ซูโหย่วเผิง...อยากเล่าสู่กันฟัง
เห็นนักแสดงหนุ่มชาวไต้หวัน ซูโหย่วเผิง เล่นละครด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แต่แท้จริง ชีวิตนอกจอกลับครุ่นคิดและมีความกังวลต่างๆ นานา เช่น มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาตกอับ งานไม่มีทำ แต่กลับมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ จนเวลานั้นไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ยังดีที่ซูโหย่วเผิงนับถือศาสนาพุทธเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้เข้มแข็ง ครั้งนี้เขามาเปิดอกให้เราถามทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหัวใจ แฟนๆไม่ควรพลาด
1.เซ็นสัญญากับบริษัทต้นสังกัดใหม่เพื่อหวังตีตลาดเมืองจีน
เมื่อเดือนมกราคม ปี 2006 ซูโหย่วเผิงและเพื่อนสนิทในวงการอย่างหลินซินหยูได้เซ็นสัญญากับต้นสังกัดใหมที่มีชื่อว่า “หัวอี้ซงตี้ “ โดยสัญญาฉบับบนี้มีอายุยาวนานหลายปี เจ้าของบริษัทรับปากกับโหย่วเผิงว่า จะปั้นให้ดังกว่าเมื่อก่อนแน่นอน เขาจึงไม่ลังเล รีบเซ็นสัญญาทันที “ ผมกับหลินซินหยูเซ็นสัญญากับบริษัทหัวอี้ซงตี้ เนื่องจากสัญญามีข้อผูกมัดไม่มากเหมือนบริษัทอื่น ทางเจ้าของเอเจนซี่แห่งนี้เน้นให้นักแสดงในสังกัดตีตลาดที่เมืองจีนแผ่นดินใหญ่ ผมคิดว่าเป็นความคิดที่ดีมาก เพราะวงการบันเทิงที่เมืองจีนค่อนข้างกว้างขวาง มีอาณาเขตหลายแห่ง พวกเราสามารถมีผลงานทั้งในเมืองหลวงและเมืองรอบข้างได้ครับ
-บอกได้ไหม ผู้จัดการบริษัทให้ความมั่นใจอะไรกับคุณบ้าง?
“ เท่าที่ได้คุยกัน เขาการันตีว่าหลังจากเซ็นสัญญากันเรียบร้อยจะป้อนงานให้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานละคร โฆษณา ละครเวที ภาพยนตร์ รวมถึงให้ออกอัลบั้มเพลง โอเค. สำหรับผมมากๆ “
-คุณเล่นละครมาหลายเรื่องไม่เคยมีผลงานภาพยนตร์สักครั้ง หนนี้คงได้แสดงฝีมือให้แฟนๆชื่นชมแล้วสิ?
“ งานถ่ายภาพยนตร์ลำบากกว่าละครหลายสิบเท่า แต่เมื่อผมตัดสินใจมายืน ณ จุดนี้ บวกกับทางผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนและมั่นใจในฝีมือผมว่าต้องทำได้ ผมก็จะทำให้ถึงที่สุด
-หลังจากมีบริษัทคอยดูแลคิวงานให้ คุณคงเหนื่อยน้อยลง?
“ผมหวังให้เป็นแบบนั้นเช่นกัน เนื่องจากในอดีตผมดูแลตัวเองมาเสมอ ไปไหนมาไหนต้องหาหนทางเอง รับละครก็ไม่มีผู้ช่วยคอยสกรีนให้เหนื่อยมากครับ ไม่อยากเป็นเช่นนั้นอีกเลย ค่อยยังช่วย มีบริษัทดีๆ ยื่นมือมาช่วย พอหายห่วงได้บ้าง
2.เข้าประกวดทั้งร้องและเต้นจนชนะใจกรรมการ
ซูโหย่วเผิงเข้าวงการบันเทิงใต้หวันร่วม 17 ปี หลายปีที่ผ่านมา ฝีมือด้านการแสดงเป็นที่จับตามองของผู้กำกับและผู้ชมไม่น้อย ซูโหย่วเผิงเล่าให้ฟังถึงสมัยวัยรุ่น
“ช่วงเป็นนักเรียน ผมชอบเข้ากลุ่มเพื่อนที่เล่นดนตรี มีวงเล็กๆ ตั้งขึ้นเฉพาะที่โรงเรียน ความฝันสูงสุดคือ อยากเข้าวงการบันเทิงให้ได้แต่โอกาสนั้นริบหรี่เหลือเกิน เบิกทางให้ตัวเองไม่ถูก พอเรียนมัธยมปลายเห็นทีวีโฆษณาเปิดรับนักแสดงและนักร้องหน้าใหม่ ขณะนั้นอายุแค่ 15 ปี ผมเดินหน้าลุยไปสมัครกับเพื่อนด้วยความมั่นใจสุดๆ (หัวเราะ)”
-ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง ?
“ผมกับเพื่อนที่ชื่อเฉินจื้อหมิง และอู๋ฉีหลงเรารวมกลุ่มตั้งชื่อวงว่า “ทีมเสือน้อย” ทั้งร้องและเต้นบนเวทีอย่างสุดแรงเกิด จนกรรมการประทับใจในการแสดงของพวกเรามั่กมาก คิดไม่ถึงสุดท้ายจะได้รางวัลชนะเลิศมาครอง เซอร์ไพรส์ จริงๆครับ “
-มีบริษัทมาขอเซ็นสัญญาเพื่อเป็นนักร้องหรือเปล่า?
“ มีครับ แต่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งค้านผม เนื่องจากผมกำลังเรียนหนังสืออยู่ กลัวเรื่องงานจะสะดุด แต่สุดท้ายก็ได้ออกอัลบั้มเพลงจนได้ ระหว่างนั้นมีเล่นละครเช่นกันครับ “