ผู้เขียน หัวข้อ: 2007 ให้พ่อแม่กลับมาคืนดีกัน ศิลปินโหย่วเผิงก็มีความหวังที่อยากจะมีบ้านที่สมบูรณ  (อ่าน 11353 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
<a href="http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2Fd29983cb.pbw" target="_blank" class="new_win">http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2Fd29983cb.pbw</a>

19 มิถุนายน 2007 ให้พ่อแม่กลับมาคืนดีกัน ศิลปินโหย่วเผิงก็มีความหวังที่อยากจะมีบ้านที่สมบูรณ์

ภาพทรงจำของหลายๆคนนั้น ดาราโหย่วเผิงนั้นเป็นคนที่ สง่า ร่าเริง แต่มีใครทราบบ้าง ตอนเด็กนั้นการทะเลาะของพ่อแม่นั้นได้สร้างบาดแผลในใจเขา การแยกกันของพ่อแม่นั้นยิ่งทำให้เขาเป็นเหมือนเด็กกำพร้า เมื่อเติบโตกับกาลเวลา โหย่วเผิงก็สังเกตเห็นถึงพ่อแม่ที่แม้จะต่างคนต่างอยู่นั้นต่างก็ยังห่วงหามีเยื่อใยกันอยู่ และแล้ว เขาได้ใช้ความคิด กำลังของเขา ได้พยายามที่จะทำให้พ่อแม่คืนดีกันครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายทำให้ท่านทั้งสองต่างก็ไม่ถืออคติต่อกัน

พ่อแม่ทะเลาะกันทุกวัน โหย่วเผิงหนีออกจากบ้านเกือบไปตายต่างถิ่น


โหย่วเผิงเกิดเดือนกันยายน ปี 1973  ที่ไทเป คุณพ่อ (ซูหมิงเจีย) เป็นนักธุรกิจ คุณแม่ (วุ้ยจื่อหมิน) เป็นครูสอนภาษาจีนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง โหย่วเผิงยังมีน้องชายคนหนึ่ง นับตั้งแต่โหย่วเผิงจำความได้ เสียงที่ได้ยินอยู่ข้างหูตลอดมาคือเสียงทะเลาะของพ่อแม่ เป็นวันเวลาที่นับไม่ถ้วน ที่เขาเห็นพ่อแม่ตีกันอย่างไก่ชน ทะเลาะกันอย่างรุนแรง เสร็จแล้วฝ่ายแม่ก็ไปนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ ฝ่ายพ่อก็ไปสูบบุหรี่อีกที่หนึ่ง


วัยเด็กของโหย่วเผิงนั้นได้เติบโตขึ้นท่ามกลางเสียงทะเลาะอย่างนี้ของพ่อแม่ บ้านที่แตกแยก ทำให้โหย่วเผิงขาดความร่าเริงในวัยเด็กของเขาไป แต่กลับเพิ่มความทุกข์ใจคละความหนักใจยากที่เด็กวัยนี้จะรับได้ ตอนนั้น โหย่วเผิงกลัวที่จะกลับบ้าน ทุกครั้งเมื่อแบกกระเป๋าถึงหน้าบ้าน จิตใจของเขาก็เริ่มกลัว ผวา ไม่รู้ว่าพ่อแม่จะทะเลาะกันอีกหรือเปล่า

พ่อแม่ทั้งสองก็รู้ดีว่าการทะเลาะอย่างนี้นั้นมันทำร้ายจิตใจของลูก พวกเขาไม่อยากจะทะเลาะ แต่ว่าเมื่อโมโหขึ้น ไม่มีใครคุมอารมณ์อยู่ ทุกครั้งที่ทะเลาะเสร็จ ก็จะเห็นลูกทั้งสองคนมีสีหน้าที่ผวาไปหลบอยู่ในมุมมุมหนึ่ง จิตใจของเขาทั้งสองก็ยิ่งเจ็บปวด พวกเขาต่างคนก็ได้กอดลูกหนึ่งคน พูดกับลูกว่า “ลูกจ๋า ต่อไปพ่อแม่จะไม่ทะเลาะกันอีก”





Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2007
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 12:47:24 PM »
<a href="http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F17343d2f.pbw" target="_blank" class="new_win">http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F17343d2f.pbw</a>

ปี 1988 โหย่วเผิงที่อายุสิบห้าได้ไปเรียน ม.3 ที่ (หมิงหลุน) เวลานั้น เขาได้กลายเป็นเด็กที่หน้าตาใสๆคนหนึ่ง หน้าตาที่สดใสกับความน่ารักของเขานั้น ทำให้มีแมวมองมาจ้องมองเขา แมวมองได้ไปหาพ่อแม่เขา บอกว่าทางค่าย (ไคลี่) จะสร้างวงเสี่ยวหู่ตุ้ย อยากจะให้ทางพ่อแม่อนุญาตให้โหย่วเผิงไปร่วม

