ผู้เขียน หัวข้อ: [Alecsu magazines_2015] Timeout2015-04  (อ่าน 6932 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
[Alecsu magazines_2015] Timeout2015-04
« เมื่อ: มิถุนายน 17, 2016, 08:43:45 AM »


นักใช้ชีวิต|ซูโหย่วเผิง : ปรากฏตัวในหนังรักวัยรุ่น กับบท “ครูฝ่ายปกครอง”   

ซูโหย่วเผิง เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกแฟนคลับตั้งฉายาให้มากมาย ฉายาเหล่านี้สามารถจำแนกยุคสมัยและอายุของแฟนคลับได้อย่างชัดเจน เช่น รัก “องค์ชายห้า” เป็นพลังที่เกิดขึ้นจากแฟนคลับรุ่น 1985 รัก “ไกวไกวหู่” เป็นฉายาจากรุ่น 1980 และปัจจุบันนี้ ซูโหย่วเผิง กลับมาอีกครั้งในฐานะผู้กำกับกับผลงานกำกับหนังเรื่องแรกของเขา “จั๋วเอ่อ”  ที่หวังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในฐานะผู้กำกับซู ในใจของรุ่น 90 ทุกคน และมอบผลงานจากความตั้งใจ อีกทั้งเป็นการชดเชยความรักความเจ็บปวดเมื่อครั้งวัยรุ่นของตัวเอง

หนังเรื่องแรกกับตำแหน่งผู้กำกับครั้งแรก

"ตอนที่ Enlight ชวนผมมาทำหนังเรื่องนี้ ตอนแรกเลยผมปฏิเสธไปครับ" คำพูดนี้คุ้นๆ แต่ไม่ใช่ว่า ซูโหย่วเผิง ตอบรับด้วยการพูดอ้อมๆนะครับ ช่วงสี่สิบปีของชีวิตที่ผ่านมา เขาได้สร้างฉายาของตนมากมาย "เด็กเรียน" "นักร้อง" "ไอดอล" "ทีมความสามารถ" ย้อนกลับไปดูตอนนี้ ทั้งการงานและชีวิตก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน การที่เริ่มอยากใช้ชีวิตแบบนับถอยหลัง ก็เป็นทางเลือกที่เข้าใจได้ "ผมนับถือพุทธมาตั้งแต่เด็ก การปฏิเสธมากเกินไป ถือเป็นการขัดค้านต่อโชคชะตา เพราะฉะนั้น หากมันเกิดขึ้นแล้ว มาดูว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปไม่ดีกว่าหรอกครับ"

สัญญาที่มีต่อพระองค์เจ้านี้ ทำให้ ซูโหย่วเผิง ผ่านความลำบากมามากมาย เขาพูดเล่นในงานโปรโมทหนังว่า “ผมอยู่บนเรือโจรแล้ว…..”แต่ถือเป็นการศึกษาในแวดวงใหม่ๆ ก็น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยเหมือนกัน “นอกจากทุ่มเรื่องการเรียนแบบเอาเป็นเอาตายครั้นตอน ม.6 แล้ว ผมก็ไม่เคยมีประสบการณ์ใช้เวลาทั้งปี ในการตั้งใจทำเรื่องๆหนึ่งอีกเลย” ประสบการณ์การเป็นผู้กำกับที่มาตามโชคชะตา ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงก็ได้ เพื่อที่จะกู้ชื่อเสียงผลงานชิ้นแรก ซูโหย่วเผิง ในกองถ่ายนั้นทั้งอ่อนน้อม เข้าถึงง่าย อีกมุมนึงเขาเข้มงวดกับงานเอาการเลย ทำให้เขาได้รับฉายาเพิ่มอีกหนึ่งฉายาว่า “พ่อเผิง” การทำงานรวมกับนักแสดงหน้าใหม่ แม้หนังจะถ่ายไปยี่สิบสามสิบฉาก แต่ ซูโหย่วเผิง กลับแนะนำอย่างสรุปง่ายดายว่า เป็นหนังรักเจ็บปวดของวัยรุ่น คิดว่านักแสดงหน้าใหม่ที่ยังคงวัยรุ่นนั้น คงเคยผ่านประสบการณ์ความรักมาแล้ว

