ผู้เขียน หัวข้อ: [ซูโหย่วเผิง] คุณแม่ที่ดีของผม โรงเรียนที่ดีของผม  (อ่าน 7660 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
【130302文章】苏有朋:妈妈是我最好的学校
http://tieba.baidu.com/f?kz=499813309
http://tieba.baidu.com/p/2190275779


คุณแม่ที่ดีของผม โรงเรียนที่ดีของผม

พฤศจิกายน 2005


ในสมาชิกครอบครัว ความสัมพันธ์ผมกับท่านนั้นแน่นแฟ้นที่สุด นี่อาจเกี่ยวกับวันเกิดผมกับคุณแม่นั้นเป็นวันเดียวกัน ช่วงวัยเด็ก ผมก็มีความนิยมชมชอบกับดนตรีเป็นอย่างยิ่ง คุณแม่ได้พูดกับคุณพ่อที่จะให้ผมไปสมัครเรียนเปียโน ยังสั่งทำเปียโนให้ผมอีกต่างหาก หลายปีให้หลัง สายตาแห่งความหวังของคุณแม่ที่รอคอยนั้น ผมได้เดินเข้าสู่เส้นทางแห่งดนตรีอย่างเป็นทางการ

ปี 1989 ช่วงซัมเมอร์ของการจบมัธยมต้น ผมได้เข้าสู่ “เสี่ยวหู่ตุ้ย”กลุ่มขวัญใจวัยรุ่นชาย ได้ออกอัลบั้มแรกของตัวเอง (เซียวเหยาอิ๋ว) ทั้งยังได้ออกคอนเสิร์ตกว่ายี่สิบครั้ง ตอนนั้น ความรู้สึกของผมในตอนนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นทั้งตัว ดีใจ ทั้งภาคภูมิใจ

รอถึงเวลาของช่วงปิดเทอม ม.4 ได้เริ่มขึ้นแล้ว ใจของผมนั้นทำอย่างไรก็ไม่สามารถให้กลับสู่การเรียนได้ ผลการเรียนต่ำลง บอกให้รู้ว่า ผลการเรียนช่วงมัธยมต้นของผมนั้นอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ความกลัดกลุ้ม เบื่อหน่ายและท้อแท้มันวนเวียนอยู่รอบๆตัวผม คุณแม่เห็นสภาพดังกล่าว สุดที่จะเจ็บปวด ได้หาเพื่อนนักเรียนที่อยู่ข้างบ้านของผมอย่างเงียบๆ ขอร้องให้เขาช่วยผมในการที่จะทำการบ้านอ่านหนังสือกับผม หลังจากนี้ ทุกครั้งที่กลับจากการติวก็ย่างเข้าสี่ทุ่มแล้ว อาบน้ำอาบท่าแล้วไปที่บ้านของเพื่อนก็ประมาณห้าทุ่มแล้ว อ่านหนังสือได้ชั่วโมงเดียวก็เที่ยงคืนแล้ว เวลานั้น คุณแม่ได้รอผมที่ใต้ถุน การเดินทางไปกลับนั้นล้วนเป็นท่านเองที่ขับมอเตอร์ไซส่งผม

หลังจากที่ทำอย่างนี้ได้ช่วงหนึ่ง ผลการเรียนของผมก็ไม่เห็นว่าจะดีขึ้น ผมคิดอยากจะทอดทิ้งมัน วันหนึ่ง ผมไม่อยากจะไปทำการบ้านที่บ้านเพื่อนแล้ว ได้นอนโทรมอยู่ที่โซฟาอย่างอ่อนแรง ได้เปิดทีวีและมองไปอย่างเหม่อลอย ทันใดนั้นก็มีน้ำตาออกมาโดยไม่รู้เหตุ หลังจากนั้นได้คล้อยตามอารมณ์ร้องไห้ปล่อยโฮออกมา

คุณแม่รีบเดินมาโอบไหลผม ปลอบใจผม “อาเผิง เมื่อเกียรติทุกอย่างได้กลายเป็นความกดดันนั้น ลูกยิ่งต้องเข้มแข็ง แฟนเพลงคงไม่ชอบ “ไกวๆหู่” ที่ขี้ร้องไห้

