ผู้เขียน หัวข้อ: 21-09-2009 สัมภาษณ์โหย่วเผิงจากสถานีหัวหลง  (อ่าน 7303 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
2009-09-21(21 กันยายน 2009) http://ent.sina.com.cn/s/h/2009-09-21/14342707209.shtml



=โหย่วเผิง : คุณแม่บอกว่ามือไม้ยังอ่อนโยนไม่พอ

=21 กันยายน 2009 สถานีหัวหลง รายงานข่าวภาคค่ำ

=แท้จริงแล้วผมเองนั้นหักเหลี่ยมชีวิตสุดๆแล้ว ผมไม่สามารถที่จะยืนอยู่กับที่ได้
=ใช่ว่าผมไม่แก่ แต่ดูเหมือนเด็กไปเท่านั้น

=ปัจจุบันทำงานนั้นใส่ใจขั้นตอนวิธีการมากกว่าผลงาน

โหย่วเผิง

เสี่ยวหู่ตุ้ยในอดีตนั้น ได้กลายเป็นความทรงจำของคนหลายๆคนไปแล้ว ณ วันนี้ หนึ่งในเสือน้อยสามตัวอย่างอู่ฉีหลงนั้นได้แต่งงานและหย่าไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเฉินจื้อเผิงก็ไม่ค่อยมีข่าวอะไรเลย เหลือเพียงไกวๆหู่อย่างโหย่วเผิง เข้าสู่วงการมาแล้ว 21 ปี ก็ยังยืนอยู่ ปีนี้ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์สงครามเรื่องเฟิงเซิง ทั้งยังได้หักเหลี่ยมเรื่องของบทที่รับแสดงด้วยการเป็นนักร้องละครเพลง เรื่องนี้จะออกฉายในวันที่ 30 ของเดือนนี้ สื่อก็ได้ฉวยโอกาสนี้มาสัมภาษณ์โหย่วเผิง

เกี่ยวกับเฟิงเซิง

นักข่าวรายการข่าวภาพค่ำ (นข)
โหย่วเผิง (ผ)

นข : ในเรื่องเฟิงเซิงนั้น คุณเล่นบทเป็นไป๋เสี่ยวเหนียนที่เป็นนักร้องละครเพลงนั้น ความรู้สึกในตอนที่คุณพิจารณารับบทนี้เป็นอย่างไร?

ผ : แท้จริงในเรื่อง พวกเราล้วนทำงานกับทางรัฐ ดูไปแล้วพวกเราเป็นเหมือนพวกขายชาติ แต่ก็ไม่วายที่จะส่งข่าวให้กับหน่วยต่อต้านทหารญี่ปุ่น ในที่สุดทำให้ทหารญี่ปุ่นเริ่มสืบหาว่าใครเป็นเกลือในหนอน

ไป๋เสี่ยวเหนียนที่ผมรับบทก็เป็นตัวละครหนึ่งที่เป็นเกลือในหนอน ตัวละครนั้นเป็นเลขาของผู้บัญชาการ แม้จะเป็นทหาร แต่ก่อนจะมาเป็นทหารนั้นไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นเคยเป็นนักร้องละครเพลงมาก่อน บวกกับเป็นนักร้องที่มีชื่อด้วย ครั้งแรกที่เห็นเนื้อบทก็รู้สึกว่าบทนี้มีความพิเศษเป็นอย่างมาก คำพูดไม่อ้อมค้อม ไม่ไว้หน้า บวกกับเติบโตจากงานแสดงละคร จึงมีบุคลิกที่ออกแนวกระเทยๆหน่อย

นข : แล้วคุณเคยเตรียนตัวกับการเล่นบทนี้อย่างไรบ้าง?

ผ : ตอนนั้นทางทีมงานบอกว่าเรามีเวลาน้อยมาก คำขอของผมก็คือจะต้องไม่เรียนการร้องละครเพลง ผมไม่อยากจะแสดงออกมาแบบโห่วแตก ฉะนั้นเลยควกเงินตัวเองไปเชิญอาจารย์สอนละครเพลงในสถาบันสอนมาสอนผม แต่ก็ไม่ดีที่จะเอาอาจารย์ไปในกองถ่ายด้วย ได้แต่เรียนอย่างลับๆ

นข : คุณบอกว่าสุดเหวี่ยงกับการแสดงออกแนวกระเทย มันสุดเหวี่ยงอย่างไรบ้าง?

