ผู้เขียน หัวข้อ: 2010 LIFE STYLE  (อ่าน 8889 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
2010 LIFE STYLE
« เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 11:17:08 AM »
Thanks, http://www.chinanews.com.cn/yl/news/2010/01-12/2067092.shtml

12 มกราคม 2010

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง : เสี่ยวหู่ตุ้ยลาก่อน ภาพลักษณ์ไกวๆหู่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ


Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 12 ม.ค. 2010 เสี่ยวหู่ตุ้ยลาก่อน ภาพลักษณ์ไกวๆหู่
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 11:23:41 AM »

เสี่ยวหู่ตุ้ยลาก่อน ภาพลักษณ์ไกวๆหู่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

นัดโหย่วเผิงเล่นภาพยนตร์เป็นช่วงเที่ยงวัน ขณะที่เขามาถึงกองถ่ายนั้น ได้หิ้วข้าวกล่องหนึ่งกล่อง แล้วเขาก็เริ่มดื่มน้ำเหมือนกับถั่วแดง ถามเขาว่านั่นคืออะไร เขายิ้มแล้วตอบว่า “ระยะนี้ผมกินเจ แล้วน้ำซุปที่ดื่มน้ำเป็นน้ำซุปอาหารเสริม ก็เหมือนวันนี้ทำงานจนไม่มีเวลาทานข้าวนั้น ก็จะชงดื่มหน่อย มีสารอาหารเยอะมาก ห่อหนึ่งสามารถแทนข้าวมื้อหนึ่งเลยที่เดียว ผมนั้นได้ลองใช้ชีวิตอนาคตข้างหน้าแล้ว ฮ่าๆๆ

เมื่อคนคนหนึ่งรู้จักที่จะใช้ชีวิต แสดงว่าเขาเข้าใจแล้วว่าวัยหนุ่มมันผ่านไปแล้ว ภาพโหย่วเผิงสามภาพนั้นดีมากเลย หลายๆคนจะจำใบหน้าที่อ่อนวัยอย่างเด็กในไกวๆหู่อย่างนั้นมาตลอด ในคืนตรุษจีนของปีเสือนี้ เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการรวมตัว
 
ความทรงจำที่ทุกคนไม่ลืมเลยคือวันวานแห่งชีวิตที่ไร้ความเครียด แล้วพวกเราจะสามารถที่จะแสดงสีหน้าให้เหมือนดังวันวานนั้นได้หรือเปล่า? จริงๆแล้วพวกเรานั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว สิ่งที่คุณเห็นคืนความผิดหวัง คุณอาจจะเห็นว่าวัยหนุ่มนั้นหายไปแล้ว หรือว่าเพื่อนเก่ากลับมาอวยพรตรุษจีนแก่คุณ เสมือนเพื่อนเก่า สมัย ม. ปลายไม่เจอกัน 20 ปีที่แล้วตอนนี้มาพบกันอีก อาจจะมีความรู้สึกสองอย่างนี้ด้วย


โหย่วเผิง

สำหรับพวกเราแล้ว เสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเป็นสิ่งที่คลากสิค

เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมาปรากฏในคืนตรุษจีนนั้นกลายเป็นประเด็นร้อนของวงการบันเทิง เมื่อเจอโหย่วเผิง เป็นโอกาสที่หาไม่ได้เลย ไม่ถามเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับงานไม่ได้ “สองสามวันก่อนพอได้รับซีดีของเสี่ยวหู่ตุ้ย พวกเราจะต้องปรับปรุงดนตรีอีก ทุกคนก็ล้วนฟังไปด้วยวิจารณ์ไปด้วย ขณะที่ร้องตามซีดีนั้น ตัวเองกลับมีความรู้สึกสะกิดใจมาก ยิ่งฟังขนก็ยิ่งลุก”

