นาน โหย่วเผิง หลินซินหยู กับ โจวเจียได้นัดพบกันแล้วงานที่บ้านจ้าววุย ชื่องานว่า สมาคมศิษย์เก่าหนังละครองค์หญิงกำมะลอ ในงาน พวกเขาได้เอยถึงเรื่องอดีตมากมายรวมทั้งยังได้แอบปล่อยข้อมูลลับด้วย ตามที่รู้ว่า ถ่ายหนังนั้นสามารถถ่ายภาคหนึ่งกับสองได้ ตอนนั้งเมื่อเราเจอความไม่ยุติธรรมพวกเราก็ไม่กล้าจะเอ่ย ตอนนี้พวกเราได้พูดคุยกันแบบไม่ต้องกลัวใครอย่างสบายๆแล้ว โหย่วเผิงพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย

ในตอนนั้น พวกเราล้วนถูกเรียกใช้ไปมา สิ่งหนึ่งที่รู้สึกถึงความยุติธรรมกับพวกเราคือ ผมซูโหย่วเผิงแม้ตัวเล็กแต่มีชื่อก็ยังถูกเรียกด้วย

ถ้างั้นในใจของคุณเคยมีความไม่ยุติธรรมไหม?

ในตอนนั้นผมก็พึ่งพักจากการเรียน ตกอยู่ในสภาพการเริ่มงานที่นับศูนย์ใหม่ ได้วางตัวเองให้ต่ำลง ก็จะไม่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม

สิบปีผ่านไป คุณคิดว่าจ้าวเว่ยกับหลินซินหยู่เปลี่ยนไปไหม?

ทุกคนล้วนเติบโตในเส้นทางของตัวเอง จ้าวเว่ยในตอนนี้นั้นจะผ่อนไม่ซีเรียสกว่า ปล่อยวางแล้ว ซินหยูยิ่งอยู่ยิ่งมีความเป็นสตรี

พวกเขาได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของคุณไหม ?



พวกเขาบอกว่าเมื่อก่อนนั้นผมเป็นคนที่เงียบ เก็บกด ตอนนี้ถึงจะแสดงออกถึงตัวตนของผมเอง จะตลกขำๆหน่อยๆ สหายเก่าพบกัน ความประทับใจที่ฝั่งใจของโหย่วเผิงคือเหล้าเป็นความหอมของวันวาน มิตรเป็นความดีของวันวานเอ่ยถึงจ้าววุย ผมอดไม่ได้ที่จะให้โหย่วเผิงยืนยันหน่อย ได้ข่าวว่าคุณนั้นได้มีความรู้สึกดีๆกับจ้าวเว่ยด้วย..

ความสัมพันธ์เรานั้นดีมาก โหย่วเผิงพูดแล้วหัวเราะ พูดต่ออย่างจริงจัง. ละครกลับกลายเป็นจริงมั้ง พวกเราล้วนเป็นเพื่อนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันทั้งนั้น หลังจากที่เครียดกับการแสดงเสร็จ จนมีความรู้สึกที่เป็นมิตรที่ดีอย่างนั้นจริงๆ

โหย่วเผิงเปิดเผยตอนถ่ายหนัง(องค์หญิงกำมะลอ)ไม่เคยมีใครคิดเลยว่าหนังเรื่องนี้จะดังขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้นก็คือไม่มีใครคิดว่าจ้าวเว่ยจะดังขนาดนี้ เมื่อเห็นจ้าวเว่ยดังระเบิดขนาดนี้นั้น ผมได้สังเกตมาตลอด ในบางจังหวะนั้นผมนับได้ว่าเป็นรุ่นพี่ ผมเคยดังชั่วคืนในเสี่ยวหู่ตุ้ย ถูกคนอื่นมองว่าเป็นขวัญใจ ถูกคนเพ่งมอง ..เพราะเคยประสบมาก่อน ฉะนั้นเมื่อเห็นจ้าวเว่ยเจอปัญหาอย่างนี้แล้ว ก็จะเข้าใจแล้วรู้สึกถึงอารมณ์ของเขา

ชีวิตของเราทุกคนนั้นล้วนมีขึ้นๆลงๆ จะควบคุมเวลาอย่างนี้ของคุณอย่างไร? ผมถามโหย่วเผิง ผมในตอนนี้นั้นเป็นช่วงที่มั่นคงแล้ว ต่อไปนี้ก็หวังจะก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่ง

พูดถึงการรวมตัวกัน ไม่หยุดที่จะหวังว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยจะรวมตัวกันอีกครั้ง

แต่ อาจจะได้รอยาวหน่อย อย่างที่โหย่วเผิงได้พูดไปอย่าทำแบบลวกๆ พวกเราล้วนรู้สึกว่าเราเติบโตไปกับคนสองรุ่นนั้นมันประทับใจจริงๆ จุดสูงสุดจุดสำคัญก็ควรไว้สำหรับที่ของมัน เสี่ยวหู่ตุ้ยเปิดคอนเสิร์ด มีอัลบั้มใหม่ก็ใช่ว่าจะดีงาม มันอาจส่งผลทางลบก็ได้

ฉะนั้น ทุกคนต้องคอยเวลานั้นให้ได้ เพราะมันคุ้มค่าแก่การคอย


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Beijing Youth Weekly
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 05:25:51 AM »

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Beijing Youth Weekly
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2016, 08:37:08 AM »