ผู้เขียน หัวข้อ: 14. ไกวๆหู่ที่ฉันรู้จัก  (อ่าน 7067 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
14. ไกวๆหู่ที่ฉันรู้จัก
« เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 10:52:30 AM »
14. ไกวๆหู่ที่ฉันรู้จัก

หลังจากที่ได้เข้าสู่วงเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว โหย่วเผิงกับฉายาไกวๆหู่นั้นเสมือนมีเครื่องหมายเท่ากับประกอบอยู่ และแน่ใจแล้วว่าต่อไปเขาจะเป็นบุคคลที่สื่อจะต้องหันไปให้ความสนใจ ไม่ว่าในอดีตที่เขาสอบเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียงอย่าง ไถต้า(มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน) ด้วยมีฐานะเป็นนักร้องขวัญใจก็ตาม หรือว่าได้ตัดสินไปบินเดี่ยว มุ่งเข้าสู่ค่ายเซียงหงที่ไม่คุ้นเคย หรือแม้กระทั่งตัดสิ้นใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะพักการเรียน ไปเรียนต่อที่อังกฤษตามลำพัง ไกวๆหู่คนนี้ดูเหมือนนิ่งๆอยู่ แต่เมื่อดิ้นแล้วทำให้หลายฝ่ายทึ่งงงเหมือนกัน แน่นอนครั้งนี้ไกวๆหู่อย่างโหย่วเผิงจะมีหนังสือของเขาออกมาแล้ว ผมคิดว่า หรือว่าไม่ว่าจะเป็นนิตยาสารหรือหนังสือต่างๆนั้นก็จะเป็นหัวข้อประเด็นร้อนในเรื่องของเขา


เข้าสู่ (สำนักพิมพ์หมินเซิง) ได้ทำงานในตำแหน่งผู้สื่อข่าวสามปี และได้รับงานเกี่ยวกับการหาข่าวประเภทเพลง โหย่วเผิงที่มีแฟนเพลงนับหมื่นนับแสนนั้นได้กลายเป็นบุคคลสำคัญหรือประเด็นร้อนของข่าว ผมตลอด และโดยเหตุที่จะต้องวิ่งตามเขาเพื่อจะเสนอข่าวใหม่ๆนั้น ทำให้ผมยิ่งได้เห็นถึงโหย่วเผิงที่หลังจากลงจากเวทีที่มีที่สง่างามแล้ว ชีวิตส่วนตัวอีกด้านหนึ่งเขาก็ยังมีความกลุ้มอยู่ จริงๆแล้ว การเป็นไกวๆหู่นั้นไม่ใช่ว่าจะต้องอ่านแต่หนังสือ ทำทุกอย่างตามระเบียบและรักษาระเบียบแบบแผนอะไรอย่างนั้น เขาสามารถจะเป็นคนหนึ่งที่ชอบดูการ์ตูน ชอบเล่นคอมและเล่นบาสในการใช้เวลาส่วนตัวอย่างเด็กผู้ชาย และยังสามารถเป็นแฟนเพลงที่บ้าคลั่งของมาดอนน่าก็ได้ แต่ว่าเบื้องหลังชีวิตแล้ว เขาจะต้องมีการทุ่มเทมากกว่าคนอื่นๆถึงสองเท่า ในการไปแลกกับการยอมรับเข้าใจจากสังคม

ความพยายามที่จะให้ความจริงใจของตัวเองในการลบภาพลักษณ์ของเหล่าดาราที่ใส่หน้ากากนั้น วันนี้เมื่อโหย่วเผิงได้มาเจอผม เขาก็ไม่ต้องใช้ยุทธศาสตร์แบบที่ศิลปินไปเจอกับนักข่าวโดยการวางฟอร์มอย่างนั้นมาใช้กับผม และผมเองก็ได้ให้คำแนะนำเขามาตลอดว่า ควรจะใช้เวลามากหน่อยในการทำมาหากินด้วยการขีดๆเขียนๆ เพราะผมรู้สึกว่าชีวิตหลังเวทีของเขานั้น แม้ในกระดูกจะมีความกลัดกลุ้มอยู่ แต่ในตัวเขานั้นยังมีสปิรีทในการสู้ต่อ หากว่าใช้ในจุดนี้ของเขาแล้วเอาปากกาเขียนความรู้สึกข้างในออกมา เชื่อว่าทางค่ายเพลงคงไม่ต้องไปเหนื่อยยากมากมายในการที่จะให้ทุกคนรู้จักเขา โหย่วเผิงนั้นไม่ใช่เป็นเสือกระดาษ รู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นเขาได้เริ่มก้าวแรกในการจดบันทึกชีวิตประจำวันของตัวเองลงสมุดบันทึก หวังว่านี่เป็นจุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดสิ้นสุด



