ผู้เขียน หัวข้อ: 2010 Chu Wan Hui Ke Ting  (อ่าน 18883 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
2010 Chu Wan Hui Ke Ting
« เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 06:31:42 PM »
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากรายการ 

“ชุนหวันหุ่ยเค่อทิง-ค่ำคืนแห่งการสนทนาในห้องรับแขก”

11 กุมภาพันธ์ 2010

<a href="http://player.youku.com/player.php/sid/XODgxNjE1NzI4/v.swf" target="_blank" class="new_win">http://player.youku.com/player.php/sid/XODgxNjE1NzI4/v.swf</a>

专访苏有朋(春晚会客厅 搜狐娱乐)part 1
https://www.youtube.com/watch?v=LCjmgDTxXkU

【补】苏有朋专访(春晚会客厅 搜狐娱乐)part 2
https://www.youtube.com/watch?v=iWCj3DfF1u0

新浪网-苏有朋_2010春晚会客厅(清晰完整版)
http://v.youku.com/v_show/id_XODgxNjE1NzI4.html

搜狐春晚会客厅-苏有朋
http://www.tudou.com/programs/view/lczETHA1BT4/



Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 08:30:29 AM »
โหย่วเผิง-หวงยุ้ย น้ำตาคลอ - การรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นระเบิดทั่วจอเลย

หวงยุ้ย : ที่นี่เป็นรายการ “ชุนหวันหุ่ยเค่อทิง” ซึ่งร่วมกันจัดโดยสถานีหูหนัน กระผมหวงยุ้ย แขกรับเชิญที่จะมารายการของเรานั้นเป็นแขกผู้มีเกียรติจากสถานียางซือในรายการราตรีตรุษจีน ขอพวกเรายินดีต้อนรับ คุณ ซูโหย่วเผิง

โหย่วเผิง :สวัสดีครับ สวัสดีผู้ชมทุกท่าน ผมชื่อ ซูโหย่วเผิง

(ภาพและเสียงบรรยาย)


หวงยุ้ย : ระยะนี้ ผมเองรู้สึกว่าทุกคนกำลังเพ่งสนใจกับการรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ย ที่จะมาในรายการราตรีตรุษจีนของยางซื่อ เพราะมันได้นำมาซึ่งความทรงจำที่ดีมากมายมาสู่พวกเรา และเป็นสิ่งที่พวกเราเฝ้ารอคอยกัน อาจเรียกได้ว่ามาร่วมกันหวนย้อนอดีตด้วยกัน เมื่อวานผมได้ดูการซ้อมการแสดงของพวกคุณไปแล้ว ตลอดเวลาแห่งการซ้อมนั้นผมเองก็ได้นั่งอยู่ข้างล่าง และกับเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนเราต่างก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่

โหย่วเผิง : ผมเองก็กลั้นไม่อยู่เหมือนกัน

หวงยุ้ย : ใช่ๆๆ ตัวเองก็กลั้นไม่อยู่ ความรู้สึกอย่างนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ผมอยากจะรู้จัง

โหย่วเผิง : ตอนนั้นสมองผมมึนไปหมด คิดว่าคนที่ร่วมเติบโตมากับพวกเราก็จะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ตอนนั้นก่อนที่จื้อเผิงจะไปเกณฑ์ทหารนั้นพวกเราได้จัดคอนเสิร์ต “แล้วพบกันใหม่”ขึ้น ตอนนั้นอยู่บนเวที อายุผมยังน้อย ไม่ค่อยรู้ว่าอะไรคือความเจ็บปวดของการลาจาก ไม่รู้ว่าพวกเราจะจากกันในทันใด

หวงยุ้ย : ไม่เข้าใจว่าการลาจากคืออะไรหรือ?

โหย่วเผิง : ใช่ ตอนที่อยู่บนเวที ทันใดที่ร้องเพลง “ชิงผิงก่อเล่อเหยียน” นั้น สมองผมมึนไปหมด คิดขึ้นทันใดว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะร้องเพลงบนเวทีหรือเปล่า หรือว่าตลอดชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสร้องเพลงอีกแล้วหรือเปล่า ตอนนั้นผมเองก็เศร้าใจอย่างหนัก ทำให้ร้องเพลงไม่ออกเลย เมื่อวานความรู้สึกอย่างนี้ก็เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการซ้อมมาหลายครั้งแล้ว ผมคิดว่า ชัวร์แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีความรู้สึกอย่างนี้เกิดขึ้น เพราะเมื่อวานเป็นครั้งแรกที่มีผู้ชมเข้ามาอยู่หน้าเวที จากนั้นพวกเราได้โผล่มาจากใต้เวที เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น จากนั้นผู้ชมข้างล่างต่างก็ปรบมือให้ จริงๆ แล้วทางผู้กำกับ ได้เตรียมกับพวกเราไว้ว่า พวกคุณได้ตกลงกันแล้วมิใช่หรือ? ทั้ง 3 คนจะยืน pose ท่า ให้มันเทห์ๆ ทำไมไกวไกวหู่ อยู่ที่นั่น หัวเราะอะไร มีอะไรทำให้ดีใจหรือ?

ผมตอบว่า ผมควบคุมมันไม่อยู่ ตอนที่ขึ้นมานั้น ทุกคนก็ปรบมือ มันทำให้ผมมีความสุขมากๆในทันใด ทำให้ผมไม่สามารถทำได้ คุณรู้ไหม? จากนั้นอารมณ์ก็เริ่มเข้ามา แล้วยืนอยู่ตำแหน่งของตัวเอง แล้วดนตรีก็เริ่มดังขึ้น เหมือนกับว่าผมกำลังย้อนกลับไปอยู่ในวัยเด็ก ทันใดคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ จนมาถึงเพลงที่ 2 อารมณ์ถึงจะเข้าที่ แล้วเพลงที่ 3 มันนานแล้วที่ผมได้เคยได้สัมผัสและมีความรู้สึกที่เป็นขวัญใจของคนอื่น

หวงยุ้ย : นั่นเป็นเรื่องราวในสมัยอดีต

โหย่วเผิง : ใช่ มาถึงเพลงที่ 3 ผมถึงจะมีอารมณ์ร้อง เริ่มปล่อยตัวสบาย แล้วก็เริ่มเข้าปี่เข้าขลุ่ย และหลังจากเพลงนี้จบไปและพวกเราเดินลงจากเวที อารมณ์ของผมก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง

หวงยุ้ย : ตัวผมเองก็เข้าใจในอารมณ์อย่างนั้นเป็นอย่างดี เพราะขณะที่พวกเราได้ยินเสียงเพลงตอนอยู่ข้างนอกนั้น ทุกคนก็ล้วนดังเหมือนกัน คิดว่าความรู้สึกอย่างนั้นก็เสมือนตัวเองได้หวนคิดถึงอดีต อะไรเล็กๆน้อยๆมันสะกิดใจเรา และตอนที่คุณอยู่บนเวที หลังจากที่คุณลงจากเวทีแล้ว พวกคุณแต่งชุดที่เหมือนกัน พวกเราเห็นอย่างเดียวกันว่า ขณะที่พวกคุณใส่เสื้อเหมือนกันนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ยได้กลับมาแล้ว เป็นเสียวหู่ตุ้ยจริงๆ ไม่ว่าเวลาจะห่างกันไปกี่ปีก็ตาม พวกคุณยังเป็นเสี่ยวหุ่ตุ้ยอยู่ดี

โหย่วเผิง : ใช่

หวงยุ้ย : คุณมีความรู้สึกอย่างนี้หรือเปล่า?

โหย่วเผิง : พูดตรงๆว่า เริ่มแรกนั้น ผมคิดอยู่เสมอว่า คำว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย” นั้นเป็นคำที่คลาสสิค มันสูงเกินกว่าพวกเราทั้ง 3 คนแล้ว ไม่เพียงแต่เป็นของพวกเรา มันกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งไปแล้ว เป็นนามไปแล้ว น่าจะเป็นชื่อหนึ่งที่มีความหมายในแวดวงบันเทิงของชาวจีน

ตลอดเวลา ผมกลัวว่า เมื่อเราได้มีการรวมตัวกันแล้ว การแสดงของเราจะสู้ในอดีตไม่ได้ จะทำให้ความคลาสสิคของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย”เสื่อมไป และจะทำให้คุณค่า เสียวหู่ตุ้ย ในใจของทุกคนลดลงไป ผมยังคิดว่า หากการแสดงผิดพลาดขึ้นมา หรือเราทำไม่ได้ดีพอ ก็เหมือนกับการทำลายตัวเอง ก็เหมือนกับไมเคิล แจ๊กสัน หากว่าเขามีชีวิตอยู่ แล้วงานคอนเสิรต์ของเขากลับทำได้ไม่ดีพอ หรือว่าเวลาที่เขาเต้นอาจล้มลงไป ทุกคนก็จะคิดว่า คุณไม่มาเต้นไม่มาแสดงจะดีกว่า

เดิมทีนั้นผมเองก็คิดหนักเหมือนกัน ไม่อยากทำลายภาพ เสียวหู่ตุ้ย ในหัวใจของทุกคน แต่วันนี้ ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าหลังจากที่พวกเราได้มีการซ้อมการแสดงไปแล้ว ทุกคนก็ตั้งใจมากๆ บ้างก็ลดน้ำหนัก บ้างก็ตัดผม โกนหนวด พวกเราแต่ละคนก็ล้วนพยายามทำอย่างที่สุด เพื่อจะให้มีบรรยากาศอย่างอดีต ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นชุดที่จัดไว้สำหรับคืนนั้น มองแล้วทุกอย่างมันเข้ากับบรรยากาศอดีตมากๆ เลยทีเดียวเชียว

หวงยุ้ย : เสี่ยวหู่ตุ้ย ในใจคุณกับในใจของพวกเราคงคิด รู้สึกต่างกัน แท้จริงแล้วเป็นวงศิลปินอย่างไรกันแน่ หรือว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เป็นอย่างไร?