“อยากถ่ายทำออกมาให้ดี ต้องเสร็จในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพราะยังไม่อยากใช้งบประมาณเกิน ”เหมือนว่าต้องผ่านความกดแรงและเข้มงวดกับตนเองก่อน  ซูโหย่วเผิง ถึงจะสามารถแสดงศักยภาพด้านบวกออกมา ในบ้างครั้ง งานหยิบย่อยในฉากแม้กระทั้งหนังสือเล่มหนึ่ง เขายังต้องจัดด้วยตนเอง “บางครั้ง เรื่องหยิบย่อยเหล่านี้ที่เรามองข้าม จะสะสมจนกลับเป็นความแตกต่างที่ใหญ่โตก็ได้ ตัวอย่างเช่นโปสเตอร์รูปหนึ่งในห้องของ เสี่ยวเอ่อตัว (นางเอกในเรื่อง) เป็นรูปของ Nirvana…. ได้โปรดเถอะ สาวน้อยในเมืองเล็กๆส่วนน้อยมั้งครับที่จะรูปนี้”

ระหว่างการถ่ายทำนั้น ซูโหย่วเผิง ก็มีบางมุมที่ค้านกับการเป็นสิทธิสมบรูณ์ของราศีกันย์เหมือนกัน เช่น การแต่งตัวของเขาในกองถ่าย---หนวดเคราที่ไม่ได้โกนมาหลายวัน กางเกงขาสั้น เสื้อยืด และมีผ้าเช็ดตัวพาดบนไหล่ ถึงจะเข้าไปอยู่ไหนทีมแม่บ้านก็ไม่มีใครสังเกต “ต้องแต่งตัวในดูดีทุกวันเลยหรอ ใครจะไปมีเวลาล่ะ” แต่งตัวสบายๆในหน้าร้อนแล้ว ผู้กำกับซูดื่มยาจีนซะราวกับจิบค๊อกเทล “ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นนักแสดงซักหน่อย แค่ทำตามหน้าที่ในกองถ่ายให้ดีก็พอแล้ว”

จั๋วเอ่อ กำหนดเข้าฉายวันที่ 1 พฤษภาคม งานตัดต่อเบื้องหลังก็ใกล้เสร็จแล้ว เหมือนดั่ง“ตั้งครรภ์มาเก้าเดือนในที่สุดก็จะได้เจอหน้าลูกซักที”แต่ ซูโหย่วเผิง กลับไม่ได้โล่งใจเลย เพราะผลงานครั้งแรกของเขา มีเพื่อนพ้องซึ่งเป็นดาราดังๆมาให้กำลังใจและสนับสนุนมากมาย ผู้กำกับซูต้องทำยอดขายและชื่อเสียงให้ได้ถึงจะไม่เสียแรงที่เพื่อนๆรอคอย

