ผู้เขียน หัวข้อ: 10. ในบ้าน...(คนในครอบครัวกับโหย่วเผิง)  (อ่าน 6952 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
10. ในบ้าน...(คนในครอบครัวกับโหย่วเผิง)
« เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 10:59:47 AM »
10. ในบ้าน...(คนในครอบครัวกับโหย่วเผิง)


สิบห้าปีที่ผ่านมา อาจารย์แซ่ดูความสัมพันธ์ระหว่างโหย่วเผิงกับคนในครอบครัว “ส่วนใหญ่แล้ว โหย่วเผิงเผชิญกับงานการแสดงเพียงคนเดียว คนทั่วไปก็จะรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่อัธยาศัยดี เหมือนกับไกวๆหู่เลย แต่จริงๆแล้วเขาเหมือนกับลูกคนโต เป็นคนที่มีจุดยืนของตัวเองสูง เขามีอิทธิพลต่อคนในครอบครัวของเขามาก เป็นบ้านที่น่ารัก นิสัยเอนเอียง เขาเป็นคนที่ดูแลคุณแม่ดีมาก

โหย่วเผิงได้ยินแล้วรีบกล่าวว่า “ผมรักคุณแม่มากๆ คนในครอบครัวผมนั้นสนับสนุนผมอย่างเงียบๆ บ้านของเราไม่ได้เป็นตระกูลศิลปินหรือนักแสดงเลย และไม่มีความสัมพันธ์อะไรพิเศษเลย ฉะนั้นคนในบ้านก็ไม่รู้จะช่วยอะไรผม รวมทั้งครอบครัวของผมนั้นก็ไม่ใช่เป็นครอบครัวสุขสันต์มาแต่เกิด ก่อนหน้านี้ก็มีปัญหามากมาย ก่อนหน้านี้ก็เคยต่างคนต่างอยู่คนละทิศละทาง สี่คนก็อยู่กันสี่ที่ มันเกิดขึ้นช่วงเวลาที่ผมจะไปแสดงละครอีกด้วย ตอนนั้นเรื่องการเรียนก็มีปัญหา การงานก็มีปัญหา ครอบครัวก็มีปัญหาอีกด้วย สภาพย่ำแย่มากๆ

โหย่วเผิงก็ยังพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อแม่ “จริงๆแล้วแต่เด็กผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่รักการเรียน สิ่งที่ฝังใจผมคือความลำเอียงของพ่อแม่ น้องชายอายุน้อยกว่าผมหกปี เรียนโรงเรียนที่มีระดับ แต่ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ใส่ใจในการเรียนเลย ตอนผมเรียน ม.1, ม.2 นั้น เขาเรียนประถมปีที่ 2 แม่มักจะทำการบ้านด้วยกันกับเขา ตอนเด็กบ้านเราก็ใช่ว่ารวย พวกเราทำการบ้านในห้องเดียวกัน โต๊ะทำการบ้านก็จะเป็นแบบหลังชนกัน และน้องชายจะอ่านหนังสือเสียงดังมาก”


“ช่วง ม.2 นั้นผมพึ่งย้ายโรงเรียน ผลการเรียนนั้นมันดีกว่าที่ผมคิดไว้ การสอบหรือเก็บคะแนนวิชาคณิตแต่ละครั้งนั้นผมจะได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มทั้งเทอมเลย คุณลองคิดดูว่าตัวผมเป็นอย่างไร”

โหย่วเผิงหวนคิดตัวเองในสมัยก่อน แล้วหัวเราะออกมาดังๆ “เรียกร้องตัวเองมากขนาดนี้ แต่ว่าคุณแม่ไม่เคยมาใส่ใจในการเรียนผมเลย เพราะบางครั้งหลังจากที่เรียนแล้ว ก็อยากจะให้ใครคนหนึ่งมาช่วยทบทวนให้หน่อย แต่ว่าแม่ผมไม่เคยสนใจผมเลย ท่านสนใจแต่ทบทวนให้น้องชาย ทั้งยังเสียงดังมากด้วย ครั้งหนึ่งผมบอกว่าเสียงพวกคุณรบกวนผมในการอ่านหนังสือ ท่านตอบกลับมาคำหนึ่ง เป็นคำที่ตลอดชีวิตนี้ผมไม่ลืมเลย “เพราะเธอไม่ตั้งใจเอง เธอถึงได้ยินเสียงของพวกเรา หากว่าคนคนหนึ่งตั้งใจแล้วก็จะไม่ได้ยินเสียงคนอื่น” เมื่อผมนึกขึ้นมาได้ก็รู้สึกตลกเหมือนกัน



อาจารย์แซ่ฟังแล้วพูดอย่างหัวเราะว่า “เพราะคุณไม่จำเป็นต้องให้ท่านกังวลนี่”

โหย่วเผิงเข้าใจถึงความหมายของอาจารย์แซ่ พยักหน้าเห็นด้วยกับท่าน กล่าวว่า “ก็ถูกนะ แม่ผมบอกว่าลูกสองคนนิสัยก็สองแบบ วิธีการดูแลก็ไม่เหมือนกันแน่นอน แต่ผมนั้นกลับไม่เข้าใจความรู้สึกของแม่เลย”โหย่วเผิงก็ได้พูดต่อ “จริงๆแล้วเมื่อก่อนผมไม่มีเพื่อนเลย เหตุเพราะหน้าที่การงาน แต่ปกติแล้ว ผมเองก็ไม่ได้เป็นพวกเกิดมาก็รู้ไปหมดเลย ก็เหมือนกับผมต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะเข้าใจถึงความลำบากของพ่อแม่ สำหรับตัวเขาเองอาจดูเหมือนช้า ความสัมพันธ์กับเพื่อนก็เหมือนกัน”

อาจารย์แซ่เข้าใจว่าโหย่วเผิงไม่ค่อยมีเพื่อนนั้น ปัญหาคือเวลาของเขา “โหย่วเผิงนั้นต้องเป็นไปตามเวลา ตัวเขาที่ยุ่งอย่างนี้ มันไม่มีเวลามาคบหาเพื่อนเลย นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาทุ่มเท เพื่อนต่างอาชีพนั้นก็ยากที่จะไปเข้าใจความรู้สึกในชีวิตของเขา คนปกติอย่างพวกเราก็รู้ดีกว่า การมีเพื่อนรู้ใจสองสามคนนั้นสำคัญมาก มีอะไรก็พูดได้หมดเปลือก ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะไปเล่าให้ใครฟัง อย่างเขานั้น จนถึงวันนี้ก็ยังมาหาฉันยังดีที่เพื่อนของเขาไม่เยอะ”