รักแรกของสองเสือ ซูโหย่วเผิงและอู๋ฉีหลง
ว่าไปแล้วกว่าที่สองหนุ่มนี้จะมาเจอะเจอกันนั้นยากแสนยากเลยนะ ยิ่งมีชื่อเสียงมากเวลาส่วนตัวก็ยิ่งน้อยลง ยิ่งเรื่องความรักด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึงแค่เวลาทำงานกับพักผ่อนก็หมดซะแล้ว ที่สำคัญการโคจรมาพบกันของสองคนนี้ก็เป็นเรื่องของงานด้วยซี ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอย่างที่น้องๆ หลายคนกำลังสงสัยนะจ้ะ งั้นเราก็ต้องไปคุยกับหนุ่มหน้าใสสองคนนี้หน่อยแล้ว
พวกคุณไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้วคะ
ซูโหย่วเผิง: "โอ...ก็หลายปีนะที่เราสองคนไม่ได้เจอหน้ากันจริงๆ แบบนี้ซะที(หัวเราะ)"
อู๋ฉีหลง:"ใช่..ก็จะมีบ้างที่เจอกันตามงานต่างๆ ก็แค่ทักทายกันเล็กๆ น้อยๆ เอง เราสองคนก็มีความสุขมากที่ได้เจอกันครั้งนี้และถือว่าเป็นโอกาสดีด้วย เพราะที่ผ่านมาหลายปีพวกเรากลุ่มเสี่ยวหูตุ้ย ก็ยุ่งๆ และไม่ค่อยจะมีเวลาว่างตรงกันด้วย ต่างคนต่างก็ต้องทำงานของตัวเองทำให้โอกาสที่จะมาเจอกันแบบนี้นะยากสุดๆ เลยแต่พวกเราจะโทรหากันนะ ถ้าใครว่างก็จะโทรหาอีกคนหนึ่งเพราะพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่"
ในปีที่แล้วพวกคุณทั้งสามคนดูเหมือนจะโชคร้ายนะเพราะต่างก็ได้รับอุบัติเหตุด้วยกันเพียงแต่ไม่รุนแรงนัก
ซูโหย่วเผิง:"ใช่แล้ว ผมเองก็ตกม้าระหว่างถ่ายละครเรื่อง ฉิงเซินเซิน หวี่หมงหมง ด้วย ส่วนจื่อผิงเองก็ได้รับอุบัติเหตุไฟลวกเล็กน้อยระหว่างถ่ายละครเหมือนกัน"
อู๋ฉีหลง:"ของผมไม่ใช่อุบัติเหตุที่ร่างกายเหมือนพวกเขาสองคนแต่เป็นที่จิตใจมากกว่าก็เป็นเรื่องข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับผมและเส้าเฟินนะ ผมไม่พูดถึงดีกว่าเพราะไม่อยากรื้อฟื้นอีก"
"First love"นี้ทำให้คุณสองคนมาเจอกัน ใช่มั้ยคะ
ซูโหย่วเผิง:"ใช่ครับ เป็นหนังเรื่องใหม่ที่เราสองคนได้มีโอกาสมาร่วมงานกันอีกครั้ง หลังจากที่ห้าปีก่อนโน่นเราทำงานเพลงด้วยกันครับ"
อู๋ฉีหลง:"ในเรื่องนี้จะเกี่ยวกับความรักของหญิงสาวคนหนึ่งประมาณว่าเป็น"First love story" นี่ก็เป็นชื่อเรื่องด้วยนะ"
แล้วเรื่องราวของหนังนี้เป็นยังงัยคะ
ซูโหย่วเผิง:"อืม...หนังเรื่องนี้ถ่ายทำกันที่เซี่ยงไฮ้ ก็จะพูดถึงความรักของหญิงสาวคนหนึ่งกับผู้ชายสองคนที่คนหนึ่งจะเป็นชายหนุ่มในฝันที่เธอแอบหลงรักเขามานานแล้ว ต่อมาเธอก็จะได้ทำงานในบริษัทคอมพิวเตอร์และที่นั่นเธอก็จะได้รู้จักกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งเธอเองก็จะมีความรู้สึกกับผู้ชายสองคนนี้แตกต่างกัน อีกคนจะเหมือนกับอยู่ในความฝันเป็นจินตนาการมากกว่านะ ส่วนอีกคนก็จะเป็นชายหนุ่มที่มีอยู่ในชีวิตจริงๆ ของเธอเอง"