หนังเรื่องแรกก็เข้าคอนเซ็ปหนังรักวัยรุ่น สำหรับ ซูโหย่วเผิง แล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ ไม่ได้หมายถึงบังเอิญได้คอนเซ็ปที่ตรงต่อความต้องการของตลาดนะ แต่มันทำให้นึกถึง จ้าวเว่ย ที่มีผลงานกำกับเรื่องแรกและโด่งดัง ซึ่งก็เป็นหนังรักวัยรุ่นเช่นกัน เสี่ยวเยี่ยนจือ และ องค์ชายห้า ย้อนรอยกำกับหนังรักวัยรุ่น ก็ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจพอแล้ว “หลังจากที่ตกลงรับหน้าที่ผู้กำกับแล้ว ผมได้คุยกับ จ้าวเว่ย อยู่เหมือนกัน ตอนนั้นเราถ่าย ก็ทาบทามเล้นด้วยกัน กว่าจะเลิกงานก็เที่ยงคืนแล้ว จ้าวเว่ยกลับถึงโรงแรม ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าในการอ่านนิยายต้นฉบับ…..ช่างเป็นจอมยุทธหญิงจ้าวเว่ยจริง ๆ ครับ” นอกจากจะบอกตามตรงว่าปรับเปลี่ยนบทค่อนข้างเป็นไปได้ยากแล้ว จ้าวเว่ย ยังให้แนะนำและให้เบอร์โทรศัพท์ของคนเบื้องหลังที่คิดว่าน่าจะช่วย ซูโหย่วเผิง ได้ สุดท้ายได้ ฮวางจื้อหมิง โปรดิวเซอร์ผู้มีผลงานคว้ารางวัลม้าทองคำมาแล้ว 2 เรื่อง ได้แก่เรื่อง“Cape no.7”และ “Seediq Bale” การเข้าร่วมของโปรดิวเซอร์มากประสบการณ์อย่าง ฮวางจื้อหมิง ทำให้ ซูโหย่วเผิง โล่งใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว “พี่จื้อหมิง เป็นอีกหนึ่งคนที่ผมต้องขอบคุณมากๆ  เพราะตลอดการถ่ายทำนั้น เราต้องหาฉาก 6 โมงเช้าทุกวัน ถ้าหากว่าไม่ได้เขามาช่วย ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน”

จุดที่ทำให้ ซูโหย่วเผิง อินที่สุดในนิยายต้นฉบับของ เหยาเสี่ยหม่าน คือการถ่ายทอดความจริงที่ค่อนข้างโหดร้าย  “จั๋วเอ่อ ไม่เหมือนกับนิวยายวัยรุ่นทั่วไปที่มีเพียงแค่ความรักใสๆ เรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นจากปริศนา ช่วงชีวิตวัยรุ่นนั้นมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ แบบนี้ถึงใกล้เคียงกับความเป็นจริง” สำหรับผู้กำกับซูแล้ว วัยรุ่นเป็นเพียงเปลือกน้ำตาล ภายในนั้นแฝงข้อคิดหลายอย่าง เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วจะสามารถเข้าใจได้เอง เพราะฉะนั้นระหว่างที่สื่อสารกับนักแสดงที่กำลังเป็นวัยรุ่น ซูโหย่วเผิง จึงต้องพยายามอธิบายให้ทุกคน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบทบาทได้อย่างแท้จริง ถึงขนาดว่าให้ใส่ความรู้สึก และประสบการณ์ส่วนตัวเข้าไปด้วย ถึงจะสามารถถ่ายทอดความเป็นวัยรุ่นออกมาได้ดีที่สุด พอพูดถึงชีวิตวัยรุ่นของ ซูโหย่วเผิง แล้ว เรื่องหนึ่งที่ไม่แปลกใจเลยคือ หากย้อนกลับไปเป็น ไกวไกวหู่ อายุ 17 สิ่งที่อยู่รอบตัวเขาคือแรงกดดัน

