ผู้เขียน หัวข้อ: 13-14 ก.พ. 2010 งานราตรีตรุษจีนเสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิด  (อ่าน 13105 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
งานราตรีตรุษจีนเสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิด



ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากงานราตรีตรุษจีนไม่มีเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้ว การแสดงของหวังเฟยกับหลัวเชียนนั้นเป็นการแสดงที่ธรรมดาๆ และด้วยการที่พวกเขาได้ปรากฏตัวทำให้งานปีเสือคึกคักมากๆ ทำให้ผู้ชมได้หวนย้อนความทรงจำ ความรู้สึกที่หวนความทรงจำอดีตนั้นมันดีมาก แค่ 5 นาทีที่เสี่ยวหู่ตุ้ยออกมาปรากฏนั้นก็ทำให้ประทับใจกันถ้วนหน้าแล้ว เสียงกรี๊ดได้สะนั่นทั่วห้องส่ง พร้อมใจกันปรบมือ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นพระเอกในงานการแสดงครั้งนี้ แต่เมื่อความสุขผ่านไป พวกเราก็ได้มานั่งเหงาตามเดิม การรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยก็เป็นเหมือนการประชด

1.     การรวามตัวกันครั้งนี้ของเสียวหู่ตุ้ยเหมือนรวมตัวเสี่ยวนาทีแล้วหายไป มันส่งผลต่อทางด้านจิตใจมากๆ วันเวลาไม่ปราณีคนจริงๆ รูปร่างของพวกเขาสามคน อายุที่มากแล้ว เห็นความหนื่อยหล้าของพวกเขา ทำให้เราปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกเราแก่แล้ว แต่ประสบการณ์นั้นจะยิ่งมากขึ้นด้วย

2.   การรวมตัวอีกครั้งของเสียวหู่ตุ้ยนั้น การแสดงของพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือมีอะไรใหม่ๆให้ดู มันทำให้รู้สึกเสียใจเหมือนกัน มันคงจะเป็นการหวนอดีตมากกว่า เพราะเห็นจากการร้องเพลงท่าเต้นของพวกเขาแล้ว ก็มีความเป็นสไตน์อย่างเดิม มีความอบอุ่นใจ ช่วงเวลานั้นพวกเราก็ได้หวนความทรงจำ แต่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ มีนิดเดียวก็คงจะดี เพราะผู้ชมคงไม่กล้าเรียกร้องอะไรเยอะ กลัวจะทำให้ภาพลักษณ์เสี่ยวหู่ตุ้ยที่อยู่ในใจผู้คนจะเสีย

3.    การที่เสี่ยวหุ่ตุ้ยได้มาแสดงในรายการนี้เป็นความเศร้าโศกของคนยุค 80 90  เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นคนยุค 70 พวกเรามาแสดงความคลาสสิกของพวกเขาในช่วงสมัยของพวกเขา แต่พวกเราบางคนที่เกิดไม่ทันได้เห็นพวกเขาแสดงก็รู้สึกถึงการประชด ยิ่งเป็นความรู้สึกที่เศร้า เวทีเพลงมีเพลงไหนบ้างที่ยังคงดังอมตะเหมือนเสี่ยวหู่ตุ้ย มันคงไม่มี พวกเราได้แต่หวนคิดถึงอดีต ทำให้จิตใจพวกเราเหมือนว่างเปล่า
 
งานในคืนนั้น เสี่ยวหู่ตุ้ยได้นำความทรงจำอดีตมาสู่ผู้คนมากมาย แต่เป็นช่วงเสี้ยวเวลา ทุกอย่างก็ไม่เห็นแล้ว การจะรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยคงเป็นไปไม่ได้ เสี่ยวหู่ตุ้ยที่เราเคยเห็นอย่างเปรียบไปด้วยความหนุ่มและความสุขนั้น สุดท้ายก็เหลือไว้แต่ทรงจำ ก็เหมือนกับคำพูดที่ (ฉีหลง) ให้สัมภาษณ์ เสี่ยวหู่ตุ้ยไม่ได้เป็นของพวกเขาสามคน เป็นความทรงจำของคนในยุคสมัยหนึ่ง เป็นความทรงจำวัยหนุ่มของคนรุ่นหนึ่ง เพลงของพวกเขาได้เข้าสู่จิตใจของทุกคนแล้วได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตบางคนไป

คืนส่งท้ายปีเก่า ขณะที่เรามองเห็นเสี่ยวหู่ตุ้ย แน่นอนเป็นค่ำคืนที่มีค่า เป็นค่ำคืนที่มีคุณค่าแก่การหวนอดีต ในขณะเดียวกันก็ได้นำความรู้สึกมากมายมาสู่พวกเรา




