ผู้เขียน หัวข้อ: 2007 Big Star China Autopictorial  (อ่าน 8809 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
2007 Big Star China Autopictorial
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 09:42:43 AM »
Big Star China Autopictorial  7 กรกฏาคม 2007


อายุ 15 , ในวัยที่ทางด้านจิตใจปัญญาที่ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วนก็ได้เข้าสู่จุดสุดยอดของชีวิตก่อน ได้เผชิญวันแห่งความรุ่งโรจน์ด้วยตัวเอง จากนั้นก็เริ่มแสดงแบบเป็นจริงของ(The Truman Show) ไม่ว่าจะเป็นบนเวที่หรือนอกจอ ล้วนชอบสวมหน้ากากไปแสวงหาเลนส์กล้องที่มีทุกหนทุกแห่ง

เขาได้ไว้หนวดคราว เอาผิวตากแดดจนเป็นสีน้ำตาลแก่ เมื่อยิ้มขึ้นมาข้างตาปรากฎลายย่นที่เห็นได้ง่าย ทำให้ใบหน้าอย่างเด็กๆแสดงออกถึงการไม่ประกอบของการที่ได้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน วัยรุ่นที่คลุมเคลือในอดีตถูกกาลเวลาเปลี่ยนแปลง แต่การเริ่มงอกของความรู้สึกในจิตใจวัยหนุ่มนั้นกลับเข้มแข็งมาตลอด

ปีหนึ่งที่ผ่านไป เขาได้ปฎิเสธสัญญาหนังที่นับไม่ถ้วน ไปแสดงหนังที่รายได้น้อย ให้ตัวเองพักผ่อนอีกเป็นเวลาราวครึ่งปี แล้วกลับต้าจือกงส่อไท่ต้าไปเรียนคอร์ดการออกแบบระยะสั้น ได้วางภาระที่เป็นดาราขวัญใจ เปิดเผยถึงตนเองมีความสัมพันธ์ที่หนักแน่น

ขณะที่ได้ผ่านประสบการณ์ที่ขึ้นลงลอยจมอย่างนั่งในนภากาศ 18 ปี และสภาพจิตใจที่ดีบ้างร้ายบ้าง แห่งวัย 33 ปี .... เริ่มใช้ชีวิตที่ตนเองตามใจปรารถนา


มีให้ถึงได้รับ

สามารถเป็นดาราขวัญใจตั้ง18ปี ไม่ได้พึ่งในรูปโฉม เสียงร้อง หรือบทบาทใดๆ แต่เป็นบุคลิกเสน่ห์ที่ดึงดูดที่เขามีอย่างเหลือล้นอย่างแน่นอน

ดูจากภายนอก เขาเป็นคหบดีที่ไรที่ติ มารยาทดีงาม วาจานอบน้อม แต่ก็ไม่สามารถปิดคลุมความเป็นผู้สู้ศักดิ์ เวลาสัมพาษณ์นั้น ตาจะเพ่งจ้องมาที่คุณ ให้คุณรู้สึกว่าคุณเป็นผู้สำคัญ สิ่งที่ให้คนอื่นฝังใจที่สุดคือ เขายังเป็นผู้ที่คล่องสุดๆ คำพูดที่คล่อง ท่าทางที่คล่อง เหมือนว่าทุกอย่างในตัวนั้นถูกย่อให้กะทะรัด

ซูโหย่วเผิงในตอนนี้ ก็เหมือนเขาได้ขับขี่ความเร็วที่สูงมาก ด้านหนึ่งสืบช่วงความสูงศักดิ์ที่รวดเร็วของภายนอก อีกด้านก็เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะที่ว่องไว สามารถข้ามป่าดง ข้ามสายน้ำ ข้ามชุมชน รับการท้าทายแทบทุกลักษณะของภูมิประเทศ ทางภาพลักษณ์แต่กลับไม่มีการเหมือนอย่างการแข่งรถเร็วที่ต้องใช้แรงมาก แสดงออกถึงท่วงทำนองอย่างชายผู้จิตแข็งแรงจนองอาจกล้าหาญแบบตรงๆ แต่ภาพที่แสดงออกเป็นความแข็งเกร่งที่มีความอ่อนนุ่มประทับใจ