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของโหย่วเผิงนั้น ทางคุณพ่อกับคุณแม่ก็ได้เกิดความขัดแย้งในเรื่องนี้อีก คุณพ่อต่อต้านที่จะให้ไปด้านนี้ มีแม่ที่โอบกอดโหย่วเผิง ทำให้เขาสามารถพบความสุขได้



“เสี่ยวหู่ตุ้ย” การที่ผู้ชายจะหวังพึ่งหน้าตาหากินนั้นมันเป็นเรื่องที่น่าอาย พ่ออยากจะให้โหย่วเผิงตั้งใจเรียนสูงๆ อนาคตจะให้เขามาช่วยทำธุรกิจของพ่อ แต่สำหรับคุณแม่นั้น นิสัยโหย่วเผิงเป็นคนเงียบ หากได้ไปสัมผัสโลกภายนอกก็คงจะช่วยเสริมสร้างนิสัยเขาได้

พ่อแม่นั้นได้ถกเถียงกันในเรื่องนี้มาตลอด เรื่องนี้ทำให้โหย่วเผิงที่โตเข้าสู่วัยหนุ่มนั้นกลุ้มใจมาก สุดท้ายทนไม่ไหว เป็นครั้งแรกที่จะตะคอกใส่พ่อแม่ “พวกคุณอย่าเถียงกันอีกเลย เรื่องของผมให้ผมตัดสินใจเอง” คุณพ่อมองเขาด้วยสายตาที่อึ้ง เวลานี้เขารู้แล้วว่าลูกชายเขาโตเป็นหนุ่มแล้ว


ก็อย่างนี้ โหย่วเผิงก็ได้เซ็นสัญญากับทาง (ไคลี่) กับ (เฉินจื้อเผิง) (อู่ฉีหลง) ทั้งสามคนรวมกันเป็นวงเสี่ยวหู่ตุ้ย นี่เป็นวงวัยรุ่นวงแรกของไต้หวันและฮ่องกง รูปหล่อน่ารักทั้งสามคนนี้ ได้สร้างสีสันมากมายให้กับผู้ชม ทำให้มีแฟนคลับนับหมื่นนับแสน พวกเขาได้สร้างอัลบั้มหลายแผ่น อาทิ (เฟย) (หงชิงถิง:Red Dragonfly ) (อ้าย:Love) เสือน้อยสามตัว ชั่วพริบตาก็ดังระเบิดไปทั่วแผ่นดิน

ตอนนั้น โหย่วเผิงเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนเจี้ยนก๋อที่ไทเป จันทร์ถึงศุกร์เขาจะไปเรียน เสาร์อาทิตย์ก็ไปออกคอนเสิร์ดตามที่ต่างๆ แม้จะดังแค่ไหนก็ตาม แต่ค่าตอบแทนที่พวกเขาได้รับก็แค่สองสามพันเอง โหย่วเผิงที่รู้เรื่องแล้วเขาจะไม่ใช้เงินฟุ้งเฟย เอาเงินทั้งหมดที่ได้นั้นมอบให้กับคุณแม่ ทุกครั้งก็จะพูดเตือนพ่อแม่ว่า “คุณพ่อคุณแม่ ผมกับน้องชายก็โตแล้ว พวกท่านอย่าทะเลาะกันอีกเลย



Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2007
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 12:49:19 PM »
<a href="http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F3248e369.pbw" target="_blank" class="new_win">http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F3248e369.pbw</a>


ปี 1991 โหย่วเผิงที่อายุสิบแปด(18) แล้วก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยไต้หวัน เรียนด้านวิศวเครื่องยนต์ เขานั้นเบื่อกับเรื่องคำนวนและเรื่องเครื่องยนต์มาก เอาเวลาส่วนใหญ่ทุ่มให้กับการร้องเพลง เวลาก็ผ่านไปในช่วง เสี่ยวหู่ตุ้ยจนถึงปี 1994 ชายหนุ่มสามคนก็โตขึ้นทุกวัน บวกกับความเหนื่อยล้าที่แฟนคลับมองพวกเขา ในสภาพอย่างนี้นั้น เสี่ยวหู่ตุ้ยก็ประกาศแยกวง

