คุณแม่ที่ดีนั้นล้วนฝึกฝนทีละนิด
คุณแม่ที่จริงเป็นชื่อหนึ่งของครูตัวหนังสือของชาติ เพราะการเกิดของผมกับน้อยชาย แต่ได้ลาออกจากการงานมาดูแลลูกๆ หลังผมเรียนมหาลัย ท่านไม่อยากจะแบมือขอเงินกับพ่ออย่างเดียว แต่ได้เรียนหนังสือใหม่และเข้าสอบ กับวัยในตอนนั้นสี่สิบแล้ว ออกจากครอบครัวไปเป็นคุณครูอีกครั้งมันเป็นสิ่งที่มไม่ง่ายเลย
ความสัมพันธ์ของคุณพ่อกับคุณแม่นั้นไม่ดีมาตลอด ฉะนั้นท่านคิดจะหาเงินด้วยตัวเอง พยายามยื่นอยู่ด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่ว่าแรงกำลังตัวคนเดียวนั้นมีจำกัด น้องชายต้องเรียนหนังสือ คุณพ่อกลับใช้เงินส่วนใหญ่ในบ้านจนหมด เรื่องนี้พัวพันไปหลายปัญหา ยุ่งเหยิงมาก ในตอนนั้นก็อาจเป็นเพราะตัวเองที่ไม่โตเป็นผู้ใหญ่และอารมณ์ร้อน ชีวิตและการงานก็ได้เกิดปัญหามากมาย จนมันโตเติบจนหลังสุด ครอบครัวพวกเรามีสี่คนก็ต่างคนต่างอยู่ จนในที่สุดความรู้สึกก็แตกเป็นชิ้นๆ
แต่ว่า คุณแม่ไม่ได้บนเพราะเหตุเรื่องเหล่านี้สักนิด ท่านเพียงแต่พยายามพูดจาให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องเราให้ดีขึ้น ไม่ให้ผมบ่นต่อพ่อ ให้ใจผมสงบในการถ่ายหนัง ตัวเองกลับรับเอาความกดดันจากเรื่องต่างๆไว้ เมื่อท่านได้ออกมาทำงานใหม่อีกครั้งนั้น เมื่อเทียบกับครูที่มีอายุน้อยกว่าแล้ว ท่านเองก็มีอายุแล้วเหมือนกัน ทำงานอย่างลำบากจริงๆ ผมบอกว่าจะให้เงินแก่ท่าน ไม่ต้องไปสอนหนังสืออีกต่อไป ท่านกลับบอกว่าผมหางานได้มาก้ไม่ง่ายนะ ไม่อยากให้ผมมีภาระหนักกว่านี้ ผมฟังแล้วรู้สึกตื้นตันใจมาก ที่จริง ผมคิดอยู่บ่อยๆ ผู้หญิงที่สามารถเป็นคุณแม่ได้นั้นล้วนไม่ได้ง่ายอย่างปอกกล้วยเข้าปาก เป็นไปไม่ได้ว่าแค่มีความสองสามอย่างก็สามารถได้ชื่อนี้ (คุณแม่ที่ดี) ท่านทั้งกลายได้ผ่านประสบการณ์ทดสอบร้อยแปดพันเก้า ได้ลิ้มลองทั้งรสเผ็ดเปรี้ยวหวานขม กว่าจะได้ต้องขัดเกลาที่ละเล็กที่ละน้อย เพียงแต่ให้พวกท่านมีจิตใจที่มานะและรักทะนุถนอมลูกของตัวเอง ก็สามารถเป็นคุณแม่ที่ยิ่งใหญ่ได้
คุณแม่ผู้มานะดึงชีวิตผมออกจากก้นเหว
ผมลาออกจากมหาลัยไทต้าแล้ว การงานก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ดิด ได้หยุดเดินและมองดูมูลค่าของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ทันใดรู้สึกว่าตัวเองแม้เงินฝากในธนาคารก็ยังไม่มีเลย เหลือเพียงบ้านหลังที่ที่ยังต้องให้หนี้อยู่(ผ่อน) นอกจากเล่นละครเป็นแล้ว ผมไม่มีความสามารถในการทำงานอย่างอื่นเลย หนทางอนาคตข้างหน้าอยู่ที่ไหนตัวเองก็ยังไม่รู้เลย
