[Alecsu magazines_2015] 2015-06-04 凤凰生活V刊
六月刊凤凰先生 | 苏有朋 幕后崛起的虎
2015-06-04 凤凰生活V刊
http://tieba.baidu.com/p/3806008235#0-tsina-1-23040-397232819ff9a47a7b7e80a40613cfe1[Alecsu magazines_2015] วันที่ 4 มิถุนายน 2558 นิตยสาร วี ฟีนิกซ์ ไลฟ์สไตล์
นิตยสารฉบับเดือนมิถุนายน มิสเตอร์ฟีนิกซ์ |ซูโหย่วเผิง กับเบื้องหลัง“เสือผงาดอีกครั้ง”
วันที่ 4 มิถุนายน 2558 นิตยสาร วี ฟีนิกซ์ ไลฟ์สไตล์
ผลงานชิ้นแรกของเขา ซูโหย่วเผิง แสดงให้เห็นถึงความไร้เดียงสาและยืนหยัดในความเป็นตัวเอง เช่นเดียวใบหน้าที่อ่อนเยาว์สดใสของเหล่านักแสดงในเรื่อง “โจวเอ่อ” ตอนนี้ ซูโหย่วเผิง ได้สลัดคราบหนุ่มนักรักในหนังพีเรียดอย่าง องค์ชายห้า ไปอย่างสิ้นเชิง ถึงเขาจะผ่านช่วงวัยว้าวุ่นแบบนั้นมานานแล้ว แต่ดาราหน้าเด็กคนนี้ยังคงใบหน้าองค์ชายได้ไม่เปลี่ยน เขาผงาดขึ้นอีกครั้งในงานเบื้องหลังตามสไตล์ “ไกวไกวหู่” ที่อ่อนโยนแต่ไม่ขาดความแข็งแกร่ง
สัมภาษณ์และเนื้อหา:ไป๋ยวี่เยี่ยน/ บริษัท เทียนยี่หมิงเหอมิเดียนครปักกิ่ง จำกัด
เชื่อว่าช่วงนี้ทุกคนคงได้เห็นใบหน้าหนุ่มพันปีของ ซูโหย่วเผิง ผ่านทางสื่อมากันบ้างแล้ว ทำให้อดนึกถึง องค์ชายห้า—หย่งฉี กับแฟนสาวสุดเปิ่น เสี่ยวเยี่ยนจื่อ ที่โด่งดังไปทั่วประเทศในสมัยนั้นไม่ได้ นั้นเป็นภาพลักษณ์ฝังใจที่ทำให้ผู้ชมส่วนใหญ่จำเขาได้แม่น และคงเป็นภาพลักษณ์ที่ฝังในใจผู้ชมนานเกินกว่าจะลบได้แล้ว แต่ทว่า ตัว ซูโหย่วเผิง เองกลับไม่ชอบการมีภาพลักษณ์ตายตัวซักเท่าไหร่นัก ดั่งที่ หวงป๋อ เคยพูดไว้ว่า “ถ้าหากคุณเคยแสดงเป็นมะเขือม่วง อะไรที่เป็นสีม่วงก็เข้าตัวคุณหมด”เขาอยากให้ตนเองมีสีสันหลากหลาย ไม่ได้มีแค่สีม่วงเท่านั้น
เหมือนว่าเขาจะรอคอย“การเปลี่ยนแปลง”และ“ความท้าทาย”อยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่อายุ 15 ที่แอบครอบครัวไปสมัครรายการโทรทัศน์ “ชิงชุนต้าตุ้ยจ่าน” จนจับพลัดจับพลูกลายเป็น “ไกวไกวหู่”ในวงเสี่ยวหู่ตุ้ยที่ดังชั่วค่ำคืน หลังจากนั้น 10 ปี ซูโหย่วเผิง ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการแสดงเลย ได้มีโอกาสแสดงหนังเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ การได้รับบทพระเอกหมายเลข 1 ในละครฟอร์มยักษ์สมัยใหม่นี้ ทำให้การผันตัวครั้งแรกของเขาประสบความสำเร็จไปโดยดี และมาถึงวันนี้ ซูโหย่วเผิง ในอายุ 40 มาในฐานะผู้กำกับหนังรักวัยรุ่น โจวเอ่อ ซูโหย่วเผิง แสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงความสามารถรอบด้านของเขา ภายใต้ใบหน้าที่อ่อนโยนนี้ ซูโหย่วเผิง แอบซ่อนหัวใจที่เปรี่ยมไปด้วยความกล้าของเขาไว้ เขาคนนี้แหล่ะที่เรียกได้ว่าเป็นความอ่อนโยนที่แฝงด้วยความแข็งแกร่ง
“โจวเอ่อ”
เผชิญหน้ากับวัยรุ่นด้วยวิธีการใหม่
1 สัปดาห์ก่อน โจวเอ่อ เข้าฉาย หนุ่มขี้อายและติดดินคนนี้เข้าร่วมรายการกล่าวสุนทรพจน์ “Voice”เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “ซูโหย่วเผิง หลังการเปลี่ยนแปลง” รักการเปลี่ยนแปลงแต่ต้องไม่จำเจ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่เขายอมรับงานผู้กำกับ และเป็นเป้าหมายที่เขายืนหยัดเสมอมา “สำหรับไอดอลแล้ว เมื่อใดที่คุณหมดความน่าสนใจแล้ว คุณอาจจะต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลง ”เขาคิดว่าตนไม่ได้เป็นเพียงแค่ “ไกวไกวหู่”เท่านั้น เด็กที่มีความหัวรั้นมาตั้งแต่เกิดอย่างเขา บางที่อาจจะรู้สึกขัดแย้งกับคำว่า“ไกว (เชื่อฟัง)”และด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากมีภาพลักษณ์ตายตัว ซูโหย่วเผิง ได้เลือกวิธีการผันตัวแบบเดียวกันกับ จ้าวเวย ถือเป็นการแสดงความอาลัยต่อทรงจำครั้นเยาว์วัยผ่านการกำกับ ซูโหย่วเผิง เป็นดาราอีกคนที่เสมอต้นเสมอปลาย เขาตั้งใจและทุ่มเทกับหน้าที่ของตนเองอย่างเงียบๆ ไม่เคยสร้างข่าวฉาวหรือเกาะข่าวคนอื่นเพื่อให้มีคนสนใจเลยซักครั้ง
คนไม่ย่อท้อต่อความลำบากย่อมมีคนเคารพ งานภาพยนตร์ในวันที่ 26 เมษายน หลินซินหยู กู่จี้จี ฉินหลาน และ หลี่หมิงฉี ต่างมาร่วมแสดงความยินกับเขาด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็น “วันรวมตัวของครอบครัวองค์หญิงกำมะลอ 18 ปี”พวกเขากอดและยิ้มทักทายกัน การแสดงมุข “ฝั่งเข็ม”ช่วยสร้างบรรยากาศให้สนุกมากขึ้น ทุกคนร่วมยินดีกับองค์ชายที่ประสบความสำเร็จในอาชีพใหม่ ส่วน จ้าวเวย นั้นยังมาพร้อมบทเพลงประกอบละคร เพลง มีสาวน้อยนางหนึ่ง พวกเขาเป็นตำนาน เป็นความทรงจำของหลายรุ่น พวกเขาเคยได้ถ่ายทอดความเป็นวัยรุ่นออกมาผ่านการแสดงได้อย่างหมดจด และตอนนี้ก็สามารถเป็นผู้นำคนอื่นได้แล้ว
นิยายเรื่องนี้ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดของเหยาเซี่ยม่าน ในสายตา ซูโหย่วเผิง แล้ว เขาบอกว่านี่เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงบ้านๆคนหนึ่ง เขาชื่นชอบความลึกซึ้ง ความเจ็บปวดในเรื่อง มันทำให้เขาคิดถึงสิ่งที่เป็น “แกน”ของวัยรุ่น และเหมือนกับว่า โจวเอ่อ ยังสามารถช่วย ซูโหย่วเผิง เติบเต็มวัยรุ่นของเขาด้วย เมื่อเทียบกับเรื่องราว ความตาย ถ่ายโทษ การให้อภัยใน โจวเอ่อ แล้ว วัยรุ่นของ ซูโหย่วเผิง เต็มไปด้วยความยุ่งและเหงา เนื่องจากเข้าสู่วงการทำงานก่อนวัย ถึงแม้ว่า เสี่ยวหู่ตุ้ย จะมีความหมายมากเกินบรรยายกับเขา แต่สำหรับเขาแล้ว ก็ยังเสียดายที่ “ไม่มีเวลาได้ออกไปใช้ชีวิต” เด็กหนุ่มอายุ 15 ที่แอบส่งประวัติเข้าร่วมประกวดโชว์ครั้งนั้น ทำให้ชีวิตวัยรุ่นของ ซูโหย่วเผิง ได้เริ่มเผชิญหน้ากับเส้นทางที่ต่างไปจากเดิม การใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แสงสปอตไลท์ แตกต่างชีวิต“ติดดิน”ที่เขาต้องการมากโข ฉะนั้น ในครั้งนี้ที่เขานำทีมนักแสดงใหม่เข้าสู่วงการตลาดภาพยนตร์ของจีนด้วยตัวคนเดียวนั้น พูดได้ว่ามันเหมือนทำให้เขาได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นที่เคยเสียดายอีกครั้ง