9. อยู่บนเวที ฝันที่เป็นจริง
“ที่จริงการที่จะจัดงานคอนเสิร์ตครั้งนั้นมันไม่ได้ง่าย เริ่มแรก ผมมีความหวังมากๆ พยามยามจะฉวยโอกาสทำ” เวลาสะท้อนช้าลง โหย่วเผิงได้คิดถึงอารมณ์ความรู้สึกของอดีต
“จริงๆแล้วสิ่งที่ผมรักที่สุดคือการร้องเพลง ก่อนที่ผมจะไปแสดงละครนั้น รู้สึกว่านักร้องคนหนึ่งไม่มีเวทีแล้วมันเป็นความรู้สึกที่แสนจะลำบาก หลังจากนั้นไม่ว่าจะแสดงละครอยู่ หรือขับรถอยู่ อาบน้ำอยู่ ผมก็ได้ร้องเพลง มีวันหนึ่ง น้องชายพูดกับผมว่า หากว่าวันหนึ่งคุณมีความสามารถพอก็ให้ออกอัลบั้มหนึ่งซิ คำนี้สกิดใจผมเป็นอย่างมาก ฉะนั้น ตอนหลังหลังจากที่ถ่ายเรื่ององค์หญิงกำมะลอเสร็จแล้วเนี่ย และผ่านไปสองปี มีค่ายเพลงมาติดต่อผม ผมดีใจมาก”
โหย่วเผิงก็ถือโอกาสเล่าประสบการณ์การทำงานในอดีต “ช่วงเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นดีมาก ต่อจากนั้นก็มีการสอบเสร็จแล้วก็รู้สึกดีมาก แต่ตอนที่อยู่มหาลัยจะต้องพักการเรียนไปนั่นเป็นช่วงตกอับของชีวิต ช่วงนี้ประมาณสองสามปีจากนั้นก็ไปแสดงละคร การไปแสดงละครไม่ใช่ว่าไปปุ๊บแล้วดีปั๊บ เป็นการสะสมไปทีละเล็กทีละน้อย แล้วห่างไปอีกสองปี ก็มีโอกาสออกอัลบั้มเพลง ห่างไปอีกสองปี และได้มีโอกาสออกคอนเสิร์ตของตัวเอง จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีชีวิตที่ธรรมดา ชีวิตคนเราก็ไม่ต่างจากละครเลย