ผู้เขียน หัวข้อ: 2012 Fashion Week  (อ่าน 7680 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
2012 Fashion Week
« เมื่อ: กันยายน 23, 2012, 08:17:15 AM »

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: ก.ย.-2012 2012 Fashion Week
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 16, 2012, 12:48:32 PM »


ซูโหย่วเผิงกับเรื่องที่ไม่ธรรมดา

ในวัยหนุ่มเค้าเปรียบเสมือนหนุ่มน้อยที่สุกสกาวสดใส ในวันนี้เค้าเปรียบประดุจหนังสือที่ถูกร้อยเรียงขึ้นด้วยกาลเวลา มีความสามารถ,สั่งสมประสบการณ์ มีทางเลือก ถึงแม้ว่างานของเค้าจะมากล้นมือ แต่นอกเวลางานเค้ารู้จักที่จะวิธีผ่อนคลายความเครียด ถึงแม้ว่าในการดำเนินชีวิตจะต้องใช้ความละเอียดพิถีพิถัน แต่เค้ากลับไม่ชอบความจุกจิกและซับซ้อน  รวมถึงการเลือกใส่นาฬิกาขอแค่ดูเรียบง่ายก็พอแล้ว  ความเรียบง่ายนี่แหละดีที่สุด

วันที่ 28 กันยายน 2012 มีกำหนดเข้าฉายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง (ถงเชวี่ยไถ) ซูโหย่วเผิง ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงที่แสดงถ่ายทอดถึงตัวละคร  จักรพรรดิฮั่นเซี่ยนตี้ ตัวละครนี้อยู่ในช่วงที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายแต่กลับเป็น ฮ่องเต้ที่ไร้ซึ่งความสามารถ  เป็นบุคคลที่โชคร้ายและมีชีวิตที่น่าเศร้าคนหนึ่ง

ในประวัติศาสตร์นั้นถึงแม้จะกล่าวถึงเพียงไม่กี่บันทัดทำให้เราไม่สามารถที่สัมผัสถึงบุคคลคนนี้ได้อย่างชัดเจน  แต่จากการแสดงของ ซูโหย่ว เผิง ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เค้ากลับทำให้ความเลือนรางของประวัติศาสตร์นับพันปีนั้นเด่นชัดขึ้นมา ทำให้ตัวละครนั้นดูมีชีวิตโลดเล่นอยู่บนจอภาพยนตร์ ซูโหย่วเผิง ยอมรับว่า เพื่อที่จะแสดงบทบาทนี้ออกมาให้สมจริง  ต้องอาศัยเวลาในการศึกษาค้นคว้าด้านประวัติศาสตร์มากมายหลายๆด้าน  และในขณะเดียวกันจะใช้เวลาในการพูดคุยปรึกษากับทางผู้กำกับ  เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของตัวละครนี้  กับคนคนหนึ่งที่เป็นเหมือนฮ่องเต้หุ่นเชิดแล้วในความเป็นจริงเค้าจะควรทำตัวเช่นไร

“แล้วต่อมาทางผู้กำกับก็ได้แต่งเติมบทบาทของตัวละครนี้ขึ้นมาใหม่ ทำให้เป็นคนที่คลั่งไคล้ในบทละครเพลงงิ้ว ถึงแม้ว่าในประวัติศาสตร์ ในสมัยของพระเจ้าเซี้ยนตี้ นั้นบทละครเพลงงิ้วยังไม่มีปรากฏอยู่เลยก็ตาม  แต่ด้วยความพิเศษตรงจุดนี้ทำให้ทุกคนเห็นถึงอีกมุมหนึ่งของพระเจ้าเซี้ยนตี้ เค้าต้องอาศัย  “ความหลงใหล” นี้ ในการปลอมตัว  ปกปิดอำพรางเหล่าขุนนางที่คอยจับผิดและสังเกตความเคลื่อนไหวพระองค์ทุกย่างก้าว

นอกจากนี้ ซูโหย่วเผิง ยังได้ไปเรียนการร้องเพลงเป็นเสียงชายชรา รวมทั้งการแสดงท่วงท่าร่ายรำในการร้องละครเพลงงิ้ว  เพราะว่าเค้าเป็นคนที่ให้ความสำคัญและทุ่มเทกับงาน

“นี่แหละคือการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะได้แสดงจริงๆ คุณต้องใช้เวลาอย่างมากในการทำความเข้าใจกับมัน ถึงแม้ว่าการแสดงจริงจะเป็นเพียงไม่กี่อึดใจก็ตาม การที่เราเป็นนักแสดงนั้นกับคนที่เป็นนักประดิษฐ์นาฬิกามันก็มีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายคลึงกันนะครับ ที่ผมทราบจากนักประดิษฐ์นาฬิกาว่าแค่เพียงทำให้ชิ้นส่วนเล็กนั้นเกิดความแวววาวนั้นก็ต้องอาศัยและใช้ใจในการทำมันขึ้นมา ใช้ความละเอียดประณีต ถึงจะได้ทำมันออกมาได้ เวลาที่พวกเราได้หยิบมันขึ้นมาจะรู้สึกประหลาดใจว่า ว้าว...มันทำได้อย่างงดงามและประณีตมาก แต่เมื่อเรารู้ว่ากว่าจะมาเป็นนาฬิกาสักเรือนได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย”

ซูโหย่วเผิง พูดถึงความตั้งใจในการทำงานและเหตุผลต่างๆเพียงแค่มีความสามารถสั่งสม รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องที่ทำถึงจะสามารถทำงานได้ประสบผลสำเร็จ

นอกจากการถ่ายภาพยนตร์ ซูโหย่วเผิง ในตอนนี้เค้ายังได้ผันตัวเองไปเป็น “เถ้าแก่น้อย”  ละครเรื่อง (ไม่รักก็อย่ามารบกวน) ที่เค้าเป็นทั้งนักแสดงและผู้กำกับควบสองหน้าที่ พูดถึงความรู้ของการเป็นเถ้าแก่ ซูโหย่วเผิง แอบยิ้ม “ก็แค่เวลานอนน้อยลงไปนิด แล้วก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรยากเกินความสามารถ” และ  “กล้าที่จะทำอะไรด้วยตนเองทำในสิ่งที่ตนเองรัก สมัยก่อนทำงานหนัก ตอนนี้อยากที่จะให้งานของเราออกมาดีและมีคุณภาพ เพราะการทำงานก้อคือสิ่งที่ผลักดันให้ชีวิตเราดีขึ้น”

ไม่ว่าจะมาจากความพยายามของเราเองและเพื่อนสนิท หลินซินหยู ที่คอยให้คำปรึกษาและความคิดดีๆ เป็นเถ้าแก่ในครั้งนี้ก็ถือได้ประสบความสำเร็จเลยทีเดียว สิ่งแรกที่ยังคิดว่าตนเองยังบกพร่องอยู่นั้นคือความรวดเร็วในการทำงาน ซูโหย่วเผิง ตอนนี้ขอปลีกตัวจากความเหนื่อยล้า  ในเวลานอนเค้ายังต้องใส่นาฬิกาไว้ เพราะว่าเค้าจะไม่รู้เลยว่าก่อนทำงานในครั้งต่อไปจะนอนได้กี่ชั่วโมง

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: ก.ย.-2012 2012 Fashion Week
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 16, 2012, 12:51:32 PM »


ในด้านการดำเนินชิวิต

หลายคนเห็น ซูโหย่วเผิง ในกองถ่ายเรื่อง (ไม่รักก็อย่ามารบกวน) งานยุ่งจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทุกคนก็ได้แต่หวังว่าไม่แน่เค้าจะค่อยๆผันตัวมาเป็นเถ้าแก่จริงๆก็เป็นได้  เมื่อได้ถามเค้าในเรื่องนี้เค้าก็ได้ตอบเพียงว่า “มันยังแค่ผิวเผิน” หนทางมันยังอีกยาวไกลครับ ซูโหย่วเผิง คิดว่า นักแสดงกับผู้สร้างสามารถทำไปด้วยพร้อมกันได้ “ถึงอย่างไรผมก็ไม่ใช่ผู้กำกับที่ได้แต่นั่งชี้นิ้วสั่ง ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรกับงาน ในการทำงานมันก็ใช่ว่าจะยากเกินความสามารถทุกสิ่งอย่างไป ในเมื่อโอกาสนั้นมาอยู่ในมือของเราแล้วต้องสู้กับมันสักตั้ง อย่างแรกผมเองก็ใช่ว่าจะหัวการค้าดีขนาดนั้น แค่อยากลองทำอะไรที่ตนเองรักก็เท่านั้น เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ”

