3/1 ซูโหย่วเผิงดังไกลถึงแดนปลาดิบ เทียบชั้น F4 ยังได้ฉายา "เบ ยอง จุนไต้หวัน">> หลังจากที่เบ ยองจุน ดาราหนุ่มหล่อชาวเกาหลี โด่งดังลัดฟ้าไปคว้าใจสาวญี่ปุ่นมาครองได้อยู่หมัด ถึงขนาดที่อัลบั้มภาพของเขาออกวางขายราคาแพงสูงลิบลิ่วถึง 1,300 หยวน สาวน้อยสาวใหญ่แดนปลาดิบก็ยังอยากแย่งกันซื้อหามาครอบครองกันให้วุ่น รวมถึงอัลบั้มภาพของหนุ่มหล่อจากไต้หวันอย่าง F4 และไจ่ไจ๋ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามียอดขายกระฉูดด้วยความหล่อกระชากใจสาวที่นั่นเช่นกัน แต่เมื่อผลงานละครโทรทัศน์ซีรีส์ใหม่เรื่อง "ฉิงติ้งอ้ายฉินไห่" (Love of the aegean sea) ที่มีหนุ่มหล่อจากไต้หวันอย่างซูโหย่วเผิง ประกบดาราสาวสวยจากเกาหลีอย่างแชริมได้ออกฉายที่ญี่ปุ่น พระเอกของเรื่องซูโหย่วเผิงก็กลายเป็นขวัญใจสาวญี่ปุ่นไปทันที กลายเป็นที่สนใจของบรรดาสื่อมวลชนแดนปลาดิบ ถึงขนาดยกฉายา"เบ ยองจุนแห่งไต้หวัน" ให้เขาไปครองเอาด้วยเสียเลย ทำให้งานเขียน งานเพลงของซูโหย่วเผิง ถูกถามหาและขายดิบขายดีที่ญี่ปุ่นตามไปด้วย และยังมีแววว่าจะถูกดึงตัวไปเซ็นสัญญาร่วมงานแสดงกับทางบริษัทผลิตงานบันเทิงของญี่ปุ่นทั้งหลายแหล่อีกด้วย>>นอกจากนี้ บรรดาสื่อมวลชนญี่ปุ่นยังเขียนถึงซูโหย่วเผิงว่า เป็นดาราไต้หวันที่มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัวคนหนึ่ง อย่างบทบาทในเรื่อง "ฉิงติ้งอ้ายฉินไห่" เขาแสดงเป็นชายหนุ่มวัย 30 ที่มีครบทั้งความสุขุมนุ่มลึกแบบผู้ใหญ่ แล้วยังหล่อทันสมัยอย่างนี้แหละที่โดนใจสาวญี่ปุ่นสุดๆ ส่งผลให้เกิดการรวมตัวพบปะกลุ่มคนรักซูโหย่วเผิง และจัดทำเว็บไซต์แฟนคลับให้เขาขึ้นด้วย อีกทั้งตามแผงร้านหนังสือหรือร้านขายเพลงต่างๆ ในกรุงโตเกียวก็มีภาพและผลงานของเขาออกวางขายให้พรึ่บไปหมดเช่นกัน รวมถึงพวกงานแสดงก่อนๆ ที่ผ่านมาของเขาอย่างเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ เราสองหัวใจเดียวกัน หรือมนต์รักในสายฝน เป็นต้น ก็เตรียมจ่อคิวออกฉายที่ญี่ปุ่นในไม่ช้า เพื่อตอบรับกระแสความดังของเขา
3/2>> ในอดีตปี ค.ศ. 1991 ซูโหย่วเผิงเคยถูกเชิญไปแสดงในงานเลี้ยงสังสรรค์ของนักเรียนจีนที่ญี่ปุ่น ซึ่งตัวเขาเองได้ไปในฐานะหนึ่งในสามแห่งสมาชิกวง"เสี่ยวหูตุ้ย" ซึ่งจัดเป็นวงดนตรีที่โด่งดังสุดๆ ของไต้หวันในสมัยนั้น คิดไม่ถึงว่า 14 ปีต่อมา เขาจะได้หวนสู่วงการบันเทิงญี่ปุ่นอีกครั้ง ซูโหย่วเผิงว่าดารานักร้องของจีน ฮ่องกง ไต้หวันมีอยู่มากมาย สำหรับเขาจะขอเลือกรับงานแสดงเพื่อนำเสนอผลงานดีๆ ยกระดับตัวเองสู่ตลาดภายนอกแข่งกับดาราญี่ปุ่น เกาหลี>>แฟนคลับทุกคนเป็นเพื่อนผม>>หลายคนจะคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีสำหรับซูโหย่วเผิง นักแสดงหนุ่มไต้หวันซึ่งมีผลงานโด่งดังมาจากละครเรื่อง องค์หญิงกำมะลอและมนต์รักในสายฝน และเมื่อเร็วๆ นี้เขาได้ไปร่วมงานเทศกาลว่าวนานาชาติที่เหวยฝาง แน่นอนว่ามีแฟนละครไปรอต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งทีเดียว>>ทันทีที่ซูโหย่วเผิงปรากฎตัวในเสื้อหนังพร้อมกับทรงผมตัดย้อมสีทอง แฟนๆ ต่างก็ตะโกนเรียกกันสนั่น ซูโหย่วเผิงหยิบเอาเพลง "ไคว่เล่อจู่อี้"(ชีวิตแสนสนุก) มาร้องโชว์แถมด้วยเพลงดังอย่าง "หนี่ซื่อหว่อเตออีดีเล่ย"(เธอคือหยดน้ำตาของฉัน) ซึ่งใช้ประกอบละคร ฉิงติ้งอ้ายฉินไห่ ที่เขาแสดงและยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนแพลงไม่หยุดเมื่อนำเพลง "อ้าย"(รัก) เพลงดังของวงเสี่ยวหู่ตุ้ยมาร้องอีกครั้ง "มาเหวยฝางในครั้งนี้ผมมีความสุขมาก ผมชอบว่าวที่ลอยอยู่บนฟ้า ส่วนงานคอนเสิร์ตวันนี้ทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ ทั้งที่ไต้หวันและเมืองจีนทุกคนล้วนรักผม ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ"
4/1>>แฟนเพลงของซูโหย่วเผิงมาจากหลายๆ ที่ทั้งที่ชิงเต่า เว่ยไห่ เยียนไถ ตงยิ๋ง บางคนหอบช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาให้ บางคนก็มีของที่ระลึกติดไม้ติดมือกันมา และเมื่อรู้ว่าซูโหย่วเผิงยินดีให้นักข่าวสัมภาษณ์แฟนเพลงเหล่านั้นก็อยากที่จะตามเข้าไปดูและขอถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด>>ทำใมทุกคนถึงได้ชื่นชอบซูโหย่วเผิงมากขนาดนี้? แฟนที่มาจากชิงเต่าคนหนึ่งกล่าวว่า"ฉันว่าเขานิสัยดีค่ะ เป็นมิตร สุขุม ร้องเพลงเพราะ" เมื่อนักข่าวถามซูโหย่วเผิงว่าเพราะอะไรเขาถึงสามารถครองใจแฟนๆ ได้ ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า "ทุกคนมีน้ำใจกับผมมากครับ พูดจริงๆ นะแฟนเพลงทุกคนก็เป็นเพื่อนของผม" แน่นอนว่าแฟนๆ ที่มาจากไต้หวันนั้นมีไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะเขาตามเพื่อนของเขามาน่ะสิ>>ในอัลบั้มเดี่ยว "Sound of rain sound of wind and sound of su" ของซูโหย่วเผิงมีเพลงพิเศษเพลงหนึ่งซึ่งเขาตั้งใจมอบให้กับแฟนเพลงคนหนึ่งโดยเฉพาะ นั่นก็คือเพลง "เทียนตี้อีซาโอว"(โลกของนกทะเล) เนื่องจากแฟนเพลงคนนั้นป่วยเป็นโรคโลหิตจางขั้นรุนแรง แม้แต่หมอที่รักษาก็บอกว่าเธออาจจะอยู่ได้ไม่เกินอายุ 13 เป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานเพราะเธอต้องทำการถ่ายเลือดทุกวัน ความหวังเดียวที่หัวใจดวงน้อยมีอยู่ก็คืออยากจะได้พบเจอซูโหย่วเผิงสักครั้ง เมื่อซูโหย่วเผิงได้รู้เรื่องนี้ก็รีบไปหาเด็กคนนั้นเพื่อเป็นกำลังใจและต้องการให้เธอลุกขึ้นมาสู้กับโรคร้ายอีกครั้ง เพลง "เทียนตี้อีซาโอว" ที่ซูโหย่วเผิงร้องเป็นเพลงโปรดของเธอในช่วงที่เธออาการหนักก็เป็นเวลาเดียวกับที่การงานของซูโหย่วเผิงอยู่ในขาลง เพลงนี้จึงเป็นเหมือนกำลังใจให้กับทั้งสองเพื่อประคับประคองชีวิตและศรัทธาที่มี ซูโหย่วเผิงเคยบอกว่า "พอความอบอุ่นพัดผ่านเข้ามา ลมหนาวก็จะมลายไป"
4/2>>19 ปีมานี้ซูโหย่วเผิงถูกขนานนามว่า"ไกว ไกวหู่" (เสือน้อยเชื่องๆ) มาตลอด ในปี 1992 วงเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ถึงเวลาแยกวง เพราะอู๋ฉีหลงหนึ่งในสมาชิกต้องไปรับใช้ชาติ ซูโหย่วเผิงจึงต้องโบยบินในเส้นทางสายนี้เพียงลำพัง โดยผลงานเพลงอัลบั้มเดี่ยวที่ออกมาก็คือ "I only want you love me">>เมื่อต้องเปลี่ยนจากเส้นทางศิลปินมาสู่ถนนนักแสดง ซูโหย่วเผิงนั้นดีใจแต่ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ แม้ว่าในการแสดงเรื่ององค์หญิงกำมะลอ บทที่เขาได้รับจะเป็นบทนิ่งๆ มีกรอบกำหนด แต่ตัวละครองค์ชายห้ากลับเข้าไปครองใจผู้ชม และตัวละครนี้เองที่ทำให้ซูโหย่วเผิงได้ผงาดขึ้นมาในวงการละคร "นิสัยของผมกับองค์ชายห้าต่างกันนิดหน่อย องค์ชายห้าจะค่อนข้างซื่อๆ เรียบร้อย ผมว่าผมจะร่าเริงกว่า ตลกกว่า ไม่ใช่คนเงียบๆ อย่างนั้น" ตั้งแต่เวลานั้นฉายาเขาก็เปลี่ยนไปเป็น"อู่อาเกอ"(องค์ชายห้า)>> ในงานเทศกาลว่าวนานาชาติที่เหวยฝาง ศิลปินที่ได้รับเชิญให้ขึ้นร้องคนแรกคือจ้าวเวย หลังจากนั้นก็คือซูโหย่วเผิง หลังการแสดงเมื่อนักข่าวถามถึงความสัมพันธ์ของเขากับจ้าวเวย ซูโหย่วเผิงตอบว่า"ผมกับจ้าวเวยเป็นเพื่อนกันครับ เธอเป็นคนตรงๆ เปิดเผย เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ผู้หญิงจุกจิกวุ่นวาย เวลาอยู่กับเธอพูดได้เลยว่าเหมือนอยู่กับเพื่อนรักคนหนึ่ง" และเมื่อนักข่าวถามว่าภายหลังเขาคิดจะเอาดีทางด้านผลงานหนังและละครเลยใช่หรือไม่ ซูโหย่วเผิงว่า "ผมจะเอาพลังที่มีอยู่ทั้งหมดทุ่มลงไปในงานเพลงของผม ผมคิดว่าเมื่อผมร้องเพลงบทเวทีผมเป็นตัวของตัวเองที่สุด บางครั้งเมื่อแสดงละครมากๆ ผมก็เบื่อที่จะต้องสวมบทบาทเป็นคนอื่น เพราะไม่ว่าจะรับบทไหนก็ต้องรับเอานิสัยและความเป็นตัวตนของคนๆ นั้นมาด้วย ผมอยากเป็นตัวของตัวเองมากกว่าครับ"