จางนาราเล่นละครประกบ ซูโหย่วเผิง
เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดถึงสาวน้อยหน้าใส จางนารากันอยู่เหมือนกัน วันนี้พาราฯเลยขอมาบรรเทาอาการคิดถึงให้แฟนๆของเธอสักหน่อย ตอนนี้หนูนารามีงานละครข้ามพรมแดนกับซูโหย่วเผิง งานนี้ผู้อ่านยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว เพราะนอกจากแฟนๆจะได้อ่านเรื่องของจางนาราแล้วยังรู้ความเคลื่อนไหวของซูโหย่วเผิงอีกด้วย อย่าเผลอดีใจสุดขีดจนเป็นลมล้มชักแพ็งกๆๆๆๆไปละ งานนี้พาราช่วยไม่ได้นะ รั...กษาเฉพาะคนเป็นไข้(ใจ)เท่านั้น
ละครจีนย้อนยุคแนวคอมเมดี้ 30 ตอนจบ เรื่อง “องค์หญิงจอมแก่น”(เตียวมี่จงกู่) ก็ได้รับการจับตามองจากบรรดาสื่อมวลชนตั้งแต่เริ่มเปิดกล้องแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีการจัดแถลงข่าวละครเรื่องนี้อย่างยิ่งใหญ่อลังการที่ริมทะเลสาบอู๋ซี ในงานนี้ทั้งจางนาราและซูโหย่วเผิงรวมทั้งนักแสดงนำคนอื่นๆ ในเรื่องต่างก็แต่งชุดจีนโบราณเลิศหรูมาอวดโฉมกัน ทำเอาบรรดานักข่าวน้อยใหญ่ต่างรัวชัตเตอร์กันชนิดไม่กลัวเปลืองฟิล์ม
ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยโฮ้วเหลียง ซูโหย่วเผิงรับบทฮ่องเต้หนุ่ม ซึ่งพึ่งขึ้นครองราชย์สมบัติ ราชบัลลังค์ยังไม่ค่อยมั่นคง จึงได้ดำเนินนโยบายสร้างความมั่นคงให้กับอำนาจการปกครอง สร้างสันติสุข และพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎร นับได้ว่าเป็นฮ่องเต้ผู้มีผลงานโดดเด่นอย่างมาก และในระหว่างนี้เอง ก็เกิดเรื่องราวสนุกสนานต่างๆ ขึ้น ระหว่างฮ่องเต้กับองค์หญิงจอมแก่นที่จะมากระตุ้นต่อมฮาของทุกคน และแล้วจากคู่รักก็มาเกี่ยวดองกันเป็นเครือญาติในที่สุด จางนาราก็ได้กลายมาเป็นฮงเฮา
ในเรื่องนี้จางนารารับบทเป็นซ์อถูจิ้ง(องค์หญิงจอมแก่น) ซึ่งนับว่าเป็นบทที่ท้าทายอย่างมาก ส่วนซูโหย่วเผิงมารับบทจูหวิ่นฮ่องเต้ นอกจากดาราทั้งสองคนที่จะมาสร้างเรื่องราวความรักสนุกสนาน โรแมนติกให้ทุกคนได้อิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว ยังมีดาราสาวจากสิงค์โปร์เฉินสิ่วลี่ มารับบทสนมเอกเหวินเม่ยเอ๋อและเป้าเหล่ย มารับบทองค์หญิงอันหนิงอีกด้วย
ดวงตาซูโหย่วเผิงมองแล้วไฟช็อต...
งานแถลงข่าวที่อู๋ซีจัดขึ้นในพระราชวังราชวงค์ซ่ง จางนาราปรากฎตัวในชุดเจ้าหญิงผู้อ่อนหวานน่ารักด้วยชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนเนื้อผ้าบางเบา ปักด้วยเลื่อมมุกระยิบระยับ บทซือถูจิ้งองค์หญิงจอมแก่นที่หนูนาราแสดงนั้น เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากเสี่ยวเยี่ยนจื่อที่เจ้าเหว่ยแสดงก็ว่าได้ ก่อนเปิดกล้องสื่อมวลชนก้เลยเอาเธอไปเปรียบเทียบกับเจ้าเหว่ย เรื่องนี้หนูนาราเจ้าตัวยินดีให้ทุกคนเปรียบเทียบได้ตามสบาย แต่ก็เอ่ยปากมาว่า ถึงแม้ว่าบทบาทจะไม่แตกต่างกันนัก แต่องค์หญิงจอมแก่นที่เธอแสดงกับเสี่ยวเยี่ยนจื่อน่ะ ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะ พูดถึงเจ้าเหว่ยจางนาราก็ชมเปาะว่าทั้งสวยทั้งน่ารัก แถมยังถ่อมตัวว่าหนูยังเทียบเจ๊เขาไม่ติดหรอกจ้า สุดท้ายเธอก็ได้ฝากเนื้อฝากตัว และหวังว่าผลงานของเธอจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวจีนเหมือนอย่างเจ้าเหว่ยเท่านั้นก็เป็นปลื้มแล้ว
ในละครเรื่องนี้มักจะเห็นจางนาราใส่กางเกง แถมยังแต้มหนวดเคราอยู่เป็นนิจ เธอบอกว่าชุดที่ใส่ในละครเป็นชุดจีนโบราณประยุกต์ มีการผสมผสานระหว่างองค์ประกอบที่ทันสมัยและให้ความรู้สึกของความเป็นต่างชาติอีกด้วย เนื้อเรื่องก็เป็นแบบสบายๆ ไม่ซีเรียส ก็เลยไม่ต้องไปฝึกแอ็คติ้งเฉพาะสำหรับแสดงละครย้อนยุค แต่เธอก็ได้มีการศึกษาอารมณ์ความรู้สึกในละครย้อนยุคมาอย่างละเอียด ก่อนการถ่ายทำ เธอได้ทำการบ้านมาอย่างจริงจัง โดยการหาข้อมูลเกี่ยวกับซูโหย่วเผิงพระเอกของเรื่อง แถมยังได้เสาะหาละครเรื่ององค์หญิงกำมะลอ ที่เฮียแสดงมาดูอย่างตั้งอกตั้งใจ เธอเปิดเผยความประทับที่มีต่อเฮียซูว่า เขาดูเป็นคนที่ซื่อๆ จริงใจ ได้ยินว่าจบตั้งปริญญาด้วย ส่วนฉันเรียนหนังสือไม่ค่อยเก่ง ก็เลยรู้สึกนับถือเฮียจริงๆ แถมยังชมอีกว่า ดวงตาของซูโหย่วเผิงมองแล้วอาจถูกไฟช็อตได้ (มิน่าล่ะ..ตอนนาราอยู่กับเฮียซูสองต่อสองถึงถูกไฟช็อตอยู่บ่อยๆ) และเธอก็หวังว่า ตัวเองจะได้รับการต้อนรับอย่างดีที่เมืองจีนเหมือนกับซูโหย่วเผิง
แน่นอนว่า มาถ่ายละครจีนก็ต้องพูดภาษาจีน เธอก็เลยต้องทุ่มสุดตัวอยู่ในกองถ่าย เธอก็จะฝึกพูดภาษาจีนกับนักแสดงจีนอยู่บ่อยๆ ตอนที่นักข่าวสัมภาษณ์ เธอก็พูดทักทายเป็นภาษาจีนอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆนักข่าวทุกคน ภาษาจีนของเธอพัฒนาขึ้นมากว่าปีที่แล้วตอนที่มาเมืองจีนใหม่ๆ เธอยังได้กล่าวขอบคุณแฟนๆ ของเธอว่า ฉันเข้าวงการมา 4 ปี ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น น้ำตาทุกหยด เสียงปรบมือทุกเสียงที่มอบให้ ฉายขึ้นเป็นฉากๆราวกับเป็นละครเรื่องหนึ่ง แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ฉันจะต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะอดนอนจนร่างกายอ่อนเพลียเกินไป แต่กำลังใจจากทุกคนก็เป็นสิ่งที่สวยงามราวกับสายรุ้ง ทำให้ฉันรู้สึกถึงความงดงามของโลกใบนี้(พูดได้ช่างโรแมนติกเสียนี่กระไร)