An Article from Top Men 2008 2nd edition
ซูโหย่วเผิงได้มีประสบการณ์ชีวิตเป็นดาราขวัญใจที่ดังมากๆและยังมีชีวิตที่ตกต่ำปราศจากเป้าหมาย ดังวันนี้ วัยที่เกิน 30 อย่างเขาได้เข้าใจเรื่องราวและมองโลกอย่างโปร่งใสถึงเรื่องราวมากมาย เริ่มที่จะมีท่าทีแสวงหาชีวิตที่ปล่อยไปตามกรรมวาสนาและความรู้สึกในจิตใจที่สมดุล ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือ ได้ช่วยเหลือผู้อื่นผ่านทางมูลนิธิ และได้เข้าใจถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตต่างๆผ่านการท่องเที่ยวทัศนาจร
พวกเรามองซูโหย่วเผินเป็น “ไกวๆหู่” มาตลอด แต่แล้ววันหนึ่งได้สังเกตเห็นเขาในทันใด ใบหน้าที่เหมือนเด็กอย่างเขานั้น ในเวลาชั่วขณะเดียวได้ไว้หนวดไว้คราวแล้ว ทุกคนล้วนคิดว่าเขาเป็นเด็กที่จริงจังมาก แต่ว่าพวกเราอาจจะไม่รู้ว่าเพื่อบทบาทหนึ่งของเขาแล้วเขาพร้อมที่จะแหกกฎจิตใจของเขา ทุกคนทราบว่าเขาร้องเพลงเก่ง แต่ว่าอาจจะไม่รู้ว่านักร้องที่เขาชื่นชอบที่สุดคือ Madonna and Jack JackSon หากเขาไม่ได้เข้าวงเสี่ยวหู่ตุ้ยแต่เด็ก เขาอาจจะไปตามความฝันของเขาเป็นนักแต่งเพลงไปแล้ว หรือว่าอาจมีคนน้อยมากทราบว่าในประเทศจีนมีโรงเรียนซีว่างซูโหย่วเผิง เขาได้เป็นทูตแห่งความรัก “โรงเรียนซีว่างแห่งแรกของจีน” จากมูลนิธิเยาวชนจีน มีคนอีกมากมายที่ยังไม่รู้ว่าซูโหย่วเผิงได้ร่วมงานการกุศลต่างๆอย่างไม่ขาดสาย
สัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง อยู่ร้านกาแฟในศูนย์กลางตลาดแห่งหนึ่ง เพราะคริสมาสใกล้เข้ามาแล้ว ร้านกาแฟก็ได้เปิดเพลง jingle Bells ซ้ำๆ ซูโหย่วเผิงได้พิงที่โซฟาพูดคุยอย่างสบายๆ พูดถึงหนังที่เขาดูแล้วสองครั้ง (ปาเบี๋ยถา) (ปาเบี๋ยถาปา) พูดถึงนิสัยที่หนักหน่วงของคน พูดถึงวัฒนธรรที่เขาชอบ พูดถึงความเชื่อและประสบการณ์มูลนิธิของเขา
เหตุที่เข้าสู่วงการเร็วและมีชื่อเสียงเร็ว ซูโหย่วเผิงได้สูญเสียรสชาติความสุขของความเป็นวัยเด็ก ฉะนั้นอายุ 21 ปีนั้นจึงเลือกตัดสินใจออกนอกประเทศ เอาตัวเองไปทิ้งที่อังกฤษ ในสภาพที่เป็นสามัญชนธรรมดาคนหนึ่ง “มองย้อนกลับไปดูประสบการณ์ในช่วงนั้น ก็คือเขาได้กระโดดจากขั่วหนึ่งไปยังอีกขั่วหนึ่ง ที่จริงเขาไม่ได้ไปอยู่จุดศูนย์กลางเลย “เขาในวันนี้ที่ผ่านแรมปี นิสัยนั้นได้ขาดสิ่งหนึ่งของราศีกันย์ แต่มีอารมณ์ขำขันของราศีอื่นเพิ่มเข้ามา เรียนรู้จักที่จะมองทุกอย่างอย่างสันติ ได้ไปตามความนึกคิดของจิตใจ
สำหรับความสุข นิยามของซูโหย่วเผิงนั้นง่ายๆ “ หากผมสามารถทำให้คนอื่นมีความสุข ผมก็มีความสุขแล้ว” อาจจะเพราะเหตุนี้เองที่เขาได้ทุ่มเทกับงานกุศลมูลนิธิอย่างมาก ในปีนี้โรงเรียนซีว่างที่ใช้ชื่อของเขานั้นได้มีพิธีเปิดไปแล้ว เขาเคยไปที่ "เจิ้นโจวเหอหนัน" ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนในพื้นที่ ยิ่งกว่านั้นครูใหญ่ของโรงเรียนได้พูดกับเขาด้วยน้ำตา “ ขอบคุณคุณ พวกเราจะจดจำคุณตลอดไป” เขาในตอนนั้นลึกๆในใจสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำไปนั้น ได้มีอิทธิพลอย่างไรกับคนอื่นๆ