ผู้เขียน หัวข้อ: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)  (อ่าน 9748 ครั้ง)

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
[2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« เมื่อ: มิถุนายน 14, 2015, 04:59:56 AM »

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2015, 05:02:41 AM »



ซูโหย่วเผิง:ตอนอายุยังน้อยไม่ทันได้เป็นคนเลว ผ่านช่วงวัยรุ่นไปอย่างไม่มีความสุข

    “ตอนที่อายุยังน้อย ล้วนแต่มีความคาดหวังมากมายว่าจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ผู้ใหญ่ จะคิดว่าเธอก็แค่ยังซื่อๆ ในใจของเธอจะต้องมีความรู้สึกที่ต่อต้านอยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมอยากทำในเรื่องที่แตกต่างออกไป”

ให้เขาใช้ประโยคหนึ่งมาอธิบายคำว่าวัยรุ่น ซูโหย่วเผิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “วัยรุ่นคือสิ่งที่ผ่านไปแล้วและย้อนกลับไปไม่ได้อีกแล้ว” และตอบด้วยรอยยิ้มต่อว่า “วัยรุ่นตายไปแล้ว……ต้องให้ทุกคนรู้จักด้านมืดของผมใช่มั๊ยเนี่ย ฮ่าๆๆๆ”

         ซูโหย่วเผิง เป็น “ไกวไกวหู่” ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี ก็ตลอดช่วงวัยรุ่นของเขานั้น ต้องตกอยู่ในความขัดแย้งระหว่างคำวิจารณ์ของประชาชนและความสับสนในตัวเอง เราสามารถมองเห็นความสับสน ความลังเล การแข่งขัน บนตัวของเขาที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อยได้ ในช่วงที่เขาประสบความสำเร็จอย่างมากนั้น ก็ยังแฝงไปด้วยความโศกเศร้า ความอ้างว้างที่ไม่มีใครรู้อยู่ ตอนนี้ย้อนกลับไปคิดอีกครั้ง ซูโหย่วเผิงคิดว่าช่วงวัยรุ่นของตัวเองนั้นไม่สนุก  ที่ตนยังไม่ทันได้เรียนรู้อะไรเลย ช่วงวัยรุ่นก็หมดไปแล้ว

          อาจเพราะว่าความไม่สนุกในช่วงวัยรุ่น เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วซูโหย่วเผิงก็ยังคงแข่งกับตัวเองอยู่เสมอ มีชีวิตขึ้นๆลงๆมาแล้วหลายปี ซูโหย่วเผิงได้ลิ้มรสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกันมากมาย เขาไม่ต้องการเป็นเพียงนักร้องยอดนิยม เขาได้ทดลองเล่นละครเวที  เป็นโปรดิวเซอร์ และยังเคยรับบทบาทเป็นโรคจิตและชอบเพศเดียวกัน เขาไม่ได้จะพิสูจน์ตัวเองให้ผู้อื่นเห็น เขาเพียงแค่ต่อสู้กับตัวเองเท่านั้น

         ทุกครั้งหลังจากที่เงียบไปพักหนึ่งแล้ว ก็จะมีการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ออกมา ครั้งนี้ ได้ประกาศอย่างน่าประหลาดใจว่าจะเป็นผู้กำกับ นำนิยาย โจ่วเอ่อ ของเหราเสว่ม่าน (饶雪漫) มาทำเป็นภาพยนตร์ เมื่อภาพยนตร์ออกมาแล้ว พบว่ามีการเสียดสีมากมายในบทและการตัดต่อภาพ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ยอดขายตั๋วภาพยนตร์ลดลงมาได้เลย เข้าฉายได้ 2 วันก็ทะลุร้อยล้านแล้ว อย่างน้อยก็สามารถเห็นความตั้งใจและการอุทิศตนของซูโหย่วเผิงให้กับผลงานชิ้นแรกผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้

       จากเสี่ยวหู่ตุ้ยในยุค 70 ถึงองค์หญิงกำมะลอในยุค 80 และมาถึงโจ่วเอ่อในยุค 90 จากจอมยุทธที่อ่อนประสบการณ์ก็กลายเป็นผู้อาวุโส ซูโหย่วเผิงที่อายุผ่านเลขสี่มาแล้ว ก็มีสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อ 2-3 ปีมานี้ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจเรื่องบางเรื่องแล้ว ไม่ได้ตกไปอยู่ในหลุมแห่งความอยากอีกต่อไป ความอยากมีไม่สิ้นสุด ความสุขที่แท้จริงล้วนแต่เกิดจากในใจของตัวเอง เพียงแค่ลดความอยากลงไปนิดหน่อย

         ทุกวันนี้ ผู้กำกับ  ร้อยล้านอย่างซูโหย่วเผิง ไม่มีเรื่องที่อยากจะทำต่อไปเป็นพิเศษ หลังจากจบการโปรโมทภาพยนตร์โจ่วเอ่อแล้ว สิ่งแรกที่ซูโหย่วเผิงจะทำก็คือปิดตานั่งสมาธิ “เรื่องที่ผ่านไปแล้ว มันก็เป็นแค่ความทรงจำที่อยู่ในหัวของคุณเท่านั้นเอง มันผ่านไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็ปล่อยวางเถอะ” ซูโหย่วเผิงกล่าว ตอนนี้เขามองเห็นสัจธรรมแล้ว

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2015, 05:06:34 AM »


[วัยรุ่นคือสิ่งที่ผ่านไปแล้วและกลับไปไม่ได้แล้ว---ไม่มีความสุข]

“เมื่อเป็นคนเลวแล้วถึงสามารถได้ในสิ่งที่ตนอยากได้ ความรู้สึกพวกนี้ผมค่อนข้างเข้าใจอย่างลึกซึ้ง”

เมื่อแรกเริ่ม ตอนที่บริษัทกวงเซี่ยน光线 ฝากคนกลางมาถามความยินยอมของซูโหย่วเผิงในการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โจ่วเอ่อ ซูโหย่วเผิงคิดว่าพวกเขาบ้าไปแล้ว ก็เลยปฏิเสธกลับไป บริษัทกวงเซี่ยนก็เลยส่งคนไปคุยกับเขาอีกครั้ง บอกเขาว่าที่จริงแล้วเป็นผู้กำกับไม่มีอะไรยากเลย หลังจากนั้นเขาก็ได้อ่านนิยายของเหราเสว่ม่าน “ด้านมืดของช่วงวัยรุ่นค่อนข้างจะครอบงำผม” ซูโหย่วเผิงคิดว่าอยากถ่ายทอดบางสิ่ง ในใจคิดว่า “งั้นก็ถ่ายเถอะ”

         “หลี่เอ่อ李珥 คือคำนิยามของคำว่าเด็กที่ดี วันหนึ่งเธอได้เจอกับปาลา吧啦 เด็กผู้หญิงที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และเลวร้ายที่สุดในเมือง เธอรู้สึกว่าตัวเองน่าจะเรียนรู้ที่จะเป็นคนเลว เมื่อเป็นคนเลวแล้วถึงสามารถได้ในสิ่งที่ตนอยากได้ ความรู้สึกพวกนี้ผมค่อนข้างเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ผมก็เคยผ่านมันมาก่อน”

          ใช้คำสามคำอธิบายคำว่าวัยรุ่น ซูโหย่วเผิงบอกว่า “มีรุ่งโรจน์ มีอ้างว้าง สุดท้ายก็คือ ไม่มีความสุข” ที่พูดถึงนั้นคือช่วงวัยรุ่นที่เขาไม่ทันได้ต่อต้าน ทฤษฎีที่เขียนโดยจางไอหลิง张爱玲นั้นไม่เหมาะสำหรับซูโหย่วเผิงที่อายุ 15 ปี ที่กำลังก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ตลอดช่วงวัยรุ่น ซูโหย่วเผิงเป็นที่รอคอยของผู้อื่นมาตลอด เกิดความสับสน ความลังเล และความขัดแย้งอย่างไม่หยุดยั้งระหว่างข้อจำกัดด้านคุณธรรม และความต้องการของตัวเอง

