ผู้เขียน หัวข้อ: 2012 Men's UNO magazine  (อ่าน 7265 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
2012 Men's UNO magazine
« เมื่อ: มีนาคม 16, 2012, 05:25:55 PM »

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง
จาก นิตยสาร  Men's UNO magazine เดือน มีนาคม 2012



ณ บริเวณริมชายหาดของซานย่า ซูโหย่วเผิงผู้มาพร้อมกับสีผิวน้ำตาลเข้มภายใต้แสงแดดที่สาดส่อง ปรากฏผิวมันเป็นประกาย เขาที่อยู่ตรงหน้าสายตานี้ เปรียบเหมือนเสือที่ว่านอนสอนง่าย(ไกวไกวหู่)

ใบหน้าที่มีหนวดเคราของเขา เมื่อยิ้มออกมาก็ปรากฏให้เห็นถึงริ้วรอยบริเวณหางตา

เพลงผีเสื้อบิน-Butterflies Fly  ของ "เสี่ยวหู่ตุ้ย" ที่พวกเราร้องกันตั้งแต่ยังเด็ก เป็นเพลงที่เกี่ยวกับความอยากรู้อยากเห็นและความหลงใหลในความลึกลับของท้องทะเล "ลมทะเลที่พัดมาที่หูของฉันเล่าเรื่องราวความใฝ่ฝันของกัปตันเรือ เมฆขาวพัดผ่านเนินเขาอย่างขยันขันแข็งเพื่อเสาะหาบ้านของมัน เจ้าฝนที่ปลุกให้เราตื่นจากความฝันก็ยิ้มออกมา ฉันถือว่าวัยหนุ่มสาวเป็นดังว่าวที่กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เปลือกหอยปีนป่ายขึ้นมาบนชายหาดเพื่อดูความกว้างใหญ่ของโลกใบนี้ ตัวด้วงเฝ้ารอคอยว่าวันพรุ่งนี้จะมีปีกสวยๆซักคู่หนึ่ง แม่สายสายน้อยที่โอบล้อมไว้ด้วยผืนป่ากำลังร้องเพลงที่เขียนขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ฉันใช้กาลเวลาค่อยค่อยถักทอภาพใบนี้ " อำลาช่วงเวลาหนุ่มสาว ซูโหย่วเผิงได้ก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ปราศจากความสงสัยและเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์

อดีตไอดอลผู้อ่อนเยาว์ได้เข้าสู่การเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มอย่างเต็มตัว หลังจากผ่านประสบการณ์ที่มีทั้งขึ้นและลง ใบหน้าของเขาก็ยังคงปรากฏให้เห็นรอยยิ้มอันเจิดจ้าเช่นเดิม

ร่อยรอยแห่งการเติบโต

แสงแดดแห่งซานย่าไม่เพียงแต่ไม่ทำให้แสบตาแล้วยังอบอุ่นและอ่อนโยน ช่างเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ เมื่อเดินเอ้อระเหยไปตามทิวทัศน์รอบทะเลอย่างนี้ กาลเวลาใส่ความทรงจำทอดผ่านให้เห็นดังแผ่นฟิมล์มองคลื่นฟองขาวและกระแสน้ำขึ้นน้ำลง ภาพที่วิจิตรงดงามที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นดั่งอาหารตาทะเล ทะเลที่ฝากนั้นก็คือการเริ่มต้นออกเดินกา้วแรกของวัยหนุ่ม

ซูโหย่วเผิงเริ่มเข้าวงการตั้งแต่อายุ 15 ในนามของ "เสี่ยวหู่ตุ้ย" ในช่วงเวลานั้น"ไกวไกวหู่" แบบอย่างมาตรฐานของคำว่าไอดอล นักเรียนที่มีทั้งความสดใสและเป็นระเบียบ ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่เจิดจ้า การแสดงออกและเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาของวัยหนุ่มสาว

