ปี 1991 สาเหตุมาจากต้นเหตุต่างๆ เสี่ยวหู่ตุ้ยจึงแถลงการณ์แยกย้ายกันไป
เมื่อทำนองเพลงยังไม่สิ้นสุด คนจึงได้แยกย้ายกันไป
เป็นสิ่งที่เสียดายของแฟนๆที่ทั้ง 3 คนต้องมาแยกจากกันไป
ซูโหย่วเผิงก็ได้รับปากกับคุณพ่อซูว่าจะกลับไปตั้งใจเรียนหนังสือ
ทำให้ฝันของคุณพ่อเป็นจริง เพราะตั้งแต่ต้นคุณพ่อก็ไม่อยากให้เข้ามาวงการบันเทิงอยู่แล้ว
PS. เสี่ยวหู่ตุ้ยอดีตเป็นนักร้องวัยรุ่นที่เคยดังที่สุดในไต้หวัน
ได้สร้างสถิติใหม่ของโลกและจีนมาแล้วมากมายหลายรายการ
ช่วงปี 80, 90 นั้นได้ดังระเบิดในแวดวงชาวจีนเป็นอย่างมาก
เหตุด้วยการที่จะต้องไปเกณฑ์ทหารและเรียน
ปลายปี 1991 พวกเขาได้ทำอัลบั้ม(ไจ้เจี้ยนลาก่อน:Goody-Bye)
เพื่อจะประกาศการแยกย้ายกันชั่วคราว
ตอนนั้นผ่านทางบทเพลงพวกเขายังให้คำมั่นสัญญากับแฟนๆว่า
”พรุ่งนี้พวกเรายังจะต้องพบกันใหม่ เสมือนเมฆขาวที่จางหายไปแค่ชั่วครู่”
ขอยกคำพูดพ่อซูมาค่ะ
เสียงต่อว่าของพ่อซูจึงดังขึ้นอีก น้ำครำของวงการบันเทิงเดิมแท้จึงไม่ควรไปเหยียบย่าง
พูดถึงที่สุดแค่ข้าวรับประทานตอนวัยหนุ่มสาวได้แค่ชามเดียวเท่านั้น
ชื่อเสียงถึงแม้ได้มาเร็วแต่หล่นลงก็เร็ว าราอะไร ใช้คำพูดโบราณกล่าวก็คือหนังงิ้วนั่นเอง
หนังงิ้ว คือชาวบ้านเด็กคนจนเมื่อไม่มีหนทางไปจำยอมที่จะกระทำอย่างนี้ เกาหัวแสดงท่าทาง
อาศัยใบหน้าหากิน ได้ถูกผู้คนหัวเราะเยาะ วงเสี่ยวหู่ตุ้ยได้แยกย้ายทั้งไม่ใช่เป็นเรื่องเสียหาย
คุณสามารถมีเวลามากกว่าไปเล่าเรียนให้ดีๆ
ไม่มีทางอื่น ซูโหย่วเผิงได้หวนกลับมามหาวิทยาลัยไต้หวันอีก
แต่ว่เกี่ยวกับก่อนหน้านั้นได้เรียนคณะวิศวกรรมจักรกลของเขาไม่มีความชอบเลย
เขาได้แอบย้ายไปเรียนคณะบริหารธุรกิจ สิ่งที่เขาคิดอยากเปลี่ยนจากวิศวะมาเป็นบริหารได้ลือกันไปทั่ว
โดนทางบริษัทต่อต้าน เมื่อถูกสังคมวิจารณ์ชั่วขณะมันเหมือนโดยควันไฟพุ่งขึ้นไปทั่ว
อุปสรรคต่างๆนานาลุมล้อมเข้ามาหลายต่อหลายรอบ
การเปลี่ยนไปเรียนอีกสาขาหนึ่งในที่สุดไม่ได้สมความปรารถนา
ด้วยแรงกดดัน-แรงเสียดทานหลายๆอย่าง
จึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย ซึ่งในตอนนั้นเรียนไปได้ ปีที่ 3 แล้ว
ps. ที่ย้ายคณะไม่ได้อีกประการหน้าจะเป็นโหย่วเผิงเรียนคณะวิศวะจะจบอยู่แล้ว
