หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
Alec Su Youpeng fanclub in Thailand
»
Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน
»
Magazine Interviews-China
»
2008 ไกวๆหู่ถึงจุดโตเป็นผู้ใหญ่ : ซูโหย่วเผิงได้คุยถึงชีวิตของการรักรถ
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ผู้เขียน
หัวข้อ: 2008 ไกวๆหู่ถึงจุดโตเป็นผู้ใหญ่ : ซูโหย่วเผิงได้คุยถึงชีวิตของการรักรถ (อ่าน 8447 ครั้ง)
Alec Love Me
Administrator
Hero Member
กระทู้: 13954
2008 ไกวๆหู่ถึงจุดโตเป็นผู้ใหญ่ : ซูโหย่วเผิงได้คุยถึงชีวิตของการรักรถ
«
เมื่อ:
กันยายน 25, 2010, 06:58:22 PM »
12 พฤษภาคม 2008
从乖乖虎到熟男 苏有朋讲述爱车生活
http://ent.sina.com.cn/s/h/p/2008-02-20/17291918408.shtml
ไกวๆหู่ถึงจุดโตเป็นผู้ใหญ่ :: ซูโหย่วเผิงได้คุยถึงชีวิตของการรักรถ
ได้ล้างเอาความวัยแตกหนุ่มของซูโหย่วเผิงออกไปเสีย วันนี้ที่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าผมนั่นเป็นตัวตนแท้จริงของเขา หลังจากได้ผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตมากมายแล้ว กลับกลายเป็นซูโหย่วเผิงที่เป็นผู้ใหญ่
ทรงจำเพื่อนเก่า
เริ่มแรกที่เห็นโหย่วเผิง ข้างกายเขานั้นไม่มีคนติดตามมากมายอย่างที่คิด มีแต่ทนายส่วนตัวเดินกับเขาเท่านั้น ได้ยิ้มให้ผมมาแต่ไกลเลย ทนายส่วนตัวเขาได้แนะนำให้เราสองคนรู้จักกัน เขาได้จับมือกับผมอย่างมีมารยาทมากๆ ทักทาย เขาทำได้ธรรมาชาติมากๆ เป็นกันเอง เหมือนกับว่าเราเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานแล้วอย่างนั้น ชุดที่ใส่ของเขานั้นก็ง่ายๆ ตัวนอกเป็นเสื้อขนอ่อนสีดำตัวหนึ่ง ตัวในนั้นเป็นเสื้อเชิ้ดสีเทากับผ้าพันคอสีเทาผืนหนึ่ง ตอนล่างเป็นกางเก่งยีนส์สีดำ การสวมใส่ของเขานั้นเป็นการแต่งตัวที่เรียบง่ายมากกับบรรดาศิลปินที่ผมได้รู้จักมา เขาคงสังเกตุออกว่าผมประหลาดใจกับการแต่งตัวของเขา ยิ้มและได้อธิบายว่า “ คนใต้อย่างผมนั้นกลัวหนาวหน่อย อย่าถือสานะครับ” ผมหัวเราะแล้วส่ายหัว....ได้อยู่ด้วยกันกับเขา คุณจะมีความรู้สึกถึงการได้เจอเพื่อนเก่าอย่างนั้น เป็นสุขสบายๆ จะไม่ใส่ใจกับเรื่องพิธิตีตรองที่ทำให้ปวดหัว กับเขานั้นเหมือนกับว่าเคยรู้จักกัน ยิ่งกว่านั้นมีเหมือนกับว่าได้รู้จักมานาน รอยยิ้มที่หวานของเขานั้นเกือบจะทำให้ผมละลาย กลัวตะลึกไปหนึ่งนาที ผมได้รวบรวมสมาธิ ให้พนักงานทั้งหมดเข้าประจำงานของตัวเอง “ความสบายอยู่ที่ไหน ผมก็จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นั่น” เขาได้ถามอย่างชำนาญว่า งานอย่างนี้ศิลปินที่เคร่งระเบียบนั้นจะรีบทำให้ทันเวลา คนอื่นใช้เวลานี้ทำงานได้ชิ้นเดียว แต่เขากลับสามารถทำได้ห้าชิ้น
