ผู้เขียน หัวข้อ: 2005 ซูโหย่วเผิงดังไกลถึงแดนปลาดิบเทียบชั้น F4 ยังได้ฉายา "เบยองจุนไต้หวัน"  (อ่าน 9184 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
MingXing : Vol.19 June 2005 P.46-49

ซูโหย่วเผิงดังไกลถึงแดนปลาดิบเทียบชั้น F4 ยังได้ฉายา "เบยองจุนไต้หวัน"



หลังจากที่ เบยองจุน (bae Yong Jun) ดาราหนุ่มหล่อชาวเกาหลี โด่งดังลัดฟ้าไปคว้าใจสาวญี่ปุ่นมาครองได้อยู่หมัด ถึงขนาดที่อัลบั้มภาพของเขาออกวางขายราคาแพงสูงลิบลิ่วถึง 1,300 หยวน สาวน้อยสาวใหญ่แดนปลาดิบก็ยังอยากแย่งกันซื้อหามาครอบครองกันให้วุ่น รวมถึงอัลบั้มภาพของหนุ่มหล่อจากไต้หวันอย่าง F4 และไจ่ไจ๋ ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามียอดขายกระฉูดด้วยความหล่อกระชากใจสาวที่นั่นเช่นกัน แต่เมื่อผลงานละครโทรทัศน์ซีรีย์ใหม่เรื่อง "ฉิงติ้งอ้ายฉินไห่"(Love of the Aegean Sea) ที่มีหนุ่มหล่อจากไต้หวันอย่างซูโหย่วเผิง ประกบดาราสาวสวยจากเกาหลีอย่าง แชริม(Chae rim) ได้ออกฉายที่ญี่ปุ่น พระเอกของเรื่องซูโหย่วเผิงก็กลายเป็นขวัญใจสาวญี่ปุ่นไปทันที กลายเป็นที่สนใจของบรรดาสื่อมวลชนแดนปลาดิบ ถึงขนาดยกฉายา "เบยองจุนแห่งไต้หวัน" ให้เขาไปครอบเอาด้วยเสียเลย ทำให้งานเขียน งานเพลงของซูโหย่วเผิง ถูกถามหาและขายดิบขายดีที่ญี่ปุ่นตามไปด้วย และยังมีแววว่าจะถูกดึงตัวไปเซ็นสัญญาร่วมงานแสดงกับทางบริษัทผลิตงานบันเทิงของญี่ปุ่นทั้งหลายแหล่อีกด้วย


นอกจากนี้ บรรดาสื่อมวลชนญี่ปุ่นยังเขียนถึงซูโหย่วเผิงว่า เป็นดาราไต้หวันที่มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัวคนหนึ่ง อย่างบทบาทในเรื่อง "ฉิงติ้งอ้ายฉินไห่"(Love of the Aegean Sea) เขาแสดงเป็นชายหนุ่มวัย 30 ที่มีครบทั้งความสุขุมนุ่มลึกแบบผู้ใหญ่ แล้วยังหล่อทันสมัย อย่างนี้แหละที่โดยใจสาวญี่ปุ่นสุดๆ ส่งผลให้เกิดการวมตัวพบปะกลุ่มคนรักซูโหย่วเผิง และจัดทำเว็บไซต์แฟนคลับให้เขาขึ้นด้วย อีกทั้งตามแผงร้านหนังสือหรือร้านขายเพลงต่างๆในกรุงโตเกียว ก็มีภาพและผลงานของเขาออกวางขายให้พรึ่บไปหมดเช่นกัน รวมถึงพวกงานแสดงก่อนๆ ที่ผ่านมาของเขาอย่างเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ เราสองหัวใจเดียวกัน หรือมนต์รักในสายฝน เป็นต้น ก็เตรียมจ่อคิวออกฉายที่ญี่ปุ่นในไม่ช้า เพื่อตอบรับกระแสความดังของเขา

ในอดีตปี ค.ศ. 1991 ซูโหย่วเผิงเคยถูกเชิญไปแสดงในงานเลี้ยงสังสรรค์ของนักเรียนจีนที่ญี่ปุ่น ซึ่งตัวเขาเองได้ไปในฐานะหนึ่งในสามแห่งสมาชิกวง "เสี่ยวหู่ตุ้ย" ซึ่งจัดเป็นวงดนตรีที่โด่งดังสุดๆ ของไต้หวันในสมัยนั้น คิดไม่ถึงว่า 14 ปีต่อมา เขาจะได้หวนสู่วงการบันเทิงญี่ปุ่นอีกครั้ง ซูโหย่วเผิงว่าดารานักร้องของจีน ฮ่องกง ไต้หวันมีอยู่มากมาย สำหรับเขาจะขอเลือกรับงานแสดง เพื่อนำเสนอผลงานดี ๆ ยกระดับตัวเองสู่ตลาดภายนอกแข่งกับดาราญี่ปุ่น เกาหลี


แฟนคลับทุกคนเป็นเพื่อนผม

หลายคนจะคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีสำหรับซูโหย่วเผิงนักแสดงหนุ่มไต้หวันซึ่งมีผลงานโด่งดังมาจากละครเรื่ององค์หญิงกำมะลอ และมนต์รักในสายฝน และเมื่อเร็วๆ นี้เขาได้ไปร่วมงานเทศกาล ว่าวนานาชาติที่เหวยฝาง แน่นอนว่ามีแฟนละครไปรอต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งทีเดียว


ทันทีที่ซูโหย่วเผิงปรากฎตัวในเสื้อหนังพร้อมกับทรงผมดัดย้อมสีทอง แฟนๆต่างก็ตะโกนเรียกกันสนั่น ซูโหย่วเผิงหยิบเอาเพลง "ไคว่เล่อจู่อี้(ชีวิตแสนสนุก) มาร้องโชว์แถมด้วยเพลงตัวอย่าง "หนี่ซื่อหว่อเตออีตีเล่ย(เธอคือหยดน้ำตาของฉัน) ซึ่งใช้ประกอบละคร "ฉิงติ้งอ้ายฉินไห่"(Love of the Aegean Sea) ที่เขาแสดง และยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงไม่หยุดเมื่อนำเพลง "อ้าย"(รัก) เพลงดังของวงเสี่ยวหู่ตุ้ยมาร้องอีกครั้ง

"มาเหวยฟางในครั้งนี้ผมมีความสุขมาก ผมชอบว่าวที่ลอยอยู่บนฟ้า ส่วนงานคอนเสิร์ตวันนี้ทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ"

"ทั้งที่ไต้หวันและเมืองจีนทุกคนล้วนรักผม ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ"


แฟนเพลงของซูโหย่วเผิงมาจากหลายๆที่ทั้งที่ชิงเต่า เว่ยไห่ เยียนไถ ตงยิ๋ง บางคนหอบช่อดอกไม้ใหญ่มาให้ บางคนก็มีของที่ระลึกติดไม้ติดมือกันมา และเมื่อรู้ว่าซูโหย่วเผิงยินดีให้นักข่าวสัมภาษณ์แฟนเพลงเหล่านั้นก็อยากที่จะตามเข้าไปดูและขอถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด

ทำไมทุกคนถึงได้ชื่นชอบซูโหย่วเผิงมากขนาดนี้? แฟนที่มาจากชิงเต่าคนหนึ่งกล่าวว่า "ฉันว่าเขานิสัยดีค่ะ เป็นมิตร สุขุม ร้องเพลงเพราะ"

เมื่อนักข่าวถามซูโหย่วเผิงว่าเพราะอะไรเขาถึงสามารถครองใจแฟนๆได้ ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า "ทุกคนมีน้ำใจกับผมมากครับ พูดจริงๆนะ แฟนเพลงทุกคนก็เป็นเพื่อนของผม" แน่นอนว่าแฟนๆ ที่มาจากไต้หวันนั้นก็ไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะอะไรน่ะเหรือ ก็เพราะว่าเขาตามเพื่อนของเขามาน่ะสิ

ในอัลบั้มเดี่ยว "Sound of rain sound of wind and sound of su" ของซูโหย่วเผิงมีเพลงพิเศษเพลงหนึ่งซึ่งเขาตั้งใจมอบให้กับแฟนเพลงคนหนึ่งโดยเฉพาะ นั่นก็คือเพลง "เทียนตี้อีชาโอว"(โลกของนกทะเล) เนื่องจากแฟนเพลงคนนั้นป่วยเป็นโรคโลหิตจางขั้นรุนแรงแม้แต่หมอที่รักษาก็บอกว่าเธออาจจะอยู่ได้ไม่เกินอายุ 13 เป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานเพราะเธอต้องทำการถ่ายเลือดทุกวัน ความหวังเดียวที่หัวใจดวงน้อยมีอยู่ก็คืออยากจะได้พอเจอซูโหย่วเผิงสักครั้ง เมื่อซูโหย่วเผิงได้รู้เรื่องนี้ก็รีบไปหาเด็กคนนั้นเพื่อเป็นกำลังใจและต้องการให้เธอลุกขึ้นมาสู้กับโรคร้ายอีกครั้ง เพลง "เทียนตี้อีซาโอว" ที่ซูโหย่วเผิงร้องเป็นเพลงโปรดของเธอในช่วงที่เธออาการหนักก็เป็นเวลาเดียวกับที่การงานของซูโหย่วเผิงอยู่ในขาลง เพลงนี้จึงเป็นเหมือนกำลังใจให้กับทั้งสองเพื่อประคับประคองชีวิตและศรัทธาที่มี ซูโหย่วเผิงเคบวอกว่า "พอความอบอุ่นพัดผ่านเข้ามา ลมหนาวก็จะมลายไป "

เมื่อต้องเปลี่ยนจากเส้นทางศิลปินมาสู่ถนนนักแสดง ซูโหย่วเผิงนั้นดีใจแต่ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ แม้ว่าในการแสดงเรื่ององค์หญิงกำมะลอ บทที่เขาได้รับจะเป็นบทนิ่งๆ มีกรอบกำหนด แต่ตัวละครองค์ชายห้ากลับเข้าไปครองใจผู้ชม และตัวละครนี้เองที่ทำให้ซูโหย่วเผิงได้ผงาดขึ้นมาในวงการละคร "นิสัยของผมกับองค์ชายห้าต่างกันนิดหน่อย องค์ชายห้าจะค่อนข้างซื่อๆ เรียบร้อย ผมว่าผมจะร่าเริงกว่า ตลกกว่า ไม่ใช่คนเงียบๆ อย่างนั้น" ตั้งแต่เวลานั้นฉายาเขาก็เปลี่ยนไปเป็น "อู่อ้าเกอ" (องค์ชายห้า)

ในงานเทศกาลว่าวนานาชาติที่เหวยฝาง ศิลปินที่ได้รับเชิญให้ขึ้นร้องคนแรกคือจ้าวเหวยหลังจากนั้นก็คือซูโหย่วเผิง หลังการแสดงเมื่อนักข่าวถามถึงความสัมพันธ์ของเขากับจ้าวเวย ซูโหย่วเผิงตอบว่า "ผมกับจ้าวเวยเป็นเพื่อนกันครับเธอเป็นคนตรงๆ เปิดเผย เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ผู้หญิงจุกจิกวุ่นวาย เวลาอยู่กับเธอพูดได้เลยว่าเหมือนอยู่กับเพื่อนรักคนหนึ่ง" และเมื่อนักข่าวถามว่าภายหลังเขาคิดจะเอาดีทางด้านผลงานหนังและละครเลยใช่หรือไม่ ซูโหย่วเผิงว่า "ผมจะเอาพลังที่มีอยู่ทั้งหมดทุ่มลงไปในงานเพลงของผม ผมคิดว่าเมื่อผมร้องเพลงบนเวทีผมเป็นตัวของตัวเองที่สุด บางครั้งเมื่อแสดงละครมากๆ ผมก็เบื่อที่จะต้องสวมบทบาทเป็นคนอื่น เพราะไม่ว่าจะรับบทไหนก็ต้องรับเอานิสัยและความเป็นตัวตนของคนๆนั้นมาด้วย ผมอยากเป็นตัวของตัวเองมากกว่าครับ"