ผู้เขียน หัวข้อ: 8. ระหว่างละครและดนตรี  (อ่าน 7261 ครั้ง)

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13954
    • ดูรายละเอียด
8. ระหว่างละครและดนตรี
« เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 11:04:33 AM »

8. ระหว่างละครและดนตรี

โหย่วเผิงกล่าวว่าตอนที่เริ่มก้าวสู่วงการละครนั้น ความนิยมของหนังละครในทีวีนั้นยังสู้ตอนนี้ไม่ได้ ในตอนนั้น ขวัญใจดาราที่ดังนั้นจะเล่นละครก็คงเล่นละครภาพยนตร์ ใครจะไปเล่นละครทีวี? แต่ว่าผมเองก็มีปัญหาของตัวเอง หลังจากพักการเรียนแล้ว การงานก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก พูดกันตรงๆ ผมเองก็ไม่มีทางที่จะเดินเหมือนกัน นั่นเป็นทางสุดท้ายของผม ภาพยนตร์นั้นผมเอื้อมไม่ถึง หากว่าละครทีวีก็ยังไม่สามารถที่จะทำได้ งั้นผมเองก็คงจะไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว

ใช่แล้ว ละครเรื่องแรกก็ได้เล่นองค์หญิงกำมะลอเลย เรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์ของภาพยนต์ เดิมทีก็ดูเหมือนไม่มีหนทางจะเดิน และแล้วก็สามารถเดินผ่านมาแล้ว จะบอกว่าผมมีวิสัยทัศน์ไกลขนาดไหน จะไปต่อสู้ที่จีน แต่ก็ไม่ได้คิดละเอียดถี่ถ้วนขนาดไหน เพียงแต่พึ่งถ่ายละครเหล่านี้แล้วรู้สึกไม่เลว


ต่อจากนี้ประเด่นหนึ่งก็จะหันไปที่คอนเสิร์ตของปีที่แล้ว(2002) “วันที่ 22 มีนาคนของปีที่แล้วผมได้ไปออกคอนเสิร์ตเดี่ยวที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นครั้งแรกของผม นี่เป็นความใฝ่ฝันที่ใหญ่ที่สุดที่ผมก้าวเข้าสู่วงการ ได้ทำคอนเสิร์ตที่เป็นของตัวเอง



งานขนาดนี้นั้น แน่นอนอาจารย์แซ่ก็จะไปร่วม เพื่อจะไปเป็นเกียรติกับนักเรียน “ครั้งนั้นฉันประทับใจมากเลย รู้สึกว่ามีนักเรียนของเราที่เป็นอย่างนี้นั้นมันภูมิใจมากๆเลย แต่ว่าตอนนั้นฉันติดงานในโรงเรียน การจะจัดเวลาช่วงปิดเทอมนั้นมันค่อนข้างยาก ไม่ว่าจะอย่างไรฉันก็จะไป เมื่อก่อนไปที่จีนก็ไม่เคยไปคนเดียว ครั้งนี้ไปคนเดียว วีซ่าก็ยังทำไม่เรียบร้อย ยังจะต้องลงเครื่องที่มาเก๊าแล้วไปขอวีซ่าอีก สุดท้ายก็ไม่ทันเที่ยวบินที่กำหนดไว้ ตอนหลังต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง แล้วนั่งแท็กซี่รีบไปให้ทัน หลังจากที่ไปถึงที่งาน ก็เลิกงานแล้วก็ทยอยกันออกมา แม้ว่าฉันจะได้ยินทุกคนเล่าว่ามันไม่เลวเลยนะ แม้ฉันจะไปไม่ทัน แต่ก็ได้ยินเสียงสะท้อนจากทุกคน”

ในช่วงเวลานั้น ฉันรู้สึกว่า โอ ไม่ง่ายเลยนะที่เราสามารถมาถึงตรงนี้ได้ ตอนหลังฉันเห็นสภาพที่อิดโรยของเขา เขาทักว่า “อาจารย์ สนุกมากๆแล้วใช่เปล่า ฉันพูดไม่ออกเลย”

“ครั้งนั้น ฉันรู้สึกว่าหลายปีที่เขาเดินผ่านมานั้น เขาเติบโตไปเยอะ อย่างน้อยจากความพยายามของเขา ฉันสามารถที่จะยืนยันได้ เขาเป็นคนที่ไม่อยากเสียหน้า แม้ว่าตัวเองจะเจอความทุกข์อย่างไรก็ตาม จะไม่ให้คนอื่นรับรู้เลย”



โหย่วเผิงกล่าวว่า เขายังจำได้ว่าวันนั้นที่มีงานฉลองงานคอนเสิร์ต อาจารย์ก็เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ดี ท่านได้นั่งโต๊ะเดียวกันกับผม อดไม่ได้ที่อยากจะคุยกัน แต่ว่าข้างๆก็มีเจ้าภาพผู้จัดงานและมีทั้งเจ้านายอยู่ด้วย “แต่ว่านี่ก็เป็นจุดที่น่ารักของอาจารย์ เพราะนั่นเป็นสภาพของการเข้าสังคม อาจารย์ก็ใช้เวลาอย่างนั้น พูดความในใจออกมา ท่านตื้นตันใจมาก ท่านได้พูดหลายประโยคที่กินใจผมมากๆ”

อาจารย์พูดหัวเราะไปด้วย “ตอนหลังเขาหัวเราะฉันมาตลอด แต่ฉันเองก็คิดว่าฉันหอบสังขานไปตั้งไกล หากไม่พูดอะไรหน่อย ก็จะรู้สึกผิดที่เขาซื้อตั๋วเครื่องให้” “จริงๆแล้วนั่นก็เป็นความประทับใจอย่างหนึ่ง”