        “ไกวไกวหู่” สามคำนี้ยังคงตามติดเขาตลอดมา เขามักจะนำเรื่องๆหนึ่งมาเล่าอยู่เสมอ: “มีวันหนึ่งตอนสี่ทุ่ม เสี่ยวหู่ตุ้ยเพิ่งซ้อมเสร็จ ผมยืนอยู่ข้างถนน จะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน คนที่เดินผ่านไปมาก็ถามว่า: “เอ๋? เธอไม่ใช่ไกวไกวหู่หรอ สี่ทุ่มกว่าแล้ว ทำไมเธอยังไม่กลับบ้าน?” ผ่านเรื่องนี้มา คุณก็จะรู้ว่าตอนนั้น มุมมองของทุกคนที่มีต่อผมนั้น เข้มงวดมาก ดังนั้นผมก็เลยโตมาภายใต้คำวิจารณ์จากผู้ชม ส่วนเสียงปรบมือและดอกไม้นั้นที่จริงแล้วก็ไม่ได้ลำบากอะไรนะ”

         ตอนแรกที่ถูกเรียกว่า “ไกวไกวหู่” ซูโหย่วเผิงยังไม่ค่อยจะมั่นใจมากนัก เขาก็เคยใช้วิธี “เป็นเด็กไม่ดี” มาตามหาอิสรภาพของตัวเอง ย้อมผมสีเขียว และเคยหนีออกจากบ้านมาสองครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ทำให้คุณพ่อโกรธถึงขั้นถูกปามีด ยังดีที่ปาเบี้ยวไปปักอยู่ที่หน้าต่าง “ตอนนั้นให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในหนังของโจวชิงฉือเลย” ซูโหย่วเผิงเล่าช่วงที่น่าอึดอัดใจนี้อย่างมีรสชาดจริงๆ

         “ตอนที่อายุยังน้อย ล้วนแต่มีความคาดหวังมากมายว่าจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ผู้ใหญ่ จะคิดว่าเธอก็แค่ยังซื่อๆ ในใจของเธอก็จะต้องมีความรู้สึกที่ต่อต้านอยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมอยากทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป”

   ภายใต้ความกดดันครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ไกวไกวหู่กลายเป็น “คนหนุ่มคิดมาก” ไป “ที่จริงแล้วตอนเด็กๆผมค่อนข้างจะสนใจศึกษานิสัยของคน ชีวิต และหลักปรัชญาบางส่วน  ประกอบกับสภาพแวดล้อมภายนอกเป็นอย่างนี้ ดังนั้นมันก็เลยยิ่งกระตุ้นให้ผมสนใจศึกษาเรื่องพวกนี้มากขึ้น ตอนนั้น เพื่อนร่วมงานล้วนบอกว่า เธอเป็นคนหนุ่มที่คิดมาก ประหลาดจริงๆ เข้าใจยาก….”


คนหนุ่มที่เคยเป็นคนคิดมาก มาเขียนอธิยายวัยรุ่นของตัวเองดังนี้:
ความหว่าเว้โดดเดี่ยวช่วงวัยรุ่นของฉันเอย

  ผมก็ต่อต้าน /ต่อต้านเอยต่อต้าน
  ต่อต้านต่อสู้กับตัวเอง
  ต่อยตีเอย ต่อยตี/ ใช้พลังเพื่อสู้ต่อไป

……

ภายหลังพบว่า/ รู้สึกเปรมปรีดิ์อย่างยิ่ง/ มันเปรมปรีดิ์ ปรีดา /อย่างนี้ /มีชีวิตอยู่ต่อไปได้
  ใช่แล้ว/มันคือความเปรมปรีดิ์
  เปรมปรีดิ์/อย่างนี้ /มีชีวิตอยู่ต่อไปได้

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2015, 05:09:08 AM »


【ผลงานครั้งแรกที่แข่งกับตัวเอง—ไม่อยากใช้วิธีที่แปลกออกไป】

“ผมไม่ยอมแพ้ ผมไม่ถอยหลัง และผมก็จะไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”