ตอนแรกนั้น ประโยคโปรโมทหนังเรื่อง จั๋วเอ่อ คือ “อายุ 17 ควรรักได้แล้ว” ย้อนคิดถึง ซูโหย่วเผิง ตอนที่ยังเป็นไกวไกวหู่อายุ 17 แล้ว เขาทำอะไรบ้างนะ?  คงมีแต่คำตอบน่าเบื่ออย่าง----เขาเรียนหนังสืออยู่ ตอน ซูโหย่วเผิง อายุ 17 นั้น เสี่ยวหู่ตุ้ย ดังไปค่อนจักรวาล แต่ในขณะเดียวกัน นักเรียนดีเด่นที่เคยสอบเข้าโรงเรียนเจียนจงด้วยคะแนนสูงสุด งานอีเว้นท์แน่นเอียดเต็มตารางแทนที่การเรียน ทำให้การเรียนของเขาทิ้งห่างจากนักเรียนดีเด่นไปไกล “ตอนนั้นผมรู้สึกกดดันมากจริงๆ ผมต้องมีภาพลักษณ์นักเรียนดีเด่นในวงเสี่ยวหู่ตุ้ย หากว่าผลสอบเอนทรานส์ของผมไม่ดีละก็ ผมคิดว่าผมต้องเสียทุกอย่างแน่ ทั้งชีวิตของผมก็คงจบ” ด้วยเหตุนี้ เขายกเลิกงานอีเว้นท์ทุกอย่างตอน ม.6 ตั้งใจเรียนหนังสือ ไต้หวันมีถนนชื่อดังชื่อ “ถนนเรียนพิเศษ” ซูโหย่วเผิง เรียนตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย ไม่เพียงแค่ต้องเรียนวิชา ม.4-5 ที่ตนไม่ได้เรียน ยังต้องเรียนวิชาสำหรับ ม.6 ล่วงหน้าด้วย สุดท้ายแล้วก็สอบติดคณะ วิศวกรรมเครื่องกล ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันสมดั่งใจหวัง  National Taiwan University (NTU)

สมัยที่เสี่ยวหู่ตุ้ยกำลังดังเป็นพลูแตกนั้น  ถูกพิธีกรสัมภาษณ์ในรายการหนึ่งว่า “เคยจูบผู้หญิงกันหรือยัง” เฉินจื้อหมิงและ อู๋ฉีหลง ยอมรับว่าเคยแล้ว ไกวไกวหู่ ตอบอย่างมึนๆว่า “ไม่เคยมีครับ….ไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำ” “ผมคิดว่าอายุ17 ควรโฟกัสเรื่องการเรียน ส่วนความรักนั้นจะมีเมื่อไหร่ก็ได้…” หลังจากพูดจบ ผู้กำกับเหมือนจะรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเพิ่งพูดไปนั้นค้านกับประโยคโปรโมทหนัง เลยรีบพูดต่อว่า “แน่นอนว่า อายุ 17 ก็เป็นอายุที่มีความรักได้แล้ว ยังไงก็ตามตอนที่ได้ยินประโยคนี้ครั้งแรก ก็ทำให้คนแก่อย่างผมซึ้งเหมือนกัน” เนื่องจากตอนมัธยมนั้น ซูโหย่วเผิง เรียนโรงเรียนชายล้วน เพราะฉะนั้นเขาไม่มีโอกาสในการใช้ชื่อเสียงในเรื่องความรักเลย อีกทั้งยังถูกเด็กผู้ชายที่อยากเอาชนะหยอกล้อ

ตอนอายุ 17 ไม่ว่าคุณจะเลือกความรักที่สดใส หรือทุ่มเทกับการเรียน อย่างน้อยนี่ก็เป็นอายุที่อยู่บนทางเลือก เลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง เช่นเดียวกับ ซูโหย่วเผิง ที่เลือกเดินเส้นทางนี้ และไม่เคยหยุดที่จะลองสิ่งใหม่ ยอมเรียนงิ้ว ฝึกเพลงพื้นบ้านเพียงเพื่อแสดงหนังเรื่องเดียว คล้ายกับการทุ่มเทกับการเรียนตอน ม.6 ถึงหากว่าจะสามารถย้อนเวลาไปตอนอายุ 17 ได้  ก็ไม่แน่ว่าเขาจะสามารถเลือกเส้นทางใหม่ให้ตนเองได้  “ตอนนั้นมีชื่อเสียงแล้ว ไม่สามารถกลับไปเป็นคนธรรมดาได้อีก เหมือนกับ ฉวีฮวานยี่ ที่อยากเป็นแค่คนธรรมดา แต่ผ่านไปแล้วหลายปี นักข่าวก็ยังคงนำเรื่องราวของเธอลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งอยู่ดี” ผู้กำกับซู นิ่งไปซักพัก “เหมือนกับ เฮยเหริ่น ในเรื่องนี้ หลังจากที่ปาลา (นางเอกหนึ่งในเรื่อง) ตายไป เขารู้สึกผิดมากจนตัดนิ้วมือตัวเอง ทุบโต๊ะตะโกน ‘กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว’ ผมก็กลับไปไม่ได้แล้วเหมือนกัน….” เพราะฉะนั้น หากว่าคุณโชคดีพอ ได้พบกับ จั๋วเอ่อ ของซูโหย่วเผิง ในขณะที่คุณยังคงเป็นวัยรุ่น ผู้กำกับหวังว่าหนังเรื่องนี้จะสามารถกลายเป็นคำแนะนำให้คุณว่า----ชีวิตวัยรุ่นคือตั๋วรถเที่ยวเดียว ใช้ให้คุ้มนะครับ