ร้องเพลงมาหลายปีแล้ว แต่ทันใดนั้นก็ทำให้เขาต้องตกงาน ทำให้โหย่วเผิงรู้สึกตกต่ำมาก บวกกับความเครียดของเรื่องการเรียนอีก เขาไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองนั้นอยู่ไหน ในเวลาที่เขาตกทุกข์ได้ยากนั้น คุณพ่อก็ได้สร้างมรสุมที่หนักให้กับเขาอีก ปี 1995 คุณพ่อไม่ยอมฟังคำเตือนแม่ ได้เลิกการทำธุรกิจไป เอาเงินทั้งหมดและเงินที่โหย่วเผิงสะสมไว้ด้วยไปลงทุนอสังหา ไม่คิดไม่ฝันว่าบริษัทเปิดได้ไม่นาน ก็เจ๋งไป บวกกับถูกเพื่อนโกงอีกด้วย เงินที่ลงทุนไปนับล้านสูญหายไป แถมยังติดหนี้มาอีกกองด้วย เศรษฐกิจของครอบครัวก็วูบลงในทันใด ทำให้ทั้งครอบครัวต้องพึ่งเงินเดือนอันน้อยนิดจากแม่ที่เป็นครูประทังชีวิต

คุณแม่นั้นยากจะให้อภัยพ่อ มักจะตำหนิพ่อว่า “เป็นแกนั่นแหละ ทำให้ครอบครัวเราต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แกไม่เพียงทำร้ายฉัน ยังทำร้ายลูกด้วย” เดิมทีคุณพ่อก็กลุ้มอยู่แล้ว เมื่อถูกคุณแม่ด่าบ่อยๆเข้า ก็มักจะออกไปดื่มเหล้าข้างนอก ทุกครั้งกลับมาก็ทะเลอะกันอีก

สำหรับโหย่วเผิงแล้ว บรรรยากาศบ้านยิ่งอยู่ยิ่งแย่ วันเดียวเขาก็ไม่อยากอยู่ มีนาคมปี 1995 อีกไม่กี่เดือนมหาลัยก็จะจบหลักสูตรโหย่วเผิงกลับตัดสินใจลาออก ไปทำใจที่อังกฤษ เขาได้ไปท่องเที่ยวที่อังกฤษอย่างไร้เป้าหมาย ไปพักอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งของลอนดอน แล้วเขาก็ป่วย ไข้ขึ้น 40 องศา แม้แต่น้ำก็ดื่มไม่ลง เกือบตายที่ต่างถิ่น เหตุที่ไม่สบายใจ เขาเลยไม่ยอมโทรไปหาพ่อแม่




Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2007
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 12:52:45 PM »
<a href="http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F0535bd72.pbw" target="_blank" class="new_win">http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F0535bd72.pbw</a>


สิงหาคมของปีนั้น(1995) โหย่วเผิงได้เอาร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยกลับมาที่ไทเป สิ่งที่ทำให้เขาร้องไห้ไม่ออกเลยก็คือ ตอนนี้พ่อแม่แยกกันอยู่แล้ว แม่ย้ายไปอยู่ที่ (เมืองจิงซัน) ที่ไทเป แต่พ่อก็ยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมโหย่วเผิงปรารถนาอยากจะให้พ่อไปกับเขาเพื่อรับแม่กับมาอยู่ที่บ้าน แต่พ่อยืนยันจะไม่ไปรับเด็ดขาด โหย่วเผิงไปหาแม่ด้วยใจที่แตกสลาย หาทุกวิถีทางร้องขอให้แม่กลับไปบ้านเดิม แต่แม่ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับบ้านเด็ดขาด

โหย่วเผิงเจ็บปวดจนยากจะบรรยาย แล้วก็ไม่ขอร้องพ่อแม่อีกเลย แต่เขาก็ไม่ยอมไปพักอยู่กับใครเลย แล้วเขาก็ได้ไปเช่าห้องพักอยู่ เวลานั้น น้องชายของเขาก็พักอยู่ในหอของโรงเรียน สมาชิกสี่คนอยู่กันคนละที่ละทาง ทำให้ใจของโหย่วเผิงนั้นเจ็บปวดมาก


พ่อแม่แยกกันอยู่ไม่สามารถให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้