เสือน้อยกลายเป็นเสือแก่

ตั้งแต่ปีที่แล้วนั้น ราตรีตรุษจีนจะออกแนวหวนย้อนอดีต มีการแสดงหลายๆอย่างเพื่อจะให้ทุกคนได้ย้อนความทรงจำอดีตต่างๆ และมาในปีเสือนี้ยังมีเสียงเพลงของหวังเฟยกับเสี่ยวหู่ตุ้ยที่คุ้มค่าแก่การที่เราจะรอคอยชม

การปรากฏตัวของหวังเฟยนั้น ไม่เพียงเห็นถึงใบหน้าที่มีรอยตีนกาที่เพิ่มมา แต่เสียงเพลงของเธอที่เป็นนักร้องที่ยอดเยี่ยมกับการ้องเพลง เธอนั้นคู่ควรแก่การเป็นนักร้องอมตะ จริงๆแล้ว ไม่ควรจะตั้งความหวังสู่กับเหลาหู่ตุ้ย เพราะเห็นว่าความเป็นวัยหนุ่มของพวกเขาใน 20 ปีก่อนได้หายไปหมดแล้ว  จะเห็นถึงหุ่นลงพุงอย่างนายพลของโหย่วเผิง 

เห็นถึงรูปร่างที่อ้วนของโหย่วเผิงได้ร้องเต้น  เมื่อย้อนคิดถึงพวกเขาในเมื่อ 20 ปีก่อนก็คงจะถอนหายใจ ไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่เคยเห็น (วงเฉาหมง) ที่ได้เข้าวงการบันเทิงกับเสี่ยวหู่ตุ้ยพร้อมกัน เมื่อปีที่แล้วพวกเขาได้จัดคอนเสิร์ดทัวร์  20 ปีแล้วพวกเขาก็ได้กลายปี  “เฉาหมงจ๋าย”  และเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ได้กลายเป็น “เหลาหู่ตุ้ย” เมื่อชมการแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยแล้วต้องถอนกายใจแทน เพลงฉีหลงเมื่อร้องเพลงแล้วจะเห็นความเหนื่อย และไกวๆหู่ที่ร้องเสร็จแล้วก็แทบจะหายใจไม่ทัน แต่สำหรับคนที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น สำหรับพวกเราแล้วเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว

และผมเองคิดการการปรากฏตัวของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น เป็นความสวยงามและวัยหนุ่มสาวของช่วงวัยหนึ่ง การแสดงของพวกเขาได้นำเวลาอดีตมาสู่พวกเรา ได้กระตุ้นใจของเราทั้งหลาย จริงๆแล้วผมเองคิดว่า ขอเพียงเสี่ยวหู่ตุ้ยปรากฏตัวก็พอแล้ว การแสดงที่ทำเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อนอย่างนั้นมันก็เป็นเพียงย้อนหวนอดีต





(ราตรีตรุษจีนปีเสือ)  เสี่ยวหู่ตุ้ยที่แยกกันกว่า 19 ปีได้มารวมตัวกัน คืนวันนั้นเสียงปรบมือและความตื่นเต้นได้เป็นที่ยืนยันแล้วว่า การแสดงของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นได้กลายเป็นการแสดงที่หนึ่งของรายการทั้งหมด สำหรับเรื่องนี้นั้น แน่นอนจื้อเผิงก็ต้องดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่คิดที่จะปกปิดความดีใจของเขาเลยสักนิด ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็นเขา หรือฉีหลง หรือโหย่วเผิงก็ล้วนจะต้องเผชิญกับคำถามของนักข่าวว่า การรวมตัวอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ยยังมีความเป็นไปได้ไหม?

แน่นอนนี้เป็นความใฝ่ฝันสูงสุดของคนยุคหนึ่ง “ผมไม่อยากจะเหมือนเมื่อก่อนที่พูดเยอะมาก จริงๆ ก็ขอให้มันไปตามธรรมชาติดีกว่า”  “ตามธรรมชาติ”แค่นี้เป็นคำตอบที่ง่ายๆแต่ก็ล้วนซ่อนด้วยความนึกคิดของเขาอยู่ จริงๆแล้วจากการซ้อมจนถึงเวลาที่แสดง แฟนๆก็สามารถที่จะดูออกถึงการทุ่มเทอย่างสุดๆของจื้อเผิงต่องานนี้ คำหนึ่งของเขาบอกว่า “อยู่บนเวทีผมลืมไปทุกสิ่ง รู้เพียงว่าผมเป็นเสี่ยวหู่ตุ้ย” คำนี้เป็นที่ประทับใจมาก สำหรับคืนนั้นที่ผู้ชมมีทั้งความประทับใจและน้ำตา เป็นการอวยพรและคำรอคอย