เมื่อโจ่วเอ่อถ่ายทำเสร็จ ซูโหย่วเผิงน้ำหนักลดไปเยอะ และมีผมขาวงอกมากมาย อ้างอิงตามที่เขาพูด เขาบอกว่าตอนนี้แก่แล้ว เริ่มปลงและทำใจยอมรับทุกสิ่งได้อย่างช้าๆ ไม่ได้เลือดร้อนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามการเป็นผู้กำกับในครั้งนี้ กลับทำให้นิสัยต่างๆประจำราศีกันย์ของเขาปรากฏออกมาหมดเลย “น่ารำคาญมากเลย ไม่เคยคิดเลยว่าจะเปลี่ยนเป็นคนจู้จี้จุกจิกขนาดนี้” ซูโหย่วเผิงกล่าว เมื่อดูจากผลงานแล้วไปแล้ว ลองให้คะแนนคร่าวๆกับผลงานที่ออกมา ก็สามารถรู้สึกได้ถึงความต้องการที่เกินกว่ามาตรฐานสำหรับผลงานชิ้นแรกของผู้กำกับราศีกันย์ผู้นี้ ทั้งนี้ ซูโหย่วเผิงยังเคยแสดงเป็นคนอีคิวต่ำอีกด้วย สามารถโมโหได้ภายในสามวินาที และก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน  นักแสดงหลักอย่างโอวหาวบอกว่าตนไม่ชินมาก คาดไม่ถึงว่าเวลาถ่ายทำซูโหย่วเผิงจะดุและเข้มงวดขนาดนี้ แต่ว่านิสัยส่วนตัวแล้วก็ Nice มากที่ต้องการทำทุกๆเรื่องให้ออกมาดีนั้น เป็นเพราะว่าไม่อยากให้ผู้อื่นดูถูก

“ตอนที่กำลังถ่ายทำอยู่ ผมบอกตัวเองว่า ความผิดพลาดทั้งหมดก็คือความผิดของผู้กำกับ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเราเป็นผู้ชมก็เหมือนกัน เวลาเห็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมหรือไม่สมจริงก็โทษผู้กำกับไปเสียทั้งหมด ก็เลยคิดว่าผมต้องทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อทำเรื่องนี้ให้ออกมาดีที่สุด รายละเอียดทั้งหมดก็ไม่อาจปล่อยๆไปได้ หวังว่าจะสามารถทำออกมาให้สมบูรณ์แบบ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ผมเองก็เป็นมือใหม่ ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ดังนั้นผมจึงอกสั่นขวัญแขวน อดเป็นห่วงไม่ได้กับเรื่องนี้ทุกวัน”   


  การแข่งขันเคยเป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตของซูโหย่วเผิง เขาแข่งกับตัวเอง แข่งกับผู้อื่น และก็แข่งกับทั้งโลก

ในยุคของเสี่ยวหู่ตุ้ย ทักษะการเต้นของซูโหย่วเผิงนั้นสู้อีกสองคนไม่ได้มาตลอด ดังนั้น ทุกๆครั้งที่อู๋ฉีหลง 吴奇隆 และเฉินจื้อเผิง 陈志朋 กลับบ้านไปแล้ว เขายังต้อง “ทำโอที” ต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงของวง  ตอนที่ขึ้น ม.5 เพราะว่าเรียนหนัก ซูโหย่วเผิงจึงไม่ค่อยได้สนใจงานของเสี่ยวหู่ตุ้ยมากนัก จางเสี่ยวเยี่ยน 张小燕 เคยคิดจะเอาเขาออกจากวง ทั้งยังเคยส่งซ่งเหวินซ่าน 宋文善 มาชักชวนให้เขาถอนตัว ซ่งเหวินซ่านรำลึกความหลังให้ฟังว่า ตอนนั้น ซูโหย่วเผิงน้ำตาคลอและยืนยันว่า “จะไม่ถอนตัว” งานของเสี่ยวหู่ตุ้ยทำให้เขาขาดเรียนไปหลายวิชา  พอใกล้ถึงช่วงสอบ ทุกคนก็จะคอยดูเรื่องตลก คอยดูไกวไกวหูสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ สุดท้ายแล้วซูโหย่วเผิงก็ทำให้ทุกคนได้ตกตะลึงกันถ้วนหน้า เขาสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยไต้หวันในคณะวิศวกรรมเครื่องกลได้ด้วยคะแนนอันดับห้า เมื่อเขากลับมาคิดถึงช่วงนั้นบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดเรื่องหนึ่งในช่วงที่เป็นเสี่ยวหู่ตุ้ย เพราะว่าสามารถพิสูจน์ตัวเอง และยังสร้างชื่อเสียงให้แก่เสี่ยวหู่ตุ้ยอีกด้วย