เขาใช้รถมาเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลงของตังเอง วัยสิบแปดปีที่มีรถคันแรกที่น่ารัก ยี่ห้อ "โตโยต้า" ก็เหมือนสมัยนั้นนับจาก “ไกวๆไผ”ของซูโหย่วเผิง ใช้ทนมั่นคง ราคาดี แต่เมื่อมองขึ้นไปก็ไม่ค่อยงาม ขาดท่วงทำนอง

ที่จริงสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นลักษณะภายนอก ตลอดเวลาผมยากจะทรยศ สำหรับตัดเอาเรื่อง "ไกวๆหู่" นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเรียน เพราะในตอนนั้นที่ผมเรียนเป็นโรงเรียนมัธยมที่ยอดเยี่ยมของไต้หวัน และแล้วให้ตั้งเป็นแบบอย่าง เป็นภาพลักษณะที่เพียบพร้อมไร้ที่ติ ในตอนที่ผมก่อให้เกิดค่านิยนนั้น ก็เหมือนดั่งไม้ที่แตกหน่อ ที่ยังไม่ได้ยืดกิ่งใบของตัวเองออกไปอย่างเต็มที่ ก็ต้องถูกการกดดันจากภายนอก กดขี่ให้ผมเติบโตอย่างปกติ โตเป็นคนที่ดีในหัวใจของชาวจีนทุก


ที่เขาชอบคือ "เหยากวุ่นเล่อ" แต่จำต้องร้อง (หูเตี๋ยเฟย) และ (หงชิงถิน) เพราะวัยและภาพลักษณะของคุณ ทางบริษัทก็ไม่ยอมให้คุณไปทำอย่างอื่น ระยะเวลานั้น ความขัดกันและความขัดแย้งนั้นมันเกิดขึ้นในใจผมอย่างรับไม่ไหว

ม.4ก็เริ่มเข้าสู่ "วงเสี่ยวหู่ตุ้ย" เพราะการฝึกซ้อมและการแสดงของวงนั้นทำให้การเรียนต้องล่าช้าสองปี แต่เขาได้ผลการสอบที่ห้าทั่วไต้หวัน สอบเข้าโรงเรียนที่มีชื่อในไต้หวัน ใครจะคิดถึง เขาในวันที่ไม่สามารถรับภาระนั้นได้แบกภาระหน้าที่ที่หนักหน่วงมาก สิ่งที่เขาได้ทุ่มเทแรงกายใจทั้งหมดไม่เพียงแต่เพื่ออนาคตเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นทำเพื่อเป็นแบบอย่างกับคนอื่น จะไม่ให้ความคิดผิดหวังของพวกเขาจนเขามาสร้างสิ่งที่เป็นปฎิหาริย์

ประมาณวัยยี่สิบ ซูโหย่วเผิงได้เปลี่ยนรถที่ในสมัยนั้นเป็นของคู่ไฮโซอย่าง "บีเอ็มดับบิว" ในสมัยนั้นที่ประสบผลสำเร็จอย่างเขา ชอบฟุ่งเฟื้อ รักกระพือข่าว ชอบซิ่งรถ สนุกกับการท้าท้าย ชอบส่งเสียงดัง และก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกับความโดดเดี่ยว


ทุกวันเลิกเรียน ขับรถผ่านหน้านักเรียน ดูพวกเขากอดคอเดินไปด้วยกัน ก็อิจฉาอย่างยิ่ง สมัยมหาลัยผมไม่ได้เข้าชุมนุมอะไร มีเพื่อนน้อยมาก ในวัยยี่สิบสิ่งที่ผมต้องการคือชีวิตที่ธรรมดา อยากจะเป็นบ๋อยในร้านอาหารหรือขายของข้างถนน สำหรับทุกคนแล้วธรรมดาคือการได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่ล้ำค่า

