ซูโหย่วเผิง ไม่สามารถเป็นวัยรุ่นตลอดไปได้
ไม่รู้ว่ายังจะเรียกเขาว่าเสี่ยวไกวได้อีกหรือเปล่า ใบหน้าอันมีริ้วรอยนั้นมันกำลังสะท้อนบ่งบอกกับเราว่าเขากำลังพยายามจะมีภาพลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ว่า การที่จะเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งนั้นไม่ใช่เป็นได้ง่ายๆ ดูซิ มีเรื่องเข้ามาอีกแล้ว เขาได้กลายเป็นหลิวเต่อหัวคนที่สองไปแล้ว มีแฟนคลับผู้หญิงที่บ้าคลั้งเขานั้นร้องเรียกเขาว่าที่รักๆ(ผัว) อย่างกะจะเป็นจะตายอะไรอย่างนั้น มันวุ่นวายไปทั้งเมืองเลยแหล่ะ เดิมทีนั้น การงานของเขานั้นไปได้อย่างราบรื่น แต่ทันใดนั้นก็ได้เกิดการสะดุด มันทำให้คนอื่นเสียอารมณ์จริงๆเลย ขณะที่ตอบรับที่จะให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนี้นั้น เขาอยู่อย่างนิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นักข่าวถาม ซูโหย่วเผิงตอบ
ถาม . ทำไมคุณพยายามที่จะหลีกเลี่ยงคำถามเรื่องของเสี่ยวหู่ตุ้ยหรือ?
ตอบ . ผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกแล้ว เมื่อก่อนสื่อถามผม ผมก็ตอบแบบตรงไปตรงมา ว่าตัวเองนั้นยินดีที่จะให้เสี่ยวหู่ตุ้ยออกอัลบั้มอีกชุด แต่ว่าข่าวที่เขียนออกมาจากสื่อนั้นสื่อทำนองว่าผมมันพวกขี้คุย บอกว่าผมไม่มีเวลาที่จะไปซ้อมกับพวกเขา ตอนนี้ทุกคนเข้าใจว่าผมเป็นเหตุที่ทำให้ไม่สำเร็จ เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดอีก ผมจะไม่พูดอีกแล้วก็น่าจะดี
ถาม . ในภาพพจน์นั้น เสี่ยวไกวเริ่มจากการร้องเพลงก่อน จากนั้นก็เข้าสู่การแสดงละคร แล้วเข้าไปแล้วก็ทำกันมานานหลายปีเลยทีเดียว ทำไมตอนนี้ได้กระโดดเปลี่ยนมาสู่สนามภาพยนตร์ในทันใดเลยล่ะ รวมทั้งยังแสดงภาพยนตร์ที่โด่งดังอย่าง(เฟิงเซิง)เลยนะ ?
ตอบ . คนเราล้วนต้องการที่จะก้าวหน้า อีกทั้ง ผมก็ยังเป็นวัยรุ่นประเภทกระหายความก้าวหน้าอีกด้วย ฮ่าๆ ทุกคนก็สามารถที่จะเห็นว่าผมเดินมาทีละก้าว และกำลังเติบโตอย่างไม่หยุด ถ้าจะพูดนั้น อายุของผมก็ไม่ใช่ว่าเด็กๆแล้ว จะเป็นวัยรุ่นตลอดไปคงไม่ได้ บางที่เมื่อเป็นโอกาสก็อยากให้ผู้ชมได้เปิดหูเปิดตาบ้าง
ถาม . สิ่งที่คุณบอกว่าเปิดหูเปิดตาคือสนามภาพยนตร์ของคุณใช่เปล่า?
