ผู้เขียน หัวข้อ: 2004 16 ปีแห่งความหลัง ซูโหย่วเผิง Alec Su  (อ่าน 6706 ครั้ง)

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
2004 16 ปีแห่งความหลัง ซูโหย่วเผิง Alec Su
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2013, 10:04:39 AM »
[ปี 2004] 16 ปีแห่งความหลัง ซูโหย่วเผิง Alec Su 1/2


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 2004 16 ปีแห่งความหลัง ซูโหย่วเผิง Alec Su
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2013, 10:04:49 AM »
[ปี 2004] 16 ปีแห่งความหลัง ซูโหย่วเผิง Alec Su 2/2


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 2004 16 ปีแห่งความหลัง ซูโหย่วเผิง Alec Su
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2013, 12:07:23 PM »
16 ปีแห่งความหลังซูโหย่วเผิง Alec Su

>>หนีห่าว ทักทายกันเหมือนเดิมนะจ๊ะ ช่วงนี้หวังว่าเพื่อนๆ คงจะสุขภาพแข็งแรงกันดีนะ เวลาออกจากบ้านก็อย่าลืมพกร่มด้วยล่ะ เพราะฝนมันตกบ่อยๆ Bowjung เป็นห่วงจริงๆ นะ ดาราหนุ่มคราวนี้ที่ Bowjung คาบข่าวมาบอกก็คือซูโหย่วเผิง สุดหล่อที่หน้าตาไม่ได้แก่ตามประสบการณ์เลย หน้าตายังเอ๊าะๆ เหมือนตอนเข้าวงการใหม่ๆ เดี๊ยะ(เว่อร์ไปมั๊ยเนี่ย)

>>เกี่ยวกับเสือแสนเชื่องซูโหย่วเผิง

>>นับถอยหลังไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน มีหนุ่มน้อยหน้าใสที่ไม่มีใครไม่รู้จักนามว่า"เสี่ยวหู่ตุ้ย" ซึ่งมีสมาชิกประกอบไปด้วยเสือฟ้าคะนอง"อู๋ฉีหลง" เสือหน้ามน"เฉินจื้อเผิง"และที่ขาดไม่ได้เสือแสนเชื่อง"ซูโหย่วเผิง" ซึ่งในตอนนี้แต่ละคนก็โตเป็นหนุ่มหล่อกันหมดแล้ว แม้แต่ในวันที่ถ่ายรูปวันนั้นทีมงานทั้งหลายที่อยู่ในสถานที่ถ่ายทำพอได้เห็นรูปร่างของเด็กเหล่านั้นในวันนี้ต่างก็อดใจไม่ได้ที่จะคิดถึงวันเวลาในวัยเด็กของพวกเขาขึ้นมา"ขอร้องล่ะ ตอนนี้ผมก็ไม่ได้แก่มากสักหน่อย"ซูโหย่วเผิงที่นั่งดูนิตยสารอยู่ที่โซฟากล่าวอย่างอึดอัด"ผมก็แค่เข้าวงการเร็วไปหน่อยก็แค่นั้นเอง คิดถึงในระยะแรกนั้น ผมก็เพิ่งจะอายุแค่ 15 เองนี่นา กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นแรกแย้มเลยนะ"เมื่อพูดถึงขั้นตอนในการเข้าวงการของเขาในตอนนั้น เป็นเพราะเลือดที่รักการแสดงออกไหลซ่านไปทั่วร่างกาย จึงทำให้เขามาสมัครร่วมงานในวงการบันเทิง และคิดไม่ถึงว่าผลงานที่ออกมาจะดีขนาดนี้ แต่ถึงแม้ความจริงเรื่องนี้จะวางอยู่ตรงนี้แต่สำหรับนายเสือแสนเชื่องที่โด่งดังไปทั่วเกาะไต้หวันคนนี้เขากลับไม่เห็นด้วยเอาซะนี่"พูดจริงๆ เลยนะตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ผมรู้เพียงแต่ว่าเรียนหนังสือเก่งกว่าคนอื่นนิดนึง ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำใมตอนนั้นถึงไม่มีใครสอนเขาดีๆ สักคน(หัวเราะ)"

>>ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความจริงนั้นไม่สามารถลบล้างได้ อดีตก็ไม่สามารถแก้ไขได้เช่นกัน กลุ่มเสี่ยวหู่ตุ้ยจึงได้ถูกบันทึกว่าเป็นบอยแบนด์ที่โด่งดังมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของไต้หวัน และซูโหย่วเผิงที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มของบอยแบนด์นี้ขึ้นมาก็อยู่ในฐานะเหมือนคนอาบน้ำร้อนมาก่อนจึงอยากจะให้เขาบอกข้อเสนอแนะแก่กลุ่มอื่นที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้"ผมไม่กล้าที่จะให้ข้อเสนอแนะอะไรหรอก เพราะแต่ละกลุ่มต่างก็ต้องมีลักษณะพิเศษเป็นของตัวเอง แต่ผมคิดว่าช่วงวัยรุ่นนั้นเป็นทุนที่ได้เปรียบที่สุดจริงๆ ผมจึงอยากจะให้ทุกคนรักษาและทนุถนอมวันเวลาในช่วงนี้เอาไว้นะครับ" จากมือเพชฌฆาตสาววัยรุ่นผันตัวมาเป็นเพชฌฆาตคุณแม่แทนซะแล้ว

