ผู้เขียน หัวข้อ: 22 ม.ค. 2010 เสี่ยวหู่ตุ้ย รวมตัวกันครั้งแรกรอบใน 20 ปี  (อ่าน 9752 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
22 มกราคม 2010  เสี่ยวหู่ตุ้ย รวมตัวกันครั้งแรกรอบใน 20ปี


ทุกคนต่างสนใจข่าวของเสี่ยวหู่ตุ้ย วันนี้บ่าย 2 โมงได้ปรากฏที่สถานียางซื่อเพื่อซ้อมการแสดงคืนวันตรุษจีนแห่งปีเสือ โหย่วเผิง, จื้อเผิง, ฉีหลงได้มาปรากฏตัวพร้อมกัน การรวมตัวครั้งแรกนั้นเป็นที่สนใจของสื่อเป็นอย่างมาก และทางทีมงานก็ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือโดยจัดหน่วยคุ้มครองไว้เยอะเป็นพิเศษ ในงานซ้อมการแสดงก็มีหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่น้อยเลยทีเดียว จากข่าวที่ได้รับมานั้น ขณะนี้พวกเขากำลังซ้อมเดินบนเวทีอยู่ แล้วเพลงที่จะร้องก็คือเพลงที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว มีอยู่ 3 เพลง (อ้าย) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (หูเตี๋ยเฟยยา) ส่วนตำแหน่งการยืนนั้น ก็ยังคงรักษาตำแหน่งเดิมอยู่ อู่ฉีหลงยืนตรงกลาง ซ้ายขวาเป็นโหย่วเผิงและจื้อเผิง และคืนนั้นจะมีการร้อง 3 เพลงตำแหน่งการยืนก็ยังเหมือนเดิม

คืนงานเสี่ยวหู่ตุ้ยร้อง 3 เพลง ตำแหน่งการยืนไม่เปลี่ยนแปลง

หลายคนก็เข้าใจว่า ตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยรวมตัวกันนั้น น่าจะมีการโอบกอดที่ประทับใจและกินใจ แต่มีข่าวลือกันข้างนอกว่า เมื่อเจอกันต่างคนต่างวางมาด เหมือนกับน้ำแข็ง โหย่วเผิงที่มาหลังสุดนั้น ได้ย่องไปนั่งข้างจื่อเผิงเบาๆ ทั้งสามต่างยิ้มให้กัน ต่างสนิทสนมกันและก็ใช่ว่าจะห่างกัน ก็เหมือนกับเมื่อก่อนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยยังไม่แยกทางกัน เสี่ยวหู่ตุ้ยเมื่อก่อนเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนั้น
 
เพลงก็ยังเป็นเพลงที่คุ้นเคยกันเช่น (อ้าย ) (หูเตี๋ยเฟย) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ใบหน้าทั้งสามที่เคยใสซื่อ วันนี้กลับเห็นความเข้มของการงานบนใบหน้า ท่าทางลีลาการเต้นและคราวบนใบหน้า มันทำให้เรารู้สึกถึงวัยหนุ่มที่จากเราไปแล้ว ครั้งนี้สิ่งที่เราเห็นอาจเป็นการรวมตัวในปลายวัยหนุ่มของพวกเขา มันตื่นเต้นขนาดไหน และมันปวดใจขนาดไหน


เมื่อวานตอนมาซ้อมการแสดงในสถานียางซื่อ ทางทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับพวกเขา
 
“นี่เป็นการโอบกอดที่ไม่จริงใจ”

