เจ้าหนิง:ฉันได้ยินมาว่าอยู่เขตพื้นที่ ธิเบต สถานที่ผู้คนช่างน้อยทีเดียว
จวีเหวินเพ่ย:สามถึงสี่พันเมตร
เจ้าหนิง:สามท่านเป็นครั้งแรกที่ได้ไปบนที่ราบสูงใช่หรือไม่
จวีเหวินเพ่ย:ฉันเป็นครั้งแรก
ซูโหย่วเผิง:ผมไม่ใช่ เพียงแต่ว่าไม่มีเวลายาวนานขนาดนั้น
จวีเหวินเพ่ย:อีกทั้งต้องควบขี่ม้าและวิ่งจริงๆ
เจ้าหนิง:คิดขึ้นมาช่างสวยอัศจรรย์มาก ไม่ทราบว่าการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นอย่างไรบ้าง มีการสะท้อนบนที่ราบสูงหรือไม่
เจียงผิง:ผมรู้สึกว่าชาวบ้านท้องถิ่น เขาตั้งแต่เล็กจนเติบโตบนผืนแผ่นดินนี้ ดังนั้นพวกเขาสามารถไปรับมืออย่างอิสระมากๆ เพราะฉะนั้นการดำรงชีพ งานการ ควบขี่ม้าล้วนเป็นอุปนิสัยปกติของพวกเขา โดยเฉพาะพวกเราได้มากล่าวถึง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่สวยงามมากๆ ระหว่างม้าวิ่งอยู่บนภูเขา เหนือศีรษะมีกลุ่มก้อนเมฆลอย พวกเราควบบนหลังม้าตัวหนึ่งขี่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว เพื่อตามติดติดตามคนรักดีมากครับ พอลงมือถ่ายทำหนังจึงร้องเชียร์ถึงสุดๆ ม้าถีบคุณอย่างพรวดๆ หนึ่งขาพรวดๆ (คำว่า พรวดๆ คือเร็วมาก, ไวเกินไป)
จวีเหวินเพ่ย:หายใจหอบพรวดๆเจ็บพรวดๆ ม้าเหล่านั้นเกือบจะเป็นม้าป่า
เจ้าหนิง:จึงต้องใช้เวลานานมากๆในการฝึกฝนม้าให้มีความรักต่อกัน
ซูโหย่วเผิง:ต้องฝึกม้าให้เชื่อง
เจ้าหนิง:นึกว่ากระดุกคอของคุณถูกกลิ้งล้มลงใช่ไหม
จวีเหวินเพ่ย:ตามพื้นฐานเขาขี่ม้าเสร็จ คอของม้าเช่นเดียวกับเขา
ซูโหย่วเผิง:โดนเราสองคนกดทับจนหัก