ผู้เขียน หัวข้อ: 9 ก.พ. 2010 เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ปรากฏตัวซ้อมการแสดงบนเวที  (อ่าน 13991 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
9  กุมภาพันธ์ 2010  เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ปรากฏตัวซ้อมการแสดงบนเวที

การรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหุ่ตุ้ย แม้ความวัยหนุ่มได้หายไป แต่ความเป็นพี่น้องยังอยู่




การแสดงราตรีตรุษจีนของเสี่ยวหู่ตุ้ย



เสี่ยวหู่ตุ้ยได้รับการต้อนรับหลังเวที



หากว่ามีคนถามผมว่างานราตรีตรุษจีนใครฮอตที่สุด นักข่าวจะตอบให้กับคุณอย่างไม่มีข้อกังขา “เสี่ยวหู่ตุ้ย” มีรายการหลายอย่างได้แสดง ทั้งเต้นทั้งร้อง แต่รายการส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่ แต่เมื่อเสี่ยวหู่ตุ้ยได้ปรากฏบนเวทีแล้ว ทำให้ทั้งงานโฟกัสไปที่จุดเดียวกัน และจากน้ำหนักข่าวที่ได้ทำข่าวของงานราตรีตรุษจีนนั้น ภาพที่ประทับใจฝังใจก็คงหนีไม่พ้นการซ้อมการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ย ก่อนที่ทั้งสามคนจะมาซ้อมจริงๆนั้น ได้มีการซ้อมแบบใช้ตัวแทนเดินบนเวทีก่อน แต่เพียงแค่เสียงดนตรีดังขึ้น ทั่วห้องนั้นจะดังไปด้วยเสียงปรบมือที่ยาวมาก คนนับไม่ถ้วนที่ลืมตัวเองและได้ร้องเพลงไปตามเสียงดนตรีที่ได้ดังขึ้น สิ้นเสียงปรบมือก็ตอนที่เพลง 3 เพลงได้ร้องจบ 9  กุมภาพันธ์ 2010  เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ปรากฏตัวซ้อมการแสดงบนเวที ได้จุดประกายความคึกคักขึ้นในทันใด มีนักข่าวคนหนึ่งได้ถูกมวลชลเบียดจนตกบ่อน้ำในรองโถง ผู้คนล้วนได้เคียงข้างกับเสี่ยวหู่ตุ้ยจนพวกเขาร้องจบทั้งสามเพลง ทั้งสามคนน้ำตาซึมขณะซ้อม เสร็จแล้วต่างคนก็ต่างเดินไปข้างเวที นักข่าวได้ฉวยเวลานี้ในการไปสัมภาษณ์พวกเขา



โหย่วเผิงน้ำตาคลอ ผู้ชมน้ำตาไหล ผู้กำกับก็กลั้นไม่อยู่

5.15  นาที สำหรับทางผู้จัดงานแล้วคิดว่าเป็นการตอบแทนที่คุ้มมาก ครั้งนี้ (จิงแย่) ได้ให้โอกาสทองอย่างนี้แก่เสี่ยวหู่ตุ้ย ทาง (จิงแย่) เคยพูดไว้ว่าต้องการให้เสี่ยวหู่ตุ้ยมาปลุกกระแสวัยหนุ่มสมัยเสี่ยวหู่ตุ้ยให้เป็นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะความทรงจำที่ได้หลับไปนานนั้นเมื่อถูกเรียกตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งนั้นมันจะมีอะไรที่สนุกและมีความสุขมากๆ งานราตรีตรุษจีนนั้นต้องการบรรยกาศอย่างนี้ ยังจำได้ตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยได้ซ้อมการแสดงนั้น วินาทีจากการแต่งตัวจนถึงขึ้นเวทีนั้น ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกเกรงๆ แฟนๆที่มีวัยต่างกันได้มารุมล้อมโห่ร้องแต่ชื่อของพวกเขา มีแฟนๆที่ทั้งของลายเซ็นทั้งมาขอถ่ายรูปทำให้สถานที่ที่กว้างกลับสัญจรไม่ได้ จริงๆแล้วเวทีตรงนี้ที่ผ่านมาศิลปินที่มาก็ไม่ได้น้อยนะ แต่นักข่าวคนหนึ่งบอกว่าน้อยมากที่จะเห็นภาพอย่างนี้ที่มีแฟนๆมากันมากมาย และด้วยบรรยกาศที่โกลาหลอย่างนี้ทำให้ทั้งสามคนต้องเบียดเสียดจนสามารถถึงเวทีได้

นักข่าว : เห็นใบหน้าพวกคุณเต็มไปด้วยเหงื่อ ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงเสี่ยวหู่ตุ้ยในสมัยนั้นได้กลับมาแล้ว พวกคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?