สมันนั้นผมไม่รู้อะไรเลย ผมเป็นสมาชิกคนเล็กที่สุดในบรรดาเสี่ยวหู่ตุ้ย ตอนนั้นก็เพิ่งจะสอบเข้ามัธยมปลายได้ ทั้งสามคนก็ล้วนมีกลิ่นไอแห่งวัยหนุ่ม เดียงสามากๆ เฟอร์เฟคจริงๆ จึงทำให้หลายๆคนชื่นชอบ ตอนนี้ทุกคนก็กำลังรอคอยที่จะเจอเสี่ยวหู่ตุ้ย ผมรู้สึกว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ความรู้สึก ที่โตเท่าๆกับผมและคนที่โตมากับเพลงของพวกผมนัน พวกเราล้วนได้ประสบการณ์แห่งวัยที่ไร้ทุกข์ไร้โศกมาด้วยกัน ตอนนี้ด้านการงานต่างก็มีประสบการณ์มาบ้าง บางครั้งก็มีหลายเรื่องทำให้ซีเรียส ก็จะคิดถึงความสนุกของช่วงวัยหนุ่ม ตอนนี้คุณอาจคิดถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย เพราะได้ชวนให้หวนคิดความทรงจำอดีต และในเว็ปไซน์นั้น ก็ยังมีหลายคนติดรูปอดีตของพวกเราสามคนด้วย เปิดเพลงเก่าๆของเรา ผมเห็นสิ่งเหล่านั้นก็รู้สึกตื้นตันใจเหมือนกัน

เอ่ยถึงเสี่ยวหู่ตุ้ย คำที่โหย่วเผิงเป็นคนที่พูดถึงเยอะที่สุด ก็คือ “ประทับใจ” หากว่าแฟนคลับฟังไปหนึ่งพันรอบ พวกเราก็ร้องไปหนึ่งพันรอบ ความรู้สึกของพวกเรานั้นไม่น้อยกว่าแฟนคลับเลย ทุกคนสามารถได้ยื่นอยู่บนเวที ใช้รูปแบบที่ดี เช่นอย่างรายการคืนตรุษจีนที่ได้ขึ้นบนเวที ทุกคนต่างมาหวนอดีต ก็เป็นสิ่งที่ดี”
 
เขามองการรวมตัวในคืนตรุษจีนของเสี่ยวหู่ตุ้ยเรียบง่ายเกินไป “งานคืนตรุษจีนนั้นเป็นอะไรที่เรียบๆ เป็นอะไรที่ทำครั้งเดียว เป็นการรวมตัวครั้งเดียว หมายถึงการอวยพรตรุษจีนด้วย ก็เหมือนกับงานตรุษจีนสมัยที่เรียนมัธยมได้แสดงรายการ ยี่สิบปีให้หลังเขาก็มายืนอยู่บนเวทีอีกครั้ง คุณจะเห็นว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว ตัวอาจอ้วนขึ้นและพุงอาจยุ้ยลง  แต่ขณะที่เขาตั้งใจที่จะแสดงรายการของเขานั้น คุณจะไม่รู้สึกว่าเปลี่ยนไป คุณจะยังเห็นความหล่อที่ไม่คลาย ผมปรารถนาที่จะนำความสุขให้กับทุกคน แค่นี้ก็พอใจแล้ว”
 
“เรื่องราวของเสี่ยวหู่ตุ้ย ทุกคนให้ความสนใจมาก มีทั้งเสียงชมและเสียงติเตียน สิ่งเหล่านี้รับได้ไม่มีปัญหา สิ่งที่ทุกคนคิดถึงคือช่วงเวลาที่ไร้ทุกข์ได้โศก(สมัยเสี่ยวหู่ตุ้ย) แต่ว่าไม่รู้ว่าการแสดงของพวกเราจะนำบรรยกาศอย่างนั้นมาให้กับทุกคนได้หรือเปล่า?

จริงๆแล้วพวกเราต่างก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว สิ่งที่คุณเห็นอาจเป็นความผิดหวัง อาจเห็นว่าวัยหนุ่มได้จากไปแล้ว หรือจะรู้สึกว่านี่คือสหายเก่าที่มาอวรพรวันตรุษจีนท่านหนึ่ง ก็เหมือนกับนักเรียนมัธยาปลายที่ได้เจอกันหลังจากกัน 20 กว่าปี ความรู้สึกสองอย่างนี้คงจะมี

ตอนที่อยู่บนเวทีนั้น ผมจะพยายามนำบรรยกาศอย่างนั้นสู่พวกเรา เพราะการจะสร้างบรรยกาศมันไม่ง่าย และบรรยกาศไม่สามารถจะหุนหันพลันแล่นได้ หากจะไปเร่งมันเกินไปก็จะทำให้ผลออกมาไม่ดีนัก บางครั้งก็รู้สึกเสียดายบ้าง มันไม่สมบูรณ์พอ แต่กลับกลายเป็นคลากสิค ในใจของผมนั้น “เสี่ยวหุ่ตุ้ย”และสิ่งต่างๆนั้นมันมีคุณค่ากับผมมากๆ ไม่อยากจะให้มันเปลี่ยนไปเป็นของถูกๆ