ภาพลักษณ์ชายผู้ใหญ่
ชายคนนี้ผิวพรรณดูแลได้ไม่เลวจริงๆ ดูไม่ออกจริงๆว่าเป็นหน้าของคนวัยสามสิบแล้ว เทียบกับภาพลักษณ์ในสมัยที่เริ่มดังไกวๆหู่นั้น ตอนนั้นยิ่งมีเสน่ห์ จนเป็นผู้มีอิทธิพลต่อเด็กหญิงอายุน้อยตั้งแต่แปดขวบจนถึงแม่เฒ่าวัยแปดสิบ จากภาพลักษณ์ลักษณะของเขาแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าสองปีที่แล้วมาก ให้ผมรู้สึกถึงความหนักแน่น ความรู้สึกที่สงบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าห่างเหิน แม้ว่ามาดทั้งตัวของเขานั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ว่าสำหรับเรื่องการรักชอบของเพลงแล้วนั้น เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ในเวลาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าจนถึงการถ่ายแบบนั้น เขาได้ร้องเพลงอย่างไม่หยุด และร้องออกมาอย่างเสียงดังและมีอารมณ์ความรู้สึกอย่างนั้นเลย ขณะที่ร้องถึงเพลงที่ผมชอบนั้น เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างห้อง ผมกับทนายส่วนตัวของเขาได้คุยกันข้างๆห้องเขา เสียงเพลงที่แหลมคมนั้นได้ล่องลอยมากับช่องโห่วของระหว่างห้องเข้าสู่หูผม ทำให้แก้วหูผมสั่นสะเทือน มีความรู้สึกอารมณ์ที่อยากร้องด้วยกับเขา แต่ก็กลัวจะรบกวนสมาธิเขา ก็เลยไม่ออกเสียง เพียงแต่ร้อนเบาๆในใจกับเขา นี่อาจเป็นการร่วมร้องเพลงของเพื่อนเก่า
รถ Esprit รถแห่งความเร็วสูง
Esprit หลังจากที่ได้ออกสู่ตลาดปี 1972 แล้ว ทั้งรูปแบบและรูปทรงที่หรูนั้นเป็นที่สนใจของคอรถ Esprit ที่มีรูปทรงที่หรูนั้น ระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบสามสิบปี รูปทรงภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปตามรุ่นนั้นไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ปี 1980 นั้นได้เป็นรถที่ใช้แสดงหนังเรื่อง 007 ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว
การถ่ายแบบครั้งนี้ได้ใช้รถ Esprit v8 ที่ได้พัฒนามาความแรงถึง 7.5 ในการวางรูปแบบเครื่องยนตร์ ทั้งเร็วทั้งแรง รูปลัดกระทัดรัด หนักไม่เกิน 220กก แรงม้านั้นอยู่ที่ 357 แรงม้า หมุ่น 6500รอบ/นาที การขับเคลื้อนที่เร็วมาก 0-100กม /ชั่วโมงเพีองใช้ 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 282/ชั่วโมง ในเรื่อง(The Spy Who Loved Me) ของหนัง 007 นั้น ผู้แสดงทั้งหลายก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่ารถ Esprit นั้นเป็นรถแห่งความเร็วสูง เป็นรถชั้นนำติดสิบอับดับของรถ เหตุนี้ เสน่ห์ของรถนี้นั้นก็ไม่ธรรมดา
