ผู้เขียน หัวข้อ: [2017.06.27] ซูโหย่วเผิง: ความเก่งเป็นเรื่องปกติของซูโหย่วเผิง  (อ่าน 6257 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
[2017.06.27] ซูโหย่วเผิงกับบทสัมภาษณ์พิเศษ:ความเก่งเป็นเรื่องปกติของซูโหย่วเผิง
https://www.youtube.com/watch?v=hqNnzZuiSic&t=222s

2017-08-01_185504.png" border="0
2017-08-01_185523.png" border="0
2017-08-01_185610.png" border="0

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
[2017.06.27] ซูโหย่วเผิง: ความเก่งเป็นเรื่องปกติของซูโหย่วเผิง

นักข่าว : หลังจากการถ่ายทอด รายการฉันอยากพบคุณทางช่อง BTV ปักกิ่ง I Want To meet you ซูโหย่วเผิงที่ไม่ได้เจอมานานก็ได้กลับเข้ามาที่หน้ากล้องอีกครั้ง หลังจากที่ได้กำกับภาพยนตร์เรื่อง the life ear และ the devotion of suspect x ฝีมือของซูโหย่วเผิงก็เป็นที่ยอมรับของทุกคน เข้าสู่วงการสิบกว่าปี เบื้องหลังที่ได้รับการยอมรับนั้น มาจากการที่เขาพยายามไม่หยุด

ซูโหย่วเผิง : ผมมักจะหาอะไรใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นทำเสมอ แล้วก็ต้องถูกตำหนิทุกวัน เพราะแม่โกรธมาก ก็เลยฉีกโปสเตอร์ของผม

นักข่าว : ข่าวบันเทิงรายวัน ชีวิตที่ชอบแข่งของซูโหย่วเผิง

ซูโหย่วเผิง : ว้า.... สมัยเรียนจะค่อนข้างเยอะนะ หลังจากมาทำงานก็น้อยลงแล้ว ผมค้นพบว่าฟุตบอลเล่นสนุกจริงๆ

นักข่าว : ซูโหย่วเผิงได้เข้ามาในหน้ากล้องของเรา แต่งตัวสบายๆ ราวกับว่ากำลังคนกลับสู่วัยหนุ่มสาว สำหรับซูโหย่วเผิงแล้วการเตะบอลน่าจะเป็นการสิ้นเปลืองเวลา เพราะเวลาส่วนมากของเขาใช้ในการแข่งขันกับชีวิต  ตายิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นนักร้องไอดอล และมีผลงานเด่นๆมากมาย ในฐานะผู้กำกับก็ได้รับการยอมรับ ซูโหย่วเผิงนั้นทำให้เราเซอร์ไพรสได้ไม่หยุดเลย เบื้องหลังการเซอร์ไพรส์นั้นมีการแข่งขัน ซึ่งมีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้

ซูโหย่วเผิง : ตอนเด็กผลการเรียนก็โอเคนะ ก็ดีนะ ตอนนั้นรู้สึกว่าโลกทั้งใบก็เพื่อเรียน คือเป้าหมายของชีวิต ผมวางค่านิยมส่วนตัวไว้ในชีวิตโรงเรียน ดังนั้นตอนนั้นผมตั้งใจเรียนมาก หลังจากนั้นพอ ม.ต้นผมก็เริ่มมีความฝันอยากเป็นดารา มันเป็นฝัน ณ ตอนนั้น เพราะตอนเด็กผมเรียนดนตรี และเข้าร่วมวงร้องเพลงประสานเสียง ชอบดนตรีมากๆ ม.ต้นเริ่มฟังเพลงป๊อบ และมีไอดอลของตัวเอง  ไอดอลตอนนั้นคือเช่นไมเคิล แจ็คสัน, มาดอนน่า, วิสนีย์ ฮิลตัน, พอ ม. ปลายก็มาราย แครรี่ ล้วนแต่เป็นซุปเปอร์สตาร์ในยุคนั้น  แม่ผมโกรธมาก ที่ผมติดไว้บนปกหนังสือ  เป็นโปสเตอร์ของไอดอล แม่โกรธมาก ฮาๆๆๆ

นักข่าว : แล้วแม่ห้ามคุณยังไง

ซูโหย่วเผิง : ก็ฉีกโปสเตอร์ผมไง ผมก็โกรธมาก ฮาๆๆๆ ที่จริงผมค่อนข้างต่อต้าน ตอนนั้นเรียนเปียโน เป็นเพราะอยากไปเรียนเองนะ ไม่ใช่เด็กที่พ่อแม่บังคับให้ไปเรียน ผมชอบของผมเอง พูดแบบไม่ปิดบังเลยตอนที่ผมเรียนเปียโน ผมไปเข้าคลาสผู้ใหญ่