ผ : ต้องเปลี่ยนแปลงในหลายๆจุด เช่น น้ำเสียงของการพูดคุย ลักษณะการออกเสียง ท่าทางในการเดิน ในเรื่องนั้นแม้กระทั่งขนตาผมยังต้องดัดมันจนเป็นหางนกยูงเลย นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์แย่ได้จัดวางไว้ทั้งหมด จะต้องเล่นให้ได้แบบอ่อนช้อย กระหนุงกระหนิงอย่างนั้นเลย

นข : ได้ข่าวว่าตอนแรกคุณแม่นั้นได้ขัดขวางแอนตี้กับบทนี้ของคุณเป็นอย่างมาก?

ผ : แท้จริงมันไม่ได้รุนแรงตามข่าวที่เสนอออกไปเลย เริ่มแรกคุณแม่จะไม่สนับสนุนบ้าง แต่ตอนหลังกับมาช่วยเหลือผมอย่างมากมาย เพราะว่าช่วงหนึ่งผมต้องซ้อมร้องละครเพลงตลอด แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำก็ยังร้องไม่หยุดเลย วันหนึ่งผมได้ซ้อมทั้งเพลงทั้งท่าจนเรียบร้อยแล้ว ตอนนั้นผมซ้อมที่บ้าน สุดท้ายคุณแม่เดินเข้ามาทักว่าตาผมมันไม่หวานพอ “เธอที่แสดงในบทอย่างนี้นั้น มันดูแล้วสายตาไม่ค่อยอ่อนโยนเลย”

นข : ใช่หรือเปล่าที่คุณแม่คุณเชี่ยวชาญในด้านนี้ เลยมองออกว่าคุณยังหวานอ่อนไม่พอ?

ผ : จริงๆคุณแม่ผมไม่ได้เก่งจนถึงขั้นนั้น ไอ้เรื่องว่าผมจะแสดงได้เหมือนกระเทยได้มาน้อยแค่ไหนนั้น ท่านก็ดูออกเหมือนกัน ท่านก็ยังรู้สึกว่าผมอ่อนโยนไม่พอ

เกี่ยวกับชีวิตนักแสดง

นข : คุณได้แสดงนักร้องละครเพลงที่เป็นกระเทยบทหนึ่ง กังวลเกี่ยวกับการรับไม่ได้ของแฟนๆไหม?

ผ : ผมรู้สึกว่านี่แหละเป็นข้อแตกต่างระหว่างขวัญใจกับนักแสดง หากว่าอยากจะเป็นขวัญใจของแฟนๆตลอดไป ก็จะต้องรับแต่บทเดิมๆ และในระยะสองปีนี้ผมเองก็ไม่เคยรับบทแสดงอีกเลย จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ได้ดูบทเฟิงเซิงแล้ว หากว่าผู้ชมรู้สึกว่าเพื่องานแสดงผมไม่กลัวในเรื่องของภาพลักษณ์แล้วก็ผมคิดว่านั่นก็จะบรรลุเป้าหมายของผมแล้ว

นข : หลังจากเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว คุณก็ก้าวเข้าสู่วงการแสดงทันที ตอนนั้นเป็นวาสนาอะไรของคุณ หรือว่ารู้สึกว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในด้านนี้?

ผ : แท้จริงตอนนั้นผมเข้าสู่วงการบันเทิงกว่าสิบปีแล้ว พูดในฐานะนักร้องคนหนึ่ง ระยะเวลาสิบปีก็เป็นจุดสูงสุดขั้นหนึ่งแล้ว ในสายตาของทุกคนนั้น ล้วนมองผมเป็นไกวๆหู่ แท้จริงผมเป็นคนดื้อไม่เบาเลย ผมไม่สามารถจะหยุดอยู่ตรงนั้นได้

นข : สำหรับแฟนๆในจีนนั้นภาพที่ตรึงอยู่ในใจของทุกคนก็น่าจะเป็นบทอู่อาเกอในเรื่ององค์หญิงกำมะลอ จนถึงทุกวันนี้ก็ล้วนยังมีภาพนี้ติดอยู่ในใจของแฟนๆอยู่ คุณคิดว่านี่เป็นความสำเร็จหรือความล้มเหลว?

ผ : เป็นภาพลักษณ์ที่ต้องมีอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้ เช่นตอนที่เจ้าเหว่ยดังนั้น ต้องเสียเวลามากมายในการที่จะบอกกับทุกคนว่าเขาไม่เพียงแต่เป็นเสี่ยวเยี่ยนจื่อ และก่อนหน้านั้น ผมเองก็เป็นเด็กดีอยู่ หลังจากที่เล่นบทของอู่อาเกอไปแล้วทำให้ทุกคนประจักษ์ว่าผมเองก็แสดงบทอย่างนี้ได้เหมือนกัน ทั้งยังเป็นการทะลุทะลวงด้วย

นข : คุณก็แสดงภาพยนตร์ต่อสู้มาไม่น้อยเหมือนกันเช่นเตียบ่อกี้, อัวอู๋แช่, เซียงตุ้ยเหยาฉี แล้วคุณชอบบทไหนมากกว่ากัน?

ผ : บทต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นที่สนใจในตอนนั้น ยังมี ฉิงเซินๆ หยี่หมงๆ(มนต์รักในสายฝน)  ตอนหลังกระแสภาพยนตร์เกาหลีมา พวกเราก็ยังได้ร่วมมือกันดาราอย่างไฉ่หลินด้วย แล้วผมเองก็ได้เดินผ่านมาทีละก้าวๆอย่างนี้แหล่ะ บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นที่ชื่นชอบของคนในยุคนั้น

นข : ล้วนมีคนพูดว่าโหย่วเผิงแก่ไม่เป็น แต่ตอนจะรับบทนั้นมีไหมที่บางเรื่องนั้นแทบจะไม่คิดถึงคุณเลย?

ผ : จริงๆแล้วใช่ว่าผมไม่แก่ เพียงแค่หน้าตาผมอ่อนกว่าอายุไปหน่อยเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติในวงการบันเทิง ไม่มีปัญหา แล้วแต่ผู้ใหญ่เห็นว่าผมเหมาะกับบทอะไรก็รับบทอันนั้น แต่ความเป็นจริงแล้วผมสามารถแสดงได้เยอะกว่านี้

นข : สิบกว่าปีก็ได้แต่ขยายงานที่จีน แล้วเวลาว่างที่อยู่ในปักกิ่งนั้นมากกว่าเวลาที่อยู่ในไทเปหรือเปล่า?

ผ : อื่ม น่าจะเป็นอย่างนั้น คุณแม่ก็อยู่ที่ปักกิ่ง คุณแม่อยู่ทั้งสองที่เลย เวลาที่ท่านไม่มีธุระ ผมก็ชวนท่านมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน

นข : ก่อนหน้านี้คุณเล่าว่ามีการไปลงทุนที่นั่น ตอนนี้เป็นเวลาเก็บเกี่ยวแล้วใช่ไหม?

ผ : ไม่ได้ลุงทุนอะไรมากมาย จริงๆก็ไม่มีธุระกิจใหญ่โตอะไร เพียงแค่ไปศึกษาดูธุระกิจของตัวเองด้วยความตั้งใจเท่านั้นเอง

นช : อยู่ในวงการบันเทิงก็นานพอสมควร ได้เรียนรู้เคล็บลับความเป็นอยู่ในวงการอย่างไรบ้าง ?เช่น เวลาเผชิญกับข่าวลอย หรือเผชิญกับเรื่องราวเชิงลบ เผชิญกับความกดดัน มีวิธีการแก้ไขอย่างไร?

ผ : ภาวะจิตใจภายในนั้นมีการเปลี่ยนไปอย่างมากมาย ถ้าเทียบกับตอนเริ่มเข้าสู่วงการนะ แต่ตอนนี้นั้นจะให้ความสำคัญกับวิธีขั้นตอนการทำงานมากกว่าผลของงาน

ถามด่วนตอบด่วน

นข : สถานที่ที่คุณอยากไปที่สุดคือที่ใด?

ผ : ลอนดอนมั้ง เพราะตอนเด็กเคยไปเรียนที่นั่นช่วงเวลาหนึ่ง เลยอยากจะกลับไปดูดูว่าเป็นอย่างไรแล้ว

นข : คุณเชื่อเรื่องรักชั่วนิรันดรไหม

ผ : น่าจะเชื่อนะ

นข : บุคคลที่คุณอยากจะขอบคุณที่สุดคือใคร?