โหย่วเผิง : ประทับใจมาก แฟนๆทั้งหมดในนี้ทำให้ผมประทับใจจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้มายืนอยู่ที่นี่อย่างเป็นทางการ มันมีพลังที่พูดไม่ถึงมันทำให้พวกเราสามคนเกิดกำลังขึ้นมา และหวังว่าทุกคนจะพอใจ พวกเราไม่ได้อยู่ในช่วงวัยหนุ่มแล้ว แต่พวกเราจะของทำอย่างเต็มที่

นักข่าว : เพลงที่จะร้องครั้งนี้เป็น (อ้าย) (หูเตี่ยเฟยยา) (ชิงผิงก่อเล่อเหยียน) 3 เพลง ยังจำได้ไม๊ว่านานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้ร้องเพลงนี้?

จื้อเผิง  : เวลานั้นคงจำไม่ได้แล้ว เพราะที่พวกเราทั้งสามคนได้เคยร้องร่วมกันนั้นมันนานมากๆแล้ว แต่สิ่งที่แปลกก็คือครั้งแรกที่พวกเราได้ร้องนั้นทุกคนยังจำได้ดี นั่นพูดได้ว่าความทรงจำบางอย่างนั้นไม่มีวันลืมเลยจริงๆ ขอเพียงพวกเราสามคนมาอยู่ร่วมกัน แน่นอน ความทรงจำเก่าๆก็ได้หวนคืนมาหมด

นักข่าว : ไม่รู้ว่าพวกคุณสังเกตุไหม หลังจากที่ดูการแสดงของพวกคุณแล้วหลายคนน้ำตาคลอเบ้า ผมอยู่ด้านหลังเวทียังมองเห็นผู้กำกับท่านหนึ่งยังเช็ดน้ำตาเลย ตอนที่พวกคุณอยู่บนเวทีนั้น มีความรู้สึกอย่างนั้นหรือเปล่า?

ฉีหลง : มีแน่นอน แต่ว่าตอนอยู่บนเวทีสิ่งที่พวกเราจะมอบให้ทุกคนคือการแสดงที่ดีที่สุด ฉะนั้นพวกเราเลยต้องห่วงเรื่องท่าเต้นและตำแหน่ง นานแล้วที่ไม่ได้เจอทุกคน ครั้งนี้จะต้องแสดงให้ดีที่สุด แน่นอนเห็นแล้วมีการเสียสมาธิเล็กน้อยเหมือนกัน แต่จะร้องไห้บนเวทีก็ไม่ได้นะ

โหย่วเผิง : นานแล้วที่ทุกคนแยกกันอยู่และกลับได้มาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง ผมไม่เพียงตื้นตันใจ ยังมีความรู้สึกการย้อนกลับของเวลาด้วย ฉะนั้นพวกเราจึงตั้งใจกับการมาแสดงในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง พูดตามตรงตอนที่ยืนอยู่บนเวทีนั้น สายตาจะมองลางๆ เหมือนกับมองเห็นงานคอนเสิร์ดเมื่อ 20 ปีก่อน มันเหมือนกับได้เห็นพวกเราในสมัยอดีตกับแฟนๆในสมัยนั้น สภาพการณ์ในตอนนี้ก็เหมือนกับสมัยนั้น ฉะนั้น (เวลานี้น้ำตาโหย่วเผิงเริ่มไหล)




เหยีนหนี่ก็เห่อดารา “เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นที่รักยิ่งของฉัน”

หลังเวทีในงานราตรีตรุษจีนนั้นนับว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยยังเป็นวงศิลปิน ก่อนหน้านี้ทางนักข่าวเองก็ได้เจอนักบินหญิงชาวจีนคนหนึ่งที่จะมาแสดงในงานนี้ด้วย เธอได้เร่งฝีเท้าเพื่อจะไปถ่ายรูปกับพวกเขาสามคน ทางนิตยสารก็ยังได้ลงเรื่องเธอด้วย เดิมทีนั้น (เยียนหนี่) เธอเป็นคนที่ใจร้อน แต่เมื่อเธอเห็นการปรากฏตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยเธอก็ได้จ้องมองกว่าครึ่งวัน เธอดีใจจนแทบจะกระโดดลอยขึ้นไป เธอก็เหมือนกับแฟนคลับคนหนึ่งที่รีบวิ่งไปถ่ายรูปกับพวกเขา ถ่ายเสร็จแล้วยังย้ำกับทางนักข่าวด้วยว่า รูปต้องส่งมาให้ฉันด้วยนะ ทางนักข่าวได้ถามเธอ ทำไมต้องไล่ตามดาราอย่างนี้ เธอตอบ เสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นที่รักยิ่งของฉัน เป็นที่ฉันชื่นชอบที่สุด