เมื่อได้อ่าน(ซินซุนเตอฉางสั่ว)ที่เขาได้เขียนจนหมดแล้ว สำหรับชายราศีกันย์ไกวๆหู่อย่างโหย่วเผิงแล้ว หลังจากที่ผมอ่านแล้วมีความรู้สึกว่า ในความดีใจยินดีนั้นยังมีความเจ็บใจปนอยู่ เพราะในเนื้อหานั้น ไม่เพียงแต่ได้เห็นถึงการกลับสู่ความเป็นตัวเองของเขา ได้เอาเรื่องราวอดีตตอนที่ก้าวเข้าสู่โรงเรียนเจี้ยนจง และในการปรับความสมดุลย์ของสภาพจิตใจที่ตัวเองเป็นทั้งศิลปินและนักเรียน บวกกับการมีชัยชนะเหนืออุปสรรคการเรียน และประสบการณ์เส้นทางอันคับแคบในการสอบเข้ามหาลัย และการเข้าสู่วงการบันเทิงซึ่งทั้งหมดนี้เขาได้เปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือก ยังสังเกตเห็นถึงคำพูดที่เบื่อหน่ายของเขา โดยเฉพาะในช่วงที่ทุกสายตาเพ่งไปที่เขา ชายหนุ่มที่มีเสียงปรบมือต้อนรับเขาแล้ว เขาก็ต้องเผชิญกับสภาพการณ์ที่ปลาอยู่ในมือหมี เขานั้นต้องอดทดเสียความสุขที่คนธรรมดาได้รับนั้นไปช่วงหนึ่ง ก็เหมือนกับหนังสือเขียนข้อความระลึกของผู้ที่จบจากโรงเรียนไป ก็มักจะมีรูปภาพของเพื่อนๆที่สนุกสนานมาติดไว้ แต่ว่ารูปถ่ายต่างที่ที่สนุกสนานของนักเรียนนั้นไม่มีตัวโหย่วเผิงปรากฏเลย เพราะว่าเขาไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมเลย

ผมไม่ชอบเลยที่คนเราชอบคิดว่าขวัญใจศิลปินนั้นไม่มีความอยากไม่มีความต้องการเสมือนเทพ จริงๆศิลปินต่างๆนั้นล้วนเป็นมนุษย์ธรรมดา เมื่อเจออุปสรรคและความกดดันแล้ว โดยเฉพาะขณะที่อารมณ์ไม่ดีนั้น พวกเขาก็จะมีการร้องไห้ แต่ว่าพวกเขาคงไม่มีความโชคดีเหมือนกับคนทั่วไป ที่สามารถระบายออกมาได้อย่างไม่ต้องกังวลใคร ในขณะเดียวกันก็ยังมีประเภทที่คุยได้ทุกเรื่อง หรือว่า นี่จะเป็นความเศร้าของคนที่เป็นคนสาธารณะชน

ดูจากการมุ่งมานะฝ่าฟันในการสอบของไกวๆหู่สุดท้ายนำมาซึ่งชัยชนะ สำหรับคนที่เคยสอบเข้ามหาลัยนั้น เวลานี้ใบหน้าของเขาคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และศิลปินขวัญใจนั้นก็ได้โตมาอย่างนี้นี่เอง สำหรับคนที่ไม่รู้รสชาติของการสอบเข้าแล้ว ผมคิดว่า เมื่อได้อ่านเรื่องราวในใจของโหย่วเผิงแล้ว เขาก็สามารถจะมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจได้ เหมือนกับ
โหย่วเผิงเคยกล่าวไว้


“ไม่มีอะไรต้องเรียกร้อง แต่กับสามารถตั้งใจได้” การต้องเข้าสอบเพื่อเลื่อนชั้น หรือการเรียนต่อนั้นเป็นสิ่งที่นักเรียนไต้หวันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ทำไมต้องไปเครียดเกินเหตุ เอาความกล้าหาญไปสู้กับมัน “ไกวๆหู่สามารถทำได้ แล้วใยคุณถึงไม่ลองดูล่ะ เชื่อว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น คุณทำได้เมื่อถึงวันนั้น