วันที่ 11 สิงหาคม 2010 ซูโหย่วเผิง เป็นเจ้าของฟาร์มเกษตรในเมืองหลวงหนึ่งวัน (ภาพ)
คิดอยากมีครอบครองฟาร์มเกษตรหลังหนึ่ง อยากฝันทุกสิ่งทุกอย่างของผมมีในนั้น แสงตะวัน พื้นหญ้า
สัตว์ตัวน้อยๆ บ้านพักร้อน เหล้าเบียร์องุ่น แน่นอนยังมีครอบครัวของผมและเพื่อนๆ.....”
ซูโหย่วเผิง เพิ่งเดินเข้าไปในฟาร์มเกษตรมีสีหน้าค่อนข้างอิดโรย และแล้วจึงมีอากาศสดชื่นบริสุทธิ์และกลิ่นหอมบนพื้นดินโชยมาบนใบหน้า ที่นี่มีต้นหญ้าต้นไม้ อิฐกระเบื้อง ทำให้เขาอั้นไม่อยู่พูดอย่างเปิดเผยแบบสบายใจ ซึ่งอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว ค้นหาสวนหย่อมลับแลห่างไกลจากผู้คนซึ่งมีฝุ่นและเสียงอึกทึก และตอนนี้เขาใช้แบบวิธีพักร้อนโดยมีจิตใจตื่นเต้นเร้าใจมากที่สุด เคยเดินทางไกลเพียงลำพังตัวคนเดียว เขาเคยเดินทางคือเนรเทศตัวเอง วัยเยาว์มีชื่อเสียงทำให้วันที่ผ่านมาท่านนี้ “ไกวๆหู่” เพิ่มความสนใจรู้สึกถูกแรงกดดันมากโดยทำให้เขาในช่วงนั้นได้สูญเสียอิสระภาพไม่น้อย ตอนมหาวิทยาลัยปี 1 ซูโหย่วเผิง ยังเป็นนักแสดงของวง “เสี่ยวหู่ตุ้ย”ซึ่งร่วมเดินทางกับเพื่อนๆไปญี่ปุ่นด้วยกัน เมื่ออยู่ในการท่องเที่ยวทางไกลครั้งแรก ด้านภาษาและวัฒนธรรมมีความแตกต่างกัน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนนำพาให้ มีของสดๆใหม่ๆและความสบายใจ จึงทำให้เขามีจิตสำนึกถึงความหมายและด้านความสุขกับการท่องเที่ยวครั้งแรก
เกี่ยวกับเรื่องวัยเยาว์ของเขา “เสี่ยวหู่ตุ้ย”หลังจากต่างแยกย้ายอย่างเป็นทางการ จึงแบกกระเป๋าเดินทาง และนำกล้องถ่ายรูปไปด้วย เพื่อให้ตัวเองได้พักผ่อนครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อได้ท่องเที่ยวผ่านแหล่งสถานที่มาหลายแห่ง แล้วมีการคัดเลือกกล้องถ่ายรูป ด้านกล้องถ่ายรูป ซูโหย่วเผิง ค่อนข้างมีระดับความรู้ ในการคัดกล้องออก ยังต้องมีลักษณะภายนอกปลอดโปร่งโล่งสบาย คุณสมบัติจำต้องเอาอย่างดีเด่น กล้องถ่าย “เจียเหนิน EOS 7D เดี่ยวนี้ดูกล้องอื่นสวยงามกว่า เพื่อเป็นการท่องเที่ยวอันเฉียบแหลม ผมชอบใจกล้องนี้มาก
ผมชอบการท่องเที่ยวแบบอิสระอย่างนั้น สามารถให้พบเห็นตามอารมณ์ใจปรารถนาได้ภายในเมืองใหญ่ ไม่ว่าลอนดอนหรือนิวยอร์ค ซูโหย่วเผิง เคยถูกพบเห็นที่นั่นหลายครั้งในร้านยามราตรี ลังเลใจเดินไปมาของร้าน CD มือสอง ขยันเที่ยวหาแผนที่ซึ่งไม่มีทิวทัศน์......ซึ่งไปอังกฤษครั้งแรก เขาได้วิ่งไปที่อ้ายติงเป่า(Edinburgh) พบเห็นสุสานครั้งก่อนๆหนึ่งหลัง ซึ่งมีแต่ในภาพยนตร์จึงสามารถมองเห็นสวนสุสานได้ ด้านหนึ่งชมดูป้ายสุสานลักษณะแตกต่างกันอย่างนั้น จึงอ่านท่อนด้านบนทุกท่อนมีการจารึกชื่อสุสาน ส่วนด้านหนึ่งคล้ายคิดถึงเรื่องราวและลักษณะหน้าตาในอดีต ซึ่งมีชีวิตของแต่ละเจ้าของ ถึงแม้ว่าความช่ำชองประสบการณ์อย่างนี้กล่าวขึ้นมาแล้วมีส่วนบ้าคลั่ง แต่ว่าฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่อย่างนั้น ความรู้สึกในการผจญภัยไม่ยำเกรง ซึ่งในขณะนั้นเขากำลังจะไปทิศทางนั้นอยู่แล้ว ช่วงเวลานั้น ซูโหย่วเผิง หวังว่าตัวเองได้มองเห็นโลกใบนี้สวยงามมากยิ่งขึ้น ระหว่างในการท่องเที่ยวเป็นไปได้จะไปถึงที่สุดๆ เพื่อแลกเปลี่ยนไปตามหาส่วนท้องถิ่นและแหล่งสถานที่หลายแห่ง เกี่ยวกับเรื่องถ่ายหนังของเขาได้แสดงแบบวิธีธรรมชาติโดยตรงที่สุด ซึ่งอยู่ในเมืองหลายแห่งมีเสียงหนวดหูแออัดตามตรอกตามซอย เขายกมือขึ้นถ่ายรูป เพื่อไปจับดูตามถนนหนทางเรื่องมีผู้คน ซึ่งมีจิตใจตามแบบอารมจริงๆ
โดยกำลังยุ่งวุ่นวายในการเดินวิ่งเพ่งพ่าน ถึงแม้ว่าวิธีถ่ายกล้องแบบนี้ บังเอิญทำให้เขารู้สึกถึงความทุกข์ยากเหนื่อยล้าบ้าง แต่ว่าขณะนั้นเขาได้มองดูรูปถ่ายแล้ว จึงกระโดดขึ้นแล้วหลุดออกมาจึงได้รับความจริงให้มีสติสดใสและสงบเงียบ แล้วกลับไปบนเวทีอีกครั้งหนึ่ง กลายเป็นว่าในเมืองมีเสียงอึกทึกมาก มีท่านหนึ่งซึ่งกำลังทำงานยุ่งมากที่สุด......