และภาพที่จำฝังใจที่สุดเป็นช่างภาพคนหนึ่ง ดูเขาแล้วน่าจะเป็นแฟนๆช่วงปี 80   เขาได้เดินอย่างใกล้ชิดและถ่ายรูปของเสี่ยวหู่ตุ้ยอย่างไม่หยุด เขาถ่ายไปถ่ายไปก็มีน้ำตาไหลออกมา หลังงานแล้วเขาได้พูดคุยกับนักข่าวว่า “เมื่อเห็นพวกเราสามคน เมื่อได้โฟกัสเลนกล้องไป น้ำตาก็เริ่มไหล เป็นเพราะนานแล้วที่ไม่ได้เห็นพวกเขาสามคนยืนอยู่ด้วยกัน”

 
แม้วัยหนุ่มจะหายไป แต่ความเป็นพี่น้องยังอยู่
 
รายการร้องเพลงของเสี่ยวหู่ตุ้ย เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น ทั้งสามคนจะค่อยๆโผล่ออกมาจากใต้เวทีจนเหนือบนเวที และเสียงกรี๊ดมาจากทุกสารทิศ เวลาได้ไหลย้อนกลับ แม้ว่าท่าเต้นจะไม่แรงเหมือนอดีต บรรดาทั้งสามคนนั้น (ฉีหลง) เป็นคนที่อายมากที่สุด เขาเกิดปี 1970  รองมาคือจื้อเผิง 1971  คนที่อ่อนที่สุดคือโหย่วเผิง เกิดปี 1973  พวกเขาที่เกือบ  40 แล้วนั้น มาถึงวันนี้พวกเขาได้ตั้งชื่อการร่วมตัวครั้งนี้คือ “รวมอีกครั้ง” ขณะที่ได้พูดถึงการมารวมกันอีกครั้งนั้น ทั้งสามคนตื้นตันใจ  แต่เรื่องสำหรับอนาคตพวกเขาจะมีการรวมตัวกันอีกหรือไม่นั้น ทุกคนก็ยังคงรักษาท่าทีที่ต้องรอ

นักข่าว  :  ได้ชมการแสดงของพวกคุณแล้ว เสียงหนุ่มในสมัยอดีตของพวกคุณได้หายไป แต่ว่าความรู้สึกนั้นพวกคุณก็ยังเป็นเสียวหู่ตุ้ย

ฉีหลง  :  การเติบโตนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ แน่นอนเมื่อผ่านวันผ่านคืนมาก็ต้องมีการเปลี่ยนไปบ้าง อายุกับการเข้าสู่วงการนั้นมาเปรียบคงจะต้องคูณสองแล้ว เสียงร้องของพวกเรานั้นจะให้เป็นเหมือนสมัยนั้นคงเป็นไปไม่ได้ การแสดงครั้งนี้ท่าภาษามือของเรายังคงความเดิม เพราะอยากจะใช้รูปแบบนี้ที่จะมอบความทรงจำให้ทุกคน คือไม่จำเป็นต้องพูด น้ำใจของพวกเรานั้นมันสามารถสื่อสารอย่างนี้กันได้




นักข่าว : การซ้อมการแสดงครั้งแรกของพวกคุณนั้น รู้สึกว่าการเต้นจะไม่ค่อยพร้อมกันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้การชื่นชอบของผู้ชมที่มีต่อพวกคุณน้อยไป ก่อนหน้านี้พวกคุณคิดถึงการชื่นชอบของผู้ชมที่มีต่อพวกคุณไหม?