แต่ว่าหากย้ายคณะก็ต้องกลับไปเก็บวิชาอื่นๆ ซึ่งจะต้องใช้เวลาเรียนต่ออีกประมาณ 3 ปี
ก็ระหว่างเวลานี้ ในบ้านซูโหย่วเผิงมีเรื่องเหตุการณ์เกิดขึ้น ซื้อบ้าน
เงินบ้านก้อนโตต้องชำระคืน คุณแม่อยู่เขตพื้นที่ห่างไกลจากโรงเรียนเพื่อทำหน้าที่เป็นครู
ทุกวันขับรถมอเตอร์ไซด์เจอทั้งลมทั้งฝน ซูโหย่วเผิงปวดใจแทนแม่
กัดฟันสู้ทนเพื่อซื้อรถใหม่ให้แม่ ตัวเองเช่าหอพักก็มีค่าใช้จ่าย
เดือนหนึ่งต้องใช้จ่ายเงินไต้หวัน 2 แสนหยวน หลังจากเสี่ยวหู่ตุ้ยได้แยกย้ายกันแล้ว
รายได้ของเขาจึงลดฮวบลง บัญชีเงินฝากในธนาคารคงเหลือ 7 หมื่นหยวน
นี่ไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหามาจ่ายชำระได้ ซูโหย่วเผิงตัดสินใจหยุดการเรียน
ได้เข้ามาสู่วงการบันเทิงอีก เพื่อดิ้นรนหาเงิน
ข่าวร้ายย่อมลือแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ซูโหย่วเผิงได้หยุดเรียน
เวลาอันดับแรกได้พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ไต้หวันทุกฉบับ
หนังสือพิมพ์หลายฉบับกล่าวไว้ว่าก่อนหน้านั้นซูโหย่วเผิง ”เป็นคนชอบเที่ยวแล้วชอบเรียนหนังสือ”
ลักษณะของไกวๆหู่ซึ่งถูกหล่อหลมออกมา-เป็นฉากแสดงชนิดหนึ่ง แท้จริงแล้วเขาทำไม่ได้
เขาไม่ใช่คนเก่งจริง เป็นการปั้นแต่งของบริษัทก็เท่านั่น ข่าวโจมตีอย่างสนุกสนาน
เสียงด่าทอถูกพาดหัวข่าว...เป็นเรื่องธรรมดาภาพลักษณ์ของซูโหย่วเผิง
ถูกผู้คนซ้ำเติบจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน
ซูโหย่วเผิงเหมือนดิ่งลงสู่ก้นเหวลึก
เหตุการณ์นี้ หลังจากเขาได้ออกอัลบั้มเพลงหลายๆอัลบั้ม
ยอดขายไม่ได้รับการตอบรับอย่างที่ควร
ชีวิตปกติครั้งแรกซูโหย่วเผิงได้ชิมรสแล้ว(ไม่เหมือนตอนอยู่เสี่ยวหู้ตุ้ยแล้ว)
ถึ่งแม้ตอนนี้ได้รับเสียงปรบมือ-ปลอบใจดังกึกก้องอย่างมีเกียรติ
แต่ก็ยังสู่เสียงสาปแช่งด่าทออย่างรุนแรง เป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต
ซึ่งนำพาความปวดร้าวใจมาให้...
(ถึงว่าโหย่วเผิงอยากจะสลัดคราบไกวๆๆหู่ออกไปจากตัวเอง)
ตอนนี้เขาอยากจะใช้เวลาที่มีเป็นช่วงเวลาของตัวเอง ...เวลาของเสี่ยวไกวสิ้นสุดแล้ว
ใช้ช่วงเวลาเงียบสงบพิจารณาทบทวน ไตร่ตรองกับสิ่งที่เกิดขึ้น