โหย่วเผิง : จริงๆ แล้ว คงไม่ต่างกันหรอก ผมรู้สึกว่า มันเป็นช่วงวัยหนุ่มสาวของพวกเรา ต่างกันเพียงแค่ คุณโตมากับการฟังเพลง แต่ผมโตมากับการร้องเพลง สำหรับผมแล้ว ผมได้โตมากับการร้องเพลงเหล่านี้ คุณอาจฟังไปแล้ว 100 รอบ ผมเองอาจร้องไปแล้ว 1,000 รอบอะไรอย่างนั้น สำหรับคนรุ่นนี้หรือผู้ฟังนั้น พวกคุณอาจมีเรื่องราววัยหนุ่มสาวมากมาย และตัวผมเองก็ไม่ต่างกับพวกคุณ หลังจากที่ผมเข้าสู่ วงเสี่ยวหู่ตุ้ย แล้ว วิถีชีวิตของผม กับคนในวัยเดียวกันกับผมก็เริ่มแตกต่างกันไป ผมก็เริ่มที่จะมีหน้าที่รับผิดชอบในการงาน เพราะตอนนั้นการเรียนผมก็ยังถือว่าโอเค ทั้งอาจารย์และเพื่อนๆต่างก็คิดว่าอนาคตนั้นผมอาจเป็นถึง ดร. หรือเป็นทนายความ หรือว่าเป็นอาจารย์ แล้วมันไปเป็นศิลปินได้อย่างไร ก็ไม่รู้ มันประหลาดเหมือนกัน

นับแต่นั้น ที่เริ่มย่างก้าวสู่เส้นทางนี้ จะหันกลับก็ไม่ได้แล้ว แน่นอนเริ่มแรกนั้นก็ยังไม่มีชื่อเสียง อายุผมยังน้อย ก็เหมือนกับรูปที่ทุกคนเห็นในสมัยก่อนอย่างนั้น ผมเป็นเด็กที่เชื่อฟัง ไม่ดื้อ เดียงสา ผมเองก็ไม่รู้ว่านี่เป็นการทำงานแล้ว มันสนุกมาก ทางบริษัทได้จัดตารางให้คุณเรียบร้อย ช่วงปิดเทอมก็จะทำงาน มีเสื้อผ้าสวยๆใส่ มีอาจารย์มาสอนคุณเต้น มาซ้อมให้กับคุณ บอกว่าตอนออกจากเวทีคุณต้องทำอย่างนี้อย่างนั้น ผมก็ตอบว่า ครับๆๆ ผมก็แฮปปี้กับมันมาก ไม่คิดอะไรมากมาย แต่ว่าจากนั้นเรื่องราวชีวิตอย่างนี้มันผ่านไปนานเข้านานเข้า ถึงจะรู้ว่าการมีชื่อเสียงมันเป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วการมีชื่อเสียงหรือคนอื่นสนใจคุณนั้นจะนำอะไรมาสู่คุณ

จากนั้นตัวเองก็เริ่มมีความทุกข์-สุขส่วนตัวของผมเอง ผมคิดว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับคนรุ่นเดียวกันในช่วงปี 80-90 ตอนนี้ความเดียงสา เด็กดีเหล่านั้นได้จากผมไปแล้ว พวกเราเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว พวกเราเริ่มเข้าใจแล้วว่า ชีวิตจริงของคนเราเป็นอย่างไร และเพลงเหล่านี้นั้นแท้จริงเป็นมันสื่อถึงอดีตของพวกเราที่อยู่ในวัยช่วงอายุ 10 กว่าถึง 20 ปี มันเคยเป็นช่วงเวลาที่ไร้ทุกข์ไร้โศกของชีวิต

หวงยุ้ย : ฉะนั้นคุณเอา เสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นความคลาสสิค เพราะความคลาสสิคอย่างนี้มันเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตของคุณ คุณเลยไม่อยากเปิดมันออกอย่างง่ายๆ และไม่อยากจะเตะต้องมันง่ายๆ?

โหย่วเผิง : เรื่องนี้นั้นหากจะพูดแล้วมันอาจมีความซับซ้อน พูดยาก แน่นอนในความรู้สึกของผมนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นช่วงวัยหนุ่มของผม นี่เป็น ความคิดส่วนตัวของผม นี่เป็นความคิดหลังจากที่ตัวเองคิดว่า เริ่มแรกก็เป็นการทำงานแล้ว และสุดท้าย มันก็ได้กลายเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตของผม ซึ่งมันสร้างความอัศจรรย์ให้กับชีวิตผม หรือว่ามันเป็นความคลาสสิค สิ่งนี้นั้นแม้ใครก็คิดไม่ถึง จนมาถึงช่วงหลัง ผมรู้สึกว่าคำว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย” นั้น ผมเองไม่รู้ว่าพูดถูกหรือเปล่า แต่อย่างน้อยมันเป็นความเข้าใจรู้สึกของผม

“เสี่ยวหู่ตุ้ย” คำนี้มันเหมือนกับเป็นสิ่งที่ดูสง่า มีศักดิ์ศรี มันไม่ได้หมายถึงเพียงพวกเรา 3 คนเท่านั้นแล้ว มันเป็นสัญลักษณ์ไปแล้ว มันเป็นปาฏิหาร์ยของแวดวงบันเทิงชาวจีนไปแล้ว มันมีความหมายอย่างนั้น ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งจะไปแทนได้ คำว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย” นี้กลายเป็นความคลาสสิค

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 08:34:35 AM »
(ภาพเสียงบรรยาย)

หวงยุ้ย : เป็นช่วงเวลาหนึ่ง และเป็นยุคสมัยหนึ่ง

โหย่วเผิง : ใช่ มันเป็นสัญลักษณ์ไปแล้ว เป็นสิ่งที่สื่อถึงสมัยนั้น ใจขมขื่นที่ถูกปรับปรำเข้าใจผิดของผมนั้น ไม่มีโอกาสได้ระบายเลย

หวงยุ้ย : ทำไมตรุษจีนปีนี้ ถึงได้มีการมารวมตัวกัน ก่อนหน้านี้เคยมีความคิดที่จะรวมตัวกันไหม หรือเป็นการเจอกัน

โหย่วเผิง : จริงๆแล้วปีนี้ ผมคิดว่าเป็นเวลาที่พอดี ปีนี้เป็นปีเสือ (เสี่ยวหู่แปลว่าเสือ) และพอดีทางผู้จัดรายการประสานมา ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสและเวลาที่เหมาะสมมากๆ จริงๆแล้วตัวเองก็เฝ้ารอเวลาโอกาสที่จะมาร่วมหวนระลึกอดีตกับแฟนๆ ทุกคนเหมือนกัน สำหรับผมแล้ว วิธีการหวนคิดระลึกของแต่ละคนนั้นอาจแตกต่างกันออกไป ความคิดของผม ก็เหมือนกับเมื่อกี้ที่พูดไป ความคลาสสิคนี้ไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ผมรู้สึกว่าการประสบความสำเร็จของ เสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น มันยิ่งใหญ่กว่าการประสบความสำเร็จของพวกเราแต่ละคน หลังจากที่พวกเราแยกทางกัน ผมไม่ต้องการให้ความคลาสสิคนี้โดนทำให้เสื่อมไป หรือว่าทำได้ไม่ดีพอ จนทำให้ความคลาสสิคที่อยู่ในใจของทุกคนต้องเสื่อมไป ผมคิดว่าหากทำไปแล้วมันเป็นอย่างนั้นก็เหมือนการทำบาป

ฉะนั้นผมคิดว่าถ้าจะรวมตัวกันก็ต้องคิดและวางแผนให้ดี สิ่งแรก ผมคิดว่าอย่าไปทำแบบขอไปที ก็เหมือนกับคุณหวังเฟย ก็เป็นความคลาสสิคที่อยู่ในใจของทุกคน หลายคนเติบโตมากับเสียงเพลงของเธอ ผมคิดว่าตัวเธอเองก็เข้าใจดีว่า คำว่า หวังเฟย นั้นไม่ใช่หมายถึงเฉพาะตัวของเธอเท่านั้น เธอจำต้องเอาความคลาสสิคสร้างมันขึ้นมา นั่นถึงจะเป็น หวังเฟย ในใจของคนทุกคน หากว่า หวังเฟย เหมือนกับดาราทั่วไปของวันนี้ รายการใดเชิญก็ตอบรับไปออกรายการด้วย หรือว่ารายการไหนก็เห็นแต่ หวังเฟย คุณก็จะรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ หวังเฟย ที่เราชื่นชอบ ทำไมถึงสามัญอย่างนี้ ตัวเธอไม่มีอะไรพิเศษ มันทำให้ไม่มีความรู้สึกเป็นเลิศ ไม่มีความรู้สึกอยากเห็นอย่างนั้นแล้ว


ฉะนั้นผมเองคิดว่า เสี่ยวหู่ตุ้ย ก็เช่นกัน ฉะนั้นผมก็ได้เฝ้ารอหาโอกาสอย่างนี้ ก็เหมือนกับเมื่อหลายปีที่แล้ว ผมคิดว่า หวังเฟย จะมาร้องเพลงออกรายการกับงานการกุศลที่ใหญ่ๆ หรือว่างานที่ยิ่งใหญ่อะไรสักอย่าง ก็เหมือนกับปีนี้ที่เธออยากจะร้องเพลงแล้ว แล้วเธอก็ได้เลือกเอารายการราตรีตรุษจีน ร้องเพลงหนึ่ง เธอยังคงจะรักษาความเป็น ราชินีหญิง ซึ่งอยู่ในดวงใจของทุกคน ความชื่นชอบต่อเธอนั้นไม่เคยตกต่ำเลย ตลอดเวลาเธอจะอยู่แบบเงียบๆ เธอมีเกียรติ์มาก เธอคลาสสิคมาก เธอเป็นคนที่พิเศษมาก “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ในใจผม ก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้ และโอกาสเวลาของปีนี้นั้น มันเป็นช่วงที่เหมาะและถึงเวลาแล้ว มันพอดีจริงๆ

หวงยุ้ย : จริงๆ เรื่องเวลาและโอกาสพอดีนั้น ผมอยากจะพูดนอกเรื่องหน่อย จริงๆแล้วเรื่องการรวมตัวการนั้นแฟนๆของทางโซ่วหู่ ก็ได้มีการพยายามเรียกร้อง เพราะก่อนหน้านี้รายการราตรีตรุษจีนนั้น ขณะที่มีการออกแบบสำรวจนั้น มีแฟนคลับของสถานีโซ่วหู่มากมายต้องการจะให้เสี่ยวหู่ตุ้ยรวมตัวกัน แต่สุดท้ายคิดไม่ถึงว่าทางผู้กำกับผู้จัดรายการก็ได้นำเรื่องนี้ไปพิจารณาและจัดการ จนเรื่องนี้สำเร็จ ฉะนั้นทางแฟนๆของสถานีโซ่วหู่น่าจะมีผลต่อการรวมตัวครั้งนี้ของเสี่ยวหู่ตุ้ยไม่น้อยเลย

โหย่วเผิง : ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกๆคน จริงๆแล้วก็อยากจะขอบคุณทางรายการด้วย

หวงยุ้ย : เป็นแฟนคลับสมัยช่วงปี 70-80 ฉะนั้นทุกคนก็ล้วนคุ้นเคยกับพวกคุณมากๆ

โหย่วเผิง : เรื่องพวกนี้ก็เป็นการพูดคุยถึงความในใจของพวกเรา มีสหายเก่าแก่มากมายที่มาเจอกัน ได้ทักทายกันก็เป็นเรื่องที่มีความสุขมากๆ แล้ว

หวงยุ้ย : เพราะก่อนหน้านี้ที่คุยนั้น ส่วนมากจะพูดสมัยเป็นนักเรียนด้วยกัน ในโรงเรียนของตัวเองก็เคยมี เสี่ยวหู่ตุ้ย ทุกชั้นก็จะเลือกขึ้นมา 3 คน

โหย่วเผิง : ผมก็ได้ยินเรื่องอย่างนี้เหมือนกัน

หวงยุ้ย : คุณคงไม่เคยได้ยินเรื่องของในห้องผม ในห้องผมเองก็ถูกเลือกเป็น ไกวไกวหู่

โหย่วเผิง : จริงหรือ?