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 12 ม.ค. 2010 เสี่ยวหู่ตุ้ยลาก่อน ภาพลักษณ์ไกวๆหู่
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 11:27:39 AM »

เสี่ยวหู่ตุ้ยลาก่อน

โหย่วเผิงกล่าวว่า : (จงกวางเซี่ยน) เป็นงานที่ใหญ่ในรอบปี แต่ก็ไม่เคยได้ยินเพลงที่พวกเขาร้อง แน่นอนก็ย่อมไม่รู้ว่า (จงกวางเซี่ยน) ได้ร้องเพลงไปทั่วในปี 2009 ก็เหมือนกัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวหุ่ตุ้ยจะมีการทัวร์คอนเสิร์ดไหม “สิ่งที่ผมรู้คือให้เป็นไปตามธรรมชาติ ยิ่งอยู่ในวงการนานเท่าใดก็ยิ่งรู้ว่า หากวาสนามาถึง มาถึงปีเสือพอดี และก็มาเป็นเวลาของช่วงนี้พอดี เรื่องบางอย่างนั้นคุณจะฝืนมันก็ใช่ว่าจะดี ปีนี้นั้นผมเองรู้สึกว่าตัวเองเงื่อนไขพร้อม”  ต่อนี้ไป จะจัดตารางเวลา เขาไม่มีเวลาให้กับเสี่ยวหู่ตุ้ย
 
หลังจากนี้ เรื่อง(ตามหาพี่หลิวซัน)ที่เขาเล่นก็จะฉาย “เรื่องนี้นั้นได้ถ่ายทำช่วงตรุษจีนของปีที่แล้ว(2008) เป็นเรื่องที่อยู่หน้ารายการงิ้ว(เฟิงเซิง)  เรื่องนี้ไม่ใช่สร้างเพื่อธุรกิจ จะไปเปรียบราคาตั๋วคงไม่ได้ เป็นเรื่องหนึ่งที่พูดถึงนักศึกษาคนหนึ่งได้กลับมาบ้านเกิดของตัวเอง ผมรับบทเป็นนักดนตรีนอกคนหนึ่ง หลังจากที่กลับมาที่จีนแล้ว ก็หลงไหลในวัฒนธรรมที่บ้าน และหลงรักในตัวของพี่หลิวซันอีกด้วย เรื่องราวนั้นก็คล้ายๆกับเรื่องเก่า บทผมนั้นสุดท้ายก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ ตอนที่พวกเราแสดงนั้นได้ไปถ่ายทำในหมู่บ้านต่างๆมากมาย มีทิวทันศ์ที่สวยงามมากมาย”
 
เพื่อจะเล่นภาพยนตร์เฟิงเซิง โหย่วเผิงไปเรียนร้องละครเพลง เรื่องนี้นั้นทุกคนก็ทราบกันดี แต่ทำไมเรื่องตามหาพี่หลิวซันยังทุ่มเทอยู่ “เรื่องตามหาพี่หลิวซันก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มีศิลปะ ผมได้ไปเรียนการร้องเพลงพื้นเมือง มันพิเศษมาก เพราะหลักการร้องนั้นมันแตกต่างจากตอนที่ผมร้องเพลงสากลราวฟ้ากับดิน คิดไม่ถึงว่าตนเองจะมีเสียงอย่างนั้น ตอนที่ร้องได้นั้นรู้สึกว่ามันอัศจรรย์จริงๆ ในเรื่องยังมีเพลงอิตาลีด้วย ไม่เลวเหมือนกัน ในเรื่องยังมีฉากที่ใช้ภาษาอังกฤษด้วย สำหรับผมแล้วมันเป็นครั้งแรก” ขณะที่พูดนั้น โหย่วเผิงภาคภูมิใจมาก
 

