2010 Su You Peng Singing Love Song of Kangding (QQ Interview)

[Chomnath]

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จากรายการ

Su You Peng Singing Love Song of Kangding (QQ Interview)

5 พฤศจิกายน  2510

<a href="http://www.tudou.com/v/wxWpts3hTrQ/" target="_blank" class="new_win">http://www.tudou.com/v/wxWpts3hTrQ/</a>

http://www.tudou.com/programs/view/wxWpts3hTrQ/
http://ent.qq.com/a/20101105/000651.htm
http://www.baansuyoupeng.com/webboard/index.php?topic=644.0

[Chomnath]

พิธีกร；เพื่อนอินเตอร์เนตทุกท่าน    อินเตอร์เนตแจ้งผ่าน เป่ยชิง ทุกท่าน   ผู้ดูรายการของ PPS   และสถานีบันเทิง MSM  วันนี้บุคคลดังได้มาเยี่ยมเยียนรายการเพื่อนสหาย    ผมต้องการพูดถึงคือ    ระดับความสนใจในรายการวันนี้สูงมากทีเดียว    เพราะว่าผมทำรายการนี้มาเกือบสองปีแล้ว    ครั้งแรกปรากฏว่าพนักงานรอบข้างจะเล่นพนันถึงประตูบ้าน    หลายคนมากมายมาดูแขกผู้มีเกียรติ    พวกเราเชิญแขกผู้มีเกียรติทั้งสามท่านแนะนำด้วยตัวเอง    ครั้งนี้ได้ถูกเชื้อเชิญแล้วจากหนังเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ) นักแสดงตัวเอกทั้งสามท่านของภาพยนตร์เรื่องนี้

จวีเหวินเพ่ย；เพื่อนสหาย MSM อินเตอร์เนต เป่ยชิงทุกคนสบายดี    ฉันคือ จวีเหวินเพ่ย    ฉันอยู่ในหนังเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ)   แสดงเป็นเด็กสาวชนเผ่า ธิเบต- ต๋าอัว(ต๋าหวา)    เธอได้หลงรักคนคนหนึ่งเรียก- หลี่ซูเจี๋ย เป็นทหารโปรดปล่อยเสรี    ดังนั้นนิยายเรื่องนี้จึงได้รอคอยมา 60 ปี

เจียงผิง；คนที่ห้อมล้อมอยู่ข้างนอกส่วนใหญ่ๆมาดูคุณ

ซูโหย่วเผิง；ทุกคนสบายดี    ผมคือ ซูโหย่วเผิง    ผมอยู่ในเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ) บุคคลผู้มีความรู้รักชาติ    หนังเรื่องนี้ช่างซึ้งใจคน    เป็นนิยายความรักรักษาพรหมจรรย์บริสุทธิ์ทีเดียวคนหนึ่ง    ติดต่อกันจนถึง 60 ปี    หวังว่าทุกคนชื่นชอบ

เจียงผิง；เพื่อนสหายอินเตอร์เนตทุคนสบายดี    ผมคือเจียงผิง    เป็นผู้กำกับหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) ในเรื่องนี้    ผมรู้สึกขอบใจเพื่อนสหายอินเตอร์