ผู้เขียน หัวข้อ: 2010 World Life  (อ่าน 8360 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
2010 World Life
« เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 12:38:59 PM »
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จาก นิตยสาร World Life มกราคม 2010



นิตยสาร  World Life‏

สำหรับการชอบดาราคนหนึ่งแล้ว มักจะเริ่มจากการประทับใจ เป็นความประทับใน เสมือนรักแรกพบ อะไรอย่างนั้น สำหรับการที่ชื่นชอบเขานั้น ไม่เพียงแต่เป็นการชื่นชอบที่คนบนเวทีกับคนอยู่ข้างล่างเวที แต่เป็นความรู้สึกจินตนาการที่สวยงามและง่ายๆ

ซูโหย่วเผิง  ก็เป็นชื่อหนึ่งที่เป็นอย่างนี้ สำหรับเขาแล้ว  เป็นทั้งดารา และเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ก็ไม่เคยรู้สึกว่าเขาดังจนไม่มีใครไม่รู้สึก หรือไม่เคยคิดว่าอยากจะเจอเขาในร้านอาหารที่ใดที่หนึ่ง ร่วมดื่มเบียร์ด้วยกัน     โหย่วเผิงนั้นจะคล้ายกับแม่ที่เป็นเด็กนักเรียนที่ดีเด่นและฉลาด เป็นคนที่ไม่หดหู่ในชีวิต  สิ่งเหล่านี้แม้จะเตะต้องไม่ได้  แต่ก็จะรู้สึกได้ จากการเข้าสู่วงการจนถึงวันนี้  เมื่อเห็นเป็นคนที่ดี สะอาด ก็รู้สึกมีความสุข  และตั้งแต่การร้องเพลง   จนเข้าสู่การแสดงก็เห็นถึงภาพลักษณ์ที่ดีของเขา  ก็รู้สึกสุขใจด้วย  บางครังแม้จะเห็นเขาตกต่ำ เสียใจ แต่ก็สุขใจ ที่เขายังอยู่ในวงการ


ความโชคดีของ ไป๋เสียวเหนียน
 
นิ้วมือเหมือนผู้หญิงที่เห็นใน เฟิงเซิง นั้น ทำให้ทุกคนอดสงสัยไม่ได้ นี่เป็นโหย่วเผิงหรือ? รอจนดูทั้งเรื่องจบแล้ว ถึงจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน จะกลัวทำไม  ที่ในเรื่องจะเป็นแบบนี้ ความกระนุ้งกระนิ้งของไป๋เสี่ยวเหนียนนั้น  ก็เป็นที่ยอมรับของคนมากมาย พูดถึงตรงนี้แล้ว ในใจโหย่วเผิงมีคำพูด “มีหลายฉากถูกตัดทิ้งไป มีอีกฉากหนึ่งนั้นแทบจะไม่ได้ถ่ายเลย ตัวละครนี้นั้นมีความซับซ้อน มันหลากหลายมาก

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: ม.ค. 2010 V World Life
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 12:43:10 PM »

โหย่วเผิงวิจารณ์ตัวละคร ไป๋เสี่ยวเหนียน ว่า “มันไม่ธรรมดาเลย”

เริ่มจากการเตรียมถ่าย เรื่อง เฟิงเซิง ก็เป็น เฟิงเซิง จริงๆ มันลี้ลับ  โหย่วเผิงกล่าวว่า “ เรื่องการเก็บความลับนั้น  ทางค่ายขอมาว่า  จะต้องลับสุดๆ  ตอนที่ผมได้รับตัวเนื้อบทละครข้างบนยังเขียนไว้ว่าเป็นฉบับของ เฉินก่อฟู่ พวกเขากลัวเรื่องจะรั่วไหล” เมื่อดูรายละเอียดจบแล้ว เขาพูดว่า  “เนื้อเรื่องนั้นเป็นที่สนใจมากๆ” ความรู้สึกที่ใหญ่ที่สุดคือ  แม้ตัวเนื้อบทยังต้องปกปิดให้มิดชิดที่สุด มันปกปิดมิดชิดมากๆ  จนทำให้ชอบมากๆ จนถึงเวลาถ่ายทำ เขากล่าวว่า  เพิ่งรู้ว่าตัวละครนี้ยังมีการแย่งกันด้วย แต่ “ได้รับโดยไม่รู้อะไรเลย มันเป็นโชคของผมอย่างยิ่ง”
 
