ผู้เขียน หัวข้อ: [ซูโหย่วเผิง] สมัยเรียนเรียงความ  (อ่าน 8205 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
[ซูโหย่วเผิง] สมัยเรียนเรียงความ
« เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 08:14:01 AM »
ซูโหย่วเผิงสมัยเรียนเรียงความ

(เสียงดังเกินไปแล้ว หยุดเงียบครู่หนึ่งได้เปล่า ) ซูโหย่วเผิง

ผมชินกับเวลาเรียนต้องปิดหู อย่างนี้ แม้ว่าข้างนอกนั้นจะเสียงดังขนาดไหน ผมสามารถที่จะนิ่งสงบได้ ขณะที่นั่งลงแล้ว การหมุนปากกานั้นบางครั้งนานกว่าการเรียนเสียอีก เรียนหนังสือไปครึ่งเมื่อเจอข้อสงสัยไม่มีทางออกก็จะหมุนปากกา เมื่อสอบสอบไปครึ่งหนึ่งสอบไม่ได้แล้ว ก็เครียดจนหมุนปากกา คิดเรื่องต่างๆคิดไม่ออกแล้วก็จะหมุนปากกา เวลาเหม่อลอยก็จะหมุนปากกาหมุนปากกา ในบางเวลานั้นมันสามารถจะลดความเครียดลงได้

การหมุนปากกานั้นอาจไม่ใช่ความเคยชินในการเตรียมตัวเรียน แต่ว่าในสมัยนั้นนับได้ว่านักเรียนเกือบทั้งหมดนั้นก็หมุนปากกาเป็น มันสะท้อนให้เห็นว่าคนหมุนปากกาไม่เป็นนั้นถือว่าเชยมาก ตอนแรกนั้นเห็นคนอื่นหมุนเป็น ตัวเองไม่เป็น ก็รู้เลยว่าตัวเองจะต้องรีบๆในการฝึกฝนมัน ตอนใหม่ๆนั้นไม่ง่าย หมุนได้เพียงแค่ครึ่งรอบ ยิ่งกว่านั้นปากกายังตกลงพื้นประจำ ขณะที่ทุกคนตั้งใจทำข้อสอบหรืออ่านหนังสืออยู่นั้น เสียงของการหมุนปากกาที่ตกลงบนโต็ะนั้นได้ยินอย่างชัดเจน แต่ว่า มีเพื่อนนักเรียนบางคนก็เหมือนกับผมไม่ค่อยฝึกฝนจริงจังเท่าไรนัก เวลาเรียนเสียงปากกาตกบนโต๊ะนั้นทั้งของเขาของเราด้วย ตอนหลังฝึกจนชำนาญแล้ว สามารถหมุนจากหัวจรดปลาย จากปลายถึงหัว อย่างนี้เรียกว่าหนึ่งรอบ

เพื่อนนักเรียนที่มีฝีมือดีๆนั้นเก่งถึงนาดหมุนจากนิ้วกลางแล้วหมุนบนอากาศอีกสองรอบเลย อยู่ในที่หัวแม่มือกับนิ้วกลางนั้นยังเป็นหัวปากกา บางครั้งผมอยากจะฝึกให้มีลีลา อ่านหนังสือไปด้วย ทั้งยังใช้ใจทำสองอย่างในขณะเดียวกันคือหมุนปากกาไปด้วยครึ่งรอบ ตอนหลังเริ่มคล่องแล้ว เพียงแค่นั่งลง ไม่ว่าจะคิดอะไรอยู่ ก็ได้หมุนปากกาอย่างไม่รู้ตัวเลย ครึ่งหนึ่งอยู่ในศูนย์หนังสือ เค ทันใดนั้นรู้สึกเลยว่าอ่านหนังสือไม่จบแน่ อารมร์ไม่ดีขึ้นมา หมุนปากกาอย่างแรง เครียดเกินไป สองสามทีก็ตกบนโต๊ะแล้ว จนทำให้คนที่อ่านหนังสืออยู่ข้างๆวิ่งมาหาผม เสียงดังรบกวนเกินไปแล้วนะ หยุดได้ไหม? ในโรงเรียนนั้น นักเรียนก็นิยมในการหมุนหนังสือ หมุนหนังสืออ้างอิง