โหย่วเผิงเจ็บปวดใจมากๆ


หลังจากนั้นในสองปี อาชีพศิลปินของโหย่วเผิงก็เดินมาถึงจุดตกต่ำ จนถึงปี 1998 เรื่องที่ได้เล่นกับจ้าวเว่ยและหลินซินหยู(องค์หญิงกำมะลอ)ได้ออกฉายทุกวี่ทุกวัน บทที่เขาเล่นคือ (อู่อาเกอ:องค์ชายห้า) นั้นเป็นที่จำฝังใจของผู้ชม ตกต่ำไปหลายปี เขากลับมาฝื้นคืนชีพอีก จากนั้นเขาก็ได้เล่นหนังอย่างไม่ขาดสาย เขาเป็นพระเอกในเรื่อง(ฉิงเซินเซิน หยี่หมงหมง:มนต์รักในสายฝน) (เหลาฟางโหย่วสี่:รักสองหัวใจเดียวกัน) (อีเทียนสูหลงจี้:ดาบมังกรหยก) ได้ออกฉายเรื่องแล้วเรื่องเล่า ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้กลับไปทำอาชีพเดิม คือออกอัลบั้มของตัวเอง (จุ้ยอ้าย:Best Love) (หนี่ไคว้ปู๋ไคว้เล่อ:Happens This Way ) (หว่อเตอห่าวซินฉิง:Not Only Deep Love ) เป็นต้น

เวลานั้น พ่อแม่ของเขาแยกกันอยู่เป็นเวลาที่นานเหมือนกัน โหย่วเผิงก็ไปขอร้องพ่อแม่ให้มาอยู่ด้วยกันบ่อยๆเหมือนกัน แต่ก็ไร้ประโยชน์ เทศกาลกินบะจาง ในปี 1999 โหย่วเผิงได้ไปเชิญพ่อแม่มากินข้าวที่บ้านของตัวเองเขาทำเรื่องนี้อย่างยากเย็นเหมือนกัน เขาปรารถนาอยากจะให้ครอบครัวมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันฉลองเทศกาลนี้ แต่คิดไม่ถึง ขณะที่กินข้าวไม่รู้ใครไปเอ่ยถึงเรื่องคุณพ่อไปติดหนี้คนอื่น ทำให้คุณแม่โมโหขึ้นมาทันใด แล้วก็เริ่มต่อว่าคุณพ่อ แล้วคุณพ่อก็โกรธขึ้นมาในทันใดเหมือนกัน ข้าวยังไม่ทันกินอิ่ม ต่างคนก็ต่างกลับไปเลย แท้จริงคุณแม่นั้นเจ็บแค้นมากๆ ทำให้โหย่วเผิงเศร้าใจมาก

ธันวาคมของปีนั้น (1999) พ่อแม่ได้ทำเรื่องหย่าเรียบร้อยแล้ว โหย่วเผิงไม่ได้ร้องไห้ เขาคิดว่า ในเมื่อพวกเขาชอบทะเลาะกัน แยกกันอยู่ก็ดีเหมือนกัน ความสัมพันธ์ที่แตกหักของพ่อแม่ทำให้โหย่วเผิงผวากลัวที่จะมีครอบครัว แม้จะมีผู้หญิงดีๆข้างกายเยอะแยะ แต่เขาก็ไม่มีใจ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งงาน เขาเห็นตัวอย่างของพ่อแม่แล้ว ทำให้เขาทุ่มเทใจให้กับหน้าที่การงานของเขา หาเงินใช้หนี้ให้พ่อ ส่งน้องเรียน ให้ชีวิตของคุณแม่ดีขึ้น

โหย่วเผิงนั้นก็ได้ไปพักโน่นทีนี่ที ทุกปีเมื่อใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีน เขาจะมองเพื่อนๆที่ต่างก็กลับไปยังบ้านที่อบอุ่นของตนเอง เขากลับไม่รู้ว่าจะไปบ้านหลังไหนของเขา บ้านพ่อ บ้านแม่ แล้วจะไปบ้านไหนล่ะ




Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2007
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 12:54:03 PM »
<a href="http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2Fa34ebfd6.pbw" target="_blank" class="new_win">http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2Fa34ebfd6.pbw</a>


เทศกาลตรุษจีนในปี 2002 เพื่อนซี้ของโหย่วเผิง (หลินซินหยู) ชวนเขาไปฉลองที่บ้านของเธอ มองเห็นครอบครัวของเธอได้ฉลองกันอย่างอบอุ่นมีความสุข ตกแต่งบ้าน ติดตัวหนังสือ ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันนั่งรอบโต๊ะกินอาหารมื้อครอบครัว แล้วกลับคิดถึงพ่อแม่ของตัวเองนั้นต่างคนต่างอยู่ แน่นอนในใจของโหย่วเผิงนั้นเป็นอย่างไรคงทราบดี แม้จะมีอาหารอร่อย เมื่อปีใหม่มาถึง เขาไม่ยอมอยู่ที่บ้านของ (หลินซินหยู) แม้ทุกคนจะชวนเขาก็กลับไปที่บ้านของตน ...