สิ่งที่แตกต่างจากอดีตอย่างหนึ่งคือ จื้อเผิงนั้นไม่ว่าจะไปไหนโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา จริงๆแล้วเขาได้หลงไหลในการส่งอะไรต่างๆในโทรศัพท์ เขาที่ได้ใช้การอ่านหนังสือและดูรูปในการทำให้จิตสงบนั้น ครั้งนี้คงเป็นโอกาสที่จะได้แบ่งปังความสุขกับแฟนคลับ แน่นอน ก็เพราะการที่เขามาพักผ่อนที่คางโจว ทำให้เขาได้คลายเครียดและสบายหลังจากที่เครียดกับการแสดงมานาน “ผมชอบคางโจวมากๆ ที่นี่มีวัฒนธรรมที่เก่าแก่ และการจัดสรรทั้งถนนและตึกก็ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศในบ้านผมเลย ทุกครั้งที่มาที่นี่ ก็เหมือนกับกลับบ้าน” ไม่แปลกเลย ที่เขายอมสละเวลาแห่งปีใหม่มาอยู่พักผ่อนที่นี่ เขาได้หลงไหลในวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของที่นี่ งานไหว้ครูเมื่อปีที่แล้วท่านอาจารย์หวังยี่ซึ่งสอนละครเพลง อาจารย์เองก็เป็นคนคางโจวเหมือนกัน “คืนส่งท้ายปีเก่าผมได้มีโอกาสโทรศัพท์หาอาจารย์เหมือนกัน ได้อวยพรท่าน” ได้ถามว่าละครเพลงที่เรียนนั้นไปถึงไหนแล้ว จื้อเผิงตอบว่าก็สามารถร้องได้ แต่ฝีมือก็ยังห่างไกลอยู่ จะต้องตั้งในเรียนฝึกฝน “อาจารย์สอนผมไม่ต้องใจร้อน อย่างไรก็ตามปีนี้ผมจะต้องจัดเวลาเพื่อจะมาเรียน ไม่แน่อาจมีโอกาสได้ออกงานกับศิษย์พี่ก็ไม่รู้”

วันที่ 15  เดือนอ้ายนั้นจื้อเผิงจะต้องไปที่ปักกิ่ง เพราะตามธรรมเนียมแล้ว รายการแสดงที่ยอดเยี่ยมของคืนวันนั้นจะมีการประกาศที่สถานียางซื่อ เสี่ยวหู่ตุ้ยคงจะเป็นที่ฮือฮาในงานนั้นตามเคย แต่ว่ารายการแสดงของพวกเขาคงจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 13-14 ก.พ. 2010 งานราตรีตรุษจีนเสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 05:54:39 AM »
http://blog.sina.com.cn/s/blog_4a89a9f4010004zx.html


ฉันเป็นใคร? พี่ MO เป็นใครองค์หญิง เปาหยีคือใคร?

ฮ่าๆ เพื่อนๆหลายคนสนใจคำถามที่ว่า “ฉันเป็นใคร?”

ฉันเป็นสมาชิกชาวเว็ปธรรมดาคนหนึ่ง วันหนึ่งได้ดูเว็ปซินลั่น-Sian  ก็ได้เห็นมีหัวข้อนี้ที่ได้ร่วมสนทนากับเพื่อนๆ เว็ปไซน์ป๋อเค่อคืออะไร มันเป็นเว็ปแห่งการบันทึกประจำวัน ขอเพียงมีเวลาก็สามารถมาเขียนระบายความในใจได้ เพื่อมาแชร์ให้กับเพื่อนๆด้วยกัน

อินเตอร์เน็ตดูเหมือนโลกแห่งการลวง แต่ก็ได้รวบร่วมอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง สำหรับอินเตอร์เน็ตแล้ว ฉันเองดูข่าวต่างๆก็ได้แต่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เว็ปบันทึกประจำวันนั้น เป็นเว็ปที่ได้เขียนถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แต่ว่า ช่วงจังหวะว่างของชีวิตมันไม่ค่อยมีให้ฉันไปเขียนชีวิตประจำวันลงไปในหนังสือ ก็ได้แต่ตัดบนแป้นพิมพ์ลงไปในเว็ป

ฉันเป็นใคร? ทำไมมีเพื่อนๆมากมายสนใจในคำถามนี้ ตรงนี้เพื่อนหลายๆคนก็คงจะเป็นเพื่อนที่เล็กๆ(ไร้ชื่อ) และเพื่อนไร้ชื่อเหล่านี้บางคนยังเป็นคนมาใหม่คงจะไม่รู้จักว่าตัวเองเป็นใคร แต่เมื่อได้อ่านข่าวสารเกี่ยวกับแบดมินตันที่ฉันเขียน ก็ยิ่งดึงดูดความสนใจเป็นอย่างยิ่ง

