ช : แล้วคุณเคยเล่นละครของฉงเหยา มากี่เรื่องแล้ว
โหย่วเผิง : ประมาณ 3 เรื่องมั้ง เช่น องค์หญิงกำมะลอ ภาค 1 , 2 และ มนต์รักในสายฝน
ช : แล้วในเรื่ององค์หญิงกำมะลอ 1 , 2 นั้นไม่มีบทพูดที่ทำให้ขนลุกหรือให้ผู้ชมอินไปด้วยอย่างนั้นหรือ
โหย่วเผิง : ยังดีที่คนรักผมเป็นเสี่ยวเยี่ยนจื่อ เลยไม่มีบทประเภทนี้ แต่บทอย่างนี้นั้นให้เอ่อคังกับจื่อเวยเขาแสดง
ญ : ว้าว เอ่อคังก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกันนะ แล้วโจวเจี๋ยะมีเปล่า
โหย่วเผิง : โจวเจี๋ยะหรือ ผมคิดว่าเขาแสดงได้ไม่เลวเหมือนกันนะ
ญ : ละครที่อยู่กลางใบหน้าของเขานั้นเยอะมากเลยแหล่ะ
ช : อะไรคือละครกลางใบหน้าหรือ
ญ : เพราะว่าเขาเป็นเอ่อคังใช่เปล่า เขาเล่นคู่กับจื่อเวยถูกเปล่า แล้วทุกครั้งเขาก็จะทำอย่างนี้ จื่อวุย (เสียงออกมาทางจมูก) จื่อเวยของฉัน ฉันรักคุณจริงๆ
ช : คุณอย่างทำอีกเลย ดูจมูกแดงไปหมดแล้ว
ญ : จริงๆนะ ส่วนนี้ของเขานั้นแสดงเป็นละครเลยแหล่ะ
ช : แล้วมีคนที่ไม่มีละครในส่วนนี้ด้วยหรือเปล่า
ญ : คนบางคนก็เป็นอย่างนี้ จื่อเวย ฉันรักเธอจริงๆ คือสายตานั้นมีอารมณ์ แต่ก็จะไม่มีทางจมูก จื่อเวย อย่าจากฉันไป อะไรอย่างนี้
ช : แล้วโหย่วเผิงนั้นส่วนไหนของเขาให้เห็นได้ ตาหรือเปล่า
ญ : ใช่แล้ว ส่วนนี้เป็นส่วนที่น่าสงสารที่สุดของเขาเลย
โหย่วเผิง : ผมนั้นเป็นเพราะธรรมดาผมเป็นคนพูด ฉะนั้นกิริยาการแสดงออกนั้นก็จะเยอะหน่อย แล้วก็จะยกคิ้วประจำอะไรอย่างนี้ ฉะนั้นบางทีการแสดงของผมก็ไม่สามารถที่จะควบคุมอวัยวะทั้ง 5 นี้ได้ แต่บางทีผมก็พยายามที่จะควบคุมให้มันอยู่นิ่งๆ แต่ว่าเมื่อไม่ให้มันขยับตัวเองก็จะเหม่อลอย
ญ : แต่ว่านักแสดงบางคนขยันจนเกินไปจนทำให้เสียหน้าเลย ครั้งหนึ่งฉันได้ดูรายการหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ แล้วก็เห็นนักแสดงหญิงคนหนึ่ง แล้วตอนนั้นเขาไม่มีบทพูดหรือแสดงอะไรเลย เขาแค่เข้าไปดูห้องห้องหนึ่งในห้องนั้นมีผู้ชายที่ฆ่าพ่อเขาอยู่ที่นั่น เมื่อเธอเห็นเขาแล้วก็โกรธอยู่ข้างนอก แล้วเขาก็ทำอย่างนี้ (กระพริบตา) แล้วฉันก็คิดว่า ตายจริง ฉากนี้ทำไมผู้กำกับยังให้ผ่านได้
ช : ผู้กำกับอาจจะชอบอย่างนั้นก็ได้
โหย่วเผิง : อาจจะเป็นการแสดงที่ไม่ธรรมดา ความหมายคือ เขาแสดงเกินความคาดหมายของผู้ชมไง เ พราะการแสดงมากมายนั้น คนดูอาจเดาออกว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ฉะนั้นผมรู้สึกว่า มีนักแสดงหลายคนที่มีประสบการณ์หรือที่แสดงมาเยอะแล้วนั้น พวกเขาก็จะแสดงอะไรที่ไม่อยู่ในบทในเนื้อ ก็เหมือนกับการส่งการบ้านอย่างนั้น เช่นว่า อาการแสดงตกใจ หรืออาการเสียใจ คุณก็สามารถใช้วิธีอื่นมาแสดง จริงๆ แล้วนั่นเป็นสิ่งที่ดี จริงๆ แล้วเทคนิคการแสดงของคนเกาหลีนั้นแตกต่างกับเราอย่างสิ้นเชิง
ญ : จริงๆหรอ
โหย่วเผิง : จริงๆ ไม่เหมือนกันเลย อารมณ์จังหวะความรู้สึกของพวกเขานั้นแตกต่างจากเราอย่างสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น พวกเราคนจีนที่ไปแสดงละคร ตามพื้นฐานของเราแล้วก็ โอเค เมื่อผมอ่านบทแล้วก็น่าจะรู้แล้วว่าจะแสดงอารมณ์อย่างไร แล้วรู้ว่าเมื่อไรที่คุณจะโยนลูกมาให้ผม ผมร่วมแสดงกับไฉ่หลินนั้นสายตาผมจะเบรอๆ แน่นอนจังหวะมันไม่เหมือนกัน เช่นผมว่าคุณควรจะสนองอย่างนี้ คือเพียง 3 วินาทีคุณก็น่าจะส่งบอลคืนมาให้กับผม เพราะผมได้ สแตนบาย เรียบร้อยแล้ว 3 วิยังไม่ทันจบ แล้วต่อไปอีก 7 วิ แล้วโยนให้ผมโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัวเลย จนผมเองก็มั่วไป
ญ : ฉะนั้นพวกคุณอาจเล่นจนได้อารมณ์แล้วนานไปหน่อยหรือเปล่า ทำให้เวลาเลยไป
ช : อะไรคือ 3 วิแล้วควรส่งลูกคืนมา แล้วรอถึง 7 วิ มันหมายความว่าไง
ญ : ก็คือ
โหย่วเผิง : ให้ผมอธิบายดีกว่า “งั้นคืนนี้ คุณสามารถเอาอุปสรรค์ต่างๆ ทิ้งไปหมดแล้วไปทานข้าวกับผมได้ไหม” จากนั้น 1 ,2, 3 ผมคิดว่าควรจะส่งคืนให้ผมแล้ว แต่เขากลับแสดงบทของเขายังไม่จบ แล้วผมก็มองเขา คุณจะแสดงไปถึงไหนเนี่ย
ญ : แล้วอยู่ที่นั่นกำลังทำท่าอย่างนี้
โหย่วเผิง : ผมก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นควรจะทำอะไรต่อไป แล้วคิดว่าเมื่อไหร่จะถึงผม ฉะนั้น เรื่องเวลาของจังหวะนั้นไม่เหมือนกัน
ช : ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนกับว่า กำลังแย่งแสดง ถูกเปล่า
โหย่วเผิง : ผมคิดว่าไม่ควรพูดอย่างนี้ เพราะมันเป็นของทุกคน ในเกาหลีก็มีโรงเรียนสอนการแสดงเยอะแยะไปหมด ในจีนก็มีเยอะ แล้วผมคิดว่าการสอนของแต่ละโรงเรียนนั้นระบบมันไม่เหมือนกัน และที่นั่น นักเรียนที่สอนออกมานั้นก็จะต่างกัน ฉะนั้นเมื่อพวกเขาแสดงอยู่นั้น พวกเขามีสไตส์แบบเกาหลีมากๆ เป็นการตอบสนองที่เกินความคาดหมายจากเรา
ช : เช่นอะไรบ้าง
โหย่วเผิง : ก็เหมือนกับสิ่งที่ผมพึ่งพูดไปเมื่อกี้ ยกตัวเองเช่น พวกเราเซอร์ไพรส ท่าทางของเราก็จะประมาณนี้ ก็คือแบบตื่นเต้นหน่อย แต่ว่าการเซอร์ไพรสของพวกเขานั้นจะเป็นท่าแบบนี้ ฉะนั้นคุณคงเห็นแล้วว่าพวกเขาจะใช้อะไรที่แตกต่างจากพวกเรา