“ผมไม่ยอมแพ้ ผมไม่ถอยหลัง และผมก็จะไม่หยุดพัฒนาตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ผมมี”

ช่วงหลายปีมานี้ ซูโหย่วเผิงท้าทายตัวเองมาตลอด ทุกๆครั้งหลังที่จากตกต่ำ ก็จะมีการเริ่มต้นใหม่ที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ “ก่อนหน้านี้จะมีเป้าหมายมาตลอด มีเรื่องที่ตนอยากท้าทายมาตลอด ตอนนั้นเพิ่งผันตัวจากนักร้องไปเป็นนักแสดง ก็หวังว่าทุกคนจะคิดว่าผมเป็นนักแสดงที่ตั้งใจจริง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นักร้อง หลังจากใช้เวลาหลายปีในการพิสูจน์เรื่องนี้ ผมก็เริ่มมีความคาดหวังอีกครั้ง พวกคุณอย่าคิดว่าผมเป็นเพียงแค่ตัวประกอบเท่านั้น ให้คิดว่าเป็นคนที่มีทักษะการแสดงที่ดีคนหนึ่งจริงๆ  นั่นใช้เวลาหลายปีทีเดียวในการพิสูจน์เรื่องนี้ ตอนนั้นค่อนข้างที่ยังไฟแรง ก็เลยค่อนข้างอยากพิสูจน์ตัวเอง”

เขาเคยเป็นโปรดิวเซอร์ เคยแสดงเป็นคนโรคจิต ทั้งยังเคยแสดงละครเวที และครั้งนี้เป็นผู้กำกับ การพัฒนาที่โดดเด่นอีกครั้งหนึ่ง ก็คือในภาพยนตร์เฟิงเซิน ( 风声) ซูโหย่วเผิงได้รับบทเป็นนักแสดงสมทบที่โดดเด่นอย่างไป๋เสี่ยวเหนียน  (白小年) และมันทำให้เขาได้รับรางวัลช่อดอกไม้ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม “ที่ทุกคนประทับใจน่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องเฟิงเซิน เพราะว่ามันประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วก่อนที่คุณเห็นผลงานที่ประสบความสำเร็จของผม ผมอาจจะเคยทำหลายสิ่งที่คุณไม่รู้ก็ได้ เรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ผมลองทำมาตลอด ลองทำอย่างเหน็ดเหนื่อยจนเกิดเป็นผลงานอย่างที่คุณเห็น”

ซูโหย่วเผิงมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับบทบาทไป๋เสี่ยวเหนียนมาก เคยเตรียมตัวหนึ่งปีเต็มๆเพื่อบทบาทนี้  จะต้องเปิดเพลงงิ้วของซูโจว (昆曲)ทุกวัน เพื่อเป็นการล้างสมองตัวเอง  เมื่อไม่ได้ถ่ายละคร ก็จะไปเรียนการแสดงงิ้วที่ศูนย์การสอนงิ้วเป่ยคุน (北昆) สำหรับความกดดันที่บทบาทไป๋เสี่ยวเหนียนนำมาด้วยนั้น ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า “จะบอกให้ว่าถึงแม้ตอนนั้นจะมีแรงกดดันขนาดไหน พอถึงเวลาจริงๆแล้ว แม้กระทั่งเวลาที่จะกังวลหรือซาบซึ้งยังจะไม่มีเลย”

