[2017.03.29] 从《嫌疑人X的献身》看苏有朋的逆袭人生路
http://movie.weibo.com/movie/langreview/pcindex/object_id/1022:2308244090769983029874[2017.03.29] ดูชีวิตโต้คลื่นของซูโหย่วเผิงจากการกำกับเรื่อง《The Devotion of Suspect X》
ในชีวิตเรา เรามักเห็นตัวอย่างชีวิตหลายรูปแบบของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ส่วนมากจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตั้งแต่อายุยังน้อย คนที่กิจการครอบครัวรุ่งเรืองและมีเกียรติยศมีมากมาย แต่ผู้แข็งแกร่งที่ประสบความสำเร็จโดยอาศัยความพยายามของตนเองและใช้ชีวิตโต้คลื่นนั้นน่าจะยกย่องมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น ซูโหย่วเผิงที่ติดตามในฐานะแฟนคลับมาตลอด 30 ปีนี้ เขาได้ใช้ชีวิตโต้คลื่น ในทุกๆจุดเปลี่ยนของชีวิต ทำให้คนต้องเหลียวมอง เขาเป็นผู้ชนะในชีวิตที่แท้จริง
หากนิยามของคนส่วนมากของ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตคือ เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตฟู่ฟ่า กิน ดื่ม เล่น เที่ยว งั้นซูโหย่วเผิงกลับใช้พลังทั้งหมดทุ่มเทไปกับผลงานด้านนิเทศน์ จากร้องเพลงจนแสดงละคร จากโปรดิวเซอร์เป็นผู้กำกับ ไม่เคยห่างหายจากวงการบันเทิงเลย กลับท้าทายตัวเองยากขึ้นไปอีก นี่ก็คือชีวิตที่เต็มไปด้วยพลังแห่งแรงบันดาลใจ เมื่อมองย้อนกลับไปพัฒนาการตลอดเส้นทางของซูโหย่วเผิง จะพบว่าเขามักจะทำเรื่องที่ไม่สามารถเป็นไปได้ให้เป็นไปได้
จากนักร้องไอดอลสมาชิกวงเสี่ยวหู่ตุ้ย ได้แสดง 《องค์หญิงกำมะลอ》 โด่งดังไปทั่ว จากแสดงละครที่มีเรตติ้งสูงที่ถูกจัดให้เป็นละครอับดับต้นๆ สู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง 《The Message》 ได้รับรางวลนักแสดงสมทบดีเด่นจากงาน Hundred Flowers Awards สร้างละคร 《Destiny by Love》ในฐานะผู้จัดและนักแสดงหลัก เป็นละครสมัยใหม่ของช่อง CCTV ที่ขายได้ราคาสูงสุด และยังสร้างหนังเรื่อง 《The Left Ear》ในฐานะผู้กำกับ ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้กำกับดีเด่นในงาน Golden Horse Film Festival และยังได้รับรางวัลผู้กำกับที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักศึกษาจากงานเทศกาลหนังมหาวิทยาลัยปักกิ่งครั้งที่ 23 ตลอดเส้นทางนี้ เขาไม่หยุดนิ่งในการปีนป่ายขึ้นที่สูง ก้าวแต่ละก้าวบันไดแต่ละขั้น ไม่เคยลดละและไม่เคยวิ่งออกนอกเส้นทาง ถ้าหากย้อนเวลากลับไป 30 ปี คาดว่าไม่น่าจะมีใครเชื่อว่า ไกวไกวหู่ผู้ดูหน่อมแน้ม วันหนึ่งจะกลายเป็นผู้กำกับภาพยนต์มาดเข้มเผ็ดร้อนในวันนี้
สำหรับซูโหย่วเผิงในตอนนี้นั้น อดีตที่มีสีสันของเขาพูดยังไงก็คงไม่หมด แต่ถึงจะมีอดีตที่รุ่งโรจน์ยังไง ตอนนี้ก็ได้ลงหลักปักฐานเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนกับว่าเขาจะมุ่งเน้นในบทบาทของผู้กำกับ และถูกลิขิตให้เดินในเส้นทางนี้ ยิ่งเดินยิ่งไกล ยิ่งบินยิ่งสูง ดังนั้นจะมีคนน้อยมากที่ยังพูดถึงภาพลักษณ์ "ไกวไกวหู่" หรือ "องค์ชายห้า" คนส่วนมากจะเคยชินกับการเรียกเขาว่า "ผู้กำกับซู" ซะมากกว่า หรือกระทั่ง "พี่ผู้กำกับ" จากการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก 《The Left Ear》จนมาถึง《The Devotion of Suspect X》ไม่สงสัยเลยว่าทำไมซูโหย่วเผิงถึงได้ครองตำแหน่งผู้ชนะในเส้นทางการแข่งขันในชีวิต
《The Devotion of Suspect X》เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องที่สองที่เป็นผลงานกำกับโดยซูโหย่วเผิง เมื่อเทียบกับหนังเรื่อง
