นิตยสาร Mr.modern 5 พฤษภาคม 2010 ซูโหย่วเผิง . ชีวิตไม่ใช่ส่งการบ้าน
ก่อนจะเห็นโหย่วเผิง เขาในภาพจินตนาการณ์ของผมนั้น— การเปลี่ยนแปลงทุกครั้งของเขานั้นมีความพิเศษมากๆ ทุกช่วงชีวิตของเขาก็เหมือนกับการสร้างรากฐานให้กับชีวิต เหมือนกับการสร้างบ้าน เพราะรากฐานชีวิตของเขานั้นมั่นคงมากๆ ฉะนั้นเมื่อสร้างสูงขึ้นไปเท่าไรก็ไม่กลัวลมพัดฝนสาด ในแวดวงบันเทิงก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน หลังจากที่ได้เจอเขาแล้ว ตัวจริงของเขานั้นให้ความรู้สึกอย่างนี้ –แน่นอนเขานั้นอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะต้องทำให้มีดีมากๆจนเวอร์ไป แท้จริงแล้วการจะเห็นแก่ผลลัพท์ของงานนั้นไม่ใช่เป็นตัวตนของเขา โหย่วเผิงนั้นอย่างน้อยเขาก็มีความพึ่งพอใจกับสิ่งทีตนมีอยู่
ในสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นโหย่วเผิงก็เสมือนตัวหนอนเพลงในอัลบั้มชิงผิงก่อเล่อเหยียน แล้วได้มีประสบการณ์มากมายจากงานการร้องเพลงการแสดง จนในที่สุดตัวหนอนได้กลายเป็นผีเสื้อก็ช่วงเรื่องของเฟิงเซิง หากว่าตัวหนอนก่อนที่จะเป็นผีเสื้อนั้นไม่ชอบตัวของตัวเอง คิดว่าการมีปีกบินถึงจะครบบริบูรณ์นั้น ถ้าอย่างนั้นรอจนถึงเขามีปีกแล้วก็คงจะไม่มีความกล้าที่จะบินขึ้นไป โหย่วเผิงในวันนี้แน่นอนจะไปรับเล่นบทที่เหมือนเด็กๆแบบน่ารักๆอย่างในอดีตก็คงไม่ได้้ แต่เขาเองก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธว่าตัวเองนั้นเคยเป็นคนแบบนั้น ฉะนั้นมาจนถึงวันนี้ถึงสามารถที่จะยืนหยัดได้และสามารถที่จะเป็นไป๋เสี่ยวเหนียนได้ โหย่วเผิงได้เรียนรู้มากมายจากการเปลี่ยนแปลของแต่ละช่วงชีวิต และวิชาที่เขาได้เรียนรู้นั้นหากมารวบร่วมแล้วก็น่าจะสรุปได้เจ็ดคำ ชีวิตไม่ใช่ส่งการบ้านการดื้อดึง
คนคนหนึ่งที่ไปปลดปล่อยการเป็นทาส คนคนหนึ่งที่ได้ร้องเพลงเสียงดีในเรื่องตามหาพี่หลิวซัน ยังมีอีกบทบาทหนึ่งที่ยังหุบไว้ไม่พูดออกมา สิ่งเหล่านี้จะให้เราได้เห็นต่อจากบทของไป๋เสี่ยวเหนียนแล้ว นี่เป็นผลงานต่างๆในรอบปี๒๐๑๐ของเขา มันเห็นได้ชัดมากๆว่าการที่เขาได้ทุกเทกับผลงานต่างๆเหล่านี้ให้เห็นว่าภาพลักอดีตของเขานั้นมันถูกทิ้งไปแล้ว ไกวๆหู่ที่ทุกคนคุ้นเคยนั้นกลับไม่เชื่อฟังแล้ว โดยเฉพาะในเลือดนั้นยังมีความดื้อดึงไม่ยอมฟังอยู่ด้วย
ตัวเออที่เริ่มแรกนั้นมาจะอัลบั้ม(ไจ้เจี้ยน) เหตุมาจากจื้อเผิงนั้นจะต้องไปเกณฑ์ทหาร ทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยจำต้องเลิกลากันไป และเอ็มวีของเพลง(ไจ้เจี้ยน)นั้นทำให้ฝังใจลึกมาก ปราถนาที่จะเห็นโหย่วเผิงร้องให้บนเวที “ผมนั้นจะร้องอย่างไรก็ร้องไม่ออกมา ทุกคนก็กังวลมากๆ บ้างก็ไปหาของขวัญที่แฟนเพลงส่งมาให้ดู แล้วบ้างก็เอาโน๊ดสั้นที่แฟนๆเขียนให้ผมมาให้ผมอ่าน อยากจะช่วยอารมณ์ผม” แต่ใบหน้าโหย่วเผิงนั้นเห็นรอยยิ้มออกมาบ้าง “เพราะว่าทุกคนก็คิดว่าจะต้องลาจากกันแล้ว การจากกันนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่เศร้าใจมาก คุณน่าจะร้องไห้ออกมาง่ายๆ แต่ปัญหาคือ ผมคิดว่าการพบกันจากกันของมนุษย์เรานั้นเป็นเรื่องธรรมดา ทำไมต้องร้องไห้ด้วย”