ผู้คนต่างพากันสงสัยกับชีวิตรักของเขา ซึ่งเขาพูดถึงมันน้อยมาก ถึงแม้ว่าจะเคยมีข่าวซุบซิบกับทั้งจ้าวเวย และหลินซินหรู แต่สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทำไมคะแนนด้านความรักถึงออกมาแย่อย่างนี้ล่ะ? ซูโหย่วเผิงอธิบายว่า: “ที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้พยายามอะไรมากนัก ถ้าเทียบกับความพยายามห้าสิบเปอร์เซ็นที่ผมใช้ไปกับการเป็นผู้กำกับแล้ว ก็ไม่ค่อยเหมือนกันมากนัก ผมไม่ได้ทุ่มเทขนาดนั้น” ทุกครั้งที่ถามถึงเรื่องหัวใจ ซูโหย่วเผิงจะตอบมาแค่สองคำ “ตามชะตาลิขิต” เกี่ยวกับหัวข้อสร้างครอบครัวนั้น ซูโหย่วเผิงยังไม่ยอมพูดอะไรมากนักสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของไต้หวันได้ ที่จริงแล้วซูโหย่วเผิงสามารถเดินไปบนอีกเส้นทางที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิงได้ อายุสี่สิบการงานราบรื่น แต่งงานมีลูกชาย ความเรียบง่ายที่เป็นความใฝ่ฝันของคนธรรมดา กลับไม่ใช่ชีวิตที่เขาต้องการ

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2015, 05:11:19 AM »


【ความเข้าใจจากเพื่อนเก่า—ใส่ใจ ไม่รบกวน】

   “ผมได้ส่งข้อความวีแชทให้เธอ (จ้าวเวย) เธอส่งสติ๊กเกอร์อีโมติคอนกลับมา ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว”


เพราะเรื่องในอดีตของซูโหย่วเผิง ตอนที่กำลังโปรโมทภาพยจนตร์โจ่วเอ่ออยู่นั้น ผู้ชมก็ยังพูดถึงผลงานในอดีตเรื่ององค์หญิงกำมะลอ ที่ในตอนนี้กลายเป็นความทรงจำอันล้ำค่าของคนในยุค 80 ไปแล้ว จ้าวเวย หลินซินหรู กู่จวี้จี (古巨基) และเพื่อนรักคนอื่นๆ ต่างก็พากันสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาขึ้นเวทีให้เขา แม้กระทั่งแม่นมหรง (容嬷嬷) ที่รับบทโดยหลี่หมิงฉี (李明启) ก็ยังมาปรากฏตัว รูปที่ซูโหย่วเผิงถ่ายคู่กับจ้าวเวยนั้น กลายเป็นกระแสโด่งดังอย่างมากในเหว่ยป๋อ

18 ปีแล้ว ทุกคนล้วนแต่เดินไปบนเส้นทางที่ไม่เหมือนกัน ในช่วงวัยรุ่นที่ไม่มีวันเลิกรานั้น ก็มีทั้งขาขึ้นและขาลง ไม่นานมานี้ จ้าวเวยได้รับรางวัลเบื้องหลังในงานฮ่องกงฟิล์มอวอร์ด ซูโหย่วเผิงเพียงแค่ส่งคำอวยพรผ่านเหว่ยป๋อเท่านั้น ในช่วงเวลาแบบนี้ เขาเลือกที่จะไม่ไปรบกวนสิบกว่าปีมานี้  ซูโหย่วเผิงได้เห็นว่าจ้าวเวยสามารถเปลี่ยนตัวเองจาก “เสี่ยวเยี่ยนจื่อ (นกนางแอ่นน้อย)” ไปเป็น “จินเยี่ยนจื่อ (นกนางแอ่นทองคำ)” ได้อย่างไร แต่ข้างในนั้นก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “เธอสงบ และเข้าใจโลกมากขึ้นทุกวัน ประสบการณ์ที่เธอได้ผ่านมานั้น ได้รวมอยู่บนตัวของเธอและค่อยๆแผ่รังสีออกมา ผมคิดว่าเธอยังคงยึดมั่นในหลักการของตัวเองอยู่เสมอ นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเทียบเทียมได้ของเธอ ที่ยังคงยึดมั่นในความซื่อสัตย์และจริงใจในการผ่านเรื่องมากมายอย่างนี้