จิงๆแล้วฉันเป็นใครนั้นไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือฉันได้ใช้ความจริงในการเขียงลงข้อความต่างๆ เพื่อจะมาแชร์กับทุกคน เรื่องราวที่เป็นความจริงและเกิดคนจริงๆนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนสนใจ สำหรับคำว่าฉันเป็นใครนั้ ก็คงไม่สำคัญแล้ว




ฉันเป็นคนทำงานอาชีพอิสระ

ฉันเคยเป็นอาจารย์สอน ฉันคิดถึงช่วงเวลาที่ฉันเป็นครูสอนอย่างมาก นั่นเป็นช่วงเวลาที่ฉันคิดถึงและเป็นช่วงที่ฉันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก บรรดานักเรียนนักศึกษาของฉันนั้น มีทั้งเด็กไฮโซที่เรียนในโรงเรียนเอกชน แต่ก็มีนักเรียนที่ยากจนต้องตกอยู่ในความยากลำบากก็มี มีทั้งนักเรียนที่ซนเกเรสุด และนักเรียนที่เงียบตั้งดีมากก็มี มีนักเรียนที่เป็นเด็กเพิ่งฝึกพูด และมีนักเรียนที่เป็นวัยกลางคนเหมือนกัน .

เมื่อหวนคิดสมัยเป็นอาจารย์ จะให้เล่าเป็นปีก็เล่าไม่จบ หากทุกคืนจะเล่าหนึ่งเรื่อง คงจะเล่า  365 คืน

อดีตเคยเป็นหัวหน้านำเต้นในทีวี และเคยเป็นผู้ประกาศข่าวดินฟ้าอากาศ และเคยเป็นนักแปลภาษาอังกฤษกว่าครึ่งปี นั่นเป็นช่วงที่ได้ทะลุทะลวงกับภาษาอังกฤษที่ไม่ได้เรื่องของ ยิ่งนานวัน ภาษาก็ยิ่งดีขึ้น

เมื่อได้คิดดู ประสบการณ์การทำงานของตัวเองก็มากมายเหมือนกัน แต่นอกจากการเป็นอาจารย์แล้ว อย่างอื่นก็ต้องขอขอบคุณสวรรค์ที่ให้มีโอกาสเรียนรู้สิ่งต่างๆเหล่านี้ด้วยงานที่ไม่เต็มเวลา ทำให้ฉันเป็นผู้ใหญ่และมีความอดทน และเป็นสิ่งที่โชคดีมาก ขณะที่เจอกับปัญหาต่างๆนั้น ก็ได้เจอคนใจบุญมาค่อยช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ตลอดชีวิตของก็นับว่าราบรื่นเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ตัวเองก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ เริ่มแต่อายุ 30  ก็เป็นช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มของการสร้างตัวสร้างงาน เตรียมพร้อมที่จะรับความท้าทายต่างๆในชีวิต

คิดดูใน 30  ปีเหล่านี้ สิ่งที่ราบรื่นนั้นเป็นการคอยช่วยเหลือของเพื่อนๆและพ่อแม่ แต่ละช่วงวัยนั้น ก็จะเจอเพื่อนหรือมีเพื่อนในช่วงวัยนั้น พวกเราต่างก็ช่วยเหลือกันและกัน เกื้อกูลกันและกัน นี่เป็นแรงบันดาลในที่แรงกล้าที่ฉันมี และเพื่อนๆเหล่านี้เมื่อได้คบหากันนานๆแล้ว ได้กลายเป็นกลุ่มเพื่อนที่แตกต่างกันไป กับเพื่อนเหล่านี้ที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องแต่ก็ค่อยช่วยเหลือฉัน ซึ่งมันเป็นความโชคดีของฉันมากๆ

หากจะเปรียบชีวิตดังสายน้ำใหญ่ ชีวิตของฉันคงจะเริ่มหักเหจากตรงนี้ ได้มีสายน้ำใหม่เกิดขึ้น

ฉันดีใจมาก ตรงนี้มีเพื่อนๆหลานคนใส่ใจฉัน สำหรับคำถามที่ว่าฉันเป็นใครนั้น จะขอตอบคุณ หลังจากวันนี้ที่เราได้มีโอกาสร่วมรู้จักกัน


Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 13-14 ก.พ. 2010 งานราตรีตรุษจีนเสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิด
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 05:55:41 AM »

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
Re: 13-14 ก.พ. 2010 งานราตรีตรุษจีนเสี่ยวหู่ตุ้ยดังระเบิด
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 05:56:15 AM »
2010 การกลับมาอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ย

ดูคลิปประกอบ

http://www.youtube.com/watch?v=-OV6u_dvRCU
http://www.youtube.com/watch?v=rjqVDgIdIYw



Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด