ผู้เขียน หัวข้อ: ได้เห็นการให้สัมภาษณ์ของซูโหย่วเผิงโดยบังเอิญ  (อ่าน 8221 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

ได้เห็นการให้สัมภาษณ์ของโหย่วเผิงโดยบังเอิญ เราไม่ใช่พวกบ้าดารา และไม่ใช่พวกกินอยู่กับข่าวดารา แต่การสัมภาษณ์นี้มันดึงดูดเรามากๆ

วันนั้นที่ฉายเป็นตอนที่ 1  เนื้อหาหลักจะเป็นการพูดถึงช่วงแรกที่โหย่วเผิงเข้าสู่วงการ สำหรับคนที่ชื่อโหย่วเผิงนั้นเราเองก็คุ้นหูเหมือนกัน ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้เป็นช่วงที่เราเรียนมัธยมปลาย ตอนนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยเพิ่งก่อตั้งขึ้น จำได้แม่นมากครั้งหนึ่งในงานคืนส่งท้ายปีเก่า เรากับเพื่อนๆสองสามคนได้ขึ้นเวทีไปร้องเพลง (หูเตียเฟยยา)เพลงนี้ แล้วได้รับรางวัลเสียด้วย ตอนที่เราเรียนมหาลัยนั้น ตอนนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิดเทิดเทิงเลยทีเดียว ได้ออกอัลบั้มเพลงที่น่าฟังมากมาย หลังจากนั้น ได้ข่าวว่าไกวๆหู่สอบติดมหาลัยไต้หวัน จากนั้นก็ค่อยๆห่างจากจอ จนถึงช่วงองค์หญิงกำมะลอแล้วค่อยหวนจอ และการให้สัมภาษณ์ของวันนั้นเรียบง่ายมากๆ โหย่วเผิงเป็นคนที่มีเมตตาน้ำใจ วาจาก็เพราะและติดตลกนิดๆ ทำให้รายการวันนั้นที่เขาให้สัมภาษณ์นั้นดูสนุกและดีมาก

บ่ายวันนี้ เรามารออยู่หน้าจออย่างตรงเวลา เป็นรายการสัมภาษณ์โหย่วเผิงตอนที่ 2  เมื่อเทียบกับตอนที่ 1 แล้ว ตอนนี้จะทำให้ผู้ฟังมีใจที่หนักหน่วง หากว่าไม่ดูรายการนี้ เราคงจะไม่รู้ว่าตั้งแต่อายุ 16  โหย่วเผิงก็เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว และได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ผ่านความผิดหวังที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตมากมาย และคงจะไม่รู้ว่าโหย่วเผิงกลับมาดังอีกครั้งได้อย่างไร มันทำให้ประทับใจมาก เขาพยายามขนาดไหน เขาจริงจังขนาดไหน และเขาฉวยทุกโอกาสที่ผ่านมาขนาดไหนกัน



สมัยนั้นเขาถูกขนานนามว่า “ไกวๆหู่”  ตัวเขาที่มีใจสู้ที่จะเป็นนักเรียนดีเด่นและเขาก็ตั้งใจจนสามารถที่จะสอบเข้ามหาลัยไต้หวัน นั่นเป็นมหาลัยที่มีชื่อมาก แต่เขากลับไม่ชอบในคณะที่ตัวเองเลือกไว้ แต่เพื่อจะพิสูจน์ตัวเอง เพื่อจะให้เป็นที่พอใจของทุกคน เขาไปสอบ และสอบติดด้วย

เมื่อเข้าไปอยู่ในรั้วมหาลัย เขาก็ได้ใช้เวลาครุ่นคิด สุดท้ายตัดสินใจเปลี่ยนคณะ แต่เหตุที่เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงจนถึงปี 3 ก็ยังเปลี่ยนคณะไม่ได้ สุดท้ายสุดทนจำต้องมาลาออก การตัดสินใจครั้งนี้ของเขาทุกคนคิดว่าเป็นการทำลายภาพลักษณ์ตัวเอง ทำให้มีเสียงด่าทอต่อว่ามากมาย

ไม่มีใครมาให้เขาทำเพลงอีก และงานการแสดงก็ได้รับผลกระทบด้วย เหตุความกดดันต่างๆอาจส่งผลให้เขาตัดสินใจหนีไปเรียนต่อที่อังกฤษ เขาที่ถูกสังคมลืม และมองไม่เห็นอนาคตความชิบหาย(ขออนุญาตใช้คำนี้) ก็ไม่ละที่จะติดตามตัวเขาไป

