https://t.ynet.cn/360/8700312.html2017-10-04ซูโหย่วเผิงแอบไปเรียนต่อที่อเมริกาอย่างเงียบๆ เขาคือเด็กเทพ(หมายถึงคนที่เรียนเก่งมากๆ)ตัวจริงแห่งวงการบันเทิง
ช่วงนี้ เห็นมีชาวเน็ตในเว่ยป๋อท่านหนึ่งได้พบเห็น”องค์ชายห้า”ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เนื่องจากเห็นเขากำลังจริงจังตั้งใจกับการเรียนอยู่ก็เลยไม่กล้าเข้าไปรบกวน ปัจจุบันซูโหย่วเผิงกำลังศึกษาต่ออยู่ที่อเมริกา ชาวเน็ตต่างก็พากันแสดงความคิดเห็นเข้ามาว่าเขาเป็น “เด็กเทพตัวจริงแห่งวงการบันเทิง” “วันหยุดยาวนี้เรารวมตัวกันไปมหาวิทยาลัยนิวยอร์กเพื่อไปเจอองค์ชายห้ากันเถอะ”
เมื่อเปรียบเทียบกับพวกดาราที่เรียนไม่ได้เรื่องแต่ซื้อฉายาเด็กเทพมา องค์ชายห้าถือว่าเป็นเด็กเทพตัวจริง ตั้งแต่เด็กก็ได้เป็น “เด็กที่ไม่เหมือนคนอื่น”แล้ว
เล่ากันว่า ซูโหย่วเผิงตอนเด็กๆเฉลียวฉลาดมาก ชอบเรียนพิเศษในทุกแขนง เช่น การคำนวนลูกคิด เลขคณิตในใจ คณิตศาสตร์โอลิมปิกภาษาอังกฤษการเขียนบทความ การเขียนพู่กันจีน เป็นต้น พ่อแม่กลัวว่าเขาจะเหนื่อยเกินไป จึงได้ลดวิชาเรียนพิเศษของเขาลง และต้องอดอาหารเพื่อประท้วงด้วย (โอ้มายกอด ถึงกับทำให้องค์ชายห้าต้องคุกเข่ายอมให้ ฮ่าๆๆๆ )
ซูโหย่วเผิงโด่งดังมาจากวงเสียวหู่ตุ้ย (วงเสือน้อย) แต่เขากลับบอกว่า เขารู้สึกเสียดายมากที่เข้ามาเป็นสมาชิกวงเสียวหู่ตุ้ย นี่คือ “สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของการเป็นวัยรุ่น” ตอนนั้น “ไกวไกวหู่” ผู้อายุเพียง 16 ปี แต่ทุกสัปดาห์กลับมีงานรัดตัวเต็มไปหมด จึงได้แต่ลาโรงเรียนอยู่ตลอด คะแนนก็ลดน้อยถอยลง เขาพูดอยู่เสมอว่าถึงแม้จะชอบงานด้านการแสดงมากเพียงใด แต่กลับรู้สึกว่าเวลาไม่เพียงพอ ไม่มีวิธีไหนเลยที่จะทำให้เขาเรียนควบคู่ไปกับการทำงานได้ ประสบการณ์ฝันร้าย “ทำงานด้วยเรียนด้วย”นี้ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้มากๆ
เวลาต่อมาหลังจากวงเสียวหู่ตุ้ย สิ่งที่ทำให้ซูโหย่วเผิงกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งทั้งเหนือใต้ออกตกเลยก็คือ ละครเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ) เป็นเรื่องที่คนทั้งหล้าดูไม่ต่ำกว่า 860 รอบ ถือว่าเติบโตมากับละครของซูโหย่วเผิงเลยก็ว่าได้
1998 เรื่อง องค์หญิงกำมะลอ รับบทเป็นองค์ชายห้า “อู่เปาจื่อ” คือหนุ่มน้อยผู้อ่อนโยน ช่วงนั้นเป็นหนุ่มหล่อวัยใส
1998 เรื่อง เราสองหัวใจเดียวกัน (บ้านเก่าแสนสุข) รับบทเป็นซูเสี่ยวเผิง หนังเรื่องนี้ตอนนี้เหมือนจะมีน้อยคนแล้วที่จำได้ มาถึงวันนี้ เป็นเพียงเรื่องวันวานยังหวานอยู่ เต็มไปด้วยความรู้สึกจิ้นระหว่างซูโหย่วเผิงและเจ้าเวย
2001 เรื่อง มนต์รักในสายฝน รับบทเป็นตู้เฟย ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นตอนที่เหยียบปลาสองตัวแล้วลื่นล้มที่ตลาดขายผัก ล้มลงไปใส่ต้นแคคตัสเต็มๆหน้า ความตลกโปกฮาของตู้เฟยทำให้คนชื่นชอบเป็นอย่างมาก
2002 เรื่อง ไผอันจิงฉี (อู่ตี่เซี่ยนหลิ่ง) รับบท นายอำเภอหังเที่ยเซิง เป็นสุดยอดละครชุดแนวยุคโบราณอีกเรื่องหนึ่ง ความหน้าตาดีของหังเที่ยเชิงดึงดูดความสนใจจากผู้ชม มีเพียงแม่หนึ่งคน และปรมาจารย์อีกหนึ่งท่าน แล้วก็เริ่มจัดการคดีเลย การตกแต่งภาพโฟโต้ช็อประหว่างหางเที่ยเชิงกับหนิงเซียงทำได้เนียนมากๆ
2003 เรื่อง ดาบมังกรหยก รับบท เตียชุยซัว และ เตียบ่อกี้ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องคลาสสิกของหนังต่อสู้กำลังภายใน เตียเมี่ยง,จี้เยียก,เสี่ยวเจียว, ตู่ยี้ ต่างก็พากันชอบเตียบ่อกี้ แล้วคุณล่ะชอบใครมากที่สุด
2004 เรื่อง รักข้ามขอบฟ้า รับบท ลู่เอินฉี โหย่วเผิง(เอินฉี)และแชริม(กวนเสี่ยวถง) เพราะการเดินทางท่องเที่ยวในกรีชจึงได้ก่อเกิดเป็นความรักอันหวานชื่นขึ้นมา ในช่วงนั้น เนื้อเรื่องแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบมากใช่มั้ยล่ะ
2004 เรื่อง ยอดขุนศึกวีระบุรุษตระกูลหยาง รับบท หยางซื่อหยาง เรื่องนี้ก็ร่วมมือกับแชริมอีกครั้ง ในเรื่องหยางซื่อหลางเป็นคนที่หัวดื้อชอบเก็บกด ซึ่งเป็นบทบาทที่ไม่เหมือนกับตัวตนของซูโหย่วเผิงเลย
2005 เรื่อง องค์หญิงจอมทะเล้น รับบท จูหยุ่นฮ่องเต้ เป็นละครคอมเมดี้ยุคโบราณ โดยร่วมแสดงกับจังนารา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแต่งงานที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ตอนนั้นได้รับกระแสความนิยมเป็นอย่างดี
2008 ซูโหย่วเผิงเริ่มที่จะพลิกบทบาทการแสดง ในเรื่อง The Message ได้รับบทเป็นปีศาจร้ายไป๋เสี่ยวเหนียน ศิลปะการแสดงของซูโหย่วเผิงในเรื่องนี้ก็ดังระเบิดเช่นกัน และได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากเวทีป๋ายฮวาเจี่ยงครั้งที่ 30 ด้วย
ซูโหย่วเผิงไม่ชอบตำแหน่ง “ชายผู้หวานแหวว” ดังนั้นก็เลยรับงานละครเรื่อง Lost in Panic Room และ Design of Death พยายามที่จะให้เหลือภาพของการเป็น “หนุ่มไอดอล”อย่างเดียว
หลังจากที่ได้ลิ้มลองการแสดงในทุกสไตล์แล้วนั้น ปี 2015 ซูโหย่วเผิงได้ผันตัวจากนักแสดงมาเป็นผู้กำกับ นำผลงานที่เอาใจวัยรุ่นเรื่อง "The Left Ear" 左耳 (จั๋วเอ่อร์) มาให้แฟนๆได้ชม