ยี่สิบเอ็ดปีในมหาลัยปีสามนั้น เป็นเด็กดีซูโหย่วเผิงเป็นเวลาหกปี กลับเลือกทำในสิ่งที่ให้ผู้อื่นต้องสลดใจ ได้ปล่อยปริญญาที่ได้อย่างง่ายๆ ทุ่มทั้งกายใจสู่วงการบันเทิง

มันเป็นการตัดสินใจที่ยากจริงๆ ขัดแย้งในใจมาก ยิ่งดังก็ทำให้ผมยิ่งเรียนไม่รู้เรื่อง การเรียนผมไม่ได้เรื่องก็อาจทำให้หลายคนไม่ชอบผม สองอย่างนี้มันอยู่ด้วยกันและมันขัดแย้งกัน แต่ผมก็รู้จักว่าชีวิตคนจำต้องมีการให้ก่อนถึงจะได้รับ เรื่องในโลกไม่มีเรื่องที่สมบูรณ์แบบทั้งสองเรื่องในเวลาเดียวกัน หลักการพื้นฐานทั่วไปคือ คิดให้ตกว่าสิ่งที่คุณต้องการนั้นแท้จริงคืออะไร


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Big Star China Autopictorial
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 09:45:50 AM »

เปลี่ยนในสิ่งที่เปลี่ยนได้ ยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้

การแยก วงของเสี่ยวหู่ตุ้ย บังคับให้วัยยี่สิบเอ็ดปีนี้เข้าสู่เส้นทางที่โดดเดี่ยว กลับรู้สึกว่าสังคมรอบข้างนั้นมันเปลี่ยนไปแล้ว อึกทั่งในอดีตนั้นก็ค่อยๆกลับเงียบเหงา

ในเว็บไซค์เรื่องหนึ่งที่สกิดใจผมมาก เกี่ยวกับคัมภีร์ชีวิตยี่สิบห้าคำ ในนั้นบอกว่า เปลี่ยนในสิ่งที่เปลี่ยนได้ ยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้ ผมอยู่ในสภาพที่การงานตกต่ำสุดๆ ขาดช่อดอกไม้และเสียงปรบมือของนักศิลปินนั้นอ้างว้างไหม ใช่ แต่ถ้าเชื่อมั่นและยืนหยัดมั่นคงตลอดนั้น ก็จะสะสมพลังอย่างเงียบ เหมือนดั่งปีนเขา ก่อนลุยน้ำข้ามเขา แบกความเงียบเหงาตลอดทาง แสวงหาคุณค่าของการกลับคืนมา ทุกคนล้วนแต่มีภูเขาหนึ่งลุกหรือสองสามลูก จะต้องไม่ละที่จะปราบปรามและอยู่เหนือมัน

เขาผู้ได้รับประสบการณ์ที่โด่งดังและตกอับก็รู้จักปรับตัวกับชีวิตเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจจะหยั่งรู้ได้ ตั้งแต่สิบห้าปีก็เริ่มเผชิญเลนส์กล้อง เขายิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกว่า ที่จริงชีวิตก็คือโรงละครที่ใหญ่ ที่คนล้วนเป็นผู้แสดงที่ไม่ได้เตรียมมาก่อน อยู่ในบทของตัวเองพูดคำพูดของตัวเองแสดงออกถึงชีวิตของตัวเอง


แต่ในวัยนี้ สิ่งที่เขาจะแสดงนั้นเป็นตัวตนแท้ๆของตัวเขา มรสุมพายุเงียบลงแล้ว กลับยิ่งสะอาดโปร่งใส