อู๋ฉีหลง: "ส่วนผมจะเล่นเป็นชายหนุ่มที่หลงรักเธอในชีวิตจริงแต่โหย่วเผิงจะเล่นเป็นชายหนุ่มที่เธอแอบหลงรักมานานแล้ว"
หนังเรื่องนี้ใครเป็นผู้กำกับคะ
ซูโหย่วเผิง: "ก็เป็นการกำกับของโปรดิวเซอร์หลินชิงเจี๋ยที่รู้จักกันดีในไต้หวัน ซึ่งผมเองก็ได้เห็นผลงานการกำกับของโปรดิวเซอร์หลินมาตั้งแต่ผมยังเด็กอยู่เลย"
อู๋ฉีหลง: "ส่วนผู้อำนวยการสร้างก็คือมิสเตอร์ดวู"
ได้ข่าวมาว่าจะมีการรวมตัวกันอีกครั้งของ"เสี่ยวหูตุ้ย"ใช่หรือเปล่า
ซูโหย่วเผิง: "จริงๆ แล้วนะพวกเราสามคนคิดกันอยู่ตลอดเวลาเลยว่าอยากจะจัดคอนเสิร์ตอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อขอบคุณแฟนเพลงของพวกเรา เพียงแต่เวลาของเราสามคนยังไม่มีว่างตรงกันเลยเพราะการทำคอนเสิร์ตนี้จะต้องทุ่มเวลาลงไปอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมเพลง ท่าเต้น และคิวอื่นๆ อีก"
อู๋ฉีหลง: "ยิ่งตอนนี้ ผมเองก็ยุ่งกับงานร้านอาหารของผมที่เปิดตัวไปหลายสาขา ส่วนจื่อเผิงเองก็ทำงานหนักด้วยเพราะว่าเขาติดถ่ายละครทีวีชุดที่ไต้หวัน ก็อาจจะมีโอกาสสักครั้งที่แฟนเพลงชาวจีนจะได้เห็นพวกเราพร้อมๆ กัน ก็อาจจะเป็นเรื่องดีถ้าพวกเราสามคนได้ทำงานร่วมกันอีกสักครั้งหนึ่ง"
คุณสองคนถือว่าเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมในจีนแล้วมีแผนที่จะมาเปิดธุรกิจที่นี่บ้างหรือไม่คะ
ซูโหย่วเผิง: "ก็ดูจากที่นิกกี้ทำก่อน เพราะผมเองยังไม่กว้างขวางที่นี่มากเท่ากับเขานะซิ คงจะต้องรอเวลาอีกสักระยะก่อนนะ"
อู๋ฉีหลง: "ตอนนี้ผมเองก็เปิดร้านอาหารไทยที่ไต้หวัน และก็คิดว่าจะมาเปิดสาขาที่ห้าในเซี่ยงไฮ้เพราะมองหาทำเลเหมาะๆ ได้แล้วอีกอย่างนะผมเองก็มีเพื่อนฝูงที่นี่พอสมควร ถ้าทุกอย่างลงตัวอย่างที่คิดไว้แล้วก็คงไม่ยากที่จะเปิดร้านที่นี่น่ะ"
ตอนนี้คุณสองคนยังมีผลงานอื่นๆ อีกรึเปล่า
ซูโหย่วเผิง: "ก็ตอนนี้มีคิวถ่ายละครชุดอยู่ที่ไต้หวันและก็มีงานเพลงชุดใหม่ของผมน่ะครับ"
อู๋ฉีหลง: "เดือนนี้ผมมีคิวเปิดกล้องละครชุดเรื่องใหม่ที่ปักกิ่งก็ร่วมงานกับจูอินน่ะครับ ทราบมาว่าทางผู้กำกับต้องการให้ผมร้องเพลงประกอบละครด้วย ก็มีคิวถ่ายทำกันประมาณ 5 เดือน เริ่มจากมิถุนายนไปถึงตุลาคมเลย หลังจากตุลาแล้วผมก็จะมีหนังใหม่อีกสองเรื่องก็คงจะเปิดกล้องราวๆ ต้นปีหน้านะครับเพราะตอนนี้ผมมีบทอยู่ในมือไม่ถึง 10 ตอนเลย"
งั้นพวกเราที่เป็นแฟนของ"เสี่ยวหูตุ้ย"อยู่ก็ต้องขอเอาใจช่วยพวกเขาทั้งสามคนมีเวลาว่างตรงกันสักช่วงหนึ่งเพื่อจะได้จัดคอนเสิร์ตขึ้นมา และแน่นอนเลยว่าเราไม่พลาดอยู่แล้วจะต้องไปเกาะขอบเวทีคอนเสิร์ตร่วมงานนี้อยู่แล้ว