ตอบ . พูดอย่างนี้ก็ยังได้ ผมนั้นรอคอยเรื่องเฟิงเซิงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก รู้ไหมว่าในเรื่องนั้นผมได้แสดงเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงด้านละครเพลงด้วย เมื่อก่อนไม่เคยรู้เรื่องละครเพลงอย่างนี้มาก่อนเลย สำหรับผมแล้วมันเป็นอะไรที่ยากมากๆเหมือนกัน
ถาม . คุณเองเป็นคนเอ่ยว่าเมื่อก่อนไม่เคยรับบทที่เกี่ยวกับพวกละครเพลงอย่างนี้มาก่อนเลย งั้นคุณสามารถรับประกันไหมว่าการแสดงครั้งนี้ออกมาได้อย่างไม่ผิดหวังแน่
ตอบ . อันนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผมเองพูดได้ ผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดว่าผมแสดงได้ดีมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อผู้กำกับเลือกผมแล้ว มันบ่งบอกว่าตัวผมเองก็มีความสามารถพอที่จะรับบทนี้ ผมเองก็เชื่อมั่นในตัวเองเหมือนกัน หากว่าไม่มีความมั่นใจแล้วจะไปแสดงได้อย่างไง
ถาม . ก่อนหน้านี้คุณเคยได้ดูต้นฉบับของเรื่อง (เฟิงเซิง) นี้ไหม ? คุณรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน?
ตอบ . เคยดูนะ นี่น่าจะพูดได้ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจน่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา ตัวละครที่ผมรับแสดงคือเสี่ยวไป๋เหนียนที่มันจะแตกต่างไปจากเดิมหน่อย จะเน้นและเป็นตัวสำคัญกว่าบทเดิมของมัน ตัวละครนั้นก็มีหลากหลายและมีสีสันมาก
ถาม . นั่นหมายความว่า ในภาพยนตร์นั้นได้เพิ่มบทคุณเข้าไปอีก อย่างนี้แสดงว่าทางบริษัทเขาดีต่อคุณมากๆเลย
ตอบ .นั่นแหล่ะ...ดังนั้นผมต้องแสดงให้ดีที่สุด เช่นตอนนี้ผมเองก็รู้ว่าตัวเองได้รับบทเป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านละครเพลงคนหนึ่ง ผมก็รีบที่จะไปเรียนด้านนี้เพิ่มเติม เริ่มเรียนจากการร้องแบบพื้นๆไปก่อน ทุกอย่างนั้นเป็นการเริ่มต้น
ถาม . งั้นการแสดงละครเพลงครั้งนี้คุณคงลำบากมากๆเลยซินะ มันอาจจะเรียกได้ว่าทรมานเลยมั้ง สิ่งที่ยากที่สุดคืออะไร?
ตอบ . สิ่งที่ยากที่สุดคือการทำท่าทางของร่างกาย เรื่องนี้มันฝึกยากมาก ไม่ว่าจะเป็นมือไม้แม้กระทั่งตัวก็ต้องอ่อนช้อยไปหมด สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือก่อนหน้านี้ผมเองได้ฟิตร่างกายให้มีกล้าม มันไม่ง่ายเลยที่ร่างกายผมจะมีกล้ามขึ้นมาแต่ตอนนี้กล้ามกลับกลายเป็นความยากในการทำให้อ่อนช้อย เช่นครูสอนนั้นสอนผมทำท่าทางของมือไม้ ให้ผมเอามือไปข้างหลังไหล่ ผมรู้สึกตัวเองได้เลยว่ามันแข็งกระด้างมากๆ กล้ามเนื้อนั้นมันแน่นตึงมาก จะงอยังไงก็งอไปไม่ถึง
ถาม . ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ร่างกายก็ต้องเจ็บปวดล่ะซิ?
ตอบ. ตอนเริ่มใหม่ๆก็ใช่ ครูพูดว่า “คุณต้องปล่อยตัวสบายๆ อย่าเกร็ง ๆ” ผมได้แต่พูดกับครูอย่างตรงๆว่า “ครู ผมไม่เกร็งเลยนะ ผมไม่เกร็งจริงๆ และเมื่อได้ผ่านการฝึกฝนไปครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้นั้นก็นับว่าก้าวหน้าไปมากแล้ว ธรรมดามากๆเลย หากว่าผมว่างๆก็จะฝึกซ้อมทำท่าทางไม้มือด้วยตัวเอง
ถาม . เข้าใจว่าคนที่จะเล่นละครเพลงนั้นมือไม้นั้นต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษเลย เป็นอย่างนี้จริงๆเปล่า ?แล้วคุณได้ดูแลอย่างพิเศษบ้างเปล่า?
