การทรยศ การดิ้นหลุดและการกลับสู่จุดเดิม
"จริงๆในทุกอนุของผมทั้งใหญและเล็กมีความทรยศแฝงอยู่(ดื้อรั้น)" ซูโหย่วเผิงกล่าว
มาดอนน่าคือไอดอลของเขาเพราะเธอก็มีความเป็นกบฏอยู่ในตัว และยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรม
มาดอนน่ายืนอยู่บนขอบเขตคาบเกี่ยวของศีลธรรม การแสดงของเธอทั้งน่าตื่นตะลึงและถูกอกถูกใจความเป็นผู้ทรยศที่แผงอยู่ภายในตัวซูโหย่วเผิงอีกด้วย
"ไกวไกวหู่" ในวัยเยาว์ ผู้ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสีเสียงของความเป็นไอดอล สำหรับซูโหย่วเผิงแล้ว แรงกดดันอันมากมายมหาศาล "ไกวไกวหู่" ได้รับการนับถือที่มากเกินไปราวกับเทพเจ้า จนเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำผิดพลาดได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย ในปีนั้นซูโหย่วเผิงเกือบจะเป็นเหมือนแบบอย่างและความต้องการสูงสุดของสังคมที่อยากให้เยาวชนเป็นการเรียนในมหาลัยของเขาได้รับความกดดันมากกว่านักเรียนคนอื่นเป็นร้อยเท่า ผู้ทรยศซูโหย่วเผิงตัดสินใจพักการเรียนชั่วคราวในปีที่สามของมหาลัย ข่าวนี้เป็นที่ตื่นตระหนดไปทั่ววงการ เด็กผู้ว่านอนสอนง่ายไม่มีแล้ว ข้อวิจารณ์ของผู้คนเต็มไปด้วยความสงสัยและการปฏิเสธ ในช่วงที่ตกต่ำที่สุดของชีวิต ถ้ามีใครพูดคำว่า "ไกวไกวหู่" ซูโหย่วเผิงก็อดไม่ได้ที่จะมีอารมณ์ฉุนขึ้นมา เพราะจริงๆแล้วตัวเขาเองก็ไม่ใช่ "ไกวไกวหู่" (เสือที่ว่านอนสอนง่าย) ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว กล่าวอำลาแล้วอดีตที่เคยรุ่งโรจน์ของ "เสียวหู่ตุ้ย" ซูโหย่วเผิงตัดสินใจออกจากสปอตไลท์ออกเดินทางไปประเทศอังกฤษ หนีตัวเองออกจากความสนใจของสังคมและแรงกดดันจากผู้คน
เมื่อผ่านการปรับปรุงตัวและพิจารณาผู้คนในมุมมองใหม่ ซูโหย่วเผิงหันกลับมารับละครอีกครั้ง ในปี 1998 ละครเรื่อง องหญิงกำมะลอ ได้สร้างความอัศจรรย์ให้กับประวัติศาสตร์ละคร ละครเรื่องนี้เปรียบเหมือนกับช่วงเวลาของ "เสี่ยวหู่ตุ้ย" ที่โด่งดังขึ้นมาภายในชั่วข้ามคืน ทำลายสถิติ และโด่งดังไปทั่วเอเชีย ซูโหย่วเผิงรับบทเป็นองค์ชายห้าในละครเรื่องนี้ ทำให้เขาเริ่มมีผู้ชมกลุ่มใหม่ๆเกิดขึ้นมา ด้านชายหาดฝั่งนี้(น่าจะหมายถึงจีน) ชีวิตในวงการของเขาได้ถูกเปิดขึ้นมาใหม่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็มีละครอาทิเช่น(เราสองหัวใจเดียวกัน ) ,(มนต์รักในสายฝน) ซูโหย่วเผิงได้แสดงถึงรัศมีของหนุ่มรูปงามแก่ผู้ชม ค่อยๆย่างเข้าสู่วัย 30 ดูเหมือนวันเวลาการแสดงในฐานะไอดอลจะถึงจุดสิ้นสุด เขาก้าวมาถึงจุดหักมุมในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง การเลือกในครั้งนี้เขาเผชิญกับมันอย่างสงบนิ่ง โต้ตอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล ไม่ต้องบังคับ แย่งชิง