หวงยุ้ย : ขณะที่ความทรงจำในอดีต ได้หวนกลับคืนมานั้น พอดีช่วงเทศกาลตรุษจีนก็เป็นช่วงที่พิเศษด้วย เพราะในตลอด 1 ปีที่ผ่านมานั้น ช่วงเวลาตรุษจีนนั้นทุกคนก็จะหวนคิด ก็จะมองเห็นอนาคต ก็จะมองเห็นความหวัง อารมณ์ความรู้สึกนั้นมันพิเศษจริงๆ และช่วงเวลาตรุษจีนนี้พวกคุณได้รวมตัวกันอีกนั้น รู้สึกถึงความรู้สึกที่เจอกับครั้งแรกอย่างนั้นยังมีอยู่หรือเปล่า? ยังเหมือนเดิมไหม?

โหย่วเผิง : เรื่องนี้ถ้าพูดแล้วความจะยาว เพราะว่าในตอนนั้น เวลาทำงานของพวกเรานั้นยาวจริงๆ ตอนนั้นนอกจากเวลาเรียนของผมที่มีมากแล้ว ฉะนั้นทุกคนในค่ายก็เข้าใจดี ฉะนั้นงานทุกอย่างของพวกเราจะอยู่ในช่วงปิดเทอม ปกติแล้ว เวลาปิดเทอมก็จะทำงานเกี่ยวกับ การโปรโมทงานของ เสี่ยวหุ่ตุ้ย งานถ่ายเอ็มทีวี ถ่ายโปสเตอร์ เช้าจรดเย็น พวกเราอยู่ด้วยกันทุกวัน ความสัมพันธ์อย่างนั้นมันเหมือนกับชีวิตที่อยู่ในค่ายเกณฑ์ทหาร หรือช่วงออกศึก ด้านการทำงานพวกเราเข้าขากันมากๆ เพราะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และนอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว พวกเรา 3 คนจะถูกจัดให้มี มาดหรือบุคลิก ในสไตร์ที่ไม่เหมือนกัน และทุกคนก็ชอบในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน และเรื่องมุมมองชีวิตหรือทัศนะของพวกเรา ก็จะไม่เหมือนกัน หรือว่าแวดวงของเพื่อนพวกเราก็แตกต่างกัน ฉะนั้นหลังจากที่เสร็จงานแล้ว ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ดี แต่เป็นเพราะมันไม่เหมือนกับตอนทำงานที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา

และตั้งแต่หลังจากที่จื้อเผิงไปเกณฑ์ทหารแล้ว หลังจากที่พวกเราแยกทางกันแล้ว ยุคสมัยของแวดวงบันเทิงก็มีการผลัดเปลี่ยนกันไปตามสมัย ฉะนั้นทำให้พวกเราต่างก็จะต้องลองไปแสดงหาหนทางเส้นทางชีวิตของตัวเอง ไปหาความถนัดของตัวเองแล้ว จากนั้นพวกเราก็คงจะไม่เหมือนกับสมัยก่อนที่ทำงานอยู่ด้วยกันอย่างนั้น.

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 08:38:02 AM »
(ภาพและเสียงบรรยาย)

หวงยุ้ย : เพราะว่าก่อนหน้านี้ ฉีหลง มารายการและได้ให้สัมภาษณ์กับรายการของเรา ก็บอกอย่างนั้นว่าสมัยนั้นพวกคุณ 3 คนกินนอนอยู่ด้วยกันเลย และได้เรียนด้วยกัน และได้แก้ไขปัญหาด้วยกัน เขาเปรียบเวลาช่วงนั้นของพวกคุณว่าเป็นช่วงเวลาที่ใกล้ชิดสนิทกันที่สุด เป็นอย่างนี้จริงๆหรือ?

โหย่วเผิง : ใช่ ตอนนั้นเป็นอย่างนั้นจริงๆ

หวงยุ้ย : พวกคุณยังนอนด้วยกันด้วย?

โหย่วเผิง : นอนคงไม่นอนด้วยกัน ทางบริษัทเรานั้นขี้เหนียวมากๆ ไม่ได้ให้ห้องพักกับเรา ฮ่าๆ เรื่องนี้ผมก็จำไม่ค่อยได้

หวงยุ้ย : ฉะนั้นคุณก็จะมีความทรงจำอดีตที่ร่วมทุกข์สุขด้วยกันอย่างนั้น มีอย่างนั้นจริงๆนะ

โหย่วเผิง : ใช่ เรื่องของช่วงนี้ผมจะพูดอย่างไรดีล่ะ ก็คือเป็นประสบการณ์แห่งช่วงเวลาที่ร่วมฝ่าฟันอุปสรรค์มาด้วยกัน ความทรงจำนี้มีคุณค่ามากๆ เป็นสิ่งที่พวกเราเคยมีด้วยกัน

หวงยุ้ย : เป็นความทรงจำที่มีร่วมกัน

โหย่วเผิง : ใช่

หวงยุ้ย : ฉะนั้นผ่านไปหลายปีแล้วตอนนี้ได้มีโอกาสมาอยู่ร่วมกัน คุ้นเคยหรือยัง?หรือว่าผ่านกาลเวลาค่อยคุ้นเคย

โหย่วเผิง : พูดตรงๆ เลยนะ ตอนแรกๆ ก็ยังรู้สึกห่างๆไม่ชินเหมือนกัน เพราะผ่านมาหลายปี เราต่างก็ใช้ชีวิตของตัวเอง มีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง เช่นตอนนั้นพวกเราได้สังกัดในค่ายเดียวกัน เราได้ร่วมต่อสู้ด้วยกัน แต่ตอนหลังเราต่างก็ไปสังกัดในค่ายที่ต่างกัน แล้วเราต่างก็มีเพื่อนร่วมรบใหม่ มีเป้าหมายใหม่ มีความใฝ่ฝันใหม่ของชีวิต ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตน การที่ต่างคนต่างทำงานของตัวเองนั้น เป็นเหตุให้เวลาในการสานความสัมพันธ์น้อยลง

หลังจากที่พวกเราจากกันไปกว่า 10 ปี พวกเราได้เจอกันแทบจะไม่ถึง 10 ครั้ง เราต่างก็ได้แค่เพียงนานๆ ส่งข้อความหากันทีหนึ่ง ความผูกพันธ์นี้สามารถบอกได้ว่า แม้จะห่างแต่ความสัมพันธ์นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเพื่อนทหารร่วมรบด้วยกัน มันจะไม่มีวันหายไป พวกเราคงจะไม่ใช่เพื่อนสนิทอย่างนั้นไปแล้ว ฉะนั้นแรกๆที่เจอกันก็จะมีความรู้สึกอย่างนั้นบ้าง เพราะว่าไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว แต่ว่าเมื่อมีแฟนๆ บวกกับเสียงดนตรีที่ดังขึ้น เห็นเหมือนกับในค่ายทหารเมื่อมีเสียงเรียกความพร้อมดังขึ้น ท่าเตรียมของพวกเราก็ยังคงเหมือนเดิม การเข้าขากันยังคงอยู่

หวงยุ้ย : ฉะนั้นเรื่องความสัมพันธ์อาจจะมีความเหินห่างไม่สนิทอยู่บ้าง น่าจะเป็นเพราะเวลาที่ห่างกัน 10 กว่าปีและไม่ได้เหมือนก่อนที่อยู่ด้วยกันทุกวัน และช่วงเวลา 10 กว่าปีนั้นพวกคุณสานความสัมพันธ์โดยการส่งข้อความหากัน แล้วได้มาเจอกันโดยบังเอิญในงานกิจกรรมนั้นคงมีน้อยมากใช่ไหม?

โหย่วเผิง : เจอ จื้อเผิง ในงาน 2 ครั้ง ตอนที่เจอเขาผมเองตื้นตันใจมาก เพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราคงจะเจอเรื่องดีเรื่องร้ายมาไม่น้อยเหมือนกัน มีครั้งหนึ่ง ผมจำได้ว่าน่าจะ 2-3 ปีก่อน ครั้งนั้นสถานีจงยางมีรายการหนึ่ง คนที่อยู่ต่อหน้าผมคือ เขา-จื้อเผิง วันนั้นจำได้ว่าน่าจะเป็นวันคล้ายวันเกิดเขา ทางรายการก็ได้วางให้ผมมอบของขวัญให้กับเขา ได้เซอร์ไพรส์เขา ตอนที่ผมอยู่หลังเวทีนั้น ผมเห็นจื้อเผิงร้องเพลงอยู่บนเวที ตอนนั้นเขาเพิ่งออกอัลบั้มใหม่ของเขา ที่เพลงหนึ่งในอัลบั้มซึ่งแปลมาจากภาษาเกาหลี ข้างๆผมมีโปรเจ็กเตอร์ที่ฉายเครื่องหนึ่ง ทันใดนั้นผมมองเห็นเขา เพราะนานแล้วที่ผมไม่เคยเห็นเขาออกมาแสดงบนเวทีอย่างนี้

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 08:42:30 AM »
โหย่วเผิง : ตอนมองเขาเห็นว่าเขาแสดงได้ยอดเยี่ยมมาก เขามากด้วยประสบการณ์ เขามีสไตร์ของเขาที่สุดยอดมาก ด้านหนึ่งรู้สึกอารมณ์หลงไหลตามบรรกาศ อีกด้านหนึ่งรู้สึกตื้นตันใจมาก พี่รอง คุณเจ๋งมากๆ พวกเราล้วนเดินผ่านมาไกลขนาดนี้แล้ว ผมเองก็ได้ผ่านร้อนหนาวมามากมายเหมือนกัน และได้เจอกันอีก หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอ คุณก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ดูคุณก็รู้ว่าคุณผ่านร้อนหนาวมาไม่น้อยเหมือนกัน ทันใดนั้นผมทั้งตื้นตันใจและประทับใจ จากนั้นตอนขึ้นไปบนเวทีผมก็กลั้นไม่ไหวแล้ว แปลกจริงๆ เป็นการจัดวันเกิดให้เขา แต่ผมกลับน้ำตาคลอเบ้า ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมกอดเขาไว้ได้ไง และเขาก็ได้ปาดน้ำตาผม บอกว่า น้องสาม เขาไม่รู้ว่าผมได้ฟังเพลงของเขาอยู่ข้างล่าง ผมตื้นตันใจจนทนไม่ไหวจริงๆ