ตอบ . ใช่ มันอาจจะเกี่ยวข้องกับการที่จะต้องให้นิ้วมืออ่อนโยน ฉะนั้นการที่จะดูแลรักษามันนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่แล้ว แต่ว่าผมเองก็ไม่ได้ไปสรรหาครืมอะไรมาดูแลรักษาเป็นพิเศษหรอก
ถาม . ดูจากตารางเวลาของคุณในปีนี้แล้ว เวลาส่วนใหญ่นั้นจะทุ่มเทให้กับการแสดงภาพยนตร์เป็นหลัก จริงๆแล้วช่วงนี้กำลังยุ่งอยู่กับอะไรอยู่เปล่า?
ตอบ . ตลอดปี 2009 นี้นั้น ผมได้ให้การแสดงภาพยนตร์เป็นเรื่องหลักจริงๆ ช่วงนี้พึ่งถ่ายเรื่อง (ตามหาพี่หลิวซัน, Xun Zhao Liu San JIe) เสร็จไปหยกๆ แล้วก็ต้องรีบไปที่ถ่ายทำของ(เฟิงเซิง)ต่ออีก
ถาม . ได้ข่าวว่าคุณจะเข้าไปเป็นนักรบที่ฮอลลีวูด?
ตอบ . หลังจากเรื่องเฟิงเซิงเสร็จแล้วผมก็จะต่อเรื่อง(อณาจักรปลาคน - Ren Yu Di Guo)ของฮอลลีวูดต่อ สำหรับฮอลลีวูดแล้วผมไม่มีใจกล้าอย่างนั้นที่จะไปบากบั่น
ถาม . คุณตั้งใจว่าจะเข้าฮอลลีวูดโดยผ่านทางเรื่องนี้หรือ?
ตอบ . ฮ่าๆ จริงๆแล้วเรื่องการเข้าสู่ฮอลลีวูดนั้นผมเองก็ไม่มีความกล้าอย่างนั้นหรอก (อณาจักรปลาคน - Ren Yu Di Guo)นั้นสำหรับผมมันเป็นอะไรที่ใหม่ๆเอง ตอนนี้ผมเพียงแต่อยากจะทำงานที่อยู่ข้างหน้าของผมให้มันแล้วเสร็จ
ถาม . ได้ข่าวว่า จะทำแต่ภาพยนตร์ คุณไม่คิดที่จะหันมาแสดงละครเพลงอีกแล้วหรอ?
ตอบ . น่าจะไม่มีอีกแล้วนะ ความพัฒนาของภาพยนตร์นั้นมันเร็ว รวมทั้งช่วงนี้ผมยังรู้สึกที่อยากจะทำเรื่องนี้เป็นอาชีพเลย แน่นอนหากว่าอนาคตมีบทละครที่ดีๆที่น่าสนใจให้เล่นก็ยังอยากจะคิดดูก่อนเหมือนกัน
ถาม . ตอนนี้คุณรู้สึกเกี่ยวกับการรับบทในตอนนี้กับอดีตนั้นมันต่างกันหรือไม่เหมือนกันตรงไหมบ้างไหม?ความหมายของผมคือตอนนี้มีการต่อรองหรืออำนาจในการพูดมากน้อยแค่ไหน?
ตอบ. เป็นนักแสดงนะ การรับบทในสมัยก่อนนั้น ตามความเห็นและมุมมองของผมเองแล้วนั้นมันก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างกันมากมายหรอก ก่อนอื่นคือทางบริษัทเขารู้สึกว่าโอเค จากนั้นค่อยให้ผมมาตัดสินใจเอง ตอนนี้ผมเองก็จะพยายามไปรับดูบทด้วยตัวเอง ดูบทที่ไม่เหมือนกัน เพื่อจะเพิ่มศักยาภาพในการแสดงของตัวเอง แต่สิ่งที่สำคัญขาดไม่ได้เลยคือต้องมีความท้าทายด้วย
ไม่แต่งงานกับแฟนเพลงหรอ
ถาม. ช่วงนี้ข่าวคุณดังแพร่กระจายไปทั่ว แล้วเจ้าตัวรู้ตัวหรือเปล่า?
ตอบ . ผมก็ได้ยินเหมือนกัน รวมทั้งยังมีนักข่าวโทรศัพท์มาถามผมไม่น้อยเลยที่เดียว จริงๆแล้วเป็นแค่ข่าวเฉยๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าแฟนเพลงคนนั้นเขาประโครมข่าวออกมาเพื่อต้องการอะไรกัน
ถาม . แล้วคุณกลัวไหม ? อดีตเคยมีแฟนเพลงทำอย่างนี้ไหม?
ตอบ. ผมอยากจะบอกกับแฟนเพลงอย่าไปหลงรักคนจนหัวปรับหัวปรำ อย่างนี้มันอันตรายมาก เชื่อว่าศิลปินส่วนใหญ่นั้นชื่นชอบแฟนเพลงที่มีสติ รู้จักคิด ผมเองก็ไม่ต่าง
ถาม . ในเมื่อข่าวในเน็ตที่ว่าคุณแต่งงานกับแฟนเพลงนั้นไม่เป็นความจริง งั้นตัวคุณเองเคยวางแผนเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานไหม?หากจะว่าไปแล้วอายุคุณก็ไม่น้อยแล้วนะ
ตอบ . เรื่องความรักนั้นจำเป็นต้องปล่อยไปตามธรรมชาติ ตอนนี้ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
ถาม. คุณอย่าเอาข้ออ้างอะไรแบบว่ายุ่งมากมาเป็นโล่เลยนะ
ตอบ . การงานในปีนี้ของผมนั้นยุ่งจริงๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีเวลา ผมเองก็กำลังรอกามเทพของผมอยู่เหมือนกัน คุณดูซิ แว่นที่ผมสวม รวมทั้งหนังที่ผมแสดงล้วนแล้วแต่มีกามเทพอยู่ด้วย มัน สวิท(หวาน)มากๆ ผมยังได้แสดงเรื่องผมรักกามเทพอีกด้วย เดือนมิถุนายนนี้จะออกอากาศ
ไม่บังคับว่าต้องเป็นเขยจีนแผ่นดินใหญ่
ถาม . หล่อเจียเหลียง,วุ่ยจิ้นเจ๋, ยังมีอู่ฉีหลง ล้วนเป็นเขยจีนแผ่นดินใหญ่ คุณจะเป็นเหมือนพวกเขาหรือเปล่า?
ตอบ. จริงๆแล้วผมคิดว่าไม่ว่าจะเป็นคนที่ไหนก็ตาม เพียงแค่มีการพูดที่เข้าใจกัน มีความสนใจที่เหมือนกันก็เพียงพอแล้วแหล่ะ จุดนี้นั้นผมเองก็ไม่เน้นมากมายหรอก
ถาม . ตอนนี้แม้แต่แว่นตายี่ห้อดังก็ยังหาคนเป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นเพราะคุณดังในเรื่องนี้หรือเปล่า?
ตอบ. มันอาจเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนนั้นผมเคยเป็นคนสายตาสั้น 600 มั้ง รวมทั้งผมใส่แว่นก็ไม่ใช่ว่าจะทุเรศเสียเมื่อไหร่ มันดูแล้วเหมือนกับเด็กเรียนเลยแหล่ะ สำหรับเรื่องที่ว่าผมเองดังไม่ดังนั้น ผมว่าก็ยังพอไหวนะ
ถาม . ตอนนี้ศิลปินล้วนแต่ระมัดระวังในเรื่องการเป็นพรีเซ็นเตอร์ คุณเคยคิดหรือใคร่ครวญเรื่องนี้เปล่า?
ตอบ . การเป็นพรีเซ็นเตอร์ครั้งนี้นั้นหลักๆคือผมเองเป็นคนที่ชอบสะสมแว่น ในบ้านยังมีตู้เก็บแว่นที่สร้างมาโดยพิเศษเลย รวมทั้งสองสามปีมานี้สังคมนั้นนิยมแว่นดำเป็นอย่างมาก การเอาแว่นมาประดับให้เข้ากับชุดที่ใส่นั้นเป็นกระแสนิยมของสังคมไปแล้ว แว่นที่ต่างกันออกไปนั้นก็ได้เห็นถึงความเท่ที่ต่างกันออกไป รวมทั้งยังสามารถทำให้เรามีอารมณ์ที่ไม่เหมือนกันแล้วแต่ละวันอีกด้วย อดีตของผมนั้นมักจะชอบสะสมแว่นที่แปลกประหลาดและสีที่ไม่เหมือนชาวบ้าน แต่ตอนนี้นั้นผมจะไม่เลือกอย่างนั้นเด็ดขาด### จบสัมภาษณ์ ###
Thanks,
http://tieba.baidu.com/f?kz=553220811http://xqs.sh333.com/wy/200903/t20090318_2241611.htm