ผมได้ใช่เป็นคอรถขนาดแฟนพันธ์แท้อย่างนั้น Q . ยุคแห่งรถ A . ซูโหย่วเผิง
Q . มีรถคันแรกในเวลาใด
A . ตอนอายุ 18 ตอนเข้ามหาลัย ซื้อรถโคโรล่า นั่นเป็นรถคันแรกของผม
Q . ขณะที่เริ่มฝึกหัดขับรถนั้น มีเรื่องอะไรที่จะมาเล่าให้พวกเราซึ่งเป็นผู้อ่านได้ฟังบ้าง
A . ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่น พึ่งฝึกหัดเอง เป็นพวกมือใหม่ของบรรดามือใหม่ ตอนสอบใบขับขี่นั้น ถอยรถเข้าช่องจอด ผมนั้นทั้งซ้ายทั้งตรง จนสุดท้ายก็ได้จอดรถที่ช่องได้ สุดท้ายก็ทำให้ไฝท้ายด้านขวานั้นแตกกระจุยเลยล่ะ
Q . รถที่คุณเคยมีนั้น ราคารถที่แพงสุดกับถูกสุดนั้นเป็นสองคันไหน
A . รถที่ถูกสุดนั้นเป็นรถโคโรล่าคันแรกของผม รถที่แพงที่สุดนั้นจะเป็นรถบีเอ็มรุ่น 325 ผมไม่ได้ใส่ใจกับราคาหรือภายนอกของรถเท่าไรหรอก ผมให้ความสนใจกับคุณภาพศักยภาพของมันกับความเร็วของมันมากกว่า ผมไม่ค่อยชอบรถที่กระพือไปทั่ว ฉะนั้นผมเองก็เลยไม่ใช่พวกแฟนพันธ์แท้ของรถ
Q . มีรูปทรงรถที่ชอบเป็นพิเศษไหม
A . จะชอบพวก suv ไม่ค่อยชอบรถแข่งเท่าไหร่ ตอนนี้อยากจะซื้อวอลโว่ ชอบบีเอ็มมากกว่าเบ้นซ์ เป็นเพราะบีเอ็มดีไซส์แบบวัยรุ่นๆ เบ้นซ์นั้นดูเหมือนกับคนที่ฐานะขับกัน สำหรับผมแล้วมันคงไม่เหมาะกัน (ผมรู้สึกว่า บางคนอาจถ่อมไปหน่อย)
Q . ชอบซิ่งไหม
A . สิ่งนี้สำหรับผมนั้นไม่มีเลย เพื่อนของผมเคยเกิดอุบัติเหตุอย่างนี้อย่างหนัก ยังฝังใจกับภาพนี้อยู่ จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมขับรถด้วยความระวังตลอด ถ้าขับอยู่ในทางไฮเวย์นั้น เร็วสุดที่ผมเหยียบคือ 150 (ก็ถือว่ายังไม่ประมาท เพื่อนผมนั้นขับรถส่วนใหญ่จะเหยียบ 180 ขึ้นไป)
Q . รู้สึกอย่างไรกับการขับรถที่ปักกิ่ง
A . เพราะว่าตัวเองไม่คุ้มกับเส้นทางที่ปักกิ่ง ปกติแล้วคนขับรถเป็นคนขับให้ การงานกิจกรรมของผมก็ถูกจำกัดโดยเหตุนี้ ผมมักจะชอบขับรถไปตามทางด้วยตัวเอง ไปซื้อซีดีทีร้าน ไปร้านอาหารกินอาหาร ชีวิตที่เรียบง่ายนี้เป็นชีวิตที่มีมาแต่ก่อนแล้ว (ขณะที่พูดประโยคนี้นั้นได้เห็นถึงความเซ็งหลายปีที่เข้าสู่วงการ ไม่สามารถจะมีชีวิตปกติอย่างคนทั่วไป สำหรับคนบางคนแล้วน่าจะเป็นชีวิตที่ขมขื่น) ผมก็ยังรักในการขับรถ เพราะสามารถที่จะทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ว่าฟังเพลงที่ชอบ ร้องเพลง นอนหลับ
Q . ชอบเมืองไหนมากที่สุด
A . ก็ยังเป็นไทเปอยู่ดีนะ เพราะคุ้นกับเส้นทางต่างๆดี มีเพื่อนมิตรที่สนิท สถานที่ที่คุ้นเคย วัฒนธรรมที่คุ้น
Q . ผ่านวงการบันเทิงมาหลายปี มีความรู้สึกอย่างไร
A . โดยเหตุที่เข้าสู่วงการเร็วเกินไป สิบห้า(15) ก็เริ่มผ่านงานที่ยากลำบาก รับความกดดันที่ไม่น่าจะได้รับของคนในวัยนั้น การตั้งใจทำงานนั้นก็มาจากการเบื่อหน่าย ตอนนั้นรู้เพียงว่าทำสิ่งที่ดีๆอย่างสุดกำลัง ต้องจริงจังกับทุกงาน ตอนนี้ได้ตามวัยที่โตขึ้น ประสบการณ์ก็เยอะขึ้นแล้ว ประสบการณ์ที่ทั้งดีทั้งเลวร้ายเหล่านั้นสอนผมให้รู้อะไรหลายอย่าง ก่อนหน้านั้นสองปีผมก็เป็นพวกคนบ้างาน จนถึงปีนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลไปหน่อย เรียนรู้ว่ามีงานอีกหลายอย่างซึ่งเป็นสิ่งทีสำคัญกว่าที่ผมจะต้องไปฉวยไว้ ตัวผมในตอนนี้ ยังทำงานเต็มตัว แต่ก็มีการห่วงใยถึงความรู้สึกของคนในครอบครัวและเพื่อนๆมากขึ้น หาเวลาเยอะกว่านี้หน่อยในการอยู่กับพวกเขา ควรจะใส่ใจกับคุณค่าของชีวิตให้มากหน่อยแล้วล่ะ เป็นเหมือนเมื่อก่อนที่ทำงานอย่างวัวควายอย่างนั้นไม่ได้อีกแล้ว สุดท้ายจนไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นอะไรก็ไม่รู้
Q . ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนเด็กคืออะไร
A . ก่อนเข้าประถมศึกษาก็เคยคิดไว้ว่าจะเป็นดาราศิลปิน เดียงสาแต่ก็รู้สึกว่ามีความหมายดีนะ ตอนหลังได้เข้าร่วมการคัดเลือกของรายการศิลปินไต้หวัน อู่ฉีหลงนั้นมีใบหน้าที่หล่อเลยเข้ารอบไปก่อยเลย ส่วนผมกับเฉินจื้อเผิงนั้นคัดแล้วคัดอีกจนรอบห้ารอบหกถึงจะเข้ามาได้ ตอนหลังพวกเราสามคนได้จัดเป็นวงเสี่ยวหู่ตุ้ย(วงเสือ)ที่ดังในช่วงพริบตาขึ้นมา เพื่อให้สมดุลย์กับรายการทางบริษัทได้ตั้งวงเสี่ยวเมาตุ้ยขึ้นมา (วงแมว) ตอนนี้คิดๆแล้วรู้สึกตอนนั้นมันมีคุณค่ามาก
Q . เรื่องอะไรที่อยากจะทำที่สุดในตอนนี้
A . อยากเป็นนักศิลปินอยากจะอัพตัวเองให้สูงกว่านี้ พยายามพัฒนาความสามารถทางศิลปินของตัวเอง เหมือนกับปีที่แล้วที่ผมได้ไปร่วมแสดงงานละครโรงละครใหญ่ที่เหม่ยฉี (หอมดอกเบญจมาศ) ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้ทุ่มเทอะไรไปมากมาย และก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินเส้นทางนี้ให้ถึงที่สุด
Q . ปัจจุบันงานหลักนั้นจะเน้นไปทางไหน ร้องเพลงหรือว่าแสดงละคร
A . ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนงานหลักเน้นไปทางแสดงหนังภาพยนตร์เป็นหลัก อยากจะไปแก้ตัวที่โรงภาพยนตน์ คนที่ผมอยากร่วมงานที่สุดคือผู้กำกับเฟิงเสี่ยวกังกับผู้กำกับหลี่อัน
Q . ระยะหลายปีนี้ ข่าวที่คุณทำงานพวกการกุศลนี้ออกมาเยอะมาก มีการโฆษณาที่เน้นหนักไปทางนี้ไหม