ถามตอบ

To:สมัยนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ยประสบความสำเร็จมากเลย แต่หลังจากที่คุณเข้าวงการการแสดง ทุกอย่างกลับไม่ได้ราบรื่นนัก?

ตอนนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยเข้าสู่ปีที่สิบ ผมมาเข้ามาในประเทศจีน ไม่ว่าจะใช้คำที่สวยหรูขนาดไหน ตั้งสิบปีแล้ว ยุคของคุณหมดแล้วก็คือหมดแล้ว ตอนนั้นผมเองก็แสดงไม่เก่ง ผมยังรู้ตัวเลยว่าแสดงแย่ เพราะตอนเด็กผมเป็นเด็กเรียน คุณแม่ผมไม่อนุญาตให้ดูโทรทัศน์ด้วย หลังจากนั้นผมก็สังเกตคนอื่นแสดง แล้วฝึกฝนด้วยตนเอง

To: ก่อนที่จะมาพัฒนาในจีน เคยผ่านช่วงเวลาที่มืดมนด้วยใช่ไหมครับ

ตอนนั้นชอบไปดื่มเหล้าในบาร์ ฉะนั้นชีวิตของเด็กเกเรในหนังเรื่องนี้ ผมได้ลองตอนนั้นแหล่ะครับ

To: ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในการแสดงละครคืออะไรครับ

สิ่งที่ลำบากที่สุดในการแสดงหนังก็วนกันอยู่ไม่กี่เรื่อง ผมยังจำได้ ตอนที่ถ่าย “ดาบมังกรหยก” อากาศร้อนมาก ชุดที่ต้องใส่ก็ค่อนข้างหนา ผมยิ่งเป็นคนเหงื่อออกง่ายด้วย ต้องค่อยเติมหน้าตลอด บางที่ก็น่าเบื่อ นอนทั้งวันก็ไม่เคยพอ รำไทเก๊กไม่เป็น ฝึกตอนนั้นแล้วก็แสดงเลย

To: ตอนที่คุณประสบความสำเร็จด้านการแสดงขนาดนั้น ทำไมยังรับบทเล็กๆอย่าง ไป๋เสี่ยวเหนียน ในเรื่อง “ฟงเซิน” ไม่กลัวแฟนคลับหญิงตกใจหรอครับ

ที่จริงแล้วในชีวิตของผมมักจะเลือกเส้นทางที่ยากที่สุดให้ตนเอง เหมือนตอนที่ประสบความสำเร็จในวงการเพลง แต่กลับย้ายมาแสดงหนัง พอมาแสดงแล้วก็อยากเป็นนักแสดงที่มีฝีมือ ที่จริงก่อนหน้าที่จะได้รับบท ไป๋เสี่ยวเหนียน ผมพยายามหาโอกาสอย่างนี้มาตลอด ผมเคยแสดงละครเวที ผมยังจำได้ว่าผมแสดงเรื่อง “หอมกลิ่นดอกเบญจมาศ” ที่โรงละครเซี่ยงไฮ้ หลังจากนั้นก็ถูกนักวิจารณ์วิจารณ์ยับเลย ตอนนั้นผมโกรธมากเหมือนกัน