หวงยุ้ย : ในบรรดาพวกคุณ 3 คนนั้น บ่อน้ำตาใครตื้นที่สุด ผมรู้สึกสนใจพวกคุณ 3 คน

โหย่วเผิง : ดูเหมือนแปลก แต่จริงๆแล้วผมเองไม่ใช่พวกบ่อน้ำตาตื้น แต่ว่าผมไม่รู้จริงๆ หากว่ามีอะไรที่มันสะกิดใจแล้ว ผมเองก็เป็นคนที่อารมณ์อ่อนไหวเหมือนกัน ในการทำงานนั้นผมเป็นคนที่ชอบอิงกับอารมณ์

หวงยุ้ย : ตอนที่จื้อเผิงจากไปนั้น เขาได้หวนคิดเล่าว่า เขาเป็นคนที่ร้องไห้เสียใจที่สุด เสียดาย วันนี้ไม่ได้เอาคลิปวันนั้นให้คุณดู เพราะก่อนหน้านี้ ฉีหลงมาในรายการนี้ ผมเองก็ได้เปิดคลิปนั้นให้เขาดูเหมือนกัน หลังจากที่เขาดูจบแล้วเขาทนต่อไปไม่ได้ ผมคิดว่า หากวันนี้ผมเอามาเปิดให้คุณดูแล้วคุณคงจะเหมือนกัน ฉีหลง

โหย่วเผิง : อื่ม คุณรู้ก็ดีแล้ว

หวงยุ้ย : ขณะที่เอ่ยถึงพวกคุณ 3 คน ผมมักจะเห็นนัยต์ตาจื้อเผิงมีแต่น้ำตา เวลาเอ่ยถึงความสัมพันธ์ของพวกคุณนั้น คุณก็คงจะมีความรู้สึกอย่างนั้นแน่ เพราะวันวานของพวกคุณนั้น ใช่ว่าเป็นความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนทั่วไปอย่างนั้น

โหย่วเผิง : พวกเรามีเรื่องราวมากมาย คิดว่าทุกคนก็น่าจะเหมือนกับพวกเรา

หวงยุ้ย : สิ่งเหล่านี้ก็เหมือนกับที่ผมเคยพูดถึงความสัมพันธ์ที่ดีมากๆกับเพื่อนในสมัยมัธยมปลายเหล่านั้น หากว่าไม่ได้เจอกับ 10 กว่าปี และเมื่อมาเจอกันอีก ความรู้สึกนี้ก็อาจจะเหมือนกับที่ผมเคยพูดไป คุณจะรู้สึกว่าคุ้ยเคยกันมาก และก็จะรู้สึกแปลกหน้าเหมือนกัน หากคุณได้โอบกอดกับเขา และได้พูดคุยกับเขา มันอาจทำให้สนิทขึ้น อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีความห่างเหินเล็กน้อย

โหย่วเผิง : เหตุเพราะมีความห่างเหินนั้นอยู่ ทำให้เวลาที่อยู่กับยิ่งนานก็จะยิ่งไม่เหมือนเดิม เพราะเดิมทีนิสัยก็ไม่เหมือนกันแล้ว ผมคิดว่าความผูกพันธ์ฉันเพื่อนในสมัยอดีตนั้นยังคงอยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเราล้วนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ความคิดก็ย่อมแตกต่างกัน มันอาจต้องใช้เวลาหน่อยในการปรับหากัน

หวงยุ้ย : ขณะที่ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่ และความคิดก็ไม่เหมือนกันแล้ว ในท่ามกลางพวกคุณหากมีปัญหาอย่างนี้ขึ้นมา พวกคุณจะจัดการอย่างไร ผมคิดว่านิสัยที่ต่างกัน ความคิดที่ต่างกัน คุณอาจจะเจอปัญหามากมายในขณะนั้น ท่าทีของทั้ง 3 คนก็ย่อมไม่เหมือนกัน

โหย่วเผิง : ใช่ ถูกต้องครับ

หวงยุ้ย : เมื่อเจอปัญหาที่ความเห็นต่างกัน แล้วพวกคุณจะหาทางแก้ไขกันอย่างไร?

โหย่วเผิง : ปกติแล้วผมเองก็เหมือนกับตอนนี้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยออกความเห็น

หวงยุ้ย  : เมื่อก่อนคุณก็เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดเหมือนกันนะ

โหย่วเผิง : ใช่ จริงๆแล้วเมื่อก่อนผมแทบจะไม่มีโอกาสพูด และไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน

หวงยุ้ย : เพราะคุณเป็นคนที่เล็กที่สุด

โหย่วเผิง : ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะต้องพูด เพราะตอนนี้นักข่าวจ้องที่จะเขียนข่าวผม ทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไรเลย พวกคุณว่าอย่างไร ผมก็ว่าอย่างนั้นประมาณนี้

หวงยุ้ย : ตอนนั้นฉันฟังพวกเขาพูดว่า คุณจะเป็นคนที่ฟังพวกเขาเป็นส่วนใหญ่ เพราะอายุคุณอ่อนกว่า พวกเขา 2 คนแก่กว่าคุณเล็กน้อย

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 05:57:25 PM »
โหย่วเผิง : ใช่ หากจะมองอีกมุมหนึ่งก็สามารถพูดได้ว่าเขาพวกเป็นคนที่เข้าใจผม รวมถึงเรื่องของเจ๊ๆ ทั้งหลายในบริษัทด้วย หรือพวกอาอี้ พวกเธอจะดูเลยผม เพราะพวกเธอเข้าใจว่าผมเป็นคนที่ยังไม่รู้ว่า อะไรคือการงาน ไม่มีใจต่อการงาน พวกเธอจะมองผมเป็นเพียงเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ไม่คิดว่านี่เป็นงานของคุณ ความเป็นจริงก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน พวกเขาคิดว่าผมเป็นคนที่ไม่จริงจัง หากผมร้องไม่ดี ผมก็สามารถไปเรียนหนังสือได้ อนาคตผมคงมีทางของผม นี่ถึงจะเป็นทางของผม ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นความคิดของพี่ๆ ที่มีต่อผม แต่ความเป็นจริงก็ถูกเหมือนกัน

สำหรับผมแล้ว แน่นอนนิสัยอย่างผมนั้นเวลาทำงานก็เอาจริงเอาจังนะ ผมขยันนะ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะบริหารอย่างไร ผมจะหาจุดยืนตำแหน่งผม ผมจะหาความสามารถของผม เรื่องเหล่านี้นั้นมันยังไกลเกินที่ผมจะไปคิดมัน ฉะนั้นรอจนผมแยกตัวบินเดี่ยว และผมได้ออกจากมหาลัย ในทันใด ผมเพิ่งรู้สึกว่าผมโตแล้ว ต่อไปผมคงต้องเลี้ยงดูครอบครัว ผมจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่ให้คนอื่นจัดชีวิตให้ผมอย่างนั้นไม่ได้แล้ว ผมไม่มีโรงเรียนที่จะกลับไป ผมไม่มีทางที่ถอยหลังแล้ว นั่นเป็นเรื่องต่อไปของคุณ

การรวมตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นจะเป็นความคิดส่วนตัวไม่ได้

หวงยุ้ย : แต่ผมเห็นว่าท่าทีที่คุณมีต่อ เสี่ยวหู่ตุ้ย นั้น ช่วงหลังๆ นั้นคุณจะเป็นคนที่มักจะมีท่าทีที่แข็ง แข็งต่อเรื่องของ เสี่ยวหู่ตุ้ย

โหย่วเผิง : ผมรัก เสี่ยวหู่ตุ้ย นะ

หวงยุ้ย : แต่ว่าน้อยมากที่จะได้ยินถึงคุณเอ่ย เสี่ยวหู่ตุ้ย พูดก็พูดน้อยมาก


โหย่วเผิง : ใช่ เหตุผลหนึ่งคือผมไม่ค่อยชอบคล้อยตามไปกับสื่อ ผมคิดว่าผมเข้าสู่วงการนานขนาดนี้ ทุกคนก็น่าจะรู้บุคลิกผมดี 2-3 ปีที่ผ่านไป แน่นอนผมรู้ว่าผมถูกป้ายสี ถูกว่าร้ายหลายอย่าง บางครั้งเรื่องเหล่านี้ผมเองก็ไม่รู้จะไปอธิบายมันอย่างไร


ผมจะขอยกตัวอย่าง ก็คือ มีนิทานเรื่องหนึ่งที่นิยมเล่ากันมาก คือเรื่องของเศรษฐี ผมเปรียบ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” เป็นบ้านของเศรษฐีนี้ก็แล้วกัน เศรษฐีหู่ มีลูกอยู่ 3 คน แน่นอนการที่ผมก็มีฐานนะเป็นลูกชายของตระกูลหู่ ผมมีสิทธิ์ที่จะไปกินใช้ในบ้าน บ้านผมมีเงินมาก ผมคิดว่าเพียงแค่ผมมีสิทธิ์นี้ก็พอแล้ว แต่ผมเองก็ย่อมอยากจะมีเกียรติของตัวเอง หรือว่าตัวเองควรจะมีการงานของตน ผมปรารถนาที่จะสร้างธุรกิจด้วยลำแข้งของตัวเอง แม้ผมรู้ดีว่าเงินที่จะหาได้จากธุรกิจโดยทั้งชีวิตก็ไม่สามารถที่จะเปรียบกับเงินในบ้านได้ แต่ผมเองก็อยากจะมีอะไรที่เป็นของผม ผมไม่อยากเป็นคนที่ใช้แต่เงินในบ้าน ใช้แต่รถในบ้าน ถ้าอย่างนี้ เหมือนกับว่าผมไม่อยากจะก้าวหน้าต่อไป ผมจึงไม่ชอบลักษณะแบบนี้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าผมปฏิเสธ “บ้านหู่” นะ แน่นอนผมโอ้อวดบ้านผม บ้านผมมีเงิน เป็นเกียรติผมมาก แต่ว่าตอนที่ผมทำงานอยู่ข้างนอกนั้น คุณจะเรียกผม “คุณชาย3”ก็ได้ แต่อย่างเรียกผมว่า คนงอมืองอเท้ากินในบ้าน


ผมคิดว่าจากที่ผมเล่าคุณน่าจะเข้าใจดี ไม่ใช่ว่าผมไม่รัก เสี่ยวหุ่ตุ้ย แต่ผมคิดว่าผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมไม่ใช่เด็ก 10 กว่าขวบ ผมจำต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง



หวงยุ้ย : ด้วยเหตุนี้เลยทำให้หลายคนเข้าใจคุณผิดได้ง่ายใช่ไหม?