พูดก็พูดอย่างนี้ แต่ความทุ่มเทของโหย่วเผิงต่อบทนี้นั้น  ไม่น้อยเลยทีเดียว “หลังจากที่รับบทแล้ว ยังไม่ทันดูนิยายของเรื่องนี้เลย ก็ต้องรีบไปหาอาจารย์ กลัวตัวเองทำไม่ได้” โหย่วเผิงบอกว่า “สำหรับผลงานของ ก่อฉุ่ย นั้นตัวเองไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ รู้เพียงว่ามันลี้ลับ มันเกินเข้าใจ” และครั้งแรกที่ได้สัมผัสหรือเข้าศึกษาก็ตอนที่เข้าไปดูนิทรรศการ “มู่ตันเสียง” เพราะว่าสำหรับเรื่องแนวอย่างนี้นั้น มันไม่รู้อะไรสักนิดเลย (เรื่องร้องละครเพลงหรืองิ้ว ) และตอนนั้นโหย่วเผิงเองก็ฟิตร่างกายด้วย จะต้องพยายามเป็นนักร้องละครเพลง มันเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา “คงไม่มีนักร้องละครเพลง(งิ้ว)คนไหนที่มีกล้าม?” และเขาเองก็ลดหุ่นโหย่วเผิงบอกว่า  เป็นครั้งแรกที่เขาดูเรื่อง “อิ๋วเหยียนจิงม่ง”  และเขาก็ได้ดูเรื่องนี้แล้วเลียนแบบการร้องเต้นละครเพลงของเรื่องนี้ “ครั้งแรกที่ร้องเต้นนั้นรู้สึกยากมากเหมือนกัน” จากนั้นเขาก็ได้ฟังกับอาจารย์ เขาได้เริ่มฝึกขั้นแรก เดินเป็นวงกลม

 
เริ่มจากการเตรียมตัว  ถึงเวลาไปถ่าย ประมาณ 4-5 เดือน โหย่วเผิงกล่าวว่า เขานั้นเรียนไปด้วย แล้วถ่ายทำไปด้วย  และนักแสดงในเรื่อง เฟิงเซิง แต่ละคนล้วนเป็นนักแสดงมืออาชีพ ไม่เป็นมืออาชีพก็เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง  หลายคนได้เข้าฉากกับเขา  แม้คนเหล่านั้นที่เป็นมืออาชีพยังมีความกดดันเลย แล้วนับประสาอะไรอย่างผมจะไม่กดดัน โหย่วเผิงเล่าว่า  การเข้ากองถ่ายของเขานั้น ต้องมีอารมณ์อย่างนั้นตลอด หลังเข้าฉากเสร็จเขาไม่ไปยุ่งกับใคร  และไม่ไปดูว่าถ่ายได้ดีไหม  เขาเดินไปหลบมุมหนึ่งแล้วเก็บอารมณ์อย่างนั้นไว้  รอจนกว่าเขามาบอกว่าเรื่องนี้ได้ถ่ายเสร็จแล้ว

เริ่มจากตอนแรกตื่นเต้นมากจนไม่รู้จะอ้าปากอย่างไร  ฝึกจนวันหนึ่งอาจารย์บอกว่าสามารถไปทำมาหากินได้เลย  ไป๋เสี่ยวเหนียนที่โหย่วเผิงแสดงนั้น อารมณ์ต้องอิงกับบทมากๆ และทุกย่างก้าวของเขาเริ่มจากเสี่ยวหู่ตุ้ย และการแสดงละครต่างๆ มาจนถึงภาพยนรต์ล้วนแต่เป็นความทุ่มเทของเขาจริงๆ หากว่าเรื่องรัก ยังทำภาคต่อไป ผมอยากจะแสดงอีก นี่เป็นเสียงของโหย่วเผิง สำหรับเขาแล้ว เขาแฮปปี้การงานภาพยนตร์เป็นอย่างมาก เขาบอกว่า ประสบการณ์เล่นละครของเขานั้นมาถึงขั้นอิ่มตัวแล้ว ตอนนี้อยากจะหันมาทางด้านนี้
 
ไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นก้าวแรกที่ดีมาก ตอนนี้ได้เข้าใจอะไรหลายอย่างแล้ว ต่อไปอีก 2-3 ปี  ก็คงจะตั้งใจเล่นภาพยนตร์ โหย่วเผิงกล่าว ไป๋เสี่ยวเหนียนเป็นประสบการณ์บางๆของโหย่วเผิงที่มารับบทนี้ และการที่โหย่วเผิงมารับบทไป๋เสี่ยวเหนียนนั้น ไม่รู้เป็นความโชคดีของไป๋เสี่ยวเหนียนหรือเปล่า?


โดดเดี่ยวภายใต้ความคิดที่เพอร์เฟรค
 
แม้จะดูภายนอก  โหย่วเผิงสง่า  ภาพลักษณ์ดี แต่ข้างในมีความโดดเดี่ยวได้ซ่อนอยู่ และนี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาแสดงบท ไป๋เสี่ยวเหนียน ได้ดี
 
คุณดูเขาซิ ต่อหน้ากล้องเขาพูดไม่หยุด แต่เบื้องหลังเขานั้นเงียบ เขาหวนคิดเวทีเพลงในอดีตของเขา โหย่วเผิงได้คุยถึงฉากที่ถูกตัดทิ้งไม่ได้ถ่ายในเรื่องเฟิงเซิง “ฉากนั้นเป็นฉากที่มีฝุ่นควันฟุ้งไปหมด ทันใดก็มีเสียง “อ้าย่า” ดังไปทั่ว ไม่ว่าบนเวทีหรือล่างเวที มีการส่งสายตาหวานของไป๋เสี่ยวเหนียน  สุดท้ายก็ได้เห็นถึงใบหน้าที่สงสารตัวเองและไม่เต็มใจของเขา” เมื่อเขาได้เอ่ยขึ้นมา ได้เห็นถึงเขา  ที่มีประสบการณ์ผ่านมาอย่างโชกโชน
 
ในเรื่องนั้น ไป๋เสียวเหนียนนั้นได้ดังแต่แรกแล้ว แต่ว่าด้วยตอนหลังเกิดความวุ่นวายขึ้น ไปสมัครเป็นทหาร ความไม่ยุติธรรมและความโดดเดี่ยวของตัวละครนี้นั้นมันเยอะมาก ผู้กำกับเกาก็ได้เคยแนะนำโหย่วเผิงว่า “คุณจำเป็นต้องลืมตัวเองให้หมด ถึงจะเป็นไป๋เสียวเหนียนได้” ในเรื่องนั้นเพลงที่ไป๋เสี่ยวเหนียนร้องเป็นเพลง “อิ๋วเหยียนจิงม่ง” ตอนนี้นั้นโหย่วเผิงได้ร้องเบาๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ  มันรู้สึกว่าเพราะดี  ทั้งท่าทางกิริยามือไม้ของเขาก็ยอดเหมือนกัน เสร็จแล้วเขาเองก็ไม่รู้ผีเข้าหรือเปล่าหัวเราะออกมาดังๆ เลย  ทำให้เราคิดถึงเขาในอดีต




โหย่วเผิงบอกว่าตัวเองนั้นราศีกันย์  มีความคิดที่เพอร์เฟรก  ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเป็นทุกข์หรือสุขก็ได้มาจากความคิดนี้  และได้มีประสบการณ์ผ่านร้อนหนาวมามากมายในวงการบันเทิง  ตอนนี้เริ่มรู้จักปล่อยไปตามธรรมชาติ และที่ยิ่งกว่านั้น  เมื่อก่อนนั้นแคร์แต่ผลลัพธ์ของงาน แต่ตอนนี้กลับให้ความสำคัญกับประสบการณ์ทำงานมากกว่า  ทุกอย่างล้วนเห็นธาตุแท้แล้ว เข้าใจแล้ว ของให้มันไปตามโชคชะตา

สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือ การยอมรับจากทุกคน หวังว่าตัวเองจะเป็นนักแสดงที่ดี นักแสดงที่เขาชื่นชอบที่สุดในชีวิตคือพี่หัน หรือ จางหันอี๋ ใ นตัวละครทั้งหมดที่โหย่วเผิงได้เล่นไปนั้น บทที่เหมือนและคล้ายนิสัยและชิวิตจริงของโหย่วเผิงนั้นก็คงเป็น เตียบ่อกี้ ในเรื่องกระบี่ฟ้าดาบมังกร ในเรื่องนั้นเตียบ่อกี้มีผู้หญิงห้อมล้อมทุกสี่ด้านเลย  แต่ท้ายสุดนั้นกลับไม่มีผู้หญิงคนใดอยู่เคียงข้างกายเขา และเคยถูกถามว่าชอบผู้หญิงแบบไหน  โหย่วเผิงได้ตั้งหน้าตั้งตาคิดสักครู่ สุดท้ายบอกว่า เป็นคนที่ชอบคุย เขาบอกว่าจริงๆแล้ว ยิ่งโตยิ่งยาก เมื่อได้ผ่านความหุนหันของวัยหนุ่มไปแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือทั้ง 2 คน ต้องมีภูมิหลังที่เข้ากันได้

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: ม.ค. 2010 V World Life
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 12:46:14 PM »

เมื่อได้ถามถึงอะไรที่เขาชอบที่สุด เขาคิดไปกว่าครึ่งวัน สุดท้ายเขาพูดอย่างตรงๆ ชอบกินแล้วขี้เกียจ
 
จริงๆแล้วสิ่งที่โหย่วเผิงชอบคือ การสะสมซีดี เขาที่มาจากการเป็นนักร้อง มาจนถึงวันนี้อาชีพดั้งเดิมเขายังไม่เคยลืมเลย เพียงแต่ “การที่จะทำอัลบั้มสักหนึ่งอัลบั้มนั้นมันต้องใช้เวลาพอสมควร มันใช้เวลามากจนเกินไป”

 
หลายปีมานี้ เขาบอกว่าเขาจะขอทุ่มเทให้กับงานภาพยนตร์ ความตั้งใจมุ่งมั่นของเขาคือ สามารถจะเลือกบทเล่นได้ รอคอยที่จะเล่นบทที่ท้าทาย ถ้าละครทีวี วันหนึ่งจะต้องถ่ายหลายๆ ฉาก มันเหมือนการซ้ำซาก แต่ภาพยนตร์มันต่างกัน  มันละเอียดอ่อนมากๆ พิถีพิถันด้วย ทำให้คุณเข้าสัมผัสถึงตัวละครนั้นได้เลย  มีความหลากหลายในการจะแสดงออกมา อย่างไรก็ตาม อนาคตหากว่าได้เจอบทไป๋เสี่ยวเหนียนอย่างนี้อีกนั้น มันจำต้องมีโชคด้วย โหย่วเผิงได้กล่าวไว้อย่างนี้
 
จากขวัญใจวัยรุ่นสู่นักร้องละครเพลง(งิ้ว) ย้อนหันดูเส้นทางนี้ มันก็ไม่หนักหนาเท่าไหร่ โหย่วเผิงที่เริ่มต้นด้วยการที่ไม่ค่อยกล้าทำอะไร เหมือนกับการร้องเพลงของเขานั้นธรรมชาติ แสดงได้ธรรมชาติ เล่นละครขวัญใจได้ธรรมชาติ แสดงเรื่องไขปริศนาก็ธรรมชาติมาก พริบตาเดียว10 กว่าปีก็ได้ผ่านไปแล้ว แน่นอนโหย่วเผิงจะมีภาพลักษณ์ขวัญใจใสๆตลอดกาลนั้น  เป็นไปไม่ได้  ตัวเขาเองก็ยังได้พูดว่า  การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของผู้ชายนั้นมีหลายขั้น  ความมีอารมณ์ขำ  ความรับผิดชอบ การให้อภัย  สิ่งเหล่านี้ที่เข้ามาในชีวิตล้วนได้ฝากรอยแผลเอาไว้