To: เป็นผู้กำกับครั้งนี้ ต้องค่อยสื่อสารกับเด็กวัยรุ่น เจอใครที่รู้สึกว่าเหมือนกับเราตอนวัยรุ่นรึเปล่าครับ

มีครับ โอวฮาว หยางหยาง รวมถึงหูเซีย คนรุ่นใหม่พวกนี้มีความตั้งใจและพยายามมาก นางเอกของเราครั้งนี้ เป็นนักแสดงใหม่ ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อน ถ่ายทำยี่สิบกว่ารอบท่ามกลางอากาศร้อน ก็ไม่เคยบ่นเลย ถือว่าความอดทนสูงมากครับ

To: หากย้อนกลับไปตอนอายุ 17 คุณอยากทำอะไรมากที่สุดครับ

ก็คงออกไปเล่นและใช้เวลากับเพื่อนให้มากครับ

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 1- [Alecsu magazines_2015] Timeout2015-04
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 22, 2016, 01:20:04 AM »



Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 1- [Alecsu magazines_2015] Timeout2015-04
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 22, 2016, 01:20:29 AM »

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 1- [Alecsu magazines_2015] Timeout2015-04
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 22, 2016, 01:21:23 AM »

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 1- [Alecsu magazines_2015] Timeout2015-04
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2016, 10:35:41 AM »





Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 1- [Alecsu magazines_2015] Timeout2015-04
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2016, 11:29:06 AM »
 1- [Alecsu magazines_2015] Timeout2015-04

Timeout2015-04
http://vdisk.weibo.com/s/vbwtKH4zSKxE?archive_ref=F0iDAc0tpm9CJ&archive_path=%2FTimeout2015-04&category_id=0

https://www.facebook.com/baansuyoupeng/media_set?set=a.895329917244520.1073741885.100003025613301&type=3&uploaded=4

http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MjM5NDIxMzkyMQ%3D%3D&mid=204031445&idx=1&sn=ea09bfdc0aa9e67388f7a2dfa59ecfda#rd

生活家|苏有朋: 以“教官”身份 加盟青春补习班
2015-04-17 TimeOut北京

粉丝对苏有朋有各种不同的昵称,从这些昵称中完全可以划分出各自的资历深浅、辈分高低,爱“五阿哥”的是85后中坚力量,爱“乖乖虎”的则属于80一代的老前辈。如今,苏有朋带着自己导演处女座《左耳》来势汹汹,希望在90后心目中深植一个全新的标签“苏导”,奉上一代娱乐圈老前辈的拳拳诚意之外,也为自己青春期时亏欠下的爱与痛,报一个补习班。统筹/富饶 王筱 文/娄家欢 图片提供/光线传媒

处女座导演的处女作,必须矫情

“光线最初找我导《左耳》这部戏的时候,其实我是拒绝的。”台词略熟悉,但却并非苏有朋欲拒还迎式的委婉修辞,人生前四十年,他在不断往自己身上贴标签,“学霸”到“歌手”,“偶像派”到“实力派”。不惑之后,回望自己,事业与人生也算像模像样,想要开始用减法过日子,也是情理之中的选择。“我自幼修佛,在这件事上太过推辞,其实是违缘。所以它既然发生了,不如看看整个事情究竟会变成什么样子。”

与佛的这个约定,最终让苏有朋尝遍了各种苦,在影片的宣发会上玩笑道,“这次真的是上了贼船……”但是在一个全新的境界中摸索,却也过瘾。“自从高三那年玩命K书之后,我再也没有过用整整一年的时间,全力以赴地做好一件事的体验。”随缘而生的导演经历,不代表可以随便,为了捍卫处女座的名誉,苏有朋在片场事必躬亲,处处苛责的劲头,让他多了一个“朋爸”的称号。与新人演员磨合,拍二三十条的事情,被苏导轻描淡写地说出来,这是一部关于疼痛青春的电影,想必正青春的演员们在跟苏导的磨合中,已经有过了最深刻的切身体验。