หลังจากที่กลับจากบ้านของ (หลินซินหยู) แล้ว เขาหอบจิตใจที่ปวดร้าวนั้นไปอวยพรปีใหม่ให้คุณแม่ เพราะน้องชายอยู่ที่บ้านพ่อแล้ว บ้านของแม่ที่เงียบเหงาวังเวงนั้นทำให้ใจของโหย่วเผิงเศร้า บนโต๊ะมีกับข้าวที่ยังกินเหลือวางไว้สองจาน มองออกว่า น่าจะเป็นกับข้าวของมื้อเมื่อคืน คุณแม่ก็นอนอยู่บนโซฟา สายตาที่ลอยๆ

สิ่งที่เกินความคาดหมายคือ ขณะที่คุณแม่นั้นพูดคุยกับโหย่วเผิง แม่จะไม่บ่นว่าพ่ออีก แต่กลับพูดถึงสิ่งดีๆที่คุณพ่อเคยทำให้กับคุณแม่ พูดถึงภาพที่อบอุ่นอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว ท่านยังเล่าอีกว่า วันหนึ่งท่านไม่สบาย คุณพ่อนั้นได้ลงมือตุ๋นฟักเขียวใส่ซี่โครงหมูที่อร่อยให้เขาทาน เล่าไปเล่ามาก็เกือบสองชั่วโมง โหย่วเผิงสับสนแล้ว ตอนที่อยู่ด้วยกันกลับมาทะเลาะ แต่ว่าแยกกันแล้ว ทำไมถึงยังไม่ลืมกัน?

สองวันผ่านไป โหย่วเผิงไปที่บ้านของคุณพ่อ สภาพของคุณพ่อก็ไม่แตกต่างอะไรกับคุณแม่ คุณพ่อพูดกับโหย่วเผิงอย่างเสียใจว่า “เมื่อก่อนคุณพ่อนั้นทำงานใช้อารมณ์มากเกินไป ทำร้ายจิตใจแม่ ตอนนี้พอคิดถึงเมื่อไหร่ก็เสียใจทุกที..” เขาบอกกับโหย่วเผิง หลายปีมานี้มีคนแนะนำผู้หญิงให้กับเขามากมาย แต่เขาก็ลองไปเจอกับพวกเธอ ติดต่อกัน แต่ทุกครั้งก็ได้เอาพวกเธอมาเปรียบเทียบกับคุณแม่ เปรียบไปเปรียบมา สุดท้ายก็คิดว่าคุณแม่ของโหย่วเผิงดีที่สุด นี่เป็นคำจากก้นบื้งในหัวใจ ทำให้โหย่วเผิงเสียใจและดีใจด้วย




Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2007
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 12:57:31 PM »
<a href="http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F37edefc8.pbw" target="_blank" class="new_win">http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F37edefc8.pbw</a>

2003 โหย่วเผิงอายุย่าง 30 แล้ว 30 อย่างเขานั้นทำให้ความอ่อนใสของเขาหายไปเยอะ จะเห็นความเป็นผู้ใหญ่และความหนักแน่นมากขึ้น เวลานี้ โหย่วเผิงเข้าใจจริงๆแล้วว่า แท้จริงแล้วพ่อแม่นั้นไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาหนักทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้ และไม่มีโทษอะไรที่ไม่สามารถที่จะไม่ให้อภัยได้ สิ่งที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกันนั้น ล้วนเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆเอง ความสัมพันธ์ของพ่อแม่นั้นใช่ว่ามาถึงจุดที่แตกหักกันแล้ว การที่เป็นลูกของพวกท่านนั้น หากว่าตอนนั้นโตหน่อยรู้เรื่องหน่อยก็จะช่วยให้ทั้งสองฝ้ายอยู่ด้วยกันได้ บ้านก็คงจะไม่เป็นอย่างนี้

โหย่วเผิงไม่สามารถที่จะให้อภัยตัวเองได้ ทุกข์ใจมากๆ เขาเอาเรื่องราวในใจระบายให้กับ (หลินซินหยู) ฟัง เธอได้แนะนำมาว่า “ในเมื่อพ่อแม่ก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ ต่างฝ่ายต่างก็ยังห่วงหากันอยู่ แล้วทำไมคุณไม่นำพวกเขาหันกลับมาคืนดีกันอีกล่ะ”


คำพูดของ (หลินซินหยู) แทงใจของโหย่วเผิง วันไหว้พระจันทร์ในปี 2003 นั้นเป็นวันเกิดของคุณแม่และโหย่วเผิงด้วย เขาได้นำเอาของขวัญที่พิเศษไปให้คุณแม่โดยเฉพาะ บอกกับแม่อย่างจริงจังว่า “คุณแม่ ตอนนั้นที่พวกท่านหย่ากัน ผมกลับนิ่งเฉยไม่ยอมพูดอะไร ตอนนี้ ผมอยากจะพูดให้พ่อยอมที่จะกลับมาอยู่กับท่านอีก แม่ว่าไง” คุณแม่ส่ายหัว “ลูกเอย มันเป็นไปไม่ได้ มันได้ผ่านไปแล้วหลายปีแล้ว ..” แม่พูดทั้งน้ำตา โหย่วเผิงก็ร้องไห้กับแม่ด้วย...