“จริงๆแล้วผมเป็นคนที่ร้ายพอสมควร แม้ว่าจะว่าผมสุดดื้อไม่ได้ถึงขนาดนั้นก็ตาม แต่ผมเองก็ไม่ใช่เป็นเด็กที่เชื่อฟังอะไรประมาณนั้น” การพูดของโหย่วเผิงนั้นรวดเร็วมาก น้ำเสียงชัดเจน “จริงๆแล้วผมพูดกับทุกคนตลอดว่าผมเป็นคนอย่างนี้แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ฉะนั้นผมก็เลยต้องมารับเล่นบทไป๋เสี่ยวเหนียน จะมาสร้างภาพที่ตรงข้ามกับไกวๆหู่แบบหน้ามือหลังมือเลย เพราะทุกคนไม่เชื่อว่าผมเป็นคนดื้อไม่ใชหรือ ดี งั้นผมจะทำให้ทุกคนเห็น ครั้งนี้คงจะเชื่อแล้วสิ
จริงๆแล้วบทไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นหาใช่เป็นการดื้อร้ายครั้งแรกของโหย่วเผิง ในช่วงปีสามของการเรียนมหาลัยนั้น เหตุเพราะอยากจะย้ายคณะไม่สำเร็จ สุดท้ายตัวเองตัดสินใจลาออก “ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิด ก่อนจะลาออกนั้น ผมเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง เป็นนักเรียนต้นแบบ เป็นศิลปินสุเปอร์สตาร์เด็กของวงการบันเทิง จากการที่ลาออกของครั้งนั้นได้ทำลายภาพของนักเรียนดีเด่นสิ้นเชิงไปแล้ว หลายคนรับไม่ได้กับการดื้อดึงอย่างนี้ของโหย่วเผิง” โหย่วเผิงได้หวนคิดและกล่าวว่า “ ตอนนั้นเสมือนครูนับพันมาแนะนำเลย เพราะทุกวันหน้าหนังสือพิมพ์จะมีการเขียนข่าวต่อว่าเป็นครึ่งๆหน้า สุดท้ายตัวเองทนไม่ได้ แล้วได้แบกกระเป๋า เดินทางไปที่อังกฤษ”
วันนี้ได้รื้ออดีตมาพูดนั้น โหย่วเผิงที่อายุกว่าสามสิบนั้นเห็นได้ว่าเขาไม่โกรธอีกแล้ว “การลากออกจากมหาลัยนั้นใช่ว่าจะเป็นการล้มเหลวในชีวิตผม แต่มันก็นับได้ว่าเป็นการทำสิ่งที่ในชีวิตไม่สำเร็จ ตอนนั้นอายุยังน้อยและชอบใช้อารมณ์ สิ่งที่แย่ที่สุดคือการเอาแต่ความรู้สึกของตัวเอง และคิดถึงคนอื่นนั้นมีน้อยมาก มันเป็นการกระโดดจากขอบด้านหนึ่งไปขอบอีกด้านหนึ่ง จริงๆแล้วใช่ว่ายืนอยู่ตรงจุดใจกลาง” อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ยังยืนกลานว่าตัวเองนั้นไม่ได้ผิดอะไร เพราะว่า “ชีวิตนั้นใช่ว่าเป็นการส่งการบ้าน” การทำในสิ่งที่ตนเองชอบและไม่ทำตามในสิ่งที่ผู้อื่นอยากให้เป็น นั่นถึงจะเป็นชีวิตที่แท้จริง ถึงจะเป็นชีวิตที่โหย่วเผิงต้องการ แต่ละครั้งที่ผมเปลี่ยนแปลงนั้นก็ล้วนจะมีคนมาให้ความเห็น แต่ว่า ก็ฟังๆไปฮ่าๆ
โหย่วเผิงที่เรียนรู้ที่จะรักใครๆนั้น เขาเป้ฯคนที่ไม่ค่อยชอบทำอะไรที่ซ้ำๆซากๆ ไม่ชอบนิ่งอยู่กับที่ ไม่ชอบแสดงบทเดิมๆ ไม่ชอบกดอารมณ์ความรู้สึกจริงๆของตัวเอง บางครั้งเขาก็ใจร้อน บางครั้งก็ปล่อยตัวอิสระ บางครั้งก็ท่องไปอย่างไร้เป้าหมาย บางครั้งก็เป็นคนจริงใจจริงจัง เขาไม่เคยปกปิดจุดด้อยของตนเอง