"The Left Ear" 左耳 (จั๋วเอ่อร์) ติดอยู่ในชาร์ตที่ 5 อันดับคะแนนถือว่าดีไม่น้อย ตอนนี้คะแนนเฉลี่ยในเว็บไซต์โต้วป้าน (douban) คือ 5.4 พูดตามความจริงเลยก็คือ นี่ไม่ใช่ละครวัยรุ่นเรื่องที่มีคุณภาพดีเยี่ยม มันยังมีบ้างจุดที่ยังไม่ค่อยถูกใจผู้ชม ตอนนั้นซูโหย่วเผิงเองก็ยังไม่ใช่ผู้กำกับมือโปร
2017 ซูโหย่วเผิงก็ได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง The Devotion Of Suspect X เมื่อเปรียบเทียบกับเรื่อง The Left Ear 左耳(จั๋วเอ่อร์) แล้ว เรื่อง The Devotion Of Suspect X ในเวอร์ชั่นจีนนี้เป็นที่น่าชื่นชมพอตัว ทักษะในการเป็นผู้กำกับของซูโหย่วเผิงก็ถือว่าพัฒนาขึ้นกว่าเรื่อง The Left Ear 左耳(จั๋วเอ่อร์) ที่ผ่านมาไม่น้อย
ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง The Devotion Of Suspect X นี้ยังไม่เพอร์เฟคร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่านักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านก็ได้ออกมาให้คำติชมยอมรับด้วย(เว็บไซต์ DUCHEflim และ TTTflim)
พูดตามความจริงนะ ตัวอย่างแบบนี้ในวงการบันเทิงที่เหมือนกับซูโหย่วเผิงนั้นไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว เป็นบุคคลที่เรียนเก่งตั้งแต่เด็กๆ ตอนมัธยมก็เรียนในโรงเรียนไถเป่ยเจี้ยนกว๋อ (Taipei Municipal Jianguo High School) ซึ่งเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของไต้หวัน ถึงแม้ว่าจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยไต้หวัน แต่ว่าในช่วงเวลานั้น การสอบเข้าในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยไต้หวันได้ถือว่าเก่งมากๆแล้ว
อายุ 15 ปีได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ได้กลายเป็นนักร้องไอดอลที่โด่งดังทั่วเอเชีย เป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำของคนในวัยนั้น
ผลงานละครเรื่องแรกอย่างเป็นทางการของการเป็นนักแสดงเลยก็คือ เรื่ององค์หญิงกำมะลอ และก็เป็นที่โด่งดังทั่วบ้านทั่วเมืองอีกครั้ง โดยใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาสร้างผลงานภาพยนตร์ดีๆเหล่านี้ออกมา
พออายุ 40 ปี สถานะของการเป็นนักร้อง นักแสดงก็ได้พลิกบทบาทมาเป็นผู้กำกับ อีกทั้งยังมีประสิทธิผลที่ดีด้วย
ช่วงนี้ ซูโหย่วเผิงก็ได้แอบไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กอย่างเงียบๆ ได้ข่าวว่าเรียนเกี่ยวกับสาขาวิชาการกำกับภาพยนตร์ จะรอคอยผลงานอันมีคุณภาพของเขาอย่างตั้งใจเลย
และอีกสิ่งที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ “ซูโหย่วเผิงคือบุคคลที่เก่งและมีความพยายาม” ถ้าดาราทำได้ถึงจุดนี้ นั่นคือที่สุดแล้ว