ตอนที่เขากำลังถ่ายทำเรื่องตามหาพี่หลิวซันนั้น เขาก็ได้เตรียมตัวที่จะถ่ายเรื่องเฟิงเซิงแล้ว“ตอนที่ได้รับเนื้อบทมาใหม่ๆนั้น ผมกับผู้จัดการก็ได้คุยกันว่าจะรับหรือไม่รับดี ตอนนั้นเคยบอกว่าเวลาของผมนั้นมันแน่นมาก ตอนที่ได้รับเนื้อบทของเฟิงเซิงนั้นผมกำลังจะถ่ายเรื่องตามหาพี่หลิวซัน ก็คือหลังจากที่ถ่ายตามหาพี่หลิวซันเสร็จก็ต้องรีบต่อเรื่องเฟิงเซิง ไม่มีเวลาจะมาเรียนการร้องเพลง ผมก็พูดว่า อย่าล้อเล่นหน่า จะเอาเวลาไหนมาเตรียม หากว่าแสดงได้ไม่ดีแล้ว เข้าโรงไปฉายให้แฟนๆดู มันจะไม่เสียหน้าหมดหรือ” ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ บทที่เฉพาะทางอย่างนี้ หากใม่ให้เวลาผมไปเตรียมตัว มันไม่ไหวจริงๆ ตอนหลังก็คิดว่าเป็นผู้ชายทั้งคน ไม่มีเหตุผลที่จะไปปฏิเสธการท้าทายอย่างนี้ ขณะที่ถ่ายทำเรื่องตามหาพี่หลิวซันนั้น ผมก็ได้จ้างอาจารย์ไปที่กวางซีโดยที่ผมควักเงินเอง ในกองถ่ายนั้น ให้อาจารย์มาพูดถึงเรื่องการร้องละครเพลง การท่องบทอะไรอย่างนี้
 

เหตุที่เขาอยากจะแสดงการร้องละครเพลงให้ดี เขาได้ผ่านทุกข์ร้อนมากมาย หลังจากปิดกล้องตามหาพี่หลิวซันแล้ว ก็รีบที่จะฝึกซ้อมตัวเอง สุดท้ายฉากนี้ถูกทางผู้กำกับตัดทิ้งไป หลายคนได้เสียดายแทนเขา

“ตอนที่ถูกตัดในมีฉากหนึ่งที่ร้องละครเพลง เป็นฉากที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของไป๋เสี่ยวเหนียนและผู้บัญชาการ ตอนเริ่มเปิดกล้องนั้น ตอนนั้นยังเรียนไม่จบ ผมก็ได้ไปคุยกับทางทีมงานว่า ขอเลื่อนฉากของผมถ่ายท้ายๆหน่อยได้ไหม จะซ้อมไปด้วยถ่ายไปด้วย เมื่อถ่ายไปได้ชั่วโมงกว่า พวกเราก็ไปพูดกับทีมงานว่า พวกเราซ้อมได้พอประมาณแล้ว สามารถเข้าฉากได้แล้ว ฉากของพวกเขานั้นทั้งเสียเงินและเสียเวลา ทำให้นักแสดงทุกคนเกือบจะบ้าตาย มาถึงตอนท้ายพวกเราทั้งไม่มีเงินและไม่มีเวลา พวกเขาบอกว่าผมว่า ไม่ต้องถ่ายแล้ว จะปิดกล้องแล้ว ผมก็ต้อง ร้องออกมาว่า “โอ้” ทางบริษัทก็รู้สึกเสียดาย เพราะตลอดเวลาที่ผมเรียนนั้นพวกเขาได้เป็นเพื่อนผม พวกเขารู้ว่ามันไม่ง่าย สำหรับผมแล้ว คงไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจมากมาย อาจเป็นเพราะปฏิกิริยาผมช้า ตอนนั้นก็รู้อย่างเดียวคือเรียนจบแล้ว เพราะทุกกิริยาบทและทุกรายละเอียดอาจารย์ก็บอกว่าผ่านแล้ว สำหรับผมการเรียนจบก็เป็นสิ่งที่ดี จะเล่นหรือไม่เล่นก็ไม่เป็นไร”

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 12 ม.ค. 2010 เสี่ยวหู่ตุ้ยลาก่อน ภาพลักษณ์ไกวๆหู่
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 11:35:30 AM »

แม้จะตัดฉากตอนต้นของเฟิงเซิงทิ้งไป แต่ว่าทางโหย่วเผิงก็กล่าวว่าได้รับคำชมมากมายจะผู้ชม   “การที่ผมเล่นไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นมีอุปสรรค์มากมาย ใช่ว่าทุกคนเห็นด้วยกับผม เรื่องนี้เป็นของค่ายหัวอี้ บนหัวผมยังมีผู้ใหญ่ บวกกับผู้กำกับ มีความคิดเห็นมากมาย (เฟิงเซิง)เป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ การแสดงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ มีหลายคนก็สนใจบทของไป๋เสี่ยวเหนียน เคยขอให้เขาลองเล่นดู ถ้าจะพูดในแง่บวก ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหน้าไหนก็ตาม ไม่กลัวว่ามือใหม่หรือมือเก่า เมื่อแสดงบทอย่างนี้แล้ว ก็ไม่วายที่จะสะดุ้ง หากคุณพูดในอีกมุมหนึ่ง บทนี้นั้นเป็นบทที่จะต้องคัดสรรนักแสดงมาแสดงเหมือนกัน ใช่ว่าใครจะมาแสดงก็ดูดีได้ นี่น่าจะเป็นเรื่องของวาสนา พอดีมาตกบนตัวผม หลังจากที่ผมแสดงไปแล้ว ทุกคนกลับไม่รู้สึกสะอิดสะเอียน ตัวผมเองก็ตั้งใจเป็นอย่างมาก แต่ผมก็เชื่อว่าโชคนั้นสำคัญกว่า ทางผู้กำกับได้บอกว่าจะหานักแสดงที่จะมาแสดงนั้นต้องเป็นคนที่ไม่ใช่เป็นกระเทย และทางผู้กำกับก็บอกว่าสิ่งที่เขาต้องการเป็นการแสดงออกถึงบุคลิกที่กระเทย เขาจะตกอยู่ในสภาพอารมณ์ที่แปรปรวน ฉะนั้นเลยไม่อยากจะได้นักแสดงที่เป็นกระเทยมรับบทนี้”
 
ในระหว่างการถ่ายทำนั้น โหย่วเผิงอารมณ์อินไปด้วย ปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่คุยกับคนโน้นคนนี้ในกองถ่าย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่เหม่อลอย กลายเป็นคนที่ตกอยู่ในอารมณ์ที่ว่างเปล่า จนทำให้โจวซิ่นและจางหันอี่ตกใจ  “ตอนแสดงนั้นอินจริงๆ ปกติแล้วตอนจะแสดงผมจะไม่พูด ผมจะดึงอารมณ์อย่างนั้นเข้าฉาก ตอนแสดงนั้นทุกคนก็จะคุยกับผู้กำกับ มาดูเทปที่ถ่าย ส่วนผมนั้นไม่เคยมาดูเลย ผมถ่ายเสร็จ ก็ไปหามุมหนึ่งเงียบๆ ผมกลัวอารมณ์ของผมจะหายไป ระหว่างนั้นอาจมีสองสามวันที่จะออกจากกองถ่าย แต่เมื่อกลับมาแล้วก็ต้องจูนอารมณ์อย่างนั้นอีก อารมณ์ความรู้สึกอย่างนั้นมันหายไปจริงๆ ขณะที่ถ่ายทำนั้น พวกเขานั่นที่กองถ่ายแล้วคุยกัน ทันใดนั้นก็มีความถือปากกาลอยไปจากข้างหลังของพวกเขา นั่นเป็นผมเอง โจวซิ่นกับหันอี่ก็เคยพูดเรื่องนี้ ว่าผมมีสีหน้าที่เหมือนกับตอนเข้าฉากตลอด จะให้ทำอย่างไรล่ะ ผมไม่กล้าปล่อยอารมณ์ให้สบายๆ

หลังจากเรื่องเฟิงเซิงแล้ว
 
ได้ยินว่าความยาวต้นฉบับเรื่องเฟิงเซิงหากไม่ตัดทิ้งประมาณสี่ชั่วโมง มันละเอียดกล่าวฉบับที่เข้าโรง และโหดกว่าด้วย คนที่เคยดูต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เสียดายบทโหย่วเผิงจัง หลายๆฉากของเขากลับถูกตัดทิ้ง