ตอนที่ผมยังหนุ่มนั้นก็คิดแค่ทำงานนั้นอย่างสุดความสามารถ ความกดดันก็มากและก็รู้สึกเหนื่อย แต่ตอนนี้มีประสบการณ์มาแล้วตั้งหลายปี ก็คิดที่จะเอาทั้งการทำงานและการดำเนินชีวิตของเรามารวมไว้ด้วยกัน “เป็นดาราต้องแบ่งตัวเอง บางครั้งต้องท่องบททั้งวัน ถึงตอนเย็นกลับไปก็ยังต้องไปประชุมปรึกษาร่วมกัน  คนกลุ่มนี้ก็มักจะต้องรอผมเข้าร่วมประชุม ในสายโทรศัพท์พูดว่า ‘โหย่วเผิง คุณได้เปลี่ยนคาร์แลกเตอร์แล้วนะ’  แต่ทว่ามันกลับทำให้ผมรู้สึกดีใจเสียอีก” หลินซินหยู เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากที่สุด ในครั้งนี้ที่เถ้าแก่ซู ได้ทำงานอย่างเต้มตัวทำให้เค้าได้ความคิดอะไรหลายๆอย่าง “ซินหยู เป็นคนที่มีความตั้งใจจริง ทำงานได้ดีเยี่ยมและก็ไม่ได้ทำเพื่อผัดวันประกันพรุ่ง แต่เค้าอาศัยความละเอียดใส่ใจในการทำงาน ปกติเวลาที่นั่งทานอาหารร่วมโต๊ะพูดคุยกัน ได้แชร์ประสบการณ์แลกเปลี่ยนความคิดกัน อย่างเช่น แนวโน้มทางการตลาดหนัง รวมถึงหลักยุทธศาสตร์ทางการตลาดต่างๆด้วย”

ถ้าจะให้ ซูโหย่วเผิง พูด  ต่อสู้ฟันฝ่ากับการทำงานมาแล้วก็ตั้งมากมาย  เมื่อมีเวลาว่างจากการทำงานเค้าก็เลือกที่จะออกไปท่องเที่ยวผ่อนคลายความตึงเครียด ตอนที่เค้ายังหนุ่มนั้นได้ มีประสบการณ์การใช้ชีวิตที่อังกฤษ และในวันนี้ทำให้เค้ารู้สึกว่าการท่องเที่ยวนั้น ทำให้ตนเองได้ปลีกตนเองออกจากความจำเจของชีวิต สามารถเปลี่ยนความรู้สึกที่แปลกใหม่  ถ้ามีเวาลว่างล่ะก็ซูโหย่ว เผิง ก็เลือกที่จะมาอยู่ที่ไทเปที่ที่เค้าชอบที่สุด เป็นสถานที่ที่เค้าคุ้นเคยที่สุด มานั่งพูดคุยเล่นกับเพื่อนๆ ได้อยู่พร้อมหน้ากับคนในครอบครัว หรือแม้เค้าจะต้องขับรถออกไปตากลมคนเดียวก็ตามมันก็ทำให้เค้ารู้สึกมีความสุขอย่างที่สุด


Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: ก.ย.-2012 2012 Fashion Week
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2012, 11:58:42 AM »


“ถึงอย่างไรผมก็ไม่ใช่ผู้กำกับที่ได้แต่นั่งแต่ชี้นิ้วสั่ง ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรกับงาน ในการทำงานมันก็ใช่ว่าจะยากเกินความสามารถทุกสิ่งอย่างไป ในเมื่อโอกาสนั้นมาอยู่ในมือของเราแล้วต้องสู้กับมันสักตั้ง อย่างแรกผมเองก็ใช่ว่าจะหัวการค้าดีขนาดนั้น แค่อยากลองทำอะไรที่ตนเองรักก็เท่านั้นเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ”

Q:  ในปีนี้วันที่ 28 กันยายน ภาพยนตร์-ถงเชวี่ยไถ จะมีกำหนดฉายแล้ว นำช่วงสมัยตงฮั่นตอนปลายมาถ่ายทอดลงจอภาพยนตร์อีกครั้งบังเอิญในวันที่ภาพยนตร์มีกำหนดเข้าฉายเป็นวันครบรอบการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าเซี้ยนตี้พอดิบพอดี คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญไหม?