ผ : คุณแม่ของผม

นข : หากว่าวันหนึ่งคุณไม่ทำอาชีพศิลปินแล้วคิดว่าจะไปทำอะไร?

ผ : เป็นนักท่องพเนจร เดินทางรอบโลก

นข : สามารถเขียนออกมาได้ไหมว่า เวลาที่คุณไม่ได้ทำงานเนี่ย คุณจะทำอะไรในวันนั้น?

ผ : ต้องดูว่าตอนนั้นพักอยู่ที่ไหน หากว่าอยู่ที่ปักกิ่ง จะนอนกินบ้านกินเมืองเอา ท่องเน็ต แล้วออกไปออกกำลังกายบ้าง

(คนอื่นประเมินตัวโหย่วเผิง)

เฝิงเสี่ยวกัง

โหย่วเผิงนั้น “เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือไปแล้ว”

เฝิงเสี่ยวกังเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องเฟิงเซิง ขณะที่ทางสื่อได้ถามเขาเกี่ยวกับบทที่โหย่วเผิงเล่นในเฟิงเซิง และเฝิงเสี่ยวกังได้ตอบอย่างหนักแน่ว่า “เมื่อก่อนผมก็คิดว่าเขาแสดงได้แต่บทที่เป็นผู้ดีเป็นขวัญใจพระเอกประมาณนี้ แต่มาในเรื่องเฟิงเซิงนั้นเขากับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย มันเกินความคาดหมายของผม และเรื่องเฟิงเซิงก็จะเป็นเรื่องหนึ่งที่เขาจะเกี่ยวเก็บความสำเร็จ”


จางเสี่ยงอู่

(เหม่ยหลันฟาง) หากโหย่วเผิงไม่ได้แสดงด้วยก็จะเสียดายมากๆ

เป็นคำกล่าวของศาสตราจารย์จางเสี่ยวอู่แห่งมหาลัยปักกิ่ง การแสดงในเฟิงเซิงของโหย่วเผิงนั้นเป็นสีสันของเรื่อง หากทางเหม่ยหลันฟางไม่ได้เลือกเขามาแสดงด้วยก็คงจะเป็นที่น่าเสียดาย”


(ความเชื่อมโยง)

ภาพยนตร์เฟิงเซิง

กับบทของโหย่วเผิง

ภาพยนตร์สงครามเรื่องเฟิงเซิงได้ปรับปรุ่งเนื้อเรื่องใหม่จากเรื่องราวตำนานในตระกูลม่าย เนื้อเรื่องนั้นเป็นสงครามในจีนซึ่งญี่ปุ่นมารุกรานและตั้งกองบัญชาการอยู่ที่นั่น ในกองบัญชาการนั้นมีสายลับอยู่ด้วยทั้งยังมีข่าวได้รั่วไหลออกไปจนทำให้ผู้ใหญ่ในกองบัญชาการต้องสืบหาว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้กันแน่ และได้จับห้าคนไปสอบสวนที่จวนอาทิ โจวซิ่น หลี่ปิงปิง จางหันอยี โหย่วเผิง และอิงต๋าเฟิง ได้มีการสอบสวนอย่างทรหด และทางโหย่วเผิงก็ได้รับบทเป็นนักร้องละครเพลง เป็นเลขาของผู้บัญชาการ แม้ตำแหน่งจะไม่สูง แต่ว่าสามารถที่จะเลื่อนขั้นได้อย่างไม่สิ้นสุด

ผู้รับการสัมภาษณ์

ซูโหย่วเผิง

ประวัติส่วนตัว. นักแสดง นักร้อง นับจากตอนเข้าสู่เสี่ยวหู่ตุ้ยมาจนถึงวันนี้ เป็นเวลา 21 ปีไปแล้ว และเคยแสดงเรื่ององค์หญิงกำมะลออีกด้วย

เบื้องหลังการสัมภาษณ์ : ภาพยนตร์เรื่องเฟิงเซิงจะออกฉายในวันที่ 30 กันยายน บทที่โหย่วเผิงเล่นนั้นคือเป็นเลขาของท่านผู้บัญชาการ นับว่าอยู่ภายใต้คนคนเดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่น เขาเคยเป็นนักร้องละครเพลงมาก่อน

และเนื้อหาในเรื่องนี้จัดเรียงโดย คังถิงฟาง