จากคำพูดนี้หนุนใจที่ไม่ขาดสายของคุณแม่นั้น สุดท้ายทำให้ผมเข้าใจว่าอย่าไปยอมแพ้ให้กับความลำบากง่ายเกินไป จากนั้น ได้ผ่านความพยายามที่ไม่ท้อไม่ถอยมาสองปี ผมสอบเข้ามหาลัยไต้หวันได้อย่างสมหวัง ในตอนนั้น ผมได้เข้าสู่ บริษัทแห่งใหม่ การงาน การเรียน เรื่องเพลงก็ได้ก้าวหน้าขึ้น ขณะที่การงานผมไปได้ดีนั้น คุณแม่กลับรู้สึกไม่สบายใจ หลังที่ผมกับน้องชายคลอดนั้น คุณแม่ก็ได้ลาออกจากการสอนหนังสือซึ่งเป็นงานที่ท่านรักมาก ได้เป็นคุณแม่เต็มเวลา แต่เพราะนิสัยที่เด็ดเดี่ยวอย่างท่านนั้นไม่ยอมที่จะแบมือขอเงินกับคุณพ่อ นี่ทำให้ท่านลำบากมากๆ และแล้ว 40 ปีแล้ว คุณแม่ได้กลับไปสอนหนังสืออีกครั้งหนึ่ง ด้วยเหตุของวัย ทำให้คุณแม่ทำงานอย่างลำบาก ผมในตอนนั้นก็รู้เรื่องแล้ว ห้ามคุณแม่ว่าอย่าไปทำอีกเลย ผมจะหาเงินเลี้ยงท่านเอง คุณแม่หัวเราะอย่างปลื้มใจว่า “ลูกยังเป็นเด็กอยู่ แม่เองไม่อยากให้เป็นภาระของลูก” เมื่อผมได้ฟังแล้วทำให้รู้สึกตื่นตันใจเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากนั้น ผมได้เข้าสู่วงการหนังสำเร็จ หนังแต่ละเรื่องนั้นได้ผลักดันให้ชีวิตผมมีตำแหน่ง ตอนนี้เรื่องการเรียนกับงานการแสดงนั้นได้มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงอีกครั้ง จะแก้ไขอย่างไรดี ได้กลายเป็นปัญหาที่หนักที่สุดในเวลานั้นของผม คุณแม่ดูออกว่า ผมนั้นรักและไม่อยากจะทิ้งการแสดง ท่านได้แตะที่ไหล่ผมบอกว่า “ถ้าหากชอบจริงๆก็ไปทำเลย ชีวิตคนเราขอเพียงพยายามก็จะไม่เสียใจภายหลัง”

กระทั่ง  ในปีนั้นผมได้ลาออกจากมหาลัยไต้หวัน แต่ว่าหลังออกจากการเรียนแล้ว การงานก็ไม่ได้ราบรื่น อย่างแรกคือการจำหน่ายของอัลบั้มเพลงชุดใหม่นั้นยอดขายตกต่ำลง ต่อจากนั้น ร้านชาไข่มุกที่ผมลงทุนนั้นปิดลงเพราะผู้จัดการร้ายไม่สัตย์ซื่อ ทั้งหุ้นก็ต้องชดใช้ และร้ายแรงที่สุดคือ คุณพ่อก็ตกงานในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย

จากการกลัดกลุ้มของจิตใจ ในช่วงนั้นผมได้ขับรถออกไปอย่างไร้เป้าหมาย สุดท้ายโดยคนอื่นชนเข้าที่สะพ้านหนันเจี้ย  ยิ่งกว่านั้นเดือนเดียวโดนชนตั้งสองครั้ง คุณแม่ทนไม่ไหวแล้ว ท่านได้ตำหนิผมว่าอย่าหมดอาลัยตายอยากอีกต่อไป ผมได้ร้องไห้ระบายกับคุณแม่ ขณะที่ผมได้หยุดย่างก้าวของผมเพื่อมาตรวจสอบคุณค่าของตัวเองนั้น พึ่งรู้สึกว่านอกจากการแสดงแล้ว ตัวเองไม่มีความสามารถทำอย่างอื่นได้เลย หนทางอนาคตตัวเองอยู่ที่ไหน แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้เลย