ความฮิตของการหมุนหนังสือนั้นเห็นกันอย่างทั่ว ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็มักจะเห็นนักเรียนรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อแข่งขันการหมุนหนังสือ พวกที่มีฝีมือนั้นก็สามรถเอาหนังสือเล่นใหญ่มาหมุนโชว์อย่างสวยงาม บางคนยังสามารถใช้นิ้วชี้หมุนก่อน หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นนิ้วกลาง นิ้วกลางแล้วเป็นนิ้วนาง จนจบที่นิ้วก้อย แล้วโยนขึ้นไป ตกลงมา แล้วรับ แล้วเริ่มจากนิ้วชี้อีก จะหมุนนานขนาดไหนก็ไม่ตก หน้าปกของหนังสือนั้นเหตุโดนนิ้วจี้หมุนประจำ ทำให้จุดโดนจี้ประจำนั้นกลายเป็นสีขาวไป นักเรียนบางคนยังเจาะรูในหน้าปกกลางหนังสือ บางคนเพื่อให้มีจุดรูแล้วจะหมุนได้นาน

พวกเรานอกจากเรียนหนังสือแล้วยังหาบรรยาการของการเรียนหนังสือ หาความสนุกเล็กน้อยๆอย่างนี้ มาเล่นอย่างไม่ต้องเสียอะไรมากไปเลย

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: ซูโหย่วเผิงสมัยเรียนเรียงความ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 08:16:31 AM »
(ผู้ชายไม่ร้องไห้ ) ซูโหย่วเผิง


ผมมักจะคลุ่นคิดตัวเองในสายตาของคุณครูและเพื่อนนักเรียน ในสภาพการณ์อย่างนั้น ความผิดลำบากใจของจิตใจนั้นมีมาก ยิ่งกว่านั้นเป็นเพื่อนนักเรียนต่างห้อง มักจะมีความเป็นศัตรูกับผม ตั้งแต่ประถมหนึ่งที่ผมพึ่งเข้ามา ก็จะได้ยินคำขู่มากมาย เช่นนักเรียนห้องนั้นบอกว่าจะตีต่อยผมในห้องน้ำ หรือว่าปาเป้า เขียนชื่อผมไว้ที่ผนังแล้วยิงเป้า ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผมอับอาย จนถึงประถมสามก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่ ผลการเรียนของผมก็ยังที่ขี้ปากของคนหลายคนอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ผมมีนิสัยอย่าง ใช้ชีวิตอยู่ในวงกลมของตัวเอง อยู่กับตัวเองปลอดภัยที่สุด เรื่องร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวผมนั้นล้วนไม่เกี่ยวข้องหรือกระทบผม จากหน้าโรงเรียนไปที่ห้องเรียนนั้น จะต้องเดินผ่านห้องเรียนคนอื่น ตลอดเวลานั้นผมได้เดินผ่านอย่างก้มหัว เดินริมๆทาง ไม่ไปสนใจคนที่อยุ่ในห้อง แม้แต่มองก็ไม่มอง หรืออาจพูดได้ว่า ผมนั้นปิดตัวเองหรือน้อยเนื้อต่ำใจ

ยิ่งกว่านั้นคืออยู่ต่อหน้าเพื่อนนักเรียนที่ไม่คุ้น แม้กระทั่งเดินก็ไม่กล้าจะเงยหน้ายึดอก นอกจากน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว ยังมีความกลัวอยู่ด้วย สะท้อนให้เห็นว่าทุกคนทำร้ายผม ดูหมิ่นดูถูกตัวผมเข้ามัธยมแล้วผมก็ไม่ได้มีเพื่อนที่สนิทพิเศษอะไรมาก ห้องตัวเองก็ไม่มี ห้องอื่นคงไม่ต้องพูดถึง ให้โรงเรียนนั้น เพื่อนที่สนิทมากที่สุดก็แค่คนสองคน ล้วนรู้จักกันก่อนหน้าที่จีนแล้ว

คนอื่นๆ ไม่ว่าจะมีเจตนาร้ายหรือดี ทุกคนก็จะถูกผมตีหน้าเป็นผู้ไม่หวังดี ก่อนหน้าที่ผมจะชอบในการเล่นบาสนั้น ทุกครั้งก็จะรู้สึกว่าใจยิ่งเต้นยิ่งแรง ที่นั่นมีคนมากมายกำลังเล่นบาส ผมได้ก้มหัวลงในหูนั้นล้วนมีแต่เสียงคนกำลังแย่งลูกบาส กลัวมากที่เมื่อเงยหน้าแล้วเห็นสายตาที่ไม่รับแขก หรือว่าสายตาที่ขู่ ลูกบอลลูกหนึ่งลอยมา ทำให้ใบหน้าผมยุ่งมาก