“想要把电影拍得好看一点,不能延期,还不想多画制片方的钱……”似乎只有压力满负荷之后,苏有朋的小宇宙才可以爆发正能量。有的时候,片场置景中小到一本书的细节,苏导也要亲自纠错,“有的时候,一个很小的错误不被注意到,积累到最后很可能出现一个很大的偏差。譬如小耳朵(影片女主角)房间里的一张海报,挂着Nirvana……拜托,一个小城市里的女孩子,很少会喜欢这个吧。”

在片场,苏有朋也有违背处女座原教旨的地方,比如他出现在片场的造型——几天没修剪过的胡子,大裤头、体恤衫,脖子上再搭一条毛巾,直接混进盒饭组可以毫无违和感。“难道每天要精心打扮上妆吗,哪有这个时间?”简装对抗酷暑之余,苏导还可以把藿香正气水喝出鸡尾酒的滋味,“我现在又不是演员,符合一个剧组工作人员的身份就好了。”
还原一个真实青春,真的会疼

《左耳》定档五一,后期工作进入收官阶段,可是“怀胎十月终诞一子”的心情却并不能令苏有朋轻松。影片拍摄的前前后后,得到不少大咖的加持,苏导需要票房与口碑的双赢,才还得清欠下的人情。

首部影片进军青春题材,对于苏有朋来说只是一个巧合,并非迎合市场的讨巧行为,但是联想到初次执导同样选择青春题材,并一炮打响的老友赵薇,“小燕子”与“五阿哥”相继回眸青春,却十足是一个话题。“接下导演工作之后,我的确和赵薇交流过,当时我们在录达人秀,收工已经是半夜了,赵薇回到酒店,用了两个多小时,把原著小说通读了一遍……真的是赵女侠!”除了直言剧本改变的难度之外,赵女侠还翻遍了手机通讯录的每一个角落,将每一个可能有用的专业工作者推荐给苏有朋,以供老友搭建班底。最终金马影人,有过《海角七号》、《赛德克·巴莱》制作经验的黄志明的加入,也令苏有朋放心了不少。“整个剧组中,志明哥是我最要感谢的一个人,真的,每天早晨六点就要去找景,如果他不操心这些事情,似乎就没人操心了。”

青春文学作家饶雪漫的原著小说,最打动苏有朋的地方,是一种略显残酷的真实感,“《左耳》不像其他青春文学那样,只是小情小爱,故事缘起于一个阴谋,青春是有一种疼痛感存在的,这样才是真实的。”对于苏导来说,青春题材只是一层糖衣,其中包含一些道理,需要以成年人的经历去领悟。所以在和“正青春”的演员们的交流中,苏有朋需要全情投入地去说戏,让自己进入每一个角色,甚至要把个人情感、经历灌注其中,才能以最完美的视角探视青春,聊起苏有朋的青春期,似乎是一件很自然的事。
如果乖乖虎回到17岁,压力山大

最初为《左耳》宣传定调的哪句话是“17岁,该爱了”,导演苏有朋回到17岁“乖乖虎”的年代,他还在忙着做什么?答案或许有些无趣——他在忙着念书。苏有朋17岁的时候,小虎队已经红透半边天,但于此同时,这位曾以第一名身份考入台湾最好的建中读书的超级优等生,学习时间几近被通告排满,学习成绩一落千丈,“当时我的压力真的非常大,我在小虎队中是负责好学生形象的那一部分,如果高考考不好的话,我觉得自己真的会身败名裂,整个人生就毁了。”于是高三一年,苏有朋停掉所有通告,专心念书。在台湾一条著名的“补习街”上,苏有朋会从街头补到街尾,不仅要追上高一、高二落下的功课,还有提前学习高三的课程,并最终如愿高如台大念机械工程专业,学霸本色尽显。

