"Fight Depression, Happy Life 2007"
"วงการบันเทิงและความซบเซาที่เกิดขึ้นเกรงว่าจะถูกลืมและไม่สามารถคืนมาได้"...Origin:China News Net 2007 27th Mayพวกเขาเคยสัมผัสถึงเสียงของเขาเองแต่ ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนที่แท้จริง พวกเขาเคยมีรอยยิ้มมากมายบนใบหน้าแต่มันไม่ได้เกิดจากตัวของเขาเอง
ก่อนหน้านี้ สาขาศิลปะการแสดงร่วมกันจัดอีเว้นท์ "Fight Depression, Happy Life 2007" งานต่อต้านความซบเซาเพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับช่วงขาลงที่พวกเขาประสบภายหลังภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรา อีเว้นท์นี้อ้างถึงการรักษาตัวตนของเขาเอง ในสายตาของผู้คนในสังคม พวกเขาเปรียบเหมือนดาวจรัสแสงด้วยเสื้อผ้า รถ ภาพลักษณ์ ความมั่งคั่ง สิทธิพิเศษในการเดินทางและภาษีเหนือกว่าผู้อื่นในทุกเรื่อง "แล้วทำไมพวกเขาถึงวิตกกังวลกับชีวิตที่หรูหราอย่างนี้เล่า?"
หลังจากบทสัมภาษณ์ก็ได้รู้ความจริงว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุด อย่างบุคคลสำคัญ Zhu Young Yuan หลังจากที่การแสดงความคิดเห็นดำเนินไปได้ไม่นาน Huang Jianyi ก็ได้ออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "มันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่ นักแสดงจะไม่มีความสุข" ซึ่งทำเอาสะกิตใครหลายคนอยู่เหมือนกัน Su Youpheng (20 ปีกับเส้นทางสายนี้) คิดว่าชีวิตของนักแสดงก็เหมือนกับ Roler Coaster ที่หมุนอยู่ตลอดเวลาซึ่งอาจจะมีขึ้นมีลงบ้างและก็น่าตื่นเต้น แต่เขาเพิ่มมาเข้าใจอย่างแจ่มชัดว่า ช่วงที่ยังหนุ่มสาวเป็นช่วงที่สามารถทำเงินได้ดี แต่เมื่ออายุมากขึ้นความสนใจก็จะถูกลดน้องลง แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ ความอยากรู้อยากเห็นของประชาชนก็จะทำให้ความเป็นส่วนตัวของคุณหมดไป ไม่สามารถมีความลับได้เลย
Lin Xinru ที่มีจุดยืนของเธอเองหลังจากที่ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงกล่าวว่า "ชื่อเสียงความโด่งดังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เมื่อมาแล้วก็ไปจากเราได้ อย่างเช่น ในวันนี้คุณสามารถบินขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ แต่ก็สามารถร่วงลงมาได้ในวันพรุ่งนี้เหมือนกัน เมื่อคุณไม่สามารถทำสิ่งที่ยากได้ คุณก็จะไม่มีทางไปสู่จุดที่ง่ายและมาถึงในจุดนี้ได้"
Xie Na เล่าถึงเส้นทางของเธอที่ไม่สู้ดีนัก และกำลังเข้าสู่ช่วงขาลง "ทีมงานทุกคนคาดหวังและต้องการให้เกมส์โชว์ที่ทำอยู่ได้รับเสียงตอบรับที่ดี ฉันถูกหาว่าไปควบคุมเกม แต่ที่จริงแล้วก็แค่เล่นไปตามเกม ฉันไม่มีอะไรอธิบายในเรื่องนี้ ฉันอยากจะหยุดพัก ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ทำไม He Ling กับ Wei Jai ทำได้ แล้วทำไมฉันทำไม่ได้ล่ะ?"
ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย ผู้ที่ประสบการณ์มากมายในเรื่องนี้ก็คงจะเป็น Su Youpheng วัย 34 ผู้ซึ่งคิดริเริ่มให้ "Obidient tiger" พัฒนาไปเป็นโอเปร่า "Wu ah ge" ทำให้สิ่งที่แข็งกระด้างดูอ่อนนุ่ม ราวขนสัตว์ โดยส่วนตัวแล้ว เขายอมรับว่าช่วงขาลงนั้นมันได้เกิดขึ้นก็จริง แต่เขาก็มั่นใจว่ามันจะไม่กลับไปเลวร้ายเหมือนอย่างเดิม
Su Youpheng นับได้ว่าเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เขามั่งคั่งและมีชื่อเสียง เมื่อเริ่มเข้าสู่วงการตอนอายุ 14 และมีความสุขกับการใช้ชีวิตวัยรุ่น เมื่อยังเป็นหนุ่ม ค่าตอบแทนที่เขาได้จากการทำงานส่วนหนึ่งนำมาสนับสนุนทางด้านการศึกษาของพี่ชาย/น้องชาย รวมทั้งตัวเขาเองด้วย และก็ยังเพื่อแผ่ให้แก่สังคมอีกด้วย
หนังสือพิมพ์ไต้หวันได้ทำข่าวบิดเบือนความเป็จริงจนกลายมาเป็นหัวข้อข่าวที่คนพูดถึงกันมากที่สุดบน BBS "นี่คือจำนวนคนที่ยอมรับและคนที่รับไม่ได้ไม่ยินยอม" (ซึ่งมีอัตราส่วนสูงทีเดียว) พวกเขาเรียก "ซูโหย่วเผิง" (คนขี้แพ้)" แต่เขาได้ตอบกลับไปว่า "ลองมาดูคำตำหนิฉันกว่าครึ่งหน้านี้สิ (ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เป็นความจริง)" ส่งผลให้เขาเสียความรู้สึกมาก
หลังจากนั้น ผู้อาวุโสท่านหนึ่งได้บอกกับเขาว่า "หน้ากระดาษข่าวมันอยู่ได้แค่ 1 วัน" "เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการประโยคนี้...ฉันจะใช้มันเพื่อท่องเที่ยวไปคนเดียว และคิดว่าในคืนนี้ฉันไม่ต้องการเจอใครสักคน" เป็นอย่างนี้มาปี-2 ปีแล้ว ในเวลานี้ไม่มีใครช่วยฉันได้ "ฉันต้องจัดการทุกอย่างเพียงคนเดียว" ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยระหว่างความกังวลกับความหงอยเหงาเศร้าซึม
Su Youpheng พยามที่จะแสดงละครเวที (Ju Hua Xiang) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าชักนำไปในทางที่ผิดหลังจากที่ได้แสดงไปในเวลานี้เขาไม่ได้กังวลใจ เขาเข้าใจดีและคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าความรู้สึกผิดหวังของเขา "มองสิ่งที่ขึ้นและลงด้วยใจ สิ่งนั้นก็จะเบาบางลง"