>> คืนนั้น คุณแม่ได้กอดผมอยู่ในอ้อมอก ได้เล่าถึงความตอนเด็กของผมให้ผมฟังอย่างอดทน “อาเผิง ตอนที่ลูกคลอดออกมานั้นเสียงลูกกับคนอื่นก็ไม่เหมือนกันแล้ว เสียงดังทั้งยังเป็นจังหวะ ตอนนั้นแม่เองก็รู้สึกว่าลูกพิเศษ” หนึ่งขวบขณะที่หยิบจัดนั้น เพียงแค่มือเดียวก็จับเปียโนเล่นของเล่นได้แล้ว ฉะนั้นฟันธงไปเลยว่าชีวิตนี้จะต้องร้องเพลง....” <<

ขณะที่ชีวิตล้มลุกครุกคานอยู่นั้น คุณแม่ได้ประคับประคองตัวผมและครอบครัว สุดท้าย ผมพิชิตน้ำตา ได้ปีนออกมาจากก้นเหวของชีวิต

ปี 1997  ผมถูกคัดเลือกให้เล่นหนัง (องค์หญิงกำมะลอ) ได้รับบทเป็นองค์ชายห้า  จากการที่หนังได้ออกอากาศบ่อยๆ ชั่วพริบตาเดียว ผมได้มีแฟนหนังกว่าหมื่นคน ช่อดอกไม้กับเสียปรบมือที่ห่างเหินไปจากผมเป็นเวลานานวันนั้นได้กลับเข้ามาสู่ชีวิตผมอีกครั้ง จนทำให้ผมรูสึกดีใจทั้งน้ำตาหลายครั้งหลายคราว วินาทีนั้น ผมรู้ว่า เป็นวาสนาที่ท่านได้นำมาให้กับผมอย่างลับๆ

ขณะที่หวนคิดถึงเวลาที่ลำบากที่สุดนั้น สมาชิกครอบครัวผมทั้งสี่คนนั้นได้พักอยู่กันคนละทิศคนละทาง ก็เพื่อสะดวกกับความเป็นอยู่ของชีวิต สิ่งนี้ก็นำบรรยากาศความแตกแยกของครอบครัวมาโดยไม่รู้ตัว ตอนนั้น ในใจก็มีความหวังใจอยู่ว่า จะซื้อบ้านที่สวยงามให้กับคุณพ่อคุณแม่สักหลัง หลังจากนั้นสามปีความตั้งใจนี้ก็ได้สำเร็จ ผมได้ซื้อบ้านให้คุณพ่อคุณแม่ จำได้ว่าวินาทีที่ผมเอากุญแจบ้านยื่นให้กับท่าน คุณพ่อคุณแม่นั้นได้อ้าปากจนพูดไม่ออก จากความพยายามของผมนั้น ท่านทั้งสองก็ได้มีความรักความอบอุ่นอย่างเมื่อก่อนอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ ผมได้สอนคุณแม่หัดใช้เอ็ม(MSN) ในการคุยกัน ถ้าเป็นนี้ แม้ตัวผมเองจะอยู่ข้างนอกก็สามารถเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของคุณแม่ผ่านทางเอ็ม (M) วันแม่ของปีนี้ ผมได้ส่งการ์ดวันแม่ที่ผมทำเองให้แด่ท่าน ข้างในรูปที่ผมวาดนั้น คุณแม่ได้นั่นอยู่บนดอกไม้ดั่งทะเล มีใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุขมองไปข้างหน้า ในการ์ดนั้นผมได้เขียนข้อความว่า คุณแม่ที่ดีเสมือนโรงเรียนที่ดีแห่งหนึ่ง ขอบพระคุณคุณแม่ที่สอนผมให้รู้จักชีวิตที่มีความหมายและชีวิตที่ต้องอดทนต่อสู้