ตอนที่ดูตัวอย่างภาพยนตร์ชินอ้ายเตอ (亲爱的)จบ ซูโหย่วเผิงรู้สึกช็อคมากกับสำเนียงของจ้าวเวยที่เปลี่ยนไป “ตอนนั้นรู้สึกประหลาดใจมาก ยังฝากข้อความให้กับเธอ บอกว่าฉันดูตัวอย่างภาพยนตร์ชินอ้ายเตอของเธอแล้วนะ” “แล้วเธอก็ส่งสติ๊กเกอร์อีโมติคอนกลับมาใช่มั๊ย?” “ใช่ครับ ฮ่าๆๆ”

“ปกติแล้วทุกคนค่อนข้างยุ่ง ประกอบกับอายุขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่วัยที่ต้องมาอยู่ด้วยกันทุกวันอะไรแบบนั้นแล้ว  แต่ก็ยังคงใส่ใจกันอยู่ รวมไปถึงอู๋ฉีหลง ผมมักจะอ่านข่าวของเขาในอินเตอร์เน็ตเสมอ ผมคิดว่าผมสนใจ และรับรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่” อู๋ฉีหลงแต่งงาน ซูโหย่วเผิงก็ได้แสดงความยินดี แต่แค่บนเหว่ยป๋อเท่านั้น “ทำไมถึงแสดงความยินดีผ่านเหว่ยป๋อล่ะ?”  “เรื่องพวกนี้ไม่มีอะไรหรอก คุณอย่าถามคำถามหน่อมแน้มประเภทนี้ได้มั๊ย? พวกเราอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ผมไม่ใช่คนยุคนี้แบบคุณนะ โอเคมั๊ย?” ซูโหย่วเผิงจบประเด็นนี้

ความผูกพันหลายปีที่ผ่านมา เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา แค่เก็บไว้ในใจ ก็ต่างเข้าใจกัน วันเกิดปีนี้ของหลินซินหรู วันนั้นเธอได้กลับไทเป และได้ต่อสายถึงซูโหย่วเผิง ก็เลยทราบว่าเขาเพิ่งกลับปักกิ่ง “งั้นวันเกิดครั้งนี้ของฉันเธอก็ไม่อยู่แล้วล่ะสิ…..” ซินหรูกล่าว คืนนั้นซูโหย่วเผิงจึงบินกลับมาฉลองวันเกิดกับเธอที่ไทเป วันต่อมาค่อยกลับปักกิ่ง ภาพยนตร์โจ่วเอ่อในครั้งนี้ จ้าวเวยที่ไม่ได้ออกซิงเกิลมาแล้วกว่าหกปี ได้รับปากร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ให้

“ผมรู้ว่าปีนี้เธอยุ่งมากๆ ตารางงานแน่นไปหมด และก็ไม่ได้ออกซิงเกิลมาหลายปีแล้ว ผมก็คิดว่า ถ้าผมเป็นเธอ ไม่ได้ร้องเพลงมาหลายปี จะไปร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ ต้องเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้งานออกมาดี สุดท้ายเธอก็ตกลงจะหาเวลาทำเรื่องนี้ให้ ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งมาก”

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2015, 05:14:59 AM »


【ผู้กำกับร้อย X ล้านอย่างซูโหย่วเผิงต้องการเพียงหลับตานั่งสมาธิ---ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต】

   “ก็คือสองสามปีมานี้ ก็หวังว่าชีวิตจะสามารถปล่อยวางได้บ้าง”

หลังจากภาพยนตร์โจ่วเอ่อ ซูโหย่วเผิงก็มีตำแหน่งใหม่เพิ่มขึ้นมา “ผู้กำกับร้อย X ล้าน” เลขตัวนี้ ปัจจุบันยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำต่อไป? ซูโหย่วเผิงไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น

“ตอนที่ถ่ายทำเสร็จแล้ว ผู้จัดการบริษัทกวงเซี่ยนก็ถามผม บอกว่ามีหลายคนที่พอได้เป็นผู้กำกับแล้วก็เสพติด เธอติดมั๊ย? ผมบอกว่าผมไม่ติดเลยซักนิด เรื่องที่ยุ่งยากมากขนาดนี้ ผมไม่มีความคิดที่จะเป็นผู้กำกับอีกเลย ตอนนี้ก็ไม่ได้มีความต้องการแสดงออกอะไรมากแล้ว ไม่มีบทบาทไหนที่ต้องการไปลิ้มลองเป็นพิเศษ ก็เลยยังไม่มีแพลนอะไร สำหรับเรื่องของอนาคตนั้น ตอนนี้ผมยังไม่ได้คิดอะไรมาก”