โหย่วเผิงก็ไปขอร้องพ่อ พ่อก็ได้ปฏิเสธไป กลางคืนโหย่วเผิงออกจากบ้านพ่อ ได้เดินไปเดินมากลางถนนอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ลมหนาวพัดผ่านไป ใบไม้ร่วงก็ได้พัดไปมาบนท้องฟ้า จิตใจของโหย่วเผิงเต็มไปด้วยความเหงาหงอย...



ใจที่กตัญญูให้พ่อแม่คืนดีกัน

ทิ้งอคติแล้วสร้างความสมานฉัน

จริงๆแล้ว การกระทำที่จะให้พ่อแม่คืนดีกันของโหย่วเผิงนั้น มันได้เป็นพายุในใจของคุณพ่อแล้วคุณแม่ของเขาไปแล้ว ความแค้นในอดีตก็ค่อยๆจางหายไปกับกาลเวลา จริงๆแค่การทะเลาะกันที่เล็กๆน้อยๆนั้นได้สะสมมาเป็นเวลานั้นจะกลายเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ น้ำแข็งนี้ใหญ่แน่นมาก ความเยือกแข็งนั้นมีมาก พวกเขาไม่สามารถที่จะยอมรับฝ่ายตรงข้ามในเวลาชั่วครู่

โหย่วเผิงยังไม่รู้ว่าจะมีวันที่พ่อแม่ทิ้งความแค้นแล้วมาอยู่ด้วยกันหรือเปล่า
เมษายนของปี 2004 เขาได้ทดลองใจคุณแม่ว่า “แม่ อายุแม่ก็แก่ไปทุกวันๆ ผมกับน้องชายก็ไม่ได้อยู่ข้างๆ ไม่มีคนดูแลแม่ไม่ได้นะ ผมอยากจะแนะนำเพื่อนเก่าให้กับแม่ เอาไหม?” คุณแม่ได้ปธิเสธทันที “ลูกเอย แม่อายุปูนนี้แล้ว จะหาเพื่อนอะไรอีก?” คำตอบของแม่ทำให้โหย่วเผิงได้รับคำตอบแล้ว เขารู้ว่า ในใจแม่นั้นยังมีคุณพ่ออยู่

โหย่วเผิงยังไม่ละที่จะพยายามหาทางให้พ่อแม่คืนดีกัน เขามักจะพูดต่อหน้าพ่อแม่อย่างนี้บ่อยๆว่า “คุณแม่ คุณพ่อ มักจะพูดกับผมว่า เขาเสียใจที่ที่จากท่านไป ตอนนี้เขาก็เปลี่ยนไปเยอะแล้ว” โหย่วเผิงมักจะพูดจุดดีของคุณแม่ต่อหน้าคุณพ่อบ่อยๆ “พ่อ หลายปีนี้คุณแม่ก็ลำบาก ร่างกายก็ไม่แข็งแรง แต่แม่ยังคิดถึงพ่อเสมอ ทุกครั้งที่ผมไปหาแม่ แม่มักจะฝากให้ผมบอกกับพ่อว่า อย่าชงชาแก่เกินไปหรือดื่มเหล้าเยอะเกินไป บอกว่าอายุพ่อก็มากแล้ว ข้างกายไม่มีใครดูแล จะต้องดูแลตัวเองดีๆ”

โหย่วเผิงมักจะส่งของขวัญให้พ่อแม่โดยใช้นามของฝ่ายตรงข้ามบ่อยๆ ฤดูร้อนถึงแล้ว เขาได้ซื้อหมวกบังแดด รองเท้าหนัง ส่งให้แม่โดยบอกว่าพ่อฝากให้ เขาได้ซื้อเหล้าองุ่นที่ดีแอลกอฮอลต่ำและยาที่ลดความดันส่งให้พ่อโดยบอกว่าคุณแม่ฝากมาให้ จากสิ่งของเล็กๆน้อยที่ที่ทำประจำนั้นทำให้ใจของทั้งสองท่านตื้นตัน คิดไม่ถึงว่าห่างกันหลายปีเขายังคิดถึงและห่วงหากันอยู่ น้ำแข็งในใจของพวกท่านก็ค่อยๆละลายแล้ว




Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2007
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 12:59:06 PM »
<a href="http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2Fc701432b.pbw" target="_blank" class="new_win">http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2Fc701432b.pbw</a>


ตุลาคมปี 2004 โหย่วเผิงได้เปิดคอนเสิร์ตที่ไทเป เขาไม่ได้บอกพ่อแม่ล่วงหน้า แต่มอบตั๋วที่นั่งใกล้กันสองใบให้กับทั้งสองท่าน หลังจากที่แยกกันหลายปีแล้ว วันนี้กลับได้มานั่งไหล่ชนไหล่ ทั้งสองท่านกลับรู้สึกเขินๆ แต่ไม่ทันไร การแสดงของลูกก็ดึงความเขินออกไป พวกเขาได้เริ่มที่จะพูดกันบ้างคุยกันบ้างแล้ว ใบหน้าก็เริ่มจะมีรอยยิ้มแล้ว

หลังเสร็จจากงานคอนเสิร์ต โหย่วเผิงเชิญพ่อแม่กินปูใหญ่ ขณะกินข้าวนั้น เขาได้พูดกับพวกท่านว่า “พ่อแม่ พวกท่านรู้ไหม เมื่อถึงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี ผมก็จะเหมือนกับเด็กที่ไม่มีบ้าน ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เห็นคนอื่นมีบ้านที่อยู่กับพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างอบอุ่น ใจผมแทบจะร้องให้ออกมา .”เขาก็ได้เล่าถึงตลอดเวลาที่พ่อแม่หย่ากันนั้นนำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ดีได้เข้ามาในชีวิต เขาพูดและร้องไห้ไปด้วย “พวกท่านอาจจะไม่เข้าใจ เหตุเพราะชีวิตแต่งงานของพวกท่านที่เป็นแบบนี้ มันส่งผลต่อเรื่องความรักของผม ถึงวันนี้ก็ยังไม่กล้าที่จะมีคนรัก...”

คำพูดของลูกนั้นได้ทิ่มแทงใจทั้งสองคน ทำให้น้ำตาแห่งความสับสนของพวกเขาทั้งสองไหลออกมา หลังจากทานข้าวแล้ว ขณะที่โหย่วเผิงจะของถ่ายรูปหมู่กับพ่อแม่นั้น พวกท่านไม่ปฏิเสธ ขณะที่ถ่ายรูปนั้น โหย่วเผิงได้ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อแม่ สองมือของเขาก็ได้กอดไหล่ของพ่อแม่ หลายปีแล้ว ทั้งสามคนก็ได้ถ่ายรูปด้วยกัน ทั้งสามคนต่างก็มีความรู้สึกของตัวเอง..

สิ้นปี ภาพยนตร์(ฉิงติ้งอ้ายฉิงไห่:รักข้ามขอบฟ้า)ที่โหย่วเผิงแสดงนั้นถ่ายทำเสร็จแล้ว เขาคิดจะซื้อบ้านที่ไทเปหนึ่งหลัง เขาได้ชวนพ่อแม่ไปดูบ้านกับเขา เพราะบ้านหลังนี้จะซื้อไว้ให้ยามแก่จะให้พ่อแม่อยู่ ครั้งนี้พ่อและแม่ก็ไม่มีใครปธิเสธ โหย่วเผิงดีใจเป็นพิเศษ เขาได้ขับรถชวนพ่อแม่ดูทีละหลังทีละหลัง ทั้งสามคนเห็นพ้องต้องการว่าอยากจะซื้อบ้านที่ขนาดเล็กหน่อย โหย่วเผิงได้ซื้อบ้านที่ไทเปกว้างประมาณ 200 ตารางเมตร เมื่อได้รับกุญแจแล้ว โหย่วเผิงก็มอบกุญแจให้กับพวกเขาคนละชุด บอกอย่างเกเรว่า “พ่อแม่ ลูกหวังว่าพวกท่านจะรีบย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ มาใช้ชีวิตปั้นปลายที่นี่” ทั้งสองท่านรับกุญแจแล้วเขินแล้วหัวเราะออกมา