จื้อเผิงที่ดูเหมือนแดดเผาจนตัวดำ หากจะเปรียบการเจอกันครั้งแรกระหว่างเขากับฉีหลงนั้น พวกเขาต่างโอบกอดกับฝ่ายตรงข้ามเบาๆหนึ่งครั้ง ดูไปก็เหมือนกับการกอดที่ธรรมดา เหตุอาจเป็นเพราะหน้าที่การงานของแต่ละคนที่ต่างกัน เกือบจะเป็นภาพแห่งตำนานไปแล้ว ขณะนั้น สถานียางซื่อก็ได้จัด รปภ ไว้อย่างหนาแน่น ได้กลายเป็นกันชนกับสื่อ กับไฟ กับโจรผู้ร้าย แต่ไม่วายที่จะมีสื่อบางคนไปรอที่ห้องโถงใหญ่ จึงสามารถที่จะเก็บภาพการโอบกอดอย่างนี้มาได้ โหย่วเผิงได้รับการสัมภาษณ์เสี่ยววินาทีบอกว่า “พวกเราต่างก็ได้ติดต่อกันส่วนตัวอยู่บ่อยๆ เราก็ได้ไปกินข้าวในบ้านของต่างฝ่ายด้วยกัน”

20 ปี มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปทุกอย่าง แต่ว่าบางกิริยาบทมันอาจกลายเป็นความเคยชิน ในกระดูกนั้นได้สลักตราไว้แล้ว อู่ฉีหลงก็ยังเป็นคนที่พูดน้อยที่สุดอยู่ดี โหย่วเผิงก็ยังมีใบหน้าที่ไกวๆอยู่ดี เฉินจื้อเผิงก็ยังเป็นคนที่ถูกรังแกเหมือนเดิม การแต่งตัวนั้นล้วนเหมือนกัน ที่ได้สวมหมวกกันมาโดยไม่ได้นัดหมายกัน กางเกงของฉีหลงกับโหย่วเผิงนั้นคล้ายๆกัน ขณะที่ซ้อมยืนนั้น ก็ได้มีกิริยาบทสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ยออกมาให้เห็นอย่างเป็นธรรมชาติ ฉีหลงยืนอยู่ตรงกลาย แล้วสองคนก็ยืนคนละข้าง

“คุณดูซิ โหย่วเผิงไว้หนวดคราวแล้ว”

ฉีหลงกั้นระหว่างจื้อเผิงกับดูโหย่วเผิง เขายื่นมือไปเตะคางของโหย่วเผิง สิ่งที่รู้สึกถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยในสมัยก่อนคือ รอยยิ้มที่ใสสะอาด ที่ร่าเริงที่สุดคนนั้น เวลาได้ทำให้เขาจากเด็กชายกลายเป็นนายไปแล้ว
จริงๆแล้วการให้สัมภาษณ์แค่สิบนาทีนั้น ทั้งสามคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกตื่นเต้น และไม่ได้ยินถึงคำพูดที่ทำร้ายจิตใจในอดีต และด้วยรายละเอียดต่างๆนี้ทำให้เรามองเห็นถึงอารมณ์นิสัยของพวกเขา

คืนวันตรุษจีน ปัญหาที่พวกเขาเจอก็ไม่น้อย และร่างกายที่ไม่ได้เต้นมานานแล้วกลับลงพุง จำต้องลดน้ำหนัก ผมที่ตัดสั้นเพราะการแสดงนั้น จำเป็นที่จะต้องไว้ให้ยาวหน่อย และหนวดคราวที่ไว้อย่างคลากสิกนั้น จำต้องโกนมันทิ้งไป โหย่วเผิงใช้เพียงประโยคเดียวมาบรรยาย จริงๆแล้วมีคำพูดนับหมื่นแสน สิ่งที่ทำได้ก็คือเงียบไว้ “พวกเราทุกคนโอเคมาก คืนวันนั้นจะแสดงได้ยอดเยี่ยมแน่ ผมเชื่ออย่างนั้น”


“ระบำแห่งรัก ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยลืม”

การซ้อมการแสดงวันนั้นจะเน้นการเต้น ตำแหน่งการยืน ทุกอย่างก็จะทำตามให้เหมือนกับตอนเสี่ยวหู่ตุ้ย  ลำดับนั้น เริ่มจาก (อ้าย) (หูเตี๋ยเฟยยา) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ท่าเต้นเพลงอ้ายนั้นหลักๆจะใช้ภาษามือเต้น น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยที่สุด อย่างไรก็ตามมันก็เป็นอดีตไปนานแล้ว ฉีหลงกับโหย่วเผิงก็ลืมจนเกือบหมด ปกติแล้วจื้อเผิงจะนำสองเสือน้อยเต้น ไม่นานก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง จื้อเผิงบอกกับสื่อว่า ใช่ว่าความจำเขาดี แต่มันลืมไม่ลงจริงๆ “นี่เป็นเพลงเต้นของพวกเรา เป็นท่าที่ลืมไม่ได้เลย” โหย่วเผิงพยักหน้าแล้วแซวว่า “ สกิดใจมาก คิดถึงท่าต่างๆในอดีตแล้วทำให้มีความสุขมาก อนาคตจื้อเผิงสามารถเปิดโรงเรียนสอนเต้นได้เลย”

เพลงร้องติดต่อกัน ปัญหาที่ใหญ่มากคือจะต่อให้เข้ากันอย่างไร ฉีหลงได้มีข้อเสนอ ขอเปลี่ยนท่าเต้นแบบเก่าเป็นสไตล์แบบจีน แล้วตั้งชื่อเป็น ต้าจี๋จงก๋อเฟิง แต่มีข่าวลือมาว่า โหย่วเผิงกลับตอบว่า “พวกเราไม่ใช่ฝันอยู่นะ”


“การอยู่ร่วมกันนั้น เป็นความหวังทั้งหมดของพวกเรา”

เสือน้อยทั้งสามได้มาร่วมอวยพรกับแฟนคลับ ขณะที่ถูกถามว่ามีอะไรจะพูดกับแฟนๆ พวกเขาได้นิ่งเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายกลับพูดคำว่า “ขอบคุณ”  พร้อมกันโดยที่ทั้งสามไม่ได้นัดกันฉีหลงที่ดูเงียบๆนั้น ครั้งนี้เขากลับพูดด้วย “เห็นแฟนมากมายมาห่วงใยพวกเรา รวมทั้งมีข่าวลือข่าวจริงมากมายแพร่ออกไป หลังจากที่จบงานนี้แล้ว ยังไม่มีแผนอะไรที่แน่นอนชัดเจน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องขอบคุณแฟนๆ 21 ปีแล้ว” จากนั้นก็ยังมีเสียงเบาๆออกมาว่า เป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักดี (ซินเหนียนไคว่เล่อ...ปี 1989) พวกเขาได้ร่วมกันออกอัลบั้มนี้กับ “ยิวฮวน” นี่ก็ถือว่าเป็นอัลบั้มแรกของพวกเขา เพลงหนึ่งในอัลบั้มนั้นคือ (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) ทำให้พวกเราดังระเบิดไปทั่วสังคมชาวจีนเลย


“การรวมตัวกัน เป็นสิ่งที่พวกเราคาดหวัง” นี่เป็นเนื้อเพลงของเพลง(ซิงกวางอีจิ้วชั่นลั่น) ตอนนั้น เหตุที่จื้อเผิงในเสี่ยวหู่ตุ้ยต้องไปเกณฑ์ทหาร ครั้งแรกที่จะต้องแยกย้ายกัน และครั้งแรกที่รวมตัวกัน ครั้งที่สองที่ต้องแยกทางกันคือปี 96  การรวมตัวกันครั้งที่สองน่าจะเป็น 14 ปีให้หลัง ในท่ามกลางพวกเขานั้น ฉีหลงได้แต่งงานและหย่าไปแล้ว โหย่วเผิงโตเป็นผู้ใหญ่และดังไปแล้ว จื้อเผิงยังดิ้นรนเพื่อการงาน หลังจากคืนตรุษจีนแล้วต่างก็ยังคนต้องต่างไป แต่ที่ยังดีคือยังมีหวังว่า “หากมีงานการกุศลใดๆที่จะให้พวกเราทั้งสามคนรับใช้ พวกเราพร้อมที่จะมาร่วมงานด้วย”


(สื่อสูกู) ก็เข้าใจดีว่า ทางเสี่ยวหู่ตุ้ยต่อจากนี้จะมีงานซ้อมหนักอยู่ 3 วัน ยังจะต้องไปเลือกชุดแสดงและอัดเพลงด้วย จนกว่าจะถึงวันที่ 25 ที่จะเปิดตัวบนเวทีอย่างเป็นทางการ

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 22 ม.ค. 2010 เสี่ยวหู่ตุ้ย รวมตัวกันครั้งแรกรอบใน 20 ปี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 01:41:50 AM »

พวกเราจะอธิบายให้พวกคุณฟัง

มีนักข่าวได้เขียนการร่วมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยว่า “หากว่าคุณเกิดในช่วงปี 70 หรือ 80 หากไม่รู้จักเสี่ยวหู่ตุ้ย ไม่คุ้นเพลง(ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) (หูเตี๋ยเฟยยา)(อ้าย) นั่นเป็นสิ่งที่น่าอายมาก

ต้องขออภัยที่ผู้เขียนได้พูดอย่างนี้ เพราะเสี่ยวหู่ตุ้ยในสายตาของทุกคนในสมัยนั้นไม่เพียงเป็นแค่วงธรรมดาวงหนึ่ง แต่เป็นวงที่เป็นที่ระลึกจดจำของทุกคนไปแล้ว”  แน่นอนมีคนบางคนที่อายุยังไม่ถึง 18 อาจไม่เข้าใจถึงอะไรคือการรวมตัวกันอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ย ทำไมถึงต้องตื่นเต้นอย่างนี้ ทำไมถึงต้องกระหายอย่างนี้ เดี๋ยวผมจะมาอธิบายให้ทุกคนฟัง เพราะว่า พวกเขาเป็นความทรงจำที่ดีของคนรุ่นสองรุ่นด้วยกัน วันนี้จะหาเทปของพวกเขานั้นยากจะมีแล้ว มีรูปพวกเขามากมายที่ติดไว้ในหนังสือไดอารี่ ยังมีเพลงยอดฮิตมากมายอีกด้วย ยังมีแฟนๆบางคนอายุตั้งแต่ 20,30,40 ก็ล้วนโตมากับพวกเขา



เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นวงนักร้องชายวงแรกของวงชาย เติ้นลี่จิน หลอต้าอิ่ว เสี่ยวหู่ตุ้ยล้วนอยู่ในปี 80 90  นี่เป็นสิ่งที่ทางประเทศจีนเข้าใจต่อวงศิลปินของไต้หวัน กรกฏาคมของปี 1988 ทางค่ายไคลี่ได้ตั้งรายการหนึ่งขึ้นมา และจะหาผู้ดำเนินรายการชายสามคน สุดท้ายก็คือสมาชิกทั้งสามของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั่นเอง จากนั้น (ซิงซิงเตอแย่ฮุ่ย) (หงชิงถิง) (อ้าย) อัลบั้มเหล่านี้ก็ได้ตามมา และการแสดงคอนเสิร์ดต่างๆนั้น ได้กลายเป็นตำนานไปแล้วเมื่อปี  1995

พิษแห่งมีชื่อหนึ่งที่เป็น “ยุคอดีต”

“พวกเขาล้วนโตแล้ว พวกเราก็เหมือนกัน” คำของแฟนคลับทางเว็ปไซน์ และมีผู้คนอีกมากมายได้เขียนและนำเอาเพลงต่างๆของพวกเขามาลงที่เว็ปไซน์ของตัวเองเพื่อหวนคิดถึง “โสวหยี่ปัน” เป็นการสร้างความนิยมอีกครั้ง ในการจัดลำดับเพลงของ KTV นั้น เพลงเก่าๆของพวกเขา ได้นำมาเปิดอีกรอบหนึ่ง ยังมีอีกหลายๆเพลงที่นำมาเปิด  “หลินจื้อฉี”  สมัยนั้นแม้แต่ก่อฟู่เฉินก็ยังต้องชิดซ้ายเลย