โหย่วเผิง : บางครั้งมันอธิบายแล้วไม่เข้าใจ ผมก็ไม่อยากจะพูดอีก และก่อนหน้านี้ที่ผมเริ่มออกมาสร้างตัวด้วยตัวเองนั้น ตอนที่ผมยังไม่ประสบความสำเร็จใดๆเลยนั้น ทุกคนก็จะเย้ยว่า คุณน้อยๆ หน่อย คุณก็ไม่เห็นรุ่งเลย เพราะความสำเร็จของคุณในตอนนี้ เมื่อเทียบกับ ตอนเสี่ยวหู่ตุ้ย นั้นมันราวฟ้ากับดิน ไม่มีใครจะฟังคุณหรอก คุณกลับบ้านไปกินใช้ของบ้านดีกว่า ฉะนั้นตอนนั้นผมก็ได้แต่ หวานอมขมกลืน จนถึงวันหนึ่งผมรู้ว่าหน้าที่การงานผมประสบความสำเร็จแล้ว แม้มันจะเทียบกับ บ้านหู่ ไม่ได้ แต่ผมก็หวังว่าจากความสำเร็จเล็กๆน้อยๆนี้ มันจะเป็นโอกาสที่จะให้ผมได้พูด


หวงยุ้ย : ความเข้าใจผิดที่ใหญ่หลวงที่สุดที่คนอื่นมีต่อคุณนั้นคือเรื่องไหน?

โหย่วเผิง : ก็เรื่องพวกนั้นแหละ เป็นคำพูดที่ดูแล้วแทงใจดำผม จริงๆ แล้วผมปวดใจมากๆ

หวงยุ้ย : ที่ว่าคุณไม่รัก เสี่ยวหู่ตุ้ย เพราะคุณไม่อยากรวมตัวกันอีก เรื่องเหล่านี้หรือเปล่า?

โหย่วเผิง : มันเพียงแค่นี้หรือ? ในเว็ปยังมีคำด่าหยาบๆ มากมาย แต่ผมเองก็คิดว่าไม่เป็นไร ผู้ชายเนี่ย เมื่อทำงานในสังคม มีเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ ความจริงจะชนะทุกสิ่ง

หวงยุ้ย : คุณกล้าเผชิญกับคำพูดเหล่านี้ คุณกล้ายกตัวอย่างหรือเปล่า?

โหย่วเผิง : ไม่มีอะไรน่ายกตัวอย่าง

หวงยุ้ย : ไม่ต้องกลัวหรอก พวกเขากล้าว่าคุณ คุณก็สามารถยกตัวอย่างมาได้

โหย่วเผิง :ไม่มีอะไร พูดเรื่องเหล่านี้ไร้สาระ

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 06:03:29 PM »
หวงยุ้ย : ฉะนั้นสำหรับข่าวเรื่องนี้นั้น สิ่งที่คุณเลือกจะทำคือการนิ่งไม่พูด

โหย่วเผิง : มีหลายอย่างที่พูดแล้ว ยังไม่รู้เรื่องกัน อย่างที่ผมบอกท่าทีของความคลาสสิคของแต่ละคนนั้น ไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ไม่มีใครถูกหรือผิด หรือว่าใครดีใครชั่ว เพียงแต่ในใจผมนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ย ไม่ควรจะทำแบบขอไปที บางอย่างนั้น ก็เหมือนกับโอกาสของราตรีตรุษจีนปีนี้ มันเป็นเวลาที่เหมาะที่จะให้ เสี่ยวหู่ตุ้ยมาอวยพรทุกคน แต่บางอย่างนั้นผมเองก็คิดว่าให้ตัวผมไปทำคนเดียวก็พอแล้ว คือไม่จำเป็นที่จะให้ เสี่ยวหู่ตุ้ยไปทำ เพราะกลัวทำแล้วเสียหาย มันทำให้ภาพลักษณ์ของเสี่ยวหู่ตุ้ยในใจทุกคนเสื่อมไป แต่เรื่องบางอย่างยิ่งดูยิ่งมัว ฉะนั้นพูดก็ไม่เข้าใจ ไม่เป็นไร

หวงยุ้ย : เมื่อคุณเอ่ยเรื่องนี้ หลายคนจะมองว่าโหย่วเผิงนั้นเล่นตัว ว่าโหย่วเผิงอย่างนั้นอย่างนี้

โหย่วเผิง : ฉะนั้นจึงไม่เป็นไรไง คิดว่าปีนี้เวลาโอกาสมันเหมาะจริงๆ ปีนี้ต้องขอขอบคุณทางรายการ และขอบคุณที่ปีเสือพอดี ฉะนั้นผมจึงฉวยโอกาสนี้ จริงๆแล้วผมมีงานที่จะต้องถ่ายภาพยนตร์เหมือนกันแต่ก็ละไว้ก่อน เพื่อจะมาร่วมรายการนี้และมาอวยพรปีใหม่กับทุกคนๆ นี่ก็เป็นความตั้งใจอย่างหนึ่งของผมเหมือนกัน เพราะทุกคนรักพวกเรา และพวกเราก็รักทุกคนเหมือนกัน

20 ปีแล้ว ทุกคนยังรักคิดถึงเรา หากแต่จะพูดอีกมุมหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นของพวกเราความคลาสสิค ไม่เพียงแต่เป็นเสี่ยวหู่ตุ้ยเท่านั้น ยังมีดาราดังอีกหลายท่านด้วยกัน หรือจะเป็นขวัญใจท่านอื่นๆด้วย แต่ทำไมวันนี้พวกเขากลับไม่มีเสียงมาเรียกร้องหาพวกเขา อาจเป็นเพราะ เสี่ยวหู่ตุ้ย พวกเราสามารถที่จะหาเวลาและเวทีที่เหมาะสมที่สุดแล้วค่อยออกมา เพราะพวกเรารวมตัวกันน้อยมาก เลยทำให้วันนี้ยังเรียกร้องหาเสี่ยวหุ่ตุ้ยกันอยู่ ไม่ใช่หรือ? หากว่าพวกเราได้รวมตัวกันแต่โน้น แล้วจะมีวันนี้ของเสี่ยวหู่ตุ้ยไหม ? แล้วเสี่ยวหู่ตุ้ยจะนำอะไรมาสู่ทุกคนได้ ? นี่เป็นท่าทีที่ผมมีต่อค่ำว่า “เสี่ยวหู่ตุ้ย"

หวงยุ้ย : พวกเรากลัวคุณจะไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้ พวกเรากลับหลังจากขึ้นแสดงในงานราตรีตรุษจีน เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ปรากฏแล้ว พวกเราได้หวนคิดความทรงจำดีในหลายอย่างด้วยกัน พวกคุณนำสิ่งเหล่านั้นมาให้กับพวกเรา ผมกลัวส่วนตัวคุณเองจะไม่สบายใจ

โหย่วเผิง : ไม่มี ผมสบายใจดี แต่ว่าบางครั้งก็จะมีคำพูดที่เสียดสีบ้าง แต่บอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็เป็นไปไม่ได้ เมื่อเห็นแฟนคลับมากมายมีความสุข ทุกคนได้หวนอดีต ทุกคนได้มีความทรงจำที่ดีๆ ผมเองก็มีความสุขเพราะผมได้มีส่วนในเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่ดีสวยงาม แค่นี้ก็ดีแล้ว

หวงยุ้ย : หลายคนงงมาก ไม่รู้ว่าทุกคนพูดอะไรไป ทำให้โหย่วเผิงไม่สบายใจอย่างมาก หรือว่าแทงใจคุณ

โหย่วเผิง : คุณลองเข้าไปในเน็ตแล้ว ไปอ่านดูก็จะรู้ ว่ามีคำว่าด่ามากมาย และการเข้าใจผิดมากมาย ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น และตอนนี้เราได้รวมตัวกันในคืนตรุษจีนแล้ว และพวกเราได้มาอวยพรปีเสือกับทุกๆคนแล้ว คิดว่าเรื่องเหล่านี้น่าจะจบได้แล้วมั้ง ผมรักเสี่ยวหู่ตุ้ยจริงๆ แต่มีบางอย่างมันใช้คำพูดอธิบายไม่ได้ ก็เหมือนกับที่ผมได้พูดไปเมื่อตะกี้ ผมเองก็อยากจะมีอะไรเป็นของตนเองบ้าง

หวงยุ้ย : คุณลองโต้ตอบคำถามหนึ่งของผมซิ แฟนชาวเน็ตหลายๆ คนคิดว่าเป็นเพราะโหย่วเผิงได้ดิบได้ดีไปแล้วหรือเปล่า ทำให้ทุกคนคิดว่าคุณไม่ค่อยสนใจกับเรื่องเสี่ยวหู่ตุ้ย หรือว่าคุณอาจไม่ใสใจหรือทุ่มเทกับมัน คุณลองโต้ตอบผมซิ

โหย่วเผิง : การแสดงในคืนวันนั้นคุณเห็นผมไม่เต็มที่หรือเปล่า ? ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ และตัวผมเองก็ไม่ได้ดังขนาดนั้น เรื่องที่ว่ากันนั้นไม่ใช่ความจริง ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย

หวงยุ้ย : แล้วมีอะไรที่เจ็บปวดในใจบ้าง มีคำพูดที่อยากจะพูดกับเขา 2 คน ผมเองก็ถอนหายใจเหมือนกัน ต้องขออภัยที่ผมพูดแบบนี้

โหย่วเผิง : ไม่มีอะไร ผมคิดว่าแม้จะเป็นเพื่อนพี่น้องที่ดีขนาดไหนก็ตาม แน่นอนคำพูดบางอย่างนั้นมันไม่มีโอกาสได้พูด บวกกับพวกเราก็ได้ห่างกันกว่า 10 ปีแล้ว จริงๆ แล้วพวกเราแต่ละคนก็มีโลกของแต่ละคน มีเพื่อนของตัวเอง มีงานของตัวเอง ทั้งยังมีเป้าหมายและความใฝ่ฝันที่ต่างกันด้วย

แน่นอนรู้สึกงานของคืนนั้นดูเรียบง่าย จริงๆ แล้วพวกเราแค่อยากจะใช้เสียงเพลงคลาสสิคบนเวที ถ้าดูทั่วๆไปแล้วก็จะเหมือนกันหมด แต่ถ้าจะเปรียบแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ผมก็มีทีมผู้จัดการของผม หลายปีที่ผ่านมานั้น ตอนที่พวกเรายังไม่มีการรวมตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ย คนเหล่านี้ได้มาช่วยผม ติดตามผม เสมือนคนในครอบครัว สามารถบอกได้ว่าพวกเขาเป็นเด็กกลุ่มหนึ่ง พวกเราอยู่ด้วยกันนั้นมีเป้าหมายเดียวกัน พวกเราฝ่าฟันเพื่อเป้าหมายด้วยกัน แม้ความฝันนี้ยังสาวไปไม่ถึง แต่อย่างไรก็ตามพวกเราร่วมเดินมาด้วยกันยาวนานแล้ว แล้วตอนนี้มีเสี่ยวหุ่ตุ้ยเข้ามา กับเพื่อนพี่น้องเก่า บางครั้งใช้เหล้าในการพูดคุยเรื่องอดีต คืนหนึ่งก็รู้สึกสุขใจมาก มันสบายใจมาก แต่ก็เหมือนอย่างที่คุณพูดหลังจากที่จากกันแล้ว ผมก็มีหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบ ผมไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว พวกเราจะทำโน้นทำนี่ จริงๆแล้วทุกคนก็เหมือนกัน เรามีครอบครัวของเรา มีการงานของเรา มีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 06:08:27 PM »
หวงยุ้ย : ฉะนั้นเรื่องการรวมตัวกันอีกครั้งนั้น จะยืดเวลาออกไปหรือต่อไปไม่ได้ใช่หรือเปล่า?