นักข่าว : ทำไมคะ

ซูโหย่วเผิง : เพราะผมเก่งมากไง

นักข่าว : เป็นเด็กอัจฉริยะหรอ

ซูโหย่วเผิง : ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่พูดแล้วเหมือนกำลังอวดเบ่งเลยนะ แต่เป็นความจริงนะ  เข้าสู่วงการตอนอายุ 15 ตอนนี้ผ่านไป 30 กว่าปีแล้ว

นักข่าว : การประสบความสำเร็จของเสี่ยวหู่ตุ้ย ทำให้ผู้ฟังได้รู้จักความสามารถของซูโหย่วเผิง แต่ว่าความสามารถ ของเขาไม่ได้หยุดแค่นี้ ตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยกำลังโด่งดัง ซูโหย่วเผิงเปลี่ยนสายไปแสดงละคร องค์หญิงกำมะลอ, ตอนนี้องค์หญิงกำมะลอฉายมา 14 ปีแล้ว ซูโหย่วเผิงก็ต้องมาปวดหัวกับเรื่องการสลัดฉายาองค์ชายห้าไม่ออกสักที  เพื่อที่จะสลัดคราบนักร้องไอดอล ซูโหย่วเผิงได้รับแสดงหลายบทบาท 

ซูโหย่วเผิง : ผมสวมหมวกของไอดอลมาตลอด ทุกคนทำเหมือนกับว่าขอเพียงได้ขึ้นชื่อว่าไอดอล ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ทำดีแค่ไหน ก็แสดงไม่เป็นอยู่ดี ดังนั้นเรื่องพวกนี้บางทีก็ไม่ยุติธรรม

ซูโหย่วเผิง : เหมือนกับว่าคุณกำลังท้าทายตัวเองอยู่ตลอด ก็คือเป็นคนประเภทพยายามทะลุกรอบของตัวเองเสมอ

ซูโหย่วเผิง : ก่อนหน้านี้หลักๆคือกลัวเบื่อ สิ่งที่ผมกลัวก็คือเมื่อเราชำนาญบางสิ่งแล้ว ความสนุกก็จะน้อยลง ดังนั้นผมจะไปหาอะไรใหม่ทำเสมอ ผมก็หวังว่าในระหว่างนั้นไม่ใช่เพียงแค่มีประสบการณ์ก็จะผ่านด่านได้ แบบนี้ถึงจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบแข่งขันขนาดนั้นแล้ว

นักข่าว : เหมือนกับว่าคุณตีปีศาจฝ่าด่านอยู่ตลอดทาง

ซูโหย่วเผิง : ใช่ครับ ก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จุทุกทีนะ แต่รู้สึกว่าตัวเองได้ลองอะไรใหม่ๆ  ไม่ชอบซ้ำๆ

นักข่าว : ไม่หยุดท้าทาย ไม่หยุดที่จะเริ่มจากศูนย์ ทุกครั้งที่เปลี่ยนสายก็ประสบความสำเร็จ หนทางชีวิตซูโหย่วเผิงที่ต้องฝ่าด่านและตีปีศาจ ในฐานะที่เป็นยุคบุกเบิกของไอดอล ซูโหย่วเผิงเปลี่ยนทิศจนในที่สุดกลายเป็นผู้กำกับ เขาไม่ยอมแม้แต่จะให้ความเป็นนักแสดงมากำหนดขอบเขต ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นองค์ชายห้าแล้ว แต่เป็นผู้กำกับที่มีหนังทำรายได้สี่พันล้าน 4.50

ซูโหย่วเผิง : ผมมาทำงานเบื้องหลังก็ค่อนข้างนานละนะ ดังนั้นตอนที่เริ่มมาอยู่หน้ากล้องอีกครั้ง ผมรู้สึกไม่ค่อยชิน

VCR คัท คัท คัท ซีนนี้ใช้ไม่ได้ อย่าเอาแต่กระพริบตาสิ รีบอะไร โอเคร ทำ ได้ดี แบบนี้แหละ
ไม่ว่าก่อนถ่ายทำจะทำการบ้านมาสักเท่าไหร่ พอถ่ายทำจริงก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นร้อย

นักข่าว : แล้วจะยังกลับไปแสดงละครไหม

ซูโหย่วเผิง : อืม ตอนนี้ก็ไม่ได้อยากเท่าไหร่ ถึงต่อไปจะมีโอกาสเจอบทที่ดีก็ตาม ผมก็คงต้องใช้เวลาขุดสักหน่อย ถึงจะสามารถกลับเข้าหน้ากล้องได้อีกครั้ง