A . แน่นอนไม่ใช่อยู่แล้วล่ะ การทำงานการกุศลของผมนั้นล้วนทำจากใจ ขณะที่ได้เห็นรอยยิ้มที่เป็นสุขของผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือเหล่านั้นแล้ว คุณก็จะรู้สึกได้เหมือนกันกับความรู้สึกที่อิ่มเอมใจ มันมีค่ามากกว่าได้เงินได้ทองได้ชื่อเสียงเสียอีก ปีที่แล้วพิธีเปิดโรงเรียนซีว่างที่สร้างภายใต้ชื่อผมนั้น มีลุงแก่คนหนึ่งได้นำเอาไข่ไก่ของบ้านเขาหิ้วมาแต่ไกลเพื่อจะมามอบให้ผมและขอบคุณผม ตอนนั้นผมสั่นตื้นตันใจไปหมด พวกเราดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่มีคุณค่าแก่การเอ่ยถึง แต่สำรับคนที่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านั้นมันสำคัญจริงๆ การกระทำเล็กๆน้อยๆของพวกเราก็สามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตของเด็กๆเหล่านั้นได้ หลังจากนั้นแล้ว ผมยิ่งรู้สึกถึงความลำบากของหน้าที่นี้ หวังว่าจะใช้กำลังที่ตัวเองมีอยู่นั้นพยายามทำช่วยเหลือพวกเขาให้มากที่สุด บางเวลาผมก็สับสนเหมือนกัน ตั้งใจจริงใจในการทำเพื่อนเด็กๆเหล่านั้น แต่ก็กลัวสื่อว่าผมทำเพื่อเอาหน้า
Q . สำหรับผมนั้นไม่มีแน่นอน จากน้ำเสียงของคุณนั้น ผมรู้สึกถึงความจริงใจของคุณได้
A . ขอบคุณที่คุณเข้าใจผม
Q . เรามาเปลี่ยนเรื่องคุยที่ไม่เคลียดกัน วันวาเลนไทปีนี้ตั้งใจจะฉลองยังไง
A . สำหรับวันนี้นั้น ผมยังไม่มีเค้าความคิดอะไรเลย ส่วนมากก็จะผ่านไปกับชีวิตที่อยู่ในงานถ่ายละคร รวมทั้งงานวันเกิดก็จะอยู่ในงานกองถ่าย เป็นศิลปินนั้น บางครั้งทำตามตัวเองไม่ได้ วันวาเลนไทที่ผมต้องการนั้น ก็ให้มันเรียบๆง่ายๆก็พอแล้ว มีแฟนหญิง นั่นจะต้องอยู่ในวัยที่พร้อม วาเลนไทที่ไปท่องต่างประเทศ ผมนั้นมักจะชอบไปเที่ยวประเทศแถวยุโรป ไม่กลัวเลยแม้แต่ตีนภูเขาอามีพีซี่ก็ยังได้ ไปใช้ชีวิตสองคน ไม่ว่าจะให้ของขวัญอะไรก็ดีใจมากๆ
ระหว่างสัมภาษณ์นั้น เมื่อพูดถึงเริ่องในใจนั้น เขาก็จะมีการตอบสนองเห็นด้วยมาตลอด มักจะพูดบ่อยๆว่า ใช่คับ ๆ ถูกต้องจริงๆ” มีศิลปินน้อยคนมากที่จะยอมรับและบอกถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของตนเอง เขากลับไม่ได้แสร้งอะไรเลย หลายปีนี้ได้ยึดมั่นในความคิดอุดมการณ์ของตัวเอง ระหว่างที่พูดคุยกับเขา รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ถูกจับบังคับมาก ไม่ชอบสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ สำหรับชีวิตของตัวเอง เขาไม่อยากจะใช้ชีวิตตามวิถีเดิมๆที่ทำกันทั่วไป เขาอยากจะให้หลุดพ้นจากสิ่งเดิมๆและเข้าสู่ชีวิตที่มีสีสัน โหย่วเผิงได้ดูรูปที่ผมถ่ายให้เขาเขาบอกว่าผอมลงไปเยอะ รอยเส้นบนใบหน้านั้นเห็นชัดขึ้น มีใบหน้าอารมณ์ที่โตเป็นผู้ใหญ่ แต่ใครจะรู้ได้ว่าภายนอกที่เห็นเขาสุขุมนั้นแต่ภายในใจดวงนั้นเต็มไปด้วยความเร้าร้อน เขาต้องการความยอมรับจากคนอื่น เขาไม่ใช่ไกวๆหู่ที่มีใบหน้าที่อ่อนๆอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว ไม่เป็นอู่อาเกอที่มีจิตใจอ่อนโยนหรือตู้เฟยที่มีนิสัยที่ดีๆ เขาต้องการที่จะมีช่องว่างเวลาเพื่อจะมายืนยันตัวเอง ปีใหม่นี้