早年一档综艺节目之中,时下正当红的小虎队成员们被问到“是否吻过女孩子”,陈志朋的萌动与吴奇隆自爆“韵事”之后,乖乖虎木讷地回答:“从来没有过……想都不敢去想……”“我觉得17岁的时候,还是应该把书念好,谈恋爱任何年纪都可以去谈……”由衷说教一番之后,苏导似乎觉得自己的调调已经与电影宣传口径相去甚远,便连忙改口,“当然,17岁也是该爱的年纪了,反正这句宣传语刚出来的时候,还是蛮打动我这个老头子的。”苏有朋高中读的是男校,因此名人红利完全没有施展的余地,甚至还会遭到一些好胜男孩的冷嘲热讽。

17岁,无论选择懵懂之爱,还是发奋读书,至少那是一个应当站上路口的年纪,选定一个方向,也为自己的人生定下基调。如苏有朋自己,因为少年成名而踏上了从艺之路,而人生中多次转换跑道的努力,为一部戏学昆曲、学民歌,又多少带有点高三K书时的拼命劲头。即使有重回17岁的奇缘,他也不一定有重新选择的能力,“那个时候已经红了,没法再去做一个平凡的人了。就像徐怀钰,她想做一个普通人,但是多年之后,报纸头版还是会把她的故事拿来登。”苏导略有停顿,“就像这部电影里的黑人,吧啦(电影女主角之一)死后,他很自责,砍掉了自己的一根手指,敲着桌子嘶吼着‘回不去了!’我也回不去了……”所以如果你足够幸运,在正青春的年纪遇到苏有朋的《左耳》,导演不仅希望这是一次青春的路演,更希望它也会成为低吟如耳语一般的劝告——青春是一张单程票,还是且作且珍惜吧。

Q&A:
TO:当年小虎队如此成功,但是你之后的演艺经历似乎并没有那么顺风顺水?

当时小虎队成立十年,我来大陆发展,无论用如何动听的说辞,十年了,你过气了那就是过气了。当时自己也不会演戏,自己都嫌弃自己演得烂,因为小时候我是好学生,妈妈都不让我看电视。后来一点点看别人演戏,自己慢慢学。

TO:在来大陆发展之前,是不是也有一段比较晦暗的经历?

当时最常去酒吧喝酒,所以这部电影里一些坏孩子的生活经验,也是在那个时候体验到的。

TO:自己演戏最拼的时候,可以到什么程度?

演戏的辛苦无非就是那几样,我记得是在拍《倚天屠龙记》的时候,天气很热,还要穿很厚的戏服,我还特别会流汗,要一直不停补妆,人很烦,整天都睡不够。不会打太极拳,也是现学现卖,现场背套路,马上就去演。

TO:当初演偶像剧这么成功,为什么还要接《风声》中白小年那样的角色,不怕吓到女粉丝吗?

其实我的人生总是在为自己选择一条最困难的路,当初偶像歌手那么成功,要转行去演戏,演戏之后又和“实力”这两个字较上劲了。其实白小年之前,我就一直在寻找这样一个机会,我去演过主旋律影片,还去排演过话剧,我还记得是上海话剧院的《菊花香》,这部戏出来之后被评论界一顿臭骂,当时我还挺生气的。

TO:这次做导演,给年轻人说戏,有没有在他们身上发现自己曾经的影子?

有,欧豪、杨洋,包括胡夏,这些年轻人都还蛮拼的。这次的女一号,是启用的新人,从来没有过演戏经验,高温下一场戏拍二十几,也不会嫌辛苦,非常有韧性。

TO:回到17岁,你最想做的一件事是什么?

多玩一点吧,多和朋友出去混一下





Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: [Alecsu magazines_2015] Timeout2015-04
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 09:47:21 AM »