>>นับๆ ดูแล้วเส้นทางชีวิตในสายบันเทิงของซูโหย่วเผิงก็จวนจะเข้าสู่ปีที่ 17 แล้ว ตลอดทางที่ผ่านมาก็มีทั้งแฟนหนังและแฟนเพลงคอยสนับสนุนเขามาตลอดซูโหย่วเผิงก็ได้พูดด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยความสุขว่า"แฟนเพลงของผมก็เหมือนกับเป็นเพื่อนของผมนั่นแหละครับ มีแฟนเพลงบางคนที่คอยสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ผมมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเสี่ยวหู่ตุ้ยจนถึงปัจจุบันก็ยังมีเลยนะ จนกระทั่งพวกเขาเป็นคุณแม่กันแล้วก็เถอะก็ยังพาลูกๆ มาร่วมทำกิจกรรมของผมอยู่เลย เหมือนกับตอนนี้ไงครับ ที่ชั้นล่างของตึกก็มีคุณแม่คนหนึ่งที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ช่วงนี้เธอก็ช่วยผมด้วยการเตรียมอาหารมาให้ผมทุกวัน เธอคงกลัวมากว่าผมจะหิวเธอช่างรู้ใจผมจริงๆ" จากแฟนเพลงกลุ่มสาวๆ กลายมาเป็นแฟนๆ กลุ่มคุณแม่ใจใจของเค้าจะรู้สึกยังไงบ้างนะ? "มือเพชฌฆาตคุณแม่อะไรกันจุดมุ่งหมายของผมคือบุกทะลวงเข้าไปในใจของผู้หญิงทั้งประเทศ ได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีของทุกๆ คน(หัวเราะ)

>>บ้านผมอยู่ไต้หวันนะ

>>ตั้งแต่ที่เค้าก้าวเข้ามาในสถานที่ถ่ายภาพ นอกจากเรื่องกลุ่มเสี่ยวหู่ตุ้ยของเขาจะเป็นหัวข้อสนทนาที่ซ้ำซากวกไปวนมาแล้วคำทักทายของทุกคนที่มีต่อเขาก็หนีไม่พ้นคำพูดเหล่านี้"เอ๋? คุณอยู่ไต้หวันเหรอ?" "คุณไม่กลับเมืองจีนเหรอ?" "ครั้งนี้คุณจะอยู่ไต้หวันนานเท่าไหร่?" พอเค้าเจอคำถามแบบนี้ติดต่อกันอย่างไม่ขาดสายเขาก็จับไหล่ของเสี่ยวเปียนอย่างหวั่นไหวแล้วพูดว่า"ทุกคนล้วนคิดว่าผมเป็นคนประเทศจีนใช่มั้ย? ผมเป็นคนไต้หวันนะบ้านผมอยู่ไต้หวันและผมก็ยังอยู่ไต้หวันอีกด้วย" เนื่องจากเค้าต้องไปถ่ายละครที่ประเทศจีนอยู่ช่วงหนึ่ง เลยทำให้ทุกคนดูเหมือนจะคิดว่าเขาเป็นคนประเทศจีนไปเลย เค้าจึงต้องออกมาให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการใหญ่"ขอให้ทุกคนอย่าเข้าใจผิดนะครับ เวลาส่วนใหญ่ของผมก็อยู่ที่ไต้หวันนี่แหละ มีเพียงบางเวลาเท่านั้นที่ต้องไปถ่ายละครที่ประเทศจีน" แต่เพราะเกี่ยวกับการถ่ายละครนี่เองซูโหย่วเผิงที่เดินทางไปประเทศจีนบ่อยๆ ก็ได้พูดถึงสภาพความเป็นอยู่และประเพณีของประชาชนในท้องถิ่นนั้น"เมื่อตอนที่ได้ไปถึงประเทศจีนเป็นครั้งแรก ผมก็มองจากเครื่องบินลงมาข้างล่าง ผมได้ผ่านที่ราบสูงและผืนดินต่างๆ มันเหมือนกับรูปภาพในหนังสือวิชาภูมิศาสตร์เปี้ยบเลย ความรู้สึกในตอนนั้น ผมรู้สึกมหัศจรรย์จริงๆ"

และเขายังได้เดินทางไปทั่วประเทศจีนอีกด้วย เขาจึงอยากจะแนะนำให้คนไต้หวันเดินทางไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งสองเมืองนี้เพราะจะได้รู้สึกซาบซึ้งไปกับการใช้ชีวิตในประเทศจีนและเขายังหวังว่าตัวเขาจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่มณฑลซินเจียงและมณฑลซีจั้งเพื่อที่จะได้เห็นวัฒนธรรมที่พิเศษและแตกต่างกันของแต่ละท้องถิ่น เขาคิดว่ามันคงจะวิเศษมากทีเดียว

>>โถ!โถ! ไปเที่ยวจีนบ่อยขนาดนี้ ไม่ถูกเข้าใจผิดก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แต่ถ้าจะไปอีกเมื่อไหร่ก็อย่าลืมชวน Bowjung ไปด้วยนะจ้ะ Bowjung ยินดีเป็นไกด์ให้จ้า ไม่คิดตังค์ด้วยเออ...แต่ขอไปฟรีนะ(ฮิฮิ)