โหย่วเผิง : พูดจริงๆว่าครั้งแรกที่เดินสู่เวทีนั้นพวกเราก็ตื่นเต้นเหมือนกัน แต่การได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลามจากล้างเวทีนั้นเป็นสิ่งที่พวกเราคิดไม่ถึง การต้อนรับอย่างนี้นั้นมันอบอุ่นใจมากๆ ฉะนั้นมันก็ยิ่งทำให้พวกเรามีกำลังใจซ้อมต่อ

นักข่าว : ผู้กำกับ (จินแย่) เคยพูดถึงจุดประสงค์ที่ได้เชิญพวกคุณสามคนมาร่วมแสดงเพื่อจะปลุกกระแสของเสี่ยวหุ่ตุ้ยอีกครั้ง พวกคุณมีความเห็นอย่างไร?

โหย่วเผิง : เมื่อกี้ตอนที่ผมลงเวทีเห็นตากล้องคนหนึ่งที่ถ่ายรูปของพวกเราแล้วเขาก็เช็ดน้ำตาไปด้วย พูดตรงๆว่าในใจผมก็รู้สึกตื้นตันใจมากๆ มันผ่านไปแล้วหลายๆปี ตอนนี้พวกเรากลายเป็นเสือแก่ไปแล้ว ไม่มีสไตน์หรือมาดแห่งความหนุ่มในสมัยอดีต แต่ว่าความรู้สึกที่ทุกคนมีต่อเรานั้นไม่เคยจืดจางหรือถดถอยไปเลย มันเซอร์ไพรส์พวกเรามากๆ และสิ่งที่มากกว่านั้นคือความขอบคุณ แม้ว่าวัยหนุ่มจะกลายเป็นอดีตไป แต่ยังดีที่พวกเราทั้งสามคนยังอยู่ ทั้งสามคนก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ก็เพียงพอแล้ว

นักข่าว : ครั้งนี้ที่มาร่วมงานราตรีตรุษจีนก็จะเห็นว่าพวกคุณอยู่ด้วยกันตลอดแบบไม่ห่างกันเลย รู้สึกว่าสนิทใกล้ชิดกันมาก?

ฉีหลง : ความผูกพันธ์ฉันพี่น้องที่มีมา 20 กว่าปี มันไม่สามารถที่จะมองดูจากภายนอกได้ ความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นจะไม่มีอะไรสามารถมาทำลายมันได้

นักข่าว : สำหรับชุดแต่งกายที่จะแสดงในครั้งนี้นั้นพวกคุณมีความเห็นอย่างไร?

โหย่วเผิง : ชุดสูทสีขาวทั้งสามชุดนี้สื่อถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องของพวกเรา พวกเราล้วนชอบมาก ไม่รู้ว่าทุกคนสังเกตุหมุดที่เสื้อของพวกเราไหมว่ามันเป็นรูปเสือ มันอาจจะมองไม่ค่อยออก แต่ละคนจะมีเสือหนึ่งตัว มันรู้สึกดีมากๆ

นักข่าว : การแสดงเมื่อก่อนของพวกคุณ ตอนจบฉีหลงจะตีลังกาหลัง แต่ครั้งนี้ไม่เห็นมีเลย?

ฉีหลง : ผมกลัวเสียท่า ฮ่าๆๆ สิ่งที่สำคัญคือเนื้อเพลงสามารถนำเราสู่ความทรงจำอดีต ก็คงจะไม่เหมือนแป๊ะๆกับอดีต พวกเราล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็อยากจะให้ทุกคนเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของพวกเรา

นักข่าว : จะมีโอกาสที่จะจัดคอนเสิร์ดทัวร์ทั่วประเทศในการครบรอบ 30 ปีแห่งเสี่ยวหุ่ตุ้ย?

โหย่วเผิง : ตอนนี้ทางบริษัทของแต่ละคนยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้ ยังไม่มีการศึกษา ฉะนั้นตอนนี้คงพูดไม่ได้ หากว่ามีโอกาส พวกเราก็ยินดีที่จะนำความทรงจำดีๆกลับมาให้กับทุกคนอีกครั้งหนึ่ง

นักข่าว : แฟนคลับหลายๆคนได้ถามคำถามหนึ่งว่า เสี่ยวหู่ตุ้ยจะมีการรวมตัวอีกไหม?

ฉีหลง : พวกเราทั้งสามคน ตอนนี้ก็สังกัดต่างค่าย การที่จะมาอยู่รวมกันหรือแสดงด้วยกันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเหมือนกัน ฉะนั้นดูจากตอนนี้แล้ว ความเป็นไปได้น้อยมาก แต่ขอเพียงทุกคนยังคงเก็บเสี่ยวหู่ตุ้ยไว้ในความทรงจำ พวกเราจะไม่มีวันจากทุกคนไปไหนเลย

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด