ซูโหย่วเผิงได้เข้าสู่สายตาของพวกเราในเวลาของความเป็น เสี่ยวหู่ตุ้ย โด่งดังสุดๆ จะเห็นได้ว่า ปี 2010 ในงานราตรีตรุษจีน เป็นการขานรับจากแฟนๆ และผู้ชมอย่างล้นหลาม ได้กลายเป็นประวัติศาตร์อีกหน้าหนึ่งที่จีนแผ่นดินใหญ่ เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจให้กับชาวไต้หวันอย่างสุดซึ้ง
จะเห็นได้ว่าสถานีโทรทัศน์ต่างๆล้วนให้ความสนใจ จนเกิดกระแสแฟนคลับอีกกลุ่ม (หลังจากเสี่ยวหู้ตุ้ย) การได้ มาเข้าร่วมชุมนุมอีกแล้วกลายเป็นถ้อยคำข้อหลักใหม่อีกครั้ง ในสามคน ก็เพียงแต่มีซูโหย่วเผิงยังคงตื่นตัวคึกคักเหมือนเดิม มีคู่กันกับความโด่งดังยิ่งขึ้น ไม่หลงเหลือความอ่อนนุ่ม แต่บนใบหน้าถึงคราวสุกงอมยิ่งกระจายออกมีเสน่ห์ (ซึ่งไม่มีคราบไกวๆหู่อีกแล้ว)
หลังจากเสี่ยวหู่ตุ้ยได้แยกย้ายกันไป ทั้งสามคนต่างคนต่างเดิน จนกระทั่งถึงละครเรื่ององค์หญิงกำมะลอ, องค์หญิงแสนซน, ได้ปรากฎขึ้น ซูโหย่วเผิงก็ได้ทำให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจ เป็นองค์ชายห้า โกนหัวโล่นใส่เครื่องประดับยุคราชวงศ์ชิง—แมนจู
ท่าทีที่อ่อนโยน ดูสุภาพขององค์ชายห้าซีรีย์เรื่องนี้โด่งดังไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงไต้ ซูโหย่วเผิงกับเจ้าเหวยก็กลายเป็นคู่พระนางที่ถูกจับคู่ทั้งในจอและนอกจอ
ตอกย่ำกันอีกครั้งเมื่อ 2 คนมาร่วมงานกันจากซีรีย์เรื่อง เราสองหัวใจเดียวกัน ยิ่งเห็นความน่ารัก และความสง่า หล่อเท่ห์ของซูโหย่วเผิงมากขึ้น
ต่อมาซีรีย์เรื่องมนต์รักในสายฝน, เดชเซียวฮื่อยี้, ดาบมังกรหยก,รักข้ามขอบฟ้า อยู่บนจอทีวีมีสามารถฟันธงได้ว่าหากซูโหย่วเผิงได้เล่นแล้ว ทุกเรื่องล้วนเป็นที่ต้องการของ-เอเจนซี่-รับประกันเรตติ้งที่ดี ยิ่งรับบทบาทคนดี มีคุณธรรม รักเดียว เป็นที่ดึงดูดใจคน และซูโหย่วเผิงยังเป็นเช่นนั้นซึ่งในสายตาทุกคนเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ห่างไกลไกวๆแสนเชื่อง เหมือนเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม จนกระทั่งการปรากฏตัวของไป๋เสี่ยวเหนียน
เป็นที่ฮือฮา....เขย่าวงการบันเทิงอีกครั้ง