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
[2017.06.27] ซูโหย่วเผิงกับบทสัมภาษณ์พิเศษ: ความเก่งเป็นเรื่องปกติของซูโหย่วเผิง
https://www.youtube.com/watch?v=hqNnzZuiSic&t=222s

27 มิ.ย. 2017 ซูโหย่วเผิง : ความเก่งเป็นเรื่องปกติของซูโหย่วเผิง 

0.02 หลังจากการถ่ายทอด รายการฉันอยากเจอคุณทางช่อง BBTV
0.04 ซูโหย่วเผิงที่ไม่ได้เจอมานานก็ได้กลับเข้ามาที่หน้ากล้องอีกครั้ง
0.08 หลังจากที่ได้กำกับภาพยนตร์เรื่อง the Left Ear และ the Devotion of Suspect X ฝีมือของซูโหย่วเผิงก็เป็นที่ยอมรับของทุกคน
0.16 เข้าสู่วงการมาสิบกว่าปี เบื้องหลังที่ได้รับการยอมรับนั้น มาจากการที่เขาพยายามไม่หยุด
0.24 ผมมักจะหาอะไรใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นทำเสมอ แล้วก็ต้องถูกตำหนิทุกวัน เพราะแม่โกรธมาก ก็เลยฉีกโปสเตอร์ของผม 0.30 ข่าวบันเทิงรายวัน ชีวิตที่ชอบแข่งของซูโหย่วเผิง
0.36 ว้า....
0.40 สมัยเรียนจะค่อนข้างเยอะนะ หลังจากมาทำงานก็น้อยลงแล้ว ผมค้นพบว่าฟุตบอลนั้นนสนุกจริงๆ
0.44 ซูโหย่วเผิงได้เข้ามาในหน้ากล้องของเรา แต่งตัวสบายๆ ราวกับว่ากำลังกลับสู่วัยหนุ่มสาว สำหรับซูโหย่วเผิงแล้วการเตะบอลน่าจะเป็นการสิ้นเปลืองเวลา เพราะเวลาส่วนมากของเขา ใช้ไปในการแข่งขันกับชีวิต
1.06 ตายิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นนักร้องไอดอล และมีผลงานเด่นๆ มากมาย ในฐานะผู้กำกับก็ได้รับการยอมรับ ซูโหย่วเผิงนั้นทำให้เราเซอร์ไพรส์ได้ไม่หยุดเลย เบื้องหลังการเซอร์ไพรส์นั้นมีการแข่งขัน ซึ่งมีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้
1.22 ตอนเด็กผลการเรียนก็โอเคนะ ก็ดีนะ ตอนนั้นรู้สึกว่าโลกทั้งใบก็เพื่อเรียน คือเป้าหมายของชีวิต ผมวางค่านิยมส่วนตัวไว้ในชีวิตโรงเรียน
1.34 ดังนั้น ตอนนั้นผมจึงตั้งใจเรียนมาก
1.39 หลังจากนั้น พอ ม.ต้น ผมก็เริ่มมีความฝันอยากเป็นดารา มันเป็นฝัน ณ ตอนนั้น
1.45 เพราะตอนเด็กผมเรียนดนตรี และเข้าร่วมวงร้องเพลงประสานเสียง ชอบดนตรีมากๆ
1.50 ม.ต้นเริ่มฟังเพลงป๊อบ และมีไอดอลของตัวเอง
1.55 ไอดอลตอนนั้น ก็เช่น ไมเคิล แจ็คสัน มาดอนน่า วิตนีย์ ฮิวสตัน
2.01 พอ ม. ปลายก็ มารายห์ แครี ล้วนแต่เป็นซุปเปอร์สตาร์ในยุคนั้น
2.05 แม่ผมโกรธมาก ที่ผมติดรูปไว้บนปกหนังสือ  เป็นโปสเตอร์ของไอดอล แม่โกรธมาก ฮาๆๆๆ
2.11 แล้วแม่ห้ามคุณยังไง
2.13 ก็ฉีกโปสเตอร์ผมไง ผมก็โกรธมาก ฮาๆๆๆ
2.18 ที่จริงผมค่อนข้างต่อต้าน
2.20 ตอนนั้นเรียนเปียโน เป็นเพราะอยากไปเรียนเองนะ
2.24 ไม่ใช่เด็กที่พ่อแม่บังคับให้ไปเรียน ผมชอบของผมเอง
2.27 พูดแบบไม่ปิดบังเลย ตอนที่ผมเรียนเปียโน ผมไปเขาคลาสผู้ใหญ่
2.32 ทำไมคะ
2.33 เพราะผมเก่งมากไง
2.37 เป็นเด็กอัจฉริยะเหรอ
2.41 ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่พูดแล้วเหมือนกำลังอวดเบ่งเลยนะ แต่เป็นความจริงนะ  เข้าสู่วงการตอนอายุ 15 ตอนนี้ผ่านไป 30 กว่าปีแล้ว
2.54 การประสบความสำเร็จของเสี่ยวหู่ตุ้ย ทำให้ผู้ฟังได้รู้จักความสามรถของซูโหย่วเผิง
2.58 แต่ว่าความสามารถ ของเขาไม่ได้หยุดแค่นี้ ตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยกำลังโด่งดัง
3.02 ซูโหย่วเผิงเปลี่ยนสายไปแสดงละคร องค์หญิงกำมะลอ
3.06 ตอนนี้องค์หญิงกำมะลอก็ฉายมา 14 ปีแล้ว
3.10 ซูโหย่วเผิงก็ต้องมาปวดหัวกับเรื่องการสลัดฉายาองค์ชายห้าไม่ออกสักที
3.14 เพื่อที่จะสลัดคราบนักร้องไอดอล ซูโหย่วเผิงได้รับแสดงหลายบทบาท 
3.24 ผมสวมหมวกของไอดอลมาตลอด ทุกคนทำเหมือนกับว่าขอเพียงได้ขึ้นชื่อว่าไอดอล ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ทำดีแค่ไหน ก็แสดงไม่เป็นอยู่ดี ดังนั้นเรื่องพวกนี้บางทีก็ไม่ยุติธรรม
3.42 เหมือนกับว่าคุณกำลังท้าทายตัวเองอยู่ตลอด ก็คือเป็นคนประเภทพยายามทะลุกรอบของตัวเองเสมอ
3.45 ก่อนหน้านี้หลักๆ คือกลัวเบื่อ สิ่งที่ผมกลัวก็คือเมื่อเราชำนาญบางสิ่งแล้ว ความสนุกก็จะน้อยลง
3.53 ดังนั้นผมจะไปหาอะไรใหม่ทำเสมอ ผมก็หวังว่าในระหว่างนั้นไม่ใช่เพียงแค่มีประสบการณ์ก็จะผ่านด่านได้ แบบนี้ถึงจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่
4.10 แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบแข่งขันขนาดนั้นแล้ว
4.17 เหมือนกับว่าคุณตีปีศาจฝ่าด่านอยู่ตลอดทาง
4.19 ใช่ครับ ก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกทีนะ แต่รู้สึกว่าตัวเองได้ลองอะไรใหม่ๆ ไม่ชอบซ้ำๆ
4.28 ไม่หยุดท้าทาย ไม่หยุดที่จะเริ่มจากศูนย์ ทุกครั้งที่เปลี่ยนสายก็ประสบความสำเร็จ หนทางชีวิตซูโหย่วเผิงที่ต้องฝ่าด่านและตีปีศาจ ในฐานะที่เป็นยุคบุกเบิกของไอดอล ซูโหย่วเผิงเปลี่ยนทิศจนในที่สุดกลายเป็นผู้กำกับ เขาไม่ยอมแม้แต่จะให้ความเป็นนักแสดงมากำหนดขอบเขต ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นองค์ชายห้าแล้ว แต่เป็นผู้กำกับที่มีหนังทำรายได้สี่พันล้าน 4.50 ผมมาทำงานเบื้องหลังก็ค่อนข้างนานละนะ ดังนั้นตอนที่เริ่มมาอยู่หน้ากล้องอีกครั้ง ผมรู้สึกไม่ค่อยชิน
4.57 คัท คัท คัท ซีนนี้ใช้ไม่ได้ อย่าเอาแต่กระพริบตาสิ รีบอะไร โอเค ทำ ได้ดี แบบนี้แหละ
5.05 ไม่ว่าก่อนถ่ายทำจะทำการบ้านมาสักเท่าไหร่ พอถ่ายทำจริงก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นร้อย
5.10 แล้วจะยังกลับไปแสดงละครไหม
5.14 อืม ตอนนี้ก็ไม่ได้อยากเท่าไหร่ ถึงต่อไปจะมีโอกาสเจอบทที่ดีก็ตาม ผมก็คงต้องใช้เวลาขุดสักหน่อย ถึงจะสามารถกลับเข้าหน้ากล้องได้อีกครั้ง

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
明星都别吹“学霸”人设了! 谁能比得过真正的超级大学霸:苏有朋?
https://www.youtube.com/watch?v=yE3y3rNEyp4