“โหย่วเผิงมาจากแดนไกล แต่ก็ยังมีความสุข”
กลุ่มที่มีอายุมากกว่าสามสิบขึ้นไปที่เป็นโสด คนกลุ่มนี้ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี มีงานการที่ดี มีเงินเดือนที่สูง ก็ยังรักษาความเป็นโสด ใช้เงินให้กับตัวเองได้ รู้จักหาความสุขใส่ชีวิต เปรียบกับคนที่แต่งงานแล้ว พวกเขาพูดเรื่องการออมเงิน ใช้จ่ายอย่างไม่อั้น เป็นที่รักยิ่งของนักธุรกิจกับสื่อนิตยาสาร
บันทึกการเข้า
Web Site
www.baansuyoupeng.com
FB
www.facebook.com/AlecfanclubinThailand
WB
http://www.weibo.com/AlecSuThaiFC
Alec Love Me
Administrator
Hero Member
กระทู้: 13954
Re: 2008 ไกวๆหู่ถึงจุดโตเป็นผู้ใหญ่ : ซูโหย่วเผิงได้คุยถึงชีวิตของการรักรถ
«
ตอบกลับ #1 เมื่อ:
ธันวาคม 21, 2016, 11:22:04 AM »
Alec & Lotus Sports Car Esprit
บันทึกการเข้า
Web Site
www.baansuyoupeng.com
FB
www.facebook.com/AlecfanclubinThailand
WB
http://www.weibo.com/AlecSuThaiFC
Alec Love Me
Administrator
Hero Member
กระทู้: 13954
Re: 2008 ไกวๆหู่ถึงจุดโตเป็นผู้ใหญ่ : ซูโหย่วเผิงได้คุยถึงชีวิตของการรักรถ
«
ตอบกลับ #2 เมื่อ:
ธันวาคม 21, 2016, 11:22:32 AM »
บันทึกการเข้า
Web Site
www.baansuyoupeng.com
FB
www.facebook.com/AlecfanclubinThailand
WB
http://www.weibo.com/AlecSuThaiFC
Alec Love Me
Administrator
Hero Member
กระทู้: 13954
Re: 2008 ไกวๆหู่ถึงจุดโตเป็นผู้ใหญ่ : ซูโหย่วเผิงได้คุยถึงชีวิตของการรักรถ
«
ตอบกลับ #3 เมื่อ:
ธันวาคม 21, 2016, 11:25:05 AM »
[FACEBOOK FANPAGE]
https://www.facebook.com/AlecfanclubinThailand/posts/1259517417420082
บันทึกการเข้า
Web Site
www.baansuyoupeng.com
FB
www.facebook.com/AlecfanclubinThailand
WB
http://www.weibo.com/AlecSuThaiFC
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
Alec Su Youpeng fanclub in Thailand
»
Interviews [Thai Translation] | ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้ ซึ่งไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน
»
Magazine Interviews-China
»
2008 ไกวๆหู่ถึงจุดโตเป็นผู้ใหญ่ : ซูโหย่วเผิงได้คุยถึงชีวิตของการรักรถ