โหย่วเผิง : จริงๆแล้ว ผมรู้สึกว่า ผมเคยเห็นผู้จัดการส่วนตัวของฉีหลงในทีวี เขาพูดสิ่งที่มีผมรู้สึกได้ดีมาก พวกคุณรู้ว่างานคืนนี้ 3 เพลงนี้ ยังถือว่าเป็นเพลงรวมตัว พวกเราได้ซ้อมกัน 5 วันเต็ม นานมาก อาจจะนอกจากจื้อเผิงที่จะเต้นบ่อยๆ การเล่นภาพยนตร์ของฉีหลงก็คงจะมีแต่หนังบู้ แต่ว่าพวกเราไม่ได้แสดงแบบขวัญใจวัยรุ่นอย่างนี้มานานแล้ว พวกเราใช้เวลากว่า 5 วัน หากจะมีงานคอนเสิร์ตนั้นอย่างน้อยต้อง 20-30 เพลง มันคงต้องใช้เวลาซ้อมที่นานมากเหมือนกัน โดยเฉพาะนิยามของเสี่ยวหู่ตุ้ยในใจผมนั้น มันอาจไม่ใช่เป็นของพวกเรา 3 คนเท่านั้น เป็นเสี่ยวหู่ตุ้ยของทุกคนด้วย หากจะมีการแสดงนั้น คุณคิดว่าผมจะไปแสดงแบบถูๆไถๆได้ไหม ผมจะไม่ทำเด็ดขาด

ทุกคนลองจินตนาการดู ยกตัวอย่าง หวังเฟย เธอไม่เก่งในด้านการเต้น แต่เขามีอาชีพในด้านการร้องเพลง ปีนี้เธอจะจัดงานคอนเสิร์ต ก็เตรียมเกือบจะถึงเดือน 9 เดือน 10 จะเห็นได้ ว่าจะจัดงานคอนเสิร์ตที่มีมาตรฐานนั้น จำต้องใช้เวลา เป็นสิ่งที่มันเกินความคิดของคนทั่วไปและดาราทั่วไปจะทำกัน สำหรับผมกับฉีหลงหรือจื้อเผิงแล้ว มีสัญญาหรือแผนงานบางอย่างนั้นได้วางโครงการไว้แต่ปีที่แล้ว แล้ว ฉีหลงยิ่งไปใหญ่เลย เขามีบริษัททำอัลบั้ม เขาอาจเป็นผู้สร้างผู้ผลิต สร้างหนังสร้างละคร ปีนี้เขาก็มีงานละคร งานภาพยนตร์ สำหรับพวกเราแล้วไม่ใช่ว่าหลังจากที่ดูการแสดงคืนตรุษจีนเสร็จแล้ว ทุกคนก็ประทับใจ แล้วพวกเราก็จะออกคอนเสิร์ตทัวร์ในเดือนต่อไปเลยอย่างนั้น ไม่ใช่ นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าพวกเราต้องรับผิดชอบต่อผลงานที่จะแสดง ฉะนั้นงานนี้นั้นมันเป็นไปได้ยาก


หวงยุ้ย : บรรดา 3 คนนั้น ใครเป็นคนที่ยืนหยัดที่จะทำคอนเสิร์ตนี้ที่สุด?

โหย่วเผิง : ผมคิดว่าน่าจะเป็น จื้อเผิง

หวงยุ้ย : เขายืนหยัดในความคิดนี้


โหย่วเผิง : จะพูดอย่างไรดี สำหรับผมแล้วผมเป็นคนที่หวนอดีต แต่ว่าชีวิตผมนั้นจะอยู่แต่กับอดีตมันไม่ได้ มันอาจเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ก็เหมือนกับคนเราแม้จะดังได้ดี ก็ต้องให้เกียรติอาจารย์ในอดีต คนเราจะลืมอดีตก็ไม่ได้ แต่ผมก็ไม่หวังที่ทุกวันของผมจะอยู่กับอดีต จากเรื่อง“เฟิงเซิง”ก็น่าจะรู้ว่า แท้จริงผมเป็นคนที่แสวงหาความเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่มองข้างหน้า ผมไม่ชอบเดินทางเก่า ผมคิดว่านี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทุกคนให้โอกาสผมและผมอยู่ได้มาจนถึงวันนี้ ผมยังยืนอยู่ที่นี่ ฉะนั้นผมเลยคิดว่าผมจะใช้คืนตรุษจีนมาอวยพรให้กับทุกคน ผมคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่ผมจริงใจกับทุกคนที่สุด

หวงยุ้ย : สงสัย จื้อเผิง ได้ยินคำพูดของคุณ เขาคงคิดว่าความฝันของเขาสลายแน่ จื้อเผิงอยากจะสานฝันนี้มาก

โหย่วเผิง : เรื่องนี้นั้นจริงๆ แล้ว พวกเราไม่ได้พูดคุยกันเป็นจริงเป็นจัง แต่ว่ามีบางเรื่องนั้นมันยากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตารางเวลา เรื่องนี้ก็เหมือนกับเมื่อกี้ที่ผมพูดไป เราต่างก็มีครอบครัวกันแล้ว ทุกคนมีหน้าที่การงาน พวกเราไม่ได้เป็นพวกเราในสมัย 20 ปีก่อนอย่างนั้นแล้ว

หวงยุ้ย : แสดงว่าคุณอยากจะให้จื้อเผิงเผชิญกับความจริง

โหย่วเผิง : ผมไม่ได้พูดอย่างนี้นะ

หวงยุ้ย : อื่ม ต้องคำนวนให้ดี วางแผนก่อนจะทำ

โหย่วเผิง : ผมไม่ได้พูดอย่างนี้นะ

หวงยุ้ย : แล้วคุณกลัวเขาโกรธคุณไหม หากว่าเขาเป็นคนที่ตั้งใจจะทำจริงๆ กลัวไหมเมื่อเขาได้ยินคำพูดคุณแล้วเขาจะโกรธคุณ หรือเสียใจ เพราะดูแล้ว จื้อเผิง ไม่ค่อยมีงานใหญ่ๆที่เขาทำ หรือจะเป็นด้านการงานที่เขาก็ยังเหมือนเดิม

โหย่วเผิง : อันนี้ผมเองก็ไม่ได้คิดเหมือนคุณ จริงๆแล้วพวกเราทั้ง 3 ต่างก็มีจุดแข็งจุดเด่นของตน ผมหวังว่าแฟนๆที่รักชอบเสี่ยวหู่ตุ้ยทุกคน ไม่ว่าพวกเรา 3 คนจะรวมกันอยู่ หรือจะแยกกันอยู่ ต่างคนต่างไปมีอาชีพใหม่ ผมหวังว่าทุกคนยังคงจะสนับสนุนพวกเรา 3 คนเหมือนกัน

และขอสื่อบางสื่อ อย่าลงแต่ข่าวที่แทงใจกันและกัน มันไม่แฟร์สำหรับพวกเราเลย หากว่าคุณรักเสี่ยวหู่ตุ้ยจริงๆแล้ว อย่าทำแบบนี้กับพวกเราเลย ในสายตาผมนั้น จื้อเผิงเป็นคนที่มีความสามารถในด้านการแสดงเป็นอย่างมาก เขายังเก่งในด้านการเต้นด้วย บวกกับละครเวทีที่เขาเพิ่งแสดงผ่านไปนั้น ผมเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากๆ ทุกคนควรจะให้โอกาสกับเขา เขาสามารถที่จะทำได้ ฉีหลงนั้น ด้านการแสดงของเขาก็เยี่ยมมากเหมือนกัน รูปร่างของเขาก็ดีมาก อายุราวอย่างเรานี้ เขายังมีรูปร่างที่ดีอย่างนี้หาได้ยาก เขาเป็นคนที่เก่งมากๆ ผมคิดว่าหากเขาเดินในเส้นทางหนังบู้แล้ว จะไม่แพ้ เรื่องกังฟู แน่นอน ผมเชื่อว่าเขาสามารถสร้าง กังฟูมังกร ได้

ผมหวังว่าหากว่าทุกคนรักเสี่ยวหู่ตุ้ย ทุกคนรักพวกเราจริงๆแล้ว ก็ให้สนับสนุนพวกเรา สนับสนุนในสิ่งที่พวกเราทำ ก็เหมือนเพลงที่พวกเราเคยร้อง ผีเสื้อบินๆ ยังมีอนาคตที่สดใสรอพวกเราอยู่ไม่ใช่หรือ?

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 06:11:49 PM »
หวงยุ้ย : ช่วง 2-3 ปีมานี้จื้อเผิงจะพูดถึงเรื่องการรวมตัวกันบ่อยมากๆ เขาเคยพูดกับพวกคุณไหม?