เขาเริ่มใช่เสียงต่ำ ใช้รถที่บรรทุกที่เร่นไปอย่างช้า สำหรับเขาแล้ว ความเป็นผู้ใหญ่ไม่เพียงแต่นำการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นคือมีจิตใจที่รับผิดชอบ ต่อครอบครัว ต่อสังคม ต่อความรัก

ความเป็นผู้ใหญ่ไม่เพียงเป็นการขุดคุ้ยจากด้านใน นอกจากเข้าใจตนเองอย่างเหมาะสมแล้ว และยังสามารถมีวิสัยทัศน์ของสภาพภายนอก โลกกว้างใหญ่ที่คุณอยู่นั้น สามารถใช้มหทรรศน์ของคุณมองธาตุแท้ของสิ่งต่างๆ

ก่อนวัยสามสิบ เขาชอบโค่นล้มตัวเอง ไม่ชอบทำในสิ่งที่ซ้ำซาก อยากจะเปลี่ยนแปลงตลอด อยากจะลองของใหม่ ปัจจุบันพฤติกรรมก็ยังเหมือนเดิมแต่จิตใจนั้นเปลี่ยนไปหมดแล้ว

ปีที่แล้วงานหลักของผมคือร้องเพลงออกเวที เพราะว่าน้อยมากจะมีคนหลักไปทำในสิ่งเหล่านี้ เขาก็ยังเอนไปทางสิ่งเล็กน้อย แต่สำหรับผมแล้ว คือการกระทำใจตัวเองแล้ว ช่วงเวลานี้ จะไม่ทุ่มสุดในการทำงานเพื่อชีวิตและชื่อเสียง สำหรับผมแล้ว เมื่อก่อนคือรับจ้าง ตอนหลังคือทำงาน ตอนนี้คือเล่นเกมส์


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Big Star China Autopictorial
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 09:55:57 AM »

ถ่ายหนังเรื่องหนึ่งสามารถรับค่าตอบแทนเป็นล้าน แต่รายรับการทำรายการนั้นก็เป็นเพียงแค่ศูนย์

ที่จริงตอนนี้มีอะไรมากมายที่ได้ปล่อยวางไปแล้ว เข้าใจแล้วว่าไม่มีอะไรที่จะอมตะตลอดไป ทุกสิ่งที่เป็นสิ่งของภายนอกที่มีนั้น สุดท้ายก็คือมันมาแล้วก็ไป หลายปีนี้ บ่อยครั้งผมมีความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงเสมอ เดี๋ยวก็มีมากมาย เดี๋ยวก็ไม่มีไรเลย ฉะนั้นท่าที่จิตใจที่เหนือกว่าและปลง ดีกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ มีงานก็ตั้งใจในการไปทำ พยายามมีความสุขกับมัน จะไม่ซีเรียสกับผลเท่าไรหนัก

ฉะนั้นปีหนึ่งที่ผ่านไป เขาได้ลดงานของเขาจนน้อยที่สุด ชีวิตที่ไม่มีความกดดันมารบกวน เขาทำในสิ่งที่ตนเองชอบทำเท่านั้น สิบกว่าปีก่อน ในช่วงการงานของเขาที่ดังมากนั้น ก็ได้ทำงานสาธารณะบ้างอย่างอย่างเงียบๆตลอดมา

ช่วยเหลือเด็กกำพร้า เข้าร่วมงานโครงการช่วยเหลือภัยพิบัติต่างๆ ปี 2005-9-17 เขากับกลุ่มเยาวชนจีนได้ร่วมงานกัน ได้จัดตั้งกองทุนสงเคราะห์ปักกิ่ง หลักๆเพื่อช่วยการศึกษาของเด็กชาวจีน ในขณะเดียวกันก็ได้ร่วมกับทางไปรษณีย์ของประเทศจีนจัดทำสมุดไปรษณีย์จำนวนสามหมื่นชุด รายได้นั้นได้นำเข้ากองทุนสงค์เคราะห์ซูโหย่วเผิง รายได้ครั้งแรกที่รับมาจนถึงปีที่แล้วนั้น ได้ปรับปรุงโรงเรียนที่ "เหอหนัน" และจะเปิดงานเร็วๆนี้