ช่วงเวลานั้น เศรษฐกิจของครอบครัวก็ย่ำแย่มาก จนขนาดจะล้มละลาย และคุณแม่ที่ไม่เคยไปทำงานกว่ายี่สิบปีแต่วันนั้นกลับต้องไปสอนหนังสือในชนบท สิ่งที่ผู้ซึ่งเป็นลูกจะทำได้ก็แค่หาซื้อรถเก่าๆที่พอขับได้ให้แม่ขับไปทำงาน ความตั้งใจที่สูงสุดของเขาคือจะทำอย่างไรถึงจะสามารถทำให้ครอบครัวไปรอดได้ สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ เมื่อพูดถึงความลำบากในอดีต ตาโหย่วเผิงก็เริ่มแดง เมื่อเล่าถึงช่วงที่ฝังใจ อดไม่ได้ที่เขาจะยกมือไปปัดน้ำตาลูกผู้ชาย ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่ชมรายการนั้นกินใจไปด้วย




โหย่วเผิงสามารถหวนกลับมาเป็นที่สนใจของผู้ชมอีกครั้งหนึ่ง เรื่ององค์หญิงกำมะลอนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สุดยอด ทางพิธีกรได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา หลังจากที่เรื่ององค์หญิงกำมะลอดังแล้ว โหย่วเผิงกับซินหยู่ก็ได้ร่วมงานแจกลายเซ็นต์

ตอนนั้นมีผู้มาร่วมงานนี้ประมาณ 8 พันคน นานแล้วที่โหย่วเผิงไม่ได้อยู่ในสภาพการณ์ที่มีคนมาห้อมล้อมมากมายอย่างนี้ เขาถูกลืมไปนานเกินไป และพริบตาก็มีคนหันกลับให้ความสนใจเขาอย่างล้นหลามแน่นอนจิตใจของเขาก็คงจะเปรี่ยมไปด้วยความสุข จนเขาแทบจะพูดไม่ออก เสร็จงานนี้แล้ว โหย่วเผิงได้ทำให้ความฝันที่ยิ่งใหญ่ของเขาสำเร็จ



อ้างถึง
งานคอนเสิร์ตของตัวเอง คลิปคอนเสิร์ตปี 2002 นั้น เห็นถึงความร้อนร้นที่แฟนเพลงมีต่อเขา ทำให้เขาประทับใจเป็นอย่างมาก เขายิ้ม เขาร้องไห้ น้ำตาเขาไหล ตอนที่ได้รับคลิปที่ทั้งสามคนได้ร่วมร้องเพลง โหย่วเผิงบอกว่า ไม่เคยคิดว่าฉีหลงกับเขาจะเจอปัญหามากมายอย่างนี้ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาสามคนยังสามารถยืนอยู่ด้วยกันได้อีก ตอนนั้นที่ดังนั้นไม่เคยรู้ว่าอนาคตนั้นมีอะไรรอพวกเขาอยู่

โหย่วเผิงขอบคุณการสนับสนุนของเพื่อนๆอย่างมาก สำหรับศิลปินคนหนึ่งแล้ว เวทีเป็นชีวิตจิตใจของพวกเขา ขอบคุณเพื่อนๆที่ให้เวทีนี้กับเผม  หากไม่มีการสนับสนุกจากทุกๆคนผมคงไม่มีวันนี้ ผมอยากจะให้เพื่อนๆดูภาพยนตร์ผม ฟังเพลงผม ไม่เพียงแค่ดูแค่ฟัง อยากให้รู้ว่าแม้ศิลปินจะยืนสง่าบนเวทีแท้จริงเบื้องหลังชีวิตของพวกเขานั้นมีอุปสรรค์มากมาย

ชอบประโยคสุดท้ายของโหย่วเผิงมากๆ “คนจะยิ่งใหญ่ได้เพราะความฝัน ผมคิดว่าผมอยากจะเล่าประสบการณ์จริงในชีวิตให้กับทุกคน อย่าปล่อยมันไปอย่างง่ายๆ ขอเพียงยืนหยัด ยืนหยัด ความฝันจะกลายเป็นความจริงในสักวัน..."
 
เราจะขอจำคำพูดของโหย่วเผิงไว้ จำว่า
คนจะยิ่งใหญ่เพราะความฝัน จำไว้ว่าต้องสู้ๆ ต้องยืนหยัด


ท้องฟ้าจะสวยงามเมื่อหลังฝน