ถึงว่าเรื่องที่ต้องตกอับที่สุดของผมยังอยู่ภายหลัง สองปีถัดไปของผม ผมต้องเผชิญกับการสาหัสที่ไม่สามารถจะเหลียกเลี่ยงได้ ร้ายชาแดงที่ผมลงทุนไปนั้นเพราะการไม่ซื่อของผู้จัดการจึงต้องปิดไป ชดใช้เงินให้หุ้นจนหมดตัว ยอดขายอัลบั้มตก ยังต้องเจอกับคุณพ่อที่ตกงาน น้องชายที่ยังเรียนอยู่ ทั้งบ้านหวังพึ่งแต่เงินเดือนที่แม่สอนหนังสือเลี้ยงชีพ
มันยิ่งกว่าหนีเสือปะเจระเข้ แม้กระทั่งผมได้ขับรถด้วยความระมัดระวังแต่ยังโดนชนบนสะพานสูงจนได้ เดือนหนึ่งยังชนตั้งสองครั้ง ทุกเรื่องจะเกิดขึ้นในเวลานั้น จนทำให้ผมไม่มีความมั่นใจต่ออนาคตของผมเลยสักนิด แต่ว่าในขณะที่ชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลานของผมนั้นคุณแม่ไม่ได้ตำหนิผมสักคำ ตลอดทางที่ผมเดินมา ต้องขอบพระคุณท่านมากที่อภัยให้และสนับสนุนผม
คุณแม่นั้นมานะอดทนมาก ตอนนั้นท่านต้องประคับประคองค่าใช้จ่ายของครอบครัว และยังไม่ลืมที่จะให้กำลังใจผมที่จะพัฒนาดำเนินตามสิ่งที่ผมชอบต่อไป ใจท่านเจ็บปวดที่เมื่อก่อนผมเคยดัง ไม่อยากเห็นผมจบลงอย่างนี้ ท่านเข้าใจถึงชีวิตระหกระเหิงและความปราถนาของผม ให้อ้อมอกที่อบอุ่นนุ่มนวลมาพยุงลูกที่ตกไปในเหวนั้น
พวกเราไม่เพียงแต่จะเป็นแม่ลูก ยังเป็นครูศิษย์คู่หนึ่ง ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเพื่อนที่ดีด้วย ท่านได้ร่วมร้องไห้กับผม ฟังผมระบาย อดทนต่อนิสัยกล่าวกับผม เสียงร้องไห้ตอนคลองผมนั้นก็ไม่เหมือนใครแล้ว มันดังมากอย่างมีจังหวะ ขณะทีผมจับโน่นจับนี่ บนพื้นเต็มไปด้วยลูกอมขนม หนังสือต่างๆ เสื้อผ้าของเล่นต่างๆ ผมจับของเล่นเปียร์โนขึ้นมา ฉะนั้นผมกำหนดไว้ว่าจะร้องเพลง
เป็นคุณแม่ที่เช็ดแห่งน้ำตาผม ยืนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าตอนหลังผมจะเป็นพระเอกหนุ่มละคร ผลงานละครดังกว่าผลงานเพลง หลายคนก็อาจลืมไปแล้วว่าผมเป็นนักร้อง คุณแม่ยังไงก็เป็นผู้อุถัมภ์ของผม ท่านกล่าวกับผมว่า “ฉันชอบเธอร้องเพลงให้ฉันฟัง ในโลกนี้จะหาของล้ำค่าอะไรมาเปรียบกับเสียงเพลงที่ลูกชายเราร้องออกมาเพื่อฉันนั้นไม่ได้เลย