โหย่วเผิง : จริงๆแล้วไม่เคยเลย ไม่เคย

หวงยุ้ย : แล้วทำไมเมื่อกี้พูดซ้ำๆ แล้วมันหมายความว่าอะไร

โหย่วเผิง : ก็คือติดต่อกันไม่มาก

หวงยุ้ย : จริงอ่ะ

โหย่วเผิง : ใช่ จริงๆ แล้ว ผมได้ส่งข้อความให้เขา ก็คือวันเกิดของเขา เขาก็ส่งมาให้ผมเหมือนกัน ผมก็ส่งไปให้เขา บางครั้งผมรู้ผ่านเน็ตว่าเขาจะมาถ่ายละครที่ปักกิ่ง หรือว่ามาทำงานที่ปักกิ่ง ผมก็จะส่งข้อความให้เขา หากว่างก็มากินข้าวด้วยกันหรือทำอะไรกัน แต่ว่างานถ่ายละครของเขาคงยุ่งมาก สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกัน

หวงยุ้ย : สำหรับพวกเราที่เป็นผู้ชม ก็ปราถนาที่จะให้เสี่ยวหู่ตุ้ยมีภาพอย่างนี้ตลอด แต่เมื่อกี้คุณก็ได้พูดถึงปัญหาอุปสรรค์ต่างๆในการรวมกัน นี่เป็นปัญหาที่ไม่มีใครจะเอาไปคิด สำหรับคุณแล้ว คิดว่างานแสดงของคืนตรุษจีนปีนี้ เป็นการมารวมตัวกันครั้งสุดท้ายหรือเปล่า?

โหย่วเผิง : เรื่องอนาคตผมไม่กล้าพูด จริงๆแล้วเมื่อวานตอนซ้อมนั้น ทันใดนั้นผมเองก็ตื้นตันใจมาก มีอารมณ์อย่างนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปจะนานขนาดไหนหรือเมื่อไหร่ เป็นโอกาสที่เหมาะและทุกคนสามารถวางงานของตัวเองได้ มาฟื้นความสัมพันธ์ หาความรู้สึกของการเต้น ไม่รู้ว่าโอกาสอย่างนี้จะมีอีกเมื่อไหร่กัน ฉะนั้นผมเองก็คิดว่าผมเองก็ไม่กล้าพูด

หวงยุ้ย : ต้องขออภัยที่ผมต้องพูดแบบเด็ก ขอร้องคุณวางงานทุกอย่างที่จะทำลงก่อน แล้วมาเตรียมงานคอนเสิร์ตทัวร์ด้วยกัน คุณยินดีไหม? ให้ละงานทุกอย่างไว้ก่อน

โหย่วเผิง : ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่มันเป็นไปยาก เช่นยกตัวอย่างการเซ็นสัญญาที่จะถ่ายหนังของผมนั้น หรือเป็นงานอื่น ผมไม่สามารถจะทิ้งพวกเขาได้ นั่นก็เป็นการไม่รับผิดชอบอย่างหนึ่ง จริงไหม?

หวงยุ้ย : ทุกคนก็หวังไว้อย่างนี้ แฟนคลับทางสถานีก็มีความหวังอย่างนี้เหมือนกัน ทุกคนเฝ้ารอดู เหมือนกับที่เราได้ยินเสียงเพลงของพวกคุณ 3 คนอย่างนั้น เป็นความรู้สึกที่ให้หวนย้อนเวลา ผมเชื่อว่าปีที่จะมาถึงนี้ โหย่วเผิงก็มีโครงการต่างๆที่ได้วางไว้แล้วใช่หรือเปล่า?

โหย่วเผิง : ใช่ ก็คือหลังเทศกาลตรุษจีนแล้ว มีหนังเรื่องหนึ่งจะเปิดกล้อง เรื่องนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะ

หวงยุ้ย : เปิดเผยหน่อยได้ไหม

โหย่วเผิง : บอกได้เลยว่าเป็นแนวหนังที่ในประเทศ ยังไม่มีการสร้างในแนวลักษณะนี้เลย

หวงยุ้ย : ในประเทศยังไม่มีแนวนี้เลย

โหย่วเผิง : อื่ม สนุกมากๆ เรื่องนั้นเริ่มแรกจะสงสัยมากๆ จะทำให้คุณต้องติดตามต่อไปให้ได้ มันมีบางส่วนที่เหมือนกับเฟิงเซิง สนุกมากๆ

หวงยุ้ย : แล้วตอนจบจะโหดร้ายไหม

โหย่วเผิง : ช่วงกลางอาจจะมีคนตาย จะว่าโหดก็ไม่โหด แต่ว่าตอนจบนั้นจะคลี่คลายทุกข้อสงสัย ฉะนั้นคุณต้องดูให้จบ มันจะดึงความสนใจคุณ หากว่าการแสดงทั้งเรื่องเหมือนดังที่เขียนไว้ ผมว่าสนุกมากๆ

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 06:14:44 PM »
(ภาพและเสียงบรรยาย)

หวงยุ้ย : พวกเราก็คุยกันมามากมายแล้ว ผมอยากจะพูดความรู้สึกจริงๆหน่อย ผมรู้สึกว่าปีนี้คุณแบกรับหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกิน แล้วในใจคุณก็มีหลายๆเรื่อง มีคำพูดหลายๆอยากจะพูด

โหย่วเผิง : คนเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นอย่างนี้มิใช่หรือ? มีบางอย่างคุณคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีก็จะต้องแบกรับไว้ และสำหรับผมแล้ว

“เสี่ยวหู่ตุ้ย” นอกจากจะเป็นช่วงวัยหนุ่มของพวกเราแล้ว ผมก็หวังว่ามันเป็นตำนานแห่งความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องที่ไม่ตายจากเราไป ผมคิดว่าช่วงยุคสมัยของพวกเรานั้น คิดว่าเมื่อโตแล้วก็คงจะไปหาความสัมพันธ์แบบนี้จากที่ไหนไม่ได้อีก ฉะนั้นผมคิดว่าในใจทุกคนแล้ว “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ก็เป็นความใฝ่ฝันที่สวยงาม ทุกคนอาจจะรอคอยในสิ่งที่ชีวิตจริงเป็นไปไม่ได้ แต่ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ทั้ง 3 คนทำได้ ในสิ่งเหล่านี้ ฉะนั้นผมคิดว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเอาสิ่งนี้เป็นมาตรฐานของชีวิต


หวงยุ้ย : ผมอยากจะบอกกับคุณว่า ต้องลำบากคุณแล้ว

โหย่วเผิง : ไม่ได้ลำบากผม ไม่มี มันไม่ลำบากผม แต่เป็นสิ่งที่ผมสมควรอยู่แล้ว นี่เป็นคำที่ผมมักจะพูดต่อหน้าสื่อ เป็นหน้าที่ที่ผมจะรักษาความคลาสสิกนี้ไว้ ในเมื่อผมโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเสี่ยวหู่ตุ้ย ผมมีหน้าที่จะรักษาสิ่งเหล่านี้ ก็เหมือนกับไมเคิลที่จะลืมท่าเต้นของเขาไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่เขา

หวงยุ้ย : หลังจากนี้คุณจะเจอแฟนคลับของคุณ หรือว่าวันไหนที่คุณออกจากบ้านเจอพวกเขา พวกเขาจะบอกว่าโหย่วเผิงเมื่อไหร่พวกเราจะได้ฟังเพลงของคุณอีก

โหย่วเผิง : ผมก็ร้องนะ

หวงยุ้ย : คุณคิดจะร้องเดี่ยว หรือจะร้องกับคนอื่น

โหย่วเผิง : ร้องกับทุกคน หากจะร้องเพลงของเสี่ยวหุ่ตุ้ย แน่นอนต้องร้องกับทุกคน ก็เหมือนกับตอนนั้น ที่มีข่าวเรื่องตำแหน่งการยืนพวกนั้น มันแปลกจริงๆ พวกเราไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย แต่ทางผมเองก็ไม่อยากจะอธิบายแล้ว หากว่าให้ผมยืนตรงกลางแล้ว พวกเราทั้งสามคนไม่รู้จะเต้นอย่างไรแล้ว แล้วมันยังเป็น เสี่ยวหุ่ตุ้ยอยู่หรือ? ฉะนั้นเพลงที่ร้อง 3 คนก็ต้องร้อง 3 คน

หวงยุ้ย : งั้นตอนนี้คุณอยากจะร้องหนึ่งเพลง ผมเองก็อยากจะเชิญคุณร้องเพลงหนึ่งเพลงกับผม คุณจะร้องไหม?

โหย่วเผิง : อื่ม ร้องเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ย

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 06:29:33 PM »
หวงยุ้ย : ผมเป็นแฟนเพลงคนหนึ่ง คุณอยากจะร้องเพลงไหน

โหย่วเผิง :ผมเองก็ไม่รู้ จริงๆ แล้ว ก็กลัวนะ จริงๆ

หวงยุ้ย : กลัวอะไรกัน

โหย่วเผิง :สิ่งที่ผมอยากจะพูดคือพูดตรงๆ นะ ผมคิดว่าพวกเราทุกคนต่างก็ยุ่งมากๆ ทุกวันมีเรื่องให้คิด อาจเป็นบทละครใหม่ คุณรู้ดีว่าวิถีชีวิตก็อย่างนี้แหล่ะ มีอุปสรรค์หลายๆ อย่างมารวมกัน นี่แหล่ะคือชีวิต คุณจะไม่ค่อยมีเวลาว่าง ก็เหมือนกับผมที่จะไม่เข้าไปในตู้ ไปหยิบรูปมาเล่าว่า เมื่อก่อนผมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอดีช่วงนี้เสี่ยวหู่ตุ้ยได้มาอยู่รวมกัน ทำให้ผมมีเวลาว่างเยอะ เล่นเน็ตก็จะเจอสิ่งเหล่านี้ ก่อนที่ผมจะเข้าไปซ้อมนั้น ผมได้เล่นเน็ตและเห็นเอ็มวีเก่าๆของผม จนผมแทบจะจำไม่ได้ แล้วผมก็ไปเปิดเพลงเก่าๆของเสี่ยวหู่ตุ้ย โอ้ ทำไมมีเพลงเพราะๆ มากมาย

หวงยุ้ย : มาพวกเรามาหาสักเพลง ที่คุณชอบที่สุดคือเพลงอะไร? เป็นเพลงที่ลืมยากมาก

โหย่วเผิง : ผมจำไม่ได้ว่าคุณถามอะไรผม แต่ผมจำได้เมื่อวานผมเขาไปในเว็ปแล้วฟังเพลงเสี่ยวหุ่ตุ้ย แน่นอนเสี่ยวหู่ตุ้ยมีเพลงเพราะๆมากมาย รวมทั้งเพลงที่ร้องในงานปีนี้ด้วย เป็นเพลงที่ทุกคนคุ้ยเคยกัน แต่เพลงแรกที่ผมเลือกฟังเมื่อวานเป็นเพลง “ลี่เกอ” แล้วค่อยคิดได้ว่า เมื่อก่อนพวกเราได้ทำหลายๆ อัลบั้ม มีอัลบั้มหนึ่งเป็นเพลงที่พวกเราร้องด้วยกันทั้ง 3 คน เพราะช่วงที่ออกนั้นเป็นช่วงที่พวกเราจะจบการศึกษา แล้วทางบริษัทก็ให้เราร้องเพลงนี้