พอดีเวลานี้นั้น โหย่วเผิงได้ใส่เสื้อสีขาว ถุงมือสีดำและมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ชีวิต เวลายิ้มนั้น บางที่เห็นฟันทั้ง 32 ซี่เลย กำลังจะชมเขา เขาได้ยืนขึ้นแล้วถอดเข็มขัดลงมาวางไว้ แล้วบอกว่าเหนื่อยมากๆ
ดูแล้ว เชื่อเขาพูดตัวเขา  “เข้าไปในห้องฟิตเนส จะต้องมีครูฝึกสอนคอยประกบ ไม่งั้นจะแอบขี้เกียจ” และในชี้วิตของเขานั้นก็จะปล่อยไปตามธรรมชาติ แล้วแต่โชคชะตา พยายามที่จะเข้าใจผู้อื่น และต้องดูอารมณ์วันนั้นด้วย



เคยมีนิตยสารฉบับหนึ่ง ได้ลงเขียนยี่ห้อที่เขาชอบ เขายิ้มแล้วพูดว่า “มีหรือ” ผมเคยพูดไว้เมื่อไหร่กัน เสื้อผ้าก็เสมือนเงินทอง เป็นของนอกกาย ผมต้องการสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจมาประดับตัวเองมากว่า” คำนี้ตอนแรกๆ ฟังแล้วรู้สึกแสลง แต่เมื่อค่อยๆไปคิด  ก็เริ่มรู้สึกว่ามันคล้ายกับไป๋เสี่ยวเหนียนเลย
 
และได้พูดคุยถึงสมัยวัยหนุ่มอย่างไม่ตั้งใจ โหย่วเผิงได้กล่าวออกมาไม่กี่คำ แล้วก็รีบบอกว่า “เปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า” เขาไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดเรื่องอดีต แต่อยากจะให้ความรุ่งเรืองของช่วงนั้นเป็นแค่ความทรงจำ เป็นของตนเองเพียงคนเดียว
 
เขาที่ถูกจ้องมองจากสายตานับหมื่นแสน และผ่านเวทีมาแล้วมากมาย โหย่วเผิงบอกว่าตัวเองก็ยังเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน  และความหวังที่ใหญ่ที่สุดคือ ได้ไปท่องเที่ยวสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักเขา เชื่อว่ามันสุดยอดมากๆ” นี่แทบจะเป็นความใฝ่ฝันของศิลปินทุกคน

คำว่า “โหย่วเผิง” จริงๆแล้วเป็นการระลึกถึงวันคล้ายวันเกิดของเขาและคุณแม่ ทั้งสองคนเกิดในวันและเดือนเดียวกัน คือ 15 สิงหาคม (นับแบบจีน ตรงกับเทศกาลไหว้พระจันทร์) เป็นดวงจันทร์2 ดวงโผล่ขึ้นมา กลายเป็นเผิง (เผิงมาจากตัวหนังสือคำว่า ดวงจันทร์ 2 ตัวประกบกัน) และตัวเขาเองที่ยืนอยู่ข้างหน้านั้น  ทำให้ทุกคนอดคิดไม่ได้ว่า “โหย่วเผิงมาจากแดนไกล จนอะไรเป็นอะไรก็ไม่รู้” จะเข้าใจผิดตลอดไปอย่างสนุก
 
ในโลกนี้มีเผิง จะไม่มีวันโดดเดี่ยว


ming

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
Re: ม.ค.-2010 World Life
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2016, 11:55:23 AM »