ความน่าติดตามของอนาคตที่ไม่สามารถคาดหมายได้

ในเวลาที่พักผ่อนครึ่งปีนี้ ชีวิตของซูโหย่วเผิงนั้นยุ่งมากกว่าการที่อยู่กับกองถ่าย ทุกวันก็จัดไว้เต็มหมด อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข ได้ติดต่อกับเพื่อนที่อยากจะติดต่อได้ เรียนสิ่งที่อดีตที่เคยสนใจ

นอกจากการออกแบบหลักสูตร ผมยังเรียนรู้การประดิษฐ์ และยังรื้อฟื้นการเล่นเปียโน ในอัลปั้มใหม่นี้ก็จะมีเพลงที่ตัวเองได้แต่ง แสดง ร้องเพลงทั้งสองอย่างนี้ก็ยังจะทำต่อไป ที่ต่างก็อยู่ที่ยิ่งจะตามใจตนเอง จะเลือกเฉพาะบทบาทและเพลงที่ตนเองชอบร้อง

แน่นอนตัองมีเรื่องความรัก นั่นเป็นสิ่งที่จะขาดจากชีวิตไม่ได้ เพียงแต่ชีวิตส่วนตัวก็ยังปิดบังไว้อย่างดี แทบจะไม่ได้ยินข่าวคราว อย่างมากก็คือเล่นกับคนที่แสดงด้วยกันและเพื่อนนอกจอ แต่ไม่นานมานี้ เขามีความรักที่มั่นคงมานานแล้ว

ในวัยรุ่นนั้น ชอบมีความรู้สึกที่บ้าระห่ำ รู้สึกว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่โรแมนติก ก็คือในช่วงหน้าหนาวได้วิ่งไปซื้อไอครีมที่เธอชอบ เสี่ยงเพื่อเธอหลายอย่าง เหมือนดังความรักของวัยรุ่นนั้นมันต้องตื่นเต้น ร้อนอย่างไฟ แต่ตอนนี้อายุมากแล้ว ก็ยิ่งชอบสภาพที่ปกติเรียบๆ ไม่มีการบังเอิญบ่อยๆ

เพียงแต่เรื่องแต่งงานเรื่องนี้ เหมือนว่ายังห่างไกลกับเขา...ผมไม่สามารถบอกว่าผมเป็นพวกที่ไม่อยากแต่งงาน แต่ที่จริงผมไม่อยากจะใช้ชีวิตที่เหมือนกับคนทั่วๆไปที่เป็นอยู่


ตอนเรียนมหาลัยเขาคุยกับเพื่อน รู้สึกว่าอนาคตสามารถเจอ จบแล้วทำงาน บากบั่นในการงาน แต่งงานมีลูก หลังสามสิบแล้วหัวใจก็อยู่ที่ลูก ซื้อบ้าน ซื้อรถ หาเงิน เลี้ยงครอบครัวเป็นเป้าหมายเดียว รอสิ่งเหล่านี้มีแล้วอายุก็ประมาณห้าสิบแล้ว

ตอนนี้ดูเพื่อนนักเรียนก็เดินเข้าทางที่ได้พูดไว้ในอดีต แต่เวลานั้นผมก็คิด นี้คือความหมายของชีวิตหรือ โง่สิ้นดี ผมไม่ต้องการชีวิตที่เป็นอย่างนี้

ในเมื่อจากอายุสิบห้าก็เลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่างไป นั่นคือการยืนหยัดตัวเองทำสิ่งไม่ธรรมดา ความน่าติดตามของอนาคตที่ไม่สามารถคาดหมายได้




Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Big Star China Autopictorial
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2016, 07:18:48 AM »

























Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2007 Big Star China Autopictorial
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2016, 07:19:17 AM »