 เมื่อครั้งอู๋ฉี๋หลง เฉินจื้อเผิง และ ซูโหย่วเผิง ยังคงอยู่ในวัยหนุ่มสะพรั่ง พวกเขาได้ใช้เพลงที่เปรียบดั่งพายุทอนาโด การเต้นอันเร้าร้อน ม้วนโลกของคนเชื้อสายจีนไว้ด้วยกัน จนเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายทั่วทั้งเอเชีย

 หากคุณคือคนที่เกิดในยุคปลาย 70 หรือต้น 80 คงน่าจะต้องมีช่วงเวลาหนึ่งที่ต้องมนต์สะกดของ "เสี่ยวหู่ตุ้ย" ฮัมเพลงของเขา ซื้อเทปของเขา ติดประกาศการแสดงของพวกเขา คัดเพลงของพวกเขา...... จากนั้น พวกเราทั้งหมดก็เติบโต เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่ต้องบอกลาช่วงเวลาแห่งวัยหนุ่มสาวนั้น พูดในแง่ของวงดนตรี ไอดอลก็ต้องเติบโตเช่นเดียวกัน ผ่านไป 7 ปี "เสี่ยวหู่ตุ้ย" ได้ตัดสินใจแยกวงและเติบโตด้วยตนเอง ซูโหย่วเผิงตัดสินใจที่จะทำงานต่อไป จนมาถึงการเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ครั้งแรกของช่วงตกต่ำที่สุดของชีวิต ในเส้นทางที่โดดเดี่ยวและผิดหวัง

 ชีวิตคนเราก็คงจะเป็นอย่างนี้ คนบางคนปรากฏตัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นก็มีคนที่หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน พอย้อนคิดไปก็เหมือนกับเพลงเพลงหนึ่ง หากวันนี้พูดถึงคำว่า"เสี่ยวหู่ตุ้ย" ซูโหย่วเผิง ตอบว่า " มีบางครั้งที่ย้ิอนคิดถึงความหลัง สำหรับผมแล้ว นั่นก็คือตัวผมเอง ตัวผมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น"

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: มี.ค.-2012 Men's UNO magazine
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 16, 2012, 05:28:47 PM »

การทรยศ การดิ้นหลุดและการกลับสู่จุดเดิม

"จริงๆในทุกอนุของผมทั้งใหญและเล็กมีความทรยศแฝงอยู่(ดื้อรั้น)" ซูโหย่วเผิงกล่าว

มาดอนน่าคือไอดอลของเขาเพราะเธอก็มีความเป็นกบฏอยู่ในตัว และยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรม

มาดอนน่ายืนอยู่บนขอบเขตคาบเกี่ยวของศีลธรรม การแสดงของเธอทั้งน่าตื่นตะลึงและถูกอกถูกใจความเป็นผู้ทรยศที่แผงอยู่ภายในตัวซูโหย่วเผิงอีกด้วย

"ไกวไกวหู่" ในวัยเยาว์ ผู้ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสีเสียงของความเป็นไอดอล สำหรับซูโหย่วเผิงแล้ว แรงกดดันอันมากมายมหาศาล "ไกวไกวหู่" ได้รับการนับถือที่มากเกินไปราวกับเทพเจ้า จนเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำผิดพลาดได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย ในปีนั้นซูโหย่วเผิงเกือบจะเป็นเหมือนแบบอย่างและความต้องการสูงสุดของสังคมที่อยากให้เยาวชนเป็นการเรียนในมหาลัยของเขาได้รับความกดดันมากกว่านักเรียนคนอื่นเป็นร้อยเท่า ผู้ทรยศซูโหย่วเผิงตัดสินใจพักการเรียนชั่วคราวในปีที่สามของมหาลัย ข่าวนี้เป็นที่ตื่นตระหนดไปทั่ววงการ เด็กผู้ว่านอนสอนง่ายไม่มีแล้ว ข้อวิจารณ์ของผู้คนเต็มไปด้วยความสงสัยและการปฏิเสธ ในช่วงที่ตกต่ำที่สุดของชีวิต ถ้ามีใครพูดคำว่า "ไกวไกวหู่"  ซูโหย่วเผิงก็อดไม่ได้ที่จะมีอารมณ์ฉุนขึ้นมา เพราะจริงๆแล้วตัวเขาเองก็ไม่ใช่ "ไกวไกวหู่" (เสือที่ว่านอนสอนง่าย) ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว กล่าวอำลาแล้วอดีตที่เคยรุ่งโรจน์ของ "เสียวหู่ตุ้ย" ซูโหย่วเผิงตัดสินใจออกจากสปอตไลท์ออกเดินทางไปประเทศอังกฤษ หนีตัวเองออกจากความสนใจของสังคมและแรงกดดันจากผู้คน

เมื่อผ่านการปรับปรุงตัวและพิจารณาผู้คนในมุมมองใหม่ ซูโหย่วเผิงหันกลับมารับละครอีกครั้ง ในปี 1998 ละครเรื่อง องหญิงกำมะลอ ได้สร้างความอัศจรรย์ให้กับประวัติศาสตร์ละคร ละครเรื่องนี้เปรียบเหมือนกับช่วงเวลาของ "เสี่ยวหู่ตุ้ย" ที่โด่งดังขึ้นมาภายในชั่วข้ามคืน ทำลายสถิติ และโด่งดังไปทั่วเอเชีย ซูโหย่วเผิงรับบทเป็นองค์ชายห้าในละครเรื่องนี้ ทำให้เขาเริ่มมีผู้ชมกลุ่มใหม่ๆเกิดขึ้นมา ด้านชายหาดฝั่งนี้(น่าจะหมายถึงจีน) ชีวิตในวงการของเขาได้ถูกเปิดขึ้นมาใหม่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็มีละครอาทิเช่น(เราสองหัวใจเดียวกัน ) ,(มนต์รักในสายฝน) ซูโหย่วเผิงได้แสดงถึงรัศมีของหนุ่มรูปงามแก่ผู้ชม ค่อยๆย่างเข้าสู่วัย 30 ดูเหมือนวันเวลาการแสดงในฐานะไอดอลจะถึงจุดสิ้นสุด เขาก้าวมาถึงจุดหักมุมในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง การเลือกในครั้งนี้เขาเผชิญกับมันอย่างสงบนิ่ง โต้ตอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล ไม่ต้องบังคับ แย่งชิง

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: มี.ค.-2012 Men's UNO magazine
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 16, 2012, 05:31:13 PM »

รสชาติอันจัดจ้านของการเปลี่ยนแปลง

ซูโหย่วเผิงเกลียดการเป็นไอดอล ไม่อยากจะอยู่จุดเดียวโดยไม่เปลี่ยนแปลง ภาพยนต์เรื่อง The Message  เขาได้เปลี่ยนบทบาทไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ สร้างความตกตลึงให้แก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก มีบางคนอดไม่ทันที่จะอุทานออกมาว่า ที่คือ "ไกวไกวหู่" แน่เหรอ บทบาทของ "ไป๋เสี่ยวเหนียน" เป็นภาพลักษณ์ที่เขาครอบครองในปีนี้ เรื่องนี้บอกได้ว่าเป็นรสชาดของการเปลี่ยนแปลงที่จัดจ้านทีเดียว ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาและความคาดไม่ถึงของเหตุและผลของมนุษย์ ด้วยบทบาทนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากการประกาศรางวัล "ไบ่ฮวาเจี่ยง" เมื่อมือเขาได้สัมผัสกับถ้วยรางวัล เขาก็เริ่มสะอึกสะอื้นด้วยความยินดีที่เขาประสบความสำเร็จจากการเปลี่ยนแปลงตัวเองในครั้งนี้

ไม่ว่าจะเป็นการแสดงละครหรือภาพยนตร์ซูโหย่วเผิงพยายามมองหาบทบาทที่แตกต่างเสมอ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงจากบทบาทนักร้องเป็นนักแสดงด้วย เขากล่าวว่า: " ผมชอบท้าทายสิ่งที้แปลกใหม่เสมอ ส่วนที่ถามว่าเป็นบทบาทไหนนั้น ผมว่า พวกที่เป็นโรคประสาทบ้าง คนป่วยบ้้าง แค่ทำให้ผมรู้สึกแตกต่างออกไปหรือสามารถเรียนรู้สิ่งที่ต่างออกไปได้ ผมก็สนใจทั้งนั้นแหละ"

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าเขายังเป็นมือใหม่ในวงการภาพยนตร์ และกำลังทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนเท่านั้น จากบทบาทของผู้สำรวจในช่วงการปฏิวัติในเรื่อง(คางดิ้งฉิ๋งเกอ-A Tibetan Love Song) ถึงบทบาทหนุ่มอเมกันเชื้อสายจีนที่ได้เดินทางกลับประเทศในเรื่อง (A Singing Fairy) และมาถึงบทบาทนักเขียนนวนิยายในเรื่อง (Lost In Panic Room)บทบาทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี้เป็นก้าวระยะทางใหม่ที่เขาำได้เริ่มต้นเดิน

เกี่ยวกับความทรงจำในช่วงชีวิตและช่วงวัยหนุ่มสาว ในช่วงเวลานั้นพวกเราต่างพากันติดตาม"เสี่ยวหู่ตุ้ย" ผ่านเข้าสู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิปี2010 พอดิบพอดี ผู้คนภายนอกเริ่มเรียกร้องให้มีการรวมตัวกันอีกครั้งของ"เสี่ยวหู่ตุ้ย" แต่ตลอดมาซูโหย่วเผิงก็ได้ยืนหยัดกับความตั้งใจของตัวเอง: " 'เสี่ยวหู่ตุ้ย' ในความรู้สึกของผมคือความทรงจำที่ดีชิ้นหนึ่ง ผมแค่หวังว่ามันจะสวยงามอย่างนี้ต่อไป"

** อาจประมาณว่า เขาทั้งสามคนมีโอกาสได้พบกัน ล้วนมีบางเวลาที่จะรวมตัวกันและแยกออกจากกัน ทุกอย่างล้วนมีเหตุของมันทั้งสิ้น**

ในปีนั้นจากฝากฝั่งของความคึกคะนองของเด็กหนุ่มทั้งสามคน หลักจากถูกกาลเวลากัดเซาะและชะล้าง

แต่ละคนก็ค่อยๆค้นพบกับตำแหน่งสถานที่ที่เหมาะกับตนเอง เมื่อเปรียบเทียบกับเฉินจื้อเผิงที่หายไปอย่างเงียบๆแล้วซูโหย่วเผิงและอู๋ฉี่หลง ภายใต้ทะเลฝั่งนี้ ก็ค่อยๆเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อพูดเกี่ยวกับอายุของตัวเอง ซูโหย่วเผิงกลับแสดงถึงความสงบและไร้กังวลกับเรื่องนี้:" ผมไม่ค่อยใส่ใจกับอายุเท่าไหร่หรอก สำหรับผมอายุคือการเวลาและการสะสมประสบการณ์" ช่วงเวลาสูงต่ำของมนุษย์ก็เปรียบเหมือนกระแสน้ำที่เมื่อมันลง สุดท้ายมันก็ต้องมีขึ้น

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: มี.ค.-2012 Men's UNO magazine
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 17, 2012, 10:56:10 AM »

พูดคุยกับซูโหย่วเผิง

Mu : คุณเติบโตมาบนเกาะไต้หวัน สำหรับคุณแล้วมหาสมุทรเป็นที่ที่ให้ความรู้สึกลึกซึ้งไหม

ซูโหย่วเผิง: แม้ว่าผมจะเป็นคนไทเป แต่ทั่วทั้งเกาะไต้หวันก็โอบล้อมไปด้วยทะเลไม่ว่าจะเป็นอำเภอหรือเมืองไหนๆ ความกว้างใหญ่ไพศาลของท้องทะเลราวกับจะสามารถครอบคลุมเรื่องราวทั้งหมดได้ เมื่อก่อนช่วงเวลาที่ผมรู้สึกแย่หรือมีความทุกข์ใจ ผมก็จะมานั่งสงบใจที่ชายหาดนี่แหละ รอให้จิตใจเย็นขึ้นแล้วก็สัมผัสความยั่งของท้องทะเลครับ
 
Mu: ช่วงนี้คุณมีงานยุ่งหรือเปล่า มีผลงานภาพยนตร์อะไรออกมาใหม่บ้างไหม

ซูโหย่วเผิง: ช่วงนี้ผมกำลังถ่ายภาพยนตร์ทึ่กำกับโดยเฝิงเสี่ยวกังอยู่ครับ ชื่อเรื่อง(เวินกู้1942-Remembering 1942) ผมเป็น 'ส้งจื่อเหวิน' หลังจากนั้นก็มีภาพยนตร์เรื่อง (ชาเชิง-Design of Death) ที่กำกับโดย กวานหู่ น่าจะประมาณเดือนเมษายนคงได้เห็นกันครับ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เล่นบทตัวร้ายครับ ผมรู้สึกว่ามันถึงอกถึงใจมาก นอกจากนั้นก็มี(ถงเชว่ไถ-The Assassins) ซึ่งตอนนี้ถ่ายทำเสร็จแล้วครับ น่าจะฉายช่วงปลายปีนี้ละครับ ในหนังผมแสดงเป็นฮ่องเต้ฮั้นเสี้ยนตี้ซึ่งแสดงร่วมกับโจวเหวินฟะครับ

Mu: ภาพยนตร์เรื่อง(เวินกู้1942) ถือเป็นครั้งแรกที่คุณได้ร่วมงานกับผู้กำกับเฟิงเสี่ยวกัง คุณรู้สึกอะไรเป็นพิเศษบ้างไหม

ซูโหย่วเผิง: แน่นอน ผมรู้สึกกังวลมากแต่ก็ดีใจครับ มีโอกาสได้แสดงในภาพยนตร์ของเฟิงเสี่ยวกังเป็นความฝันของนักแสดงหลายๆคน แม้ว่าผมจะมีบทไม่มาก แต่ผมก็ตั้งใจครับ หวังว่าจะถูกใจทุกๆคนนะครับ และผมหวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับเฟิงเสี่ยวกังอีกครั้งครับ
 
Mu: เราเข้าไปใน weibo ของคุณ เห็นว่าเร็วๆนี้คุณได้เข้าร่วมนิทรรศการรูปถ่ายด้วย คุณคิดว่าสไตล์การถ่ายภาพของคุณเป็นแบบไหน

ซูโหย่วเผิง: อ๋องานนั้นเป็นนิทรรศการการกุศลที่ฮวางจื่อเจึ่ยวจัดขึ้นครับ มีคอนเซ็บว่า 'บ้าน' สไตล์ของผมเวลาถ่ายภาพค่อยข้างไม่แน่นอน มีอะไรมาดลใจอยากจะถ่ายก็ถ่ายครับ ตามความคิดของผม บ้านเหมือนกับแสงที่อบอุ่นที่ช่วยชี้รำหนทางให้กับผมครับ
 
Mu: ซูโหย่วเผิงในอีก10 ปีข้างหน้าจะเป็บอย่างไร

ซูโหย่วเผิง: จริงๆผมยังไม่เคยคิดถึงตัวเองในอีกสิบปีข้างหน้าเลยครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอาจจะลาวงการบันเทิงและออกเดินทางไปให้ทั่วๆครับ

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: มี.ค.-2012 Men's UNO magazine
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2016, 05:14:53 PM »