เรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างนี้"ผมกับเพื่อนไปเที่ยวเขาด้วยกันแล้วเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เนื่องจากพวกเราไปกันหลายคนเลยต้องแบ่งกันนั่งรถ 2 คัน ตอนนั้นพวกเราขับไปตามไหล่เขา ผมนั่งอยู่ในรถคันหน้า จู่ๆ พบว่ารถคันหลังไม่ได้ตามมา ดังนั้นพวกเราจึงลงไปดูและมองลงไปข้างล่าง ซึ่งมันทำให้ผมตกใจมาก เพราะพบว่าพวกเขาตกลงไปที่หน้าผาพร้อมกับรถ หัวรถถูกต้นไม้ใหญ่ทับซะแบน คนขับรถตายในที่เกิดเหตุ เพื่อนที่นั่งข้างคนขับอาการหายใจพะงาบๆ เป็นครั้งแรกที่ผมเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ทุกคนคงนึกออกใช่มั้ยความรู้สึกของผมตอนนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนั้นผมได้แต่สวดมนต์อธิษฐานขอพรให้สวรรค์ช่วยคุ้มครองพวกเขาให้แคล้วคลาดปลอดภัยด้วย"
>>จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันเปราะบางยิ่งนัก ชะตาชีวิตไม่แน่นอนอย่างนี้แหละ ไม่มีใครรู้ว่าอึดใจต่อไปจะเป็นอย่างไรไฉนเราต้องยึดมั่นถือมั่นด้วย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ผมเป็นคนไม่กระตือรือร้นหรอกนะ ผมก็ยังคงทุ่มเทเต็มที่กับทุกเรื่องที่ทำ อย่างที่เรียกว่า"พยายามเต็มที่ แล้วแต่สวรรค์" คือผมจะพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด หลังจากนั้นเป็นเรื่องของสวรรค์
>>ถึงแม้ผมจะเจอเรื่องร้ายๆ มาเยอะแต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ไม่ดีครั้งแล้วครั้งเล่า ผมเชื่อว่าครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดเลย แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะหน้าที่การงานที่ตกต่ำจนถึงก้นเหวก็เริ่มกระเตื้องขึ้น จุดพลิกผันนี้เริ่มจากผมรับละครเรื่อง"องค์หญิงกำมะลอ" แต่ตอนที่เล่นเรื่องนี้ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีผลงานดีอย่างทุกวันนี้
>>อันดับ 1 ของจีน
>> ความจริงก่อนเล่นละครเรื่อง"องค์หญิงกำมะลอ" หน้าที่การงานของผมเรียกได้ว่าลุ่มๆ ดอนๆ ดังนั้นหลังเล่นหนังศิลปะเรื่อง"ฉิงเช่อ"(เซ็กส์) และมาเล่นละครเรื่องนี้ ผมไม่คิดว่านี่เป็นจุดพลิกผันในหน้าที่การงานของตัวเองเลย ผมคิดแต่เพียงว่าต้องไขว่คว้าทุกๆ โอกาสที่เข้ามา ต้องพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตอนแรกที่ถ่ายทำละครผมรู้สึกไม้คุ้นเคยเลย ถึงแม้เมื่อก่อนผมจะมีประสบการณ์ถ่ายละครที่เมืองจีน แต่ไม่เคยอยู่ที่นั่นนานอย่างนี้มาก่อน เป็นเวลาเกือบครึ่งปี อีกอย่างผมเป็นคนทางใต้อากาศที่แห้งของที่นั่นไม่เหมาะกับผม ทำให้ผมมีอาการร้อนในอย่างหนัก ใบหน้ามีผื่นเต็มไปหมด จนผมกังวลใจมาก ประกอบกับนี่เป็นละครชุดเรื่องแรกที่ผมเล่น ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับผมจึงเป็นเรื่องที่แปลก จำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัวระยะหนึ่ง
>>แต่แล้วละครเรื่องนี้ให้อะไรกับผมมากมาย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเรตติ้งที่มีส่วนช่วยในงานของผม ละครเรื่องนี้ทำให้ผมได้พบกับเพื่อนที่ดีๆ เยอะมากเช่น เจ้าเวย และ หลินซินหยู เมื่อก่อนนอกจาก จื้อเผิงและฉีหลง แล้ว ความจริงผมมีเพื่อนในวงการไม่กี่คน เพราะเมื่อก่อนผมร้องเพลงเป็นหลักกับนักแสดงคนอื่นๆ เรียกได้ว่าผ่านมาแล้วก็ผ่านไป โอกาสที่จะคบกันจริงๆ จังๆ มีไม่มาก แต่การถ่ายละครพวกเราต้องอยู่ร่วมกันครึ่งปี เห็นหน้ากันทุกค่ำเช้า ทำให้เกิดความสัมพันธ์ขึ้นมาแม้ตอนนี้พวกเราเจอหน้ากันน้อยลง ต่างคนต่างมีงานยุ่งแต่ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ไม่เคยลดน้อยถอยลง สิ่งนี้มีส่วนช่วยงานของผมอย่างมาก ตอนแรกที่ออกอากาศที่เมืองจีนมีฟีดแบ็คก่อน นิตยสารฉบับต่างๆ มีการรายงานข่าว เวลายืนถ่ายรูปหมู่กับศิลปินชายคนอื่นๆ ผมมักจะเป็นเบอร์ 1 แต่ที่ไต้หวันผมกลับไม่ดังผิดกับที่เมืองจีนฟีดแบ็คดีมาก ตอนนั้น"เสี่ยวเยี่ยนจื่อ"ดังที่สุด ส่วนนักแสดงชายผมดังที่สุด เป็นเรื่องที่แปลกมากๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองดวงขึ้นจากนั้นผมก็ค่อยๆ ดังขึ้นตามที่ต่างๆ
>>ผมรู้สึกประหลาดใจที่สุดก็ที่ฮ่องกง พูดตามตรงครั้งที่แล้วที่มาหากินที่ฮ่องกงไม่ถือว่าประสบความสำเร็จมากนัก ข้อแรกเป็นเพราะตัวเองอายุยังน้อยทำอะไรยังไม่เป็นผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องบุคลากรของบริษัทเพลง ประกอบกับที่ผ่านมาผมคิดว่าคนฮ่องกงไม่ค่อยต้อนรับคนต่างชาติ ฉะนั้นคนต่างชาติจะเจาะตลาดฮ่องกงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นผมไม่มีความหวังมากนักในการเจาะตลาดฮ่องกง จึงไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับการต้อนรับจากคนฮ่องกง เมื่อผมกลับมาฮ่องกงอีกครั้งเพื่อโปรโมทละครเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ ผมแทบไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะเป็นความจริง ในใจคิดอยู่ตลอดเวลาว่ามันเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่? เพราะมีแฟนละครและนักข่าวจำนวนมากมารอผมที่สนามบิน มันทำให้ผมเซอร์ไพรส์มาก..!!