A:  อ้าว จริงเหรอ? มันเป็นความบังเอิญจริงๆก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลย

Q: (ถงเชวี่ยไถ)  ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงด้วยกันหรือทีมงานที่อยู่เบื้องหลังต่างได้รับคำชมว่า “เป็นทีมงานที่รวมความเป็นที่สุดไว้ด้วยกัน ” , มีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมงานเก่งๆอย่างนี้ ทำให้คุณมีความรู้สึกประทับใจอะไรอย่างไรบ้าง

A: แน่นอนต้องเตรียมความพร้อมเปิดใจเรียนรู้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้รู้จักกับทางผู้กำกับมาก่อนแล้ว และยังมาได้ร่วมงานฝึกประสบการณ์ที่หาได้ยากนี้ มีผู้ร่วมงานมากแต่ละฝ่ายทำงานกันอย่างขะมักเขม้น มีความสามารถมาก ทำให้ผมได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆจากพวกเค้า

Q: ที่พวกเราทราบกันก่อนหน้านี้บทที่คุณจะเลือกเล่นส่วนใหญ่จะมีคาร์แลกเตอร์คล้ายๆกับตัวคุณ อย่างเช่น จางอู๋จี้(เตียบ่อกี้) แล้วก็ ไป๋เสี่ยวเหนียน แล้วฮ่องเต้เซี้ยนตี้ล่ะ มีส่วนไหนที่คล้ายกับนิสัยของคุณบ้าง? ในการเข้าฉากแต่ละครั้ง คุณมีวิธีการอย่างไรแสดงความรู้สึกของตัวละครนี้ออกมาได้? ( ยกตัวอย่างเช่น ในบทที่มีความละเอียดอ่อนต้องใช้สมาธิสูง คุณคิดว่าจะต้องสื่ออารมณ์ออกมาอย่างไรถึงจะสมบทบาท)

A: จริงๆ แล้วเมื่อได้บทมาครั้งแรกไม่รู้จริงๆว่าจะต้องแสดงมันออกมาอย่างไร  แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆเรียนรู้ไปกับมัน  รู้ว่าเค้าเป็นตัวละครที่มีสองบุคลิกในคนคนเดียว  มีความเหงา  คนที่สามารถพึ่งพาได้ก็มีน้อยเหลือเกิน  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแกล้งเป็นเหมือนคนเสียสติถึงจะมีชีวิตรอด  เค้ากับฮองเฮาก็เป็นคู่รักที่มีชีวิตที่รดทดนัก เพราะว่าฮองเฮาคิดที่จะลอบสังหารโจโฉเพื่อช่วยเค้า แต่แผนการทั้งหมดก็ถูกเปิดโปง ซึ่งเค้าเองก็ไม่มีหนทางที่จะปกป้องหญิงอันเป็นที่รักไว้ได้  มันอาจจะไม่ได้อยู่ที่ว่าต้องใช้สมาธิอย่างไรหรอก แต่ในสถานการณ์ในเรื่องอย่างนี้กับประวัติศาสตร์การปกครองแบบนี้ควรที่แสดงอารมณ์ออกมาอย่างไร

Q: ที่พวกเราทราบกันเป็นคนของประชาชนใช้ชีวิตลำบาก จะกินจะนอนก็ต้องได้รับความสนใจจากสื่อรอบข้าง แน่นอนรวมถึงการแต่งตัวที่จะเป็นแนวการแต่งตัวให้ใครใครเลียนแบบ บอกเราหน่อยได้ไหมว่าคุณเองมีแนวการแต่งตัวอย่างไรบ้าง?

A: ก็ไม่จำเป้นต้องมีอะไรมากหรอกครับ ต้องดูโอกาส กาลเทศะ แต่งตัวให้เข้าตัวเอง โดยปกติแล้วผมเป็นคนแต่งตัวสบายๆ เสื้อเชิ้ตกับกางเกงก็ได้แล้ว ใส่แล้วรู้สึกสบายก็พอ ถ้าต้องเข้าร่วมงานการประชุม ไม่ก็ความต้องจากงานที่ทำ ก็จะใส่นาฬิกาข้อมือนาฬิกาข้อมือโรเล็กซ์เป็นนาฬิกาที่สามารถใส่ทั้งเข้าประชุมและงานที่เป็นทางการก็ได้แล้วมันก้อดูเหมาะสมกับวัยของเราด้วย

Q: มีคนเคยพูดไว้ว่าเพชรพลอยเหมือนเป็นของเล่นของผู้หญิง นาฬิกาข้อมือเหมือนเป็นของเล่นของผู้ชาย “ของเล่น”  คุณมีความคิดอย่างไรกับตรงนี้? เพราะชาวราศีกันย์เป็นพวกที่ชอบความสมบูรณ์แบบ แล้วการเลือกนาฬิกาข้อมืออาจจะบ่งบอกความเป็นตัวคุณได้หรือไม่?

A:  ผมคิดว่านาฬิกาข้อมือเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่มีความสำคัญกับผู้ชาย เพราะถึงอย่างไรผู้ชายก้อไม่เหมือนผู้หญิงที่มีเครื่องประดับตกแต่งมากมาย ผมปกติเป็นคนไม่ชอบทำอะไรให้มันยืดยาด ชอบความเรียบง่าย มีความชอบเป็นส่วนตัว ดูคลาสสิค แล้วยิ่งถ้าเป็น ยี่ห้อ ว่านป่าวหลง万宝龙(Montblanc) ผมจะชอบมาก 

Q: ช่วยเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับนาฬิกาข้อมือเรือนแรกได้ไหม? ( ยี่ห้ออะไร ว่าได้เมื่อไหร่ แล้วเป็นคนซื้อเองใช่ไหม เป็นต้น )

A: นาฬิการุ่นแรกที่ผมมีคือรุ่นที่ยังต้องใส่ถ่าน ตอนนั้นเป็นช่วงที่ยังเรียนอยู่ ยี่ห้อจำไม่ได้แล้ว พอได้เริ่มทำงานพอที่จะมีเงินเก็บ เศรษฐกิจก็เติบโตขึ้นจึงอยากที่จะซื้อนาฬิกาดีๆสักเรือน อาจจะเรียกได้ว่าซื้อของขวัญให้ตัวเอง เป็นช่วงเวลาก่อนที่จะเล่นเรื่อง (รักข้ามขอบฟ้า ) . ในตอนนี้นาฬิกาของผมก็ไม่ได้มีแค่เรือนเดียวแล้วล่ะ แต่ยังไงผมก็ชอบนาฬิกาโรเล็กซ์อยู่ดี รูปแบบมันดูคลาสสิคดี


Q: ถ้าให้คุณเลือกเครื่องประดับสักชิ้นใส่ไปเดินเล่นข้างนอก คุณจะเลือกใส่อะไร?

A: ปกติผมออกไปข้างนอกจะไม่ค่อยใส่นาฬิกาเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าอยากทำอะไรสบายๆมั้ง สะดวกคือสิ่งแรก แต่ในบางคครั้งในเวลานอนผมยังต้องใส่นาฬิกาด้วย เพราะกลัวว่าถ้าไม่มีนาฬิกาจะไม่รู้ว่าเรานอนไปแล้วกี่ชั่วโมง แต่ถ้าจะให้เลือกใส่ได้หนึ่งชิ้น ผมก็ยังคงเลือกที่จะใส่นาฬิกาข้อมือเนี่ยแหละครับ
 
Q: คุณเคยเอานาฬิกาข้อมือเป็นของขวัญมอบให้คนอื่นหรือเพื่อนๆหรือเปล่า? หรือว่า คุณเคยได้รับมันเป็นของขวัญ?

A: เคยครับ ปกติจะมอบให้ในเทศกาลสำคัญสำคัญ อย่างเช่น วันแม่ หรือ วันเกิดของแม่เรา ถึงจะมอบมันเป็นของขวัญ  คนที่จะมอบให้ต้องเป็นคนที่พิเศษสำหรับเรา  แน่นอน ของที่ไม่ดีไม่มีคุณภาพผมจะไม่เลือกมาเป็นของที่ผมจะมอบให้อย่างแน่นอน คุณต้องรู้ว่าคนที่คุณจะมอบของให้ชอบอะไร มอบของที่เค้าชอบถึงจะทำให้คนรับรู้สึกดีใช่ไหมล่ะ นาฬิกาข้อผมก็เคยได้รับมันเป็นของขวัญนะ มีความรักของเพื่อนๆอยู่ในนั้น ทำให้ผมซาบซึ้งมาก  แต่ถึงอย่างไรนาฬิกาที่ผมชอบก็ต้องเป็นนาฬิกาผมเลือกเองใช่ไหมล่ะครับ

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: ก.ย.-2012 2012 Fashion Week
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2012, 03:04:02 PM »

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2012 Fashion Week
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2016, 04:47:38 PM »