โหย่วเผิงตั้งใจจะให้อำนาจการแต่งบ้านให้กับพวกเขา ทั้งสองท่านก็ได้ปรึกษาด้วยกันว่าจะตกแต่งอย่างไร ไปซื้อวัสดุด้วยกัน ช่วยกันทำงาน และในเวลาทำงานนั้นก็มีเรื่องพูดที่เยอะขึ้น เหตุเพราะการทำงานที่หนักเกินไป คุณแม่ล้มป่วย ไปนอกพักรักษาที่โรงพยาบาล คุณพ่อทั้งยุ่งกับงานแต่งบ้าน และต้องมาดูแลคุณแม่ ทุกวันจะวิ่งไปที่โรงพยาบาลหลายรอบ ดูแลการกินยาของคุณแม่ ช่วยคุณแม่หาอาหารและผลไม้ที่ชอบกิน

ไม่กี่วัน อาการคุณแม่ดีขึ้น คุณพ่อได้ลงมือแกงฟักใส่ซี่โครงให้กับคุณแม่ หลายปีผ่านไปจึงได้ดื่มน้ำแกงของคุณพ่ออีก คุณแม่ตื้นตันใจมาก ดื่มน้ำแกงไปได้ครึ่งถ้วย น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา และได้พูดว่า “อดีตฉันนั้นมีหลายอย่างที่ไม่ดีจริงๆ เรียกร้องคุณเกินไป ขอคุณให้อภัยด้วย ฉันเองนั้นเป็นคนใจแรงอย่างนี้แหล่ะ พูดอะไรที่ไม่ทันคิด หวังว่าคุณจะเข้าใจ ..” คุณพ่อตาเริ่มแดง ก็รีบบอกว่าตัวเองก็ผิดมากเหมือนกัน “เมื่อก่อนฉันนั้นเป็นพวกชายอกสามศอก เวลาทำไรไม่เห็นหัวอกคุณ ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมากมาย ตอนนี้อายุมากแล้ว ผมเข้าใจอะไรหลายอย่าง รู้ว่าจะอยู่กับคนอื่นอย่างไร...”




Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: Scoop ปี 2007
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 01:01:06 PM »
<a href="http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F9f43e8ca.pbw" target="_blank" class="new_win">http://w184.photobucket.com/pbwidget.swf?pbwurl=http%3A%2F%2Fw184.photobucket.com%2Falbums%2Fx178%2Falec_002%2F9f43e8ca.pbw</a>


มีนาคมปี 2005 โหย่วเผิงได้ปฏิเสธงานแสดงทุกอย่าง พาพ่อแม่ไปเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้, คังโจว, ซูโจว, ทั้งสามได้ลิ้มรองอาหารของแต่ละที่ ท่องเที่ยวที่ต่างๆอย่างมีความสุข คุณแม่เดินเหนื่อย คุณพ่อก็ให้แม่นั่งพัก เอาขาของแม่มาวางไปที่เข่าของตัวเอง ช่วยนวดให้คุณแม่ เมื่อเห็นภาพนี้ โหย่วเผิงตื้นตันใจพูดไม่ออก..

เมื่อกลับถึงไทเป เมื่อเห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว โหย่วเผิงได้บอกว่าพ่อแม่อย่างจริงจังว่า “แม่ จดทะเบียนใหม่กับคุณพ่อเถิด ผมกับน้องก็รอคอยวันนี้มานานแล้ว”แม่ยิ้มแล้วพูดว่า “ลูก แม่ไม่มีปัญหา แต่เรื่องนี้ใช่ว่าแม่ตัดสินใจเพียงคนเดียว” โหย่วเผิงกระโดดอย่างดีใจ “แม่ คุณพ่อเห็นด้วยตั้งนานแล้ว” ก็อย่างนี้ จากจิตใจที่กตัญญูอันใหญ่หลวงของลูกโหย่วเผิงนั้น มิถุนายน ของปีนี้ การหย่ากันของทั้งสองที่ผ่านไปหลายปีนั้น ตอนนี้ได้ไปจดทะเบียนใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้น พวกเราก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โหย่วเผิงกล่าวอย่างดีใจ

ปี 2007 โหย่วเผิงย่าง 34 แล้ว ยังโสดสนิท ตอนนี้กลับเป็นพ่อและแม่ที่กังวลใจแล้ว จากประสบการณ์ร้ายๆของพ่อและแม่นั้นทำให้โหย่วเผิงเข้าใจว่า ชีวิตคู่นั้นหาใช่ราบรื่นตลอด มีอุปสรรค์นั้นเป็นเรื่องที่ปกติ ขอเพียงเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการ ก็จะได้พบความสุขแน่นอน ตอนนี้ เขาไม่กลัวความรักอีกต่อไป เขาได้บอกกับพ่อแม่อย่างจริงใจว่า “พ่อแม่ พวกท่านสบายใจได้ ผมจะพิจารณาเรื่องนี้ในไม่ช้า”



The End