《The Left Ear》เมื่อสามปีที่แล้ว ตั้งแต่เรื่องราวจนถึงสไตล์ของผลงานภาพยนตร์ชิ้นนี้ ทั้งความสมบูรณ์จนคุณภาพ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่ก้าวกระโดด 《The Left Ear》นั้นดัดแปลงมาจากนิยายความรักในโรงเรียนของเหยาเสวี่ยม่าน 《The Devotion of Suspect X》นั้นดัดแปลงมาจาก นิยายลึกลับของ Keigo Higashino จากนิยายรักวัยรุ่นสู่ นิยายผู้ต้องสงสัยอาชญากรรม นี่ก็คือการสร้างและเล่าเรื่องที่ใหญ่กว่าเดิม ในขอบเขตที่กว้างกว่าเดิม ซึ่งก็คือการก้าวจากการทำภาพยนตร์ขนาดเล็ก สู่การทำภาพยนตร์ขนาดใหญ่
ถ้าหากพูดว่าการที่ดัดแปลงนิยาย《The Left Ear》 ที่โด่งดังในอินเตอร์เนทของเหยาเสวี่ยม่านนั้น มีความตั้งใจแฝงคือให้มีกระแส อย่างนั้นการดัดแปลงนิยายของ Keigo Higashino ที่คนส่วนใหญ่รู้จักอย่าง《The Devotion of Suspect X》กลับต้องพบกับความท้าทายที่มากกว่า อย่างแรกคือ ในฐานะที่ต้นฉบับของนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายลึกลับคลาสสิก จึงเป็นที่ชื่นชอบที่ฝังรากอยู่ในใจกลุ่มผู้อ่านมานานแล้ว หากดัดแปลงแล้วผิดเพี้ยนจากต้นฉบับมากไป จะต้องถูกต่อต้านอย่างแน่นนอน อย่างที่สองคือ ภาพยนตร์เวอร์ชั่นญี่ปุ่น เกาหลี ที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ ล้วนได้ฉายมาแล้ว หากว่าผลงานครั้งนี้ทำได้ไม่เท่า นั่นก็ถือว่าทำไม่สำเร็จ เตรียมรับคำวิจารณ์ได้เลย แต่หากอยากจะทำให้ดีกว่า มันก็คือความท้าทายที่ใหญ่มากเช่นกัน
เมื่อมีข่าวมาว่าซูโหย่วเผิงจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง 《The Devotion of Suspect X》ไม่สงสัยเลยว่ามันเป็นข่าวที่ทำให้คนไม่ค่อยจะสบายใจนัก เพราะเบื้องหลัง ของภาพยนตร์เรื่องนี้และอีกหลายๆปัจจัย ล้วนทำให้มีความคาดหวังและความกดดันที่มากเกินไป โชคดีที่ว่าหลังจากดูหนังจบ จ้านไถเฟง(นักวิจารณ์หนัง) ถอนหายใจโล่งอก กล่าวโดยสรุปก็คือ หนังสนุกใช้ได้เลยทีเดียว ดัดแปลงเรื่องราวได้เข้ากับคนในท้องที่ได้ดี เลือกนักแสดงได้เหมาะสม ควบคุมอารมณ์และจังหวะของหนังได้ดี คำนึงถึงความพอดีในระดับของความอาร์ตและธุรกิจ พร้อมทั้งมีความสมดุลระหว่างสองอย่างนี้ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้หนังมีผลตอบรับที่น่าพอใจในด้านของรายได้และการถูกพูดถึง ความสดุลแบบนี้ ดูเหมือนจะง่าย แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ง่ายเลย
ดู 《The Devotion of Suspect X》จนจบเรื่อง การปรับเรื่องราวให้เข้ากับคนในท้องถิ่นนั้นสมเหตุสมผลมาก ดูไม่เหมือนกับว่ามันสร้างมาจากนิยายญี่ปุ่นเลย แต่ก็ยังคงความลึกลับแบบฉบับของ Keigo Higashino ได้อย่างฝังแน่น จังหวะและความยืดหยุ่นของหนังทำได้ดี เรื่องราวที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วมีความน่าหวาดเสียวและตื่นเต้นไม่ขาด จังหวะขึ้นลงของหนังทำเอาฉี่เล็ดได้ มีวิธีการเล่าเรื่องให้เชื่อมโยงตลอดทั้งเรื่อง สไตล์เดียวกับ 《The Left Ear》แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือ การแสดงออกทางอารมณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งค่อนข้างเก็บกด ไม่ได้ให้จงใจให้ระเบิดอารมณ์หรือใช้เทคนิคอะไรมากเกินไป แต่ให้ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน ใส่ใจในรายละเอียด ไม่ได้สื่อทางภาพและเสียงมากมาย แต่ค่อยๆระบายออกมา จะเห็นได้ว่าฝีมือการกำกับของซูโหย่วเผิงนั้นพัฒนาขึ้น กล่าวโดยสรุปก็คือ《The Devotion of Suspect X》 เป็นภาพยนตร์ที่ยังให้ความรู้สึกสดใหม่และมีอะไรที่คาดไม่ถึง ควรค่าแก่การดู