(โหย่วเผิงร้องเพลง ลี่เกอ)


โหย่วเผิง : ก็ประมาณนี้แหล่ะ

หวงยุ้ย : ผมจะปรบมือ ขอบคุณโหย่วเผิง และขอบคุณเสี่ยวหู่ตุ้ย

โหย่วเผิง : ขอบคุณสิ่งที่ให้กับพวกเราในตลอดเวลา


หวงยุ้ย : ผมรู้สึกว่ามีคำพูดอยู่ในอกเต็มไปหมด แต่ไม่รู้จะเริ่มพูดตรงไหนดี ผมหวังว่าสมาชิกเสี่ยวหู่ตุ้ยทุกคนจะรุ่งเรือง ยิ่งอยู่ยิ่งเจริญ

โหย่วเผิง : ครับ พวกเราที่ร่วมโตมาด้วยกันก็จะเจริญกันทุกคน ชีวิตของทุกคนก็ย่อมมีการท้าทาย มีเวลาที่สุข มีเวลาที่ทุกข์ แต่จะยืนหยัดฝ่าฟันด้วยกัน

หวงยุ้ย : ขอบคุณโหย่วเผิง มาจับมือกันหน่อย ขอบคุณที่มาหวนความทรงจำเก่าๆให้กับพวกเรา ขอบคุณจริงๆๆ

The End

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ;ก.พ.
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 06:35:32 PM »
แปลเป็นคำสัมภาษณ์เต็มคะ ในคลิปมีการตัดต่อ คำสัมภาษณ์จะสั้นกว่า

เพลงลี่เกอ

ฟังเพลง http://www.yue365.com/play/1441/19905.shtml

อัลบั้ม ไจ้เจี้ยน ปี 1991 ( 再見[永遠的朋友] )【 1991-12 】


驪歌(說好這次不掉眼淚) -เพลงลี่เกอ

南風又輕輕的吹送 相聚的光陰匆匆
親愛的朋友請不要難過
離別以後要彼此珍重

綻放最絢爛的笑容 給明天更美的夢
親愛的朋友請握一握手
從今以後要各分西東

不管未來有多遙遠 成長的路上有你有我
不管相逢在什麼時候
我們是永遠的朋友
轉載來自 魔鏡歌詞網

鳳凰花吐露著豔紅 在祝福你我的夢
當我們飛向那海闊天空
不要徬徨也不要停留

不管歲月有多長久 請珍惜相聚的每一刻
不管多少個春夏秋冬
我們是永遠的朋友

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 รายการ Chu Wan Hui Ke Ting ::11 Feb
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มกราคม 10, 2011, 10:46:40 AM »
MV: http://www.youtube.com/watch?v=gkYJFuplFwc&feature=related

Song: http://www.yue365.com/play/1441/19905.shtml

Black Horse Song 驪歌 Li Ge

南風又輕輕的吹送 
相聚的光陰匆匆
親愛的朋友請不要難過
離別以後要彼此珍重

綻放最絢爛的笑容 
給明天更美的夢
親愛的朋友請握一握手
從今以後要各分西東

不管未來有多遙遠 
成長的路上有你有我
不管相逢在什麼時候
我們是永遠的朋友


鳳凰花吐露著豔紅 
在祝福你我的夢
當我們飛向那海闊天空
不要徬徨也不要停留

不管歲月有多長久 
請珍惜相聚的每一刻
不管多少個春夏秋冬
我們是永遠的朋友

หลีเกอ

หนานเฟิงอิ้วชิงชิงเตอชุยส้ง เซียงจวี้เตอกวงอินชงชง
ชิงอ้ายเตอเผิงโหย่วฉิ่งปู๋เอี้ยวหนานกั้ว
หลีเปี๋ยอี่โห้วเอี้ยวปี๋ฉื่อเจินจ้ง

จั้นฟ่างจุ้ยเสวียนลั่นเตอเสี้ยวหยง เก่ยหมิงเทียนเกิ้งเหม่ยเตอม่ง
ชิงอ้ายเตอเผิงโหย่วฉิ่งอัวอี้อัวโส่ว
โฉงจินอี่โห้วเอี้ยวเก้อเฟิงซีตง

ปู้ก่วนเว่ยไหลโหย่วตัวเอี๋ยวหย่วน เฉิงฉางเตอลู่ส้างโหย่วหนี่โหย่วอั่ว
ปู้ก่วนเซียงฝงจ้ายเสินเมอสือโห้ว
อั่วเมินสื้อหยงเหยี่ยนเตอเผิงโหย่ว


ฟ่งหวงฮัวทู่โล่วเจอเอี้ยนหง จ้ายจู้ฝูหนี่อั่วเตอม่ง
ต่งอั่วเมินเฟยเสี้ยงน่าไห่คั่วเทียนคง
ปู๋เอี้ยวผางหวงเอี่ยปู๋เอี้ยวถิงหลิว

ปู้ก่วนสุ้ยเวี่ยโหย่ตัววเส่าฉาง ฉิ่งเจินซีเซียงจวี้เตอเหม่ยอี๋เค่อ
ปู้ก่วนตัวเส่าเก้อชุนเสี้ยชิวตง
อั่วเมินสื้อหยงเหยี่ยนเตอเผิงโหย่ว



อำลา

ลมทักษิณพัดแผ่วส่งผ่านมา กาลเวลาเร่งรีบมาร่วมพบกัน
อย่าลำบากไปเลยมิตรสหายแสนรัก
ภายหลังอำลาแยกย้ายจากกัน ควรทะนุถนอมซึ่งกันและกัน

บนใบหน้ามีรอยยิ้มแวววาวเบ่งบานสุด พรุ่งนี้ก็ยังให้ความฝันสวยงามดียิ่งขึ้น
ขอเชิญจับมือกันมิตรสหายแสนรัก
หลังจากนี้ต่อไป ต่างก็ต้องแยกย้ายคนละทาง

ไม่ว่าอนาคตมียาวนานไกลขนาดไหน หนทางอันยาวไกลก็มีเธอและฉัน
ไม่ว่าการพบกัน ณ. กาลเวลาใด
พวกเราเป็นมิตรสหายตลอดกาล

ดอกรักคู่บานออกแดงใสสด กำลังอวยพรในฝันเธอกับฉัน
ขณะเราทั้งสองบินร่องไปเหนือฟ้าทะเลเวิ้งกว้างใหญ่
อย่าลังเลและอย่าหยุด

ไม่ว่ากาลเวลายาวนานเพียงใด ขอทะนุถนอมทุกวินาทีอยู่ร่วมกัน
ไม่ว่าฤดูกาลปีแล้วปีเล่าก็ตาม
เราทั้งสองคือเพื่อนมิตรตลอดกาล

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 Chu Wan Hui Ke Ting
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2013, 04:52:47 AM »

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 Chu Wan Hui Ke Ting
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 08:21:19 AM »
<a href="http://player.youku.com/player.php/sid/XODgxNjE1NzI4/v.swf" target="_blank" class="new_win">http://player.youku.com/player.php/sid/XODgxNjE1NzI4/v.swf</a>

专访苏有朋(春晚会客厅 搜狐娱乐)part 1
https://www.youtube.com/watch?v=LCjmgDTxXkU

【补】苏有朋专访(春晚会客厅 搜狐娱乐)part 2
https://www.youtube.com/watch?v=iWCj3DfF1u0

新浪网-苏有朋_2010春晚会客厅(清晰完整版)
http://v.youku.com/v_show/id_XODgxNjE1NzI4.html

搜狐春晚会客厅-苏有朋
http://www.tudou.com/programs/view/lczETHA1BT4/



Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 Chu Wan Hui Ke Ting
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2018, 09:37:36 AM »
ป็นเพราะตอนแรกฉันไม่รู้ว่าจะเก็บมันไว้ยังไง ทุกครั้งที่ได้เห็นวิดีโอซึ้งๆของฉัน ฉันก็จะนำมาโพสต์อีกครั้ง ในชุนหว่านหุ้ยเค่อทิง (ชื่อบัญชีเวยป๋อ) เป็นเว่ยป๋อที่ฉันโพสต์เยอะที่สุด ขอขอบคุณแฟนคลับของซูโหย่วเผิงที่ยังเก็บวิดีโอสัมภาษณ์ฉบับเต็มไว้เสมอ ทำให้ฉันสามารถเข้าไปยังข้อมูลที่บันทึกไว้ได้ ตอนที่ฉันเหงา พอนึกถึงคำพูดที่พี่โหย่วเผิงเคยกล่าว หัวใจก็จะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที ในโฆษณาเมื่อวาน ได้ยินเสียงเพลง ผีเสื้อบิน ดังก้องมา ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาทันที นี่คงเป็นสิ่งที่พี่โหย่วเผิงตั้งใจเอาไว้มั้ง คุณยอมที่จะเก็บความทุกข์และความเจ็บปวดเอาไว้อย่างเงียบๆ เพื่อให้ภาพลักษณ์อันบริสุทธิ์ของวงเสียวหู่ตุ้ยยังคงตราตรึงอยู่ในใจของผู้คน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการยากที่จะได้เห็นพี่โหย่วเผิงยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีอีกครั้ง แต่ท่าทางก็คงเหมือนกับที่ร้องเพลงหลี (บทเพลงแห่งการร่ำลา) ไม่ว่าวันเวลาจะมีมากมายแค่ไหน ก็ขอให้รักษาทุกวินาทีที่มีค่านี้ไว้ ไม่ว่าฤดูกาลจะเปลี่ยนผันไปฉันใด พวกเราก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 Chu Wan Hui Ke Ting
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2018, 09:40:58 AM »
รายการชุนหว่านหุ้ยเค่อทิง นึกถึงคำพูดที่พี่โหย่วเผิงเคยกล่าว หัวใจก็จะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที ในโฆษณาที่เว่ยป๋อเมื่อวาน ได้ยินเสียงเพลง ผีเสื้อบิน ดังก้องมา ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาทันที นี่คงเป็นสิ่งที่พี่โหย่วเผิงตั้งใจเอาไว้มั้ง

คุณยอมที่จะเก็บความทุกข์และความเจ็บปวดเอาไว้อย่างเงียบๆ เพื่อให้ภาพลักษณ์อันบริสุทธิ์ของวงเสียวหู่ตุ้ยยังคงตราตรึงอยู่ในใจของผู้คน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการยากที่จะได้เห็นโหย่วเผิงยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีอีกครั้ง แต่ท่าทางก็คงเหมือนกับที่ร้องเพลงแห่งการร่ำลา ไม่ว่าวันเวลาจะมีมากมายแค่ไหน ก็ขอให้รักษาทุกวินาทีที่มีค่านี้ไว้ ไม่ว่าฤดูกาลจะเปลี่ยนผันไปฉันใด พวกเราก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป