จากพระเอกเทพบุตรสู่ชายธรรม ซูโหย่วเผิง จ้องหน้าอกหญิงไม่ละสายตา
นิตยสาร China Times วันที่ 20 มกราคม 2014 หลินซือหยิน รายงานไทเป
หนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่าง ซูโหย่วเผิง บอกว่าตนไม่มีดวงความรัก
1. หนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่าง ซูโหย่วเผิง ไม่มีดวงเรื่องความรัก (รูปภาพจาก China Times Weekly)
2. ซูโหย่วเผิง กับภาพลักษณ์ใหม่ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น (รูปภาพจาก China Times Weekly)
ห่างหายจากวงการภาพยนตร์ของ ไต้หวัน ไปนาน 8 ปี [ไกวไกวหู่]ซูโหย่วเผิง กลับมาพร้อมกับผลงานใหม่ 《Sweet Alibis》ในหนังใหม่เรื่องนี้เขาไม่ได้รับบทเทพบุตรหนุ่มหล่อเหมือนแต่ก่อน แต่รับบทเป็นตำรวจขี้ขลาดที่มักจะหายไปเข้าห้องน้ำเมื่อถึงเวลาสำคัญ ยังมีฉากจ้องหน้าอกผู้หญิงด้วยความหื่นอีก หนังเพิ่งเข้าฉายไปในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้ชมหลายคนเข้าไปดูเพราะอยากเห็นพระเอกตลอดกาลคนนี้ฉีกภาพลักษณ์ตนเอง ซูโหย่วเผิง ไม่ได้กังวลว่าแฟนคลับจะไม่ชอบเลย อีกทั้งยังถามอีกว่า “เป็นยังไงบ้างครับ ผมแสดงใช้ได้ใช่มั้ยครับ”
• ฉีกภาพหนุ่มหล่อหน้าใส รับบทหนังสายฮาแทน
ซูโหย่วเผิง ได้รับการสัมภาษณ์จาก《China Times Weekly》 เผยว่าตนไม่ได้ชอบการที่ถูกเรียกว่า “หนุ่มหล่อหน้าใส” มากนัก เขาเคยทำงานหนักมาก สิ่งที่ได้กลับมาคือ เสียงปรบมือ และรายได้มากมาย แต่ภายในจิตใจกลับรู้สึกว่างเปล่า ฉะนั้น ซูโหย่วเผิง เลยตัดสินใจเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ ทิ้งภาพลักษณ์พระเอกหนังรัก เพื่อค้นหาตนเอง เริ่มแรกเขารับบทนักแสดงงิ้วหนุ่มแต๋วแตกจากหนังเรื่อง 《ฟงเซิน》ตอนนี้ก็ท้าทายบทตำรวจขี้ขลาด การได้รับบทหลากหลายอย่างนี้ เขาตอบอย่างมั่นใจว่า “ผมเตรียมตัวพร้อมรับบททุกแนวแล้วครับ”
ระหว่างที่ฝีมือการแสดงพัฒนามากยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าจะคิดกลับมารวมตัวทำดนตรีกับ เสี่ยวหู่ตุ้ย อีกครั้งรึเปล่านะ? ซูโหย่วเผิง ที่อายุครบ 40 ในปีนี้หัวเราะและพูดว่า “ถ้าหากว่าจะกลับมาทัวร์คอนเสิร์ตจริงๆ คงต้องไปเปลี่ยนสภาพไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อก่อน ยังดีที่คนตีลังกาสมัยนั้นเป็น อู๋ฉีหลง ถ้าเป็นผมคงทำไม่ได้แน่เลย”ล้อเล่นเสร็จ เขาพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แฟนคลับ เสี่ยวหู่ตุ้ย ในสมัยนั้น ตอนนี้ก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว คิดถึงความทรงจำอดีตเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น เพราะไม่ว่ายังไงคนเราก็ต้องก้าวไปข้างหน้าอยู่แล้ว”เป็นการปฏิเสธทางอ้อมในเรื่องความเป็นได้ในการรวมตัวอีกครั้ง
• ถึงหน้าจะเด็ก แต่ใจเป็นผู้ใหญ่
ปัจจุบันนี้ ซูโหย่วเผิง เป็นผู้ใหญ่และหนักแน่นมากขึ้น ถึงจะมีใบหน้าเด็กเหมือนเดิมก็ตาม ยามที่เขาใส่ชุดจาก
GUCCI、Dior Homme ชุดสูทลายสามารถบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ใหม่อย่างสง่างาม ชุดออกงานสีดำเผยถึงความเป็นผู้ใหญ่ของเขา ดูมีเสน่ห์มาก เคยคิดว่าหนุ่มใหญ่คนนี้คงมีสาวๆเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ ซูโหย่วเผิง กลับบอกว่าตนเองเครื่องค้างบ่อย “เปิดเครื่องไม่ทันไรก็ค้างอีกแล้ว จนผมไม่กล้าคิดเรื่องแต่งงานไปแล้วครับ”
จากพระเอกหนุ่มเทพบุตรสู่คนธรรมดา รับบทหนุ่มหื่นจ้องหน้าอกผู้หญิง
ถ้าไม่ใช่หนังเรื่องใหม่นี้ทำเอาทุกคนขำจนท้องแข็งในงานนิทรรศการภาพยนตร์ม้าทองคำล่ะก็ คงไม่มีใครเชื่อว่า ซูโหย่วเผิงถึงขั้นทิ้งภาพลักษณ์เทพบุตรเพื่อหนังเรื่อง 《Sweet Alibis》ที่เข้าฉายเมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา ในเรื่องเขารับบทเป็นตำรวจหนุ่มใหญ่น่ารำคาญ และยังจ้องหน้าอกของนักแสดงในเรื่องไม่ละสายตา ซูโหย่วเผิง บอกว่า ผมพร้อมรับบททุกแบบแล้วครับ เมื่อพูดถึงอายุ 40 แล้วยังโสดอยู่ เขาได้แต่ถอนหายใจว่า ตนไม่มีโชคเรื่องความรัก หลังจากที่ผิดหวังมาหลายครั้ง เขาไม่กล้าคิดเรื่องแต่งงานแล้ว
หนุ่มเทพบุตรอย่าง ซูโหย่วเผิง มารับบทตำรวจติดดิน? แต่เขาไม่ได้เท่เหมือนตำรวจหญิงไฟแรงจากครอบครัวชั้นสูงหรอกนะ แต่กลับเป็นตำรวจขี้ขลาด เมื่อถูกนักข่าวถามว่าทำไมถึงยอมทำถึงขนาดนี้ ซูโหย่วเผิง ตอบว่า “สำหรับผมแล้วไม่มีปัญหาอะไรเลยนะ แต่เป็นเพราะว่าที่ผ่านทุกคนคิดว่าผมแพง ทำให้ผมพลาดโอกาสแสดงหนังดีๆแบบนี้ไปเยอะเลย”
หนุ่มหล่อหน้าใสเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่
คำว่า “แพง” หนึ่งหมายถึงบุคลิกและภาพลักษณ์ที่ดูสง่า สองหมายถึง ค่าตัว ซูโหย่วเผิง บอกว่า “ผมไม่แพง ตอนนั้นที่ตกลงรับหนังเรื่องนี้เพราะคิดว่า ผู้กำกับกล้าชวนผมก็กล้ารับ อีกอย่างเป็นเพราะผมอยากกลับไปบ้านเกิดอีกครั้ง รับงานละครครั้งล่าสุดที่ ไต้หวัน เป็นเรื่อง 8 ปีที่แล้ว การกลับมารับหนังไต้หวันครั้งนี้ ถือว่าเป็นการส่งใบเกรดกับบ้านเกิด ให้ทุกคนช่วยให้คะแนนการพัฒนาใน 8 ปีที่ผ่านมา ”ในเรื่อง เขาตะโกนคำว่า “แม่ง”ได้อารมณ์มาก ยังจ้องหน้าอกของนักแสดงหญิงไม่ละสายตา ขาดแต่น้ำลายไหลเท่านั้น ซูโหย่วเผิง ยังตั้งใจถามว่า “เป็นยังไงบ้าง ผมแสดงใช้ได้อยู่ใช่มั้ยครับ”
ซูโหย่วเผิง เข้าสู่วงการตั้งแต่อายุ 16 ปีนี้ก็อายุ 40 แล้ว สู่เส้นทางชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อมองย้อนกลับไป มีทั้งเรื่องที่ดีและร้าย “เมื่อก่อนผมเคยทำงานไม่หยุดหย่อน ได้รับเสียงปรบมือยินดีมากมาย เลขในบัญชีก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่จิตใจของผมกลับยิ่งว่างเปล่า“ ผมต้องคิดเรื่องนี้ก่อนนอนทุกคืน ”เหมือนกับว่านอนอยู่บนเตียงแล้ว ในหัวยังคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง“
หลายปีมานี้ ซูโหย่วเผิง เริ่มรู้สึกเหนื่อย และค้นพบตัวเอง “ตอนที่ผมไม่เชื่อว่าตนเองเป็นได้เพียงแค่ไอดอลเท่านั้น ผมยังสามารถแสดงหนังแสดงละครได้มั้ย?“เขาไม่ชอบเวลาที่ถูกเรียกว่า ”หนุ่มหล่อหน้าใส“ ตั้งใจว่าต้องฉีกภาพลักษณ์นี้ให้ได้ ฉะนั้นเขาตกลงรับหนังเรื่อง 《ฟงเซิน》เป็นครั้งแรกที่ใช้เวลาเตรียมก่อนแสดงมากกว่าเวลาถ่ายทำซะอีก เขาสามารถถ่ายทอดนักแสดงงิ้วออกมาได้อย่างไร้ที่ติ พิสูจญ์ให้คนอื่นเห็นว่า “ที่จริงแล้วเขามีอะไรมากกว่านั้น”
เบื้องหลังการแสดงที่ไร้ที่ตินั้นเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน “ฉากในวันแรก ผมถูกสั่งคัทไปหลายรอบ ผู้กำกับบอกว่าไม่ได้ จนกระทั่งวันที่สอง ผมก็ยังถ่ายฉากเดิมอยู่ ผมเสียใจมากเลยนะ ตั้งใจว่าจะขอลาออกด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะทำให้ทุกคนต้องล่าช้าไปด้วย” ยังดีที่ยังไม่ทันได้ลาออก ตอนบ่ายเริ่มมีไอเดียใหม่ ในที่สุดก็เข้าสู่ตัวละครได้ซักที และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เขาตั้งใจจะเป็น“นักแสดงจริงจัง”