จากที่ไม่ยอมแพ้กระทั่งปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตา สิ่งที่เปลี่ยนความคิดของเขาก็คือศาสนาพุทธ ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนศาสนาตั้งแต่อายุ 20 แต่การตระหนักรู้ที่แท้จริงนั้น เกิดขึ้นในช่วง2-3ปีที่ผ่านมานี้ ซูโหย่วเผิงไม่ขุ่นเคืองอีกต่อไป ตัดสินใจปล่อยวางบางสิ่งในชีวิตลง

“มีบางสิ่งก็ควรจะรับรู้มากพอแล้ว ควรปล่อยวาง เพราะว่าหลังจากที่คนๆหนึ่งผ่านช่วงขึ้นๆลงๆมาแล้วหลายครั้ง คุณก็จะพบว่าบางที มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกเดิมๆที่ย้อนกลับมาเท่านั้นเอง คุณจะคิดว่าเมื่อย้อนกลับไปมองประสบการณ์การแสดงตลอดยี่สิบปีมานี้ เกียรติยศที่ควรได้รับก็ได้แล้ว ก็มีผลงานเพลงก็นับว่ามีตัวแทน ละครโทรทัศน์ก็มีสิ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำได้ ผมก็คิดว่ายังต้องการอะไรอีกล่ะ?  คุณไม่สามารถหยุดความคาดหวังที่ต้องการการยอมรับตลอดไปได้ ต้องการเพียงแค่เปลือกนอกที่สวยงาม ผมคิดว่ายังไงก็ทำไม่เสร็จแน่นอน หลังจากที่คุณได้รับเกียรติยศนี้แล้ว สองปีผ่านไป ความรู้สึกเหล่านี้ก็ผ่านไปแล้ว ผ่านมาสองปีทุกคนก็ลืมไปหมดแล้ว คุณก็ต้องไปหาบทบาทใหม่มาท้าทายตัวเองต่อไป เพื่อให้ทุกคนจำคุณได้  สิ่งพวกนี้จะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่ไม่จบสิ้นหรอกเหรอ? ความสุขที่แท้จริงควรเกิดจากจิตใจของคุณเอง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณมีว่ามีกี่มากน้อย ก็จะรู้สึกว่าวิ่งอยู่ตลอดเวลา ไม่สู้ฝึกพัฒนาจิตใจตัวเองให้ดี ดังนั้นก็อาจเป็นสองสามปีมานี้แหละ ก็หวังว่าชีวิตจะสามารถปล่อยวางได้บ้าง”

เมื่อการโปรโมทภาพยนตร์โจ่วเอ่อเสร็จสิ้น ซูโหย่วเผิงเผยว่า เรื่องแรกที่ต้องทำในเดือนพฤษภาคมก็คือการไปหลับตานั่งสมาธิสิบวัน หลบหนีความวุ่นวายจากสิ่งกระตุ้นภายนอก ค้นหาในใจถึงความเงียบสงบ

กระทั่งความยุ่งเหยิงที่ผ่านไป ความรู้สึกต่อต้านขัดแย้งในช่วงที่ตกต่ำ ความไม่สมปรารถนาและความรุ่งโรจน์ ซูโหย่วเผิงบอกว่าเขาลืมไปนานแล้ว “ผมมองเห็นสัจธรรมแล้ว เรื่องที่ผ่านไปแล้ว มันก็เป็นแค่ความทรงจำที่อยู่ในหัวของคุณเท่านั้นเอง มันผ่านไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็ปล่อยวางเถอะ” ซูโหย่วเผิงกล่าว



prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2015, 06:18:42 AM »

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2015, 07:35:48 AM »

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2015, 07:38:58 AM »

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2015, 08:23:24 AM »

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2015, 08:29:12 AM »

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2015, 08:31:26 AM »

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2015, 08:39:17 AM »

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2016, 01:42:24 PM »