“ฮ่าๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามีความรู้สึกอย่างไร ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่พิเศษ ตอนหลังมีข่าวลือออกมา ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร ว่า (รางวัลจิงหม่าไต้หวัน) นั้นนักแสดงสมทบจะมอบทั้งหมดสี่คน แต่ชื่อผมอยู่ที่ห้า เฉียดฉิวไปสองสามคะแนน ตอนนั้นผมได้ยินข่าวนี้ก็ร้องว่า  “หา”  ตอนนี้ถึงคิดได้ว่า หากฉากต่างๆเหล่านั้นไม่ตัดทิ้งไป คงจะได้คะแนนเพิ่มอีกหลายคะแนนแน่ๆเลย”

แม้ (รางวัลจิงหม่า) จะพลาดไป แต่ก็มีรางวัลของ (หัวเปี่ยว)  “ไม่กล้าคิด แล้วแต่โชคก็แล้วกัน คุณจะถามผมว่ารู้สึกอย่างไรที่ตัดฉากเหล่านั้นทิ้ง ตัวเองก็เป็นเหมือนอย่างตอนนี้ที่เป็น สำหรับผมแล้ว เรื่องเฟิงเซิงจะเป็นเรื่องแรกที่เปิดเประตูให้ผมเข้าสู่เส้นทางการแสดงภาพยนตร์ เป็นหน้าต่างบานหนึ่ง ให้โอกาสแก่ผม ได้เรียนรู้เทคนิคมากมาย มันเป็นอะไรที่สนุกมาก”
 
หลังจากเรื่องเฟิงเซิงแล้ว เขาก็พูดตลอดว่าอยากจะเล่นบทอย่างนี้อีก “ความรู้สึกที่ให้ระหว่างภาพยนตร์กับละครโทรทัศน์นั้นต่างกัน ละครโทรทัศน์นั้นยาวมากๆ มันกำลังทดสอบความตั้งใจและความอดทนของคุณ ไม่มีทางเหมือนภาพยนตร์ที่เอาฝีมือมาประชันกัน จริงๆแล้วทุกคนทุกบทก็ล้วนแต่สำคัญ มันต่างกับละครโทรทัศน์ ทางละครโทรทัศน์นั้นยากจะทำให้ผลงานเห็นได้อย่างเด่นชัด รสนิยมของผมนั้นถูกเฟิงเซิงทำให้สูงไปแล้ว หวังว่าอนาคตสามารถจะมีโอกาสได้รับบทอย่างนี้อีก”
 
แต่ว่า เขาเองก็เข้าใจดีว่าทุกอย่างฝืนไม่ได้ “เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่ผมจะเป็นคนเลือกผู้กำกับ ผู้กำกับฝีมือดีมีเยอะ ตัวเองอยากจะแสดงบทที่แตกต่างจากเดิม อาทิ คนโรคซึมเศร้า คนจิตไม่ปกติ เหล่านี้น่าจะสนุกดี หากมีโอกาสจะแสดงสิ่งที่ซ่อนอยู่ออกมาก็เป็นอะไรที่น่าสนุก”
 
กล้าในหน้าที่การงานอย่างนี้ กล้าทำกล้าคิดอย่างโหย่วเผิง ในชีวิตจริงกลับเป็นหนุ่มเฝ้าบ้าน “จริงๆแล้วผมไม่อยากอยู่ในบ้าน แต่ก็ต้องอยู่ในบ้าน ผมเป็นบุคคลสาธารณะ จะไปโน่นนี่ก็ไม่เหมาะสม”
 
ไว้ทรงผมที่เท่ขนาดนี้ กลับบอกว่า “ชีวิตส่วนตัวแล้วจะเป็นคนที่เรียบๆ ปกติผมจะสวมหมวก จะไม่ค่อยชอบทำทรงผม เพราะออกนอกบ้านแล้วมันยุ่งกับการจัดทรง”
 
ถามเขาว่าช่วงนี้กำลังยุ่งอะไรอยู่ คำตอบคือ “ช่วงนี้พักผ่อนเยอะหน่อย ดูแลสุขภาพ”

สันดานดักง่าย สันดรดักยาก โหย่วเผิงยังเป็นเด็กเชื่อฟังอยู่




Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: 2010 LIFE STYLE
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2016, 01:22:37 PM »
[FACEBOOK FANPAGE]
https://www.facebook.com/AlecfanclubinThailand/posts/1260655773972913

苏有朋新年写真诠释自我 桀骜不驯彰显冷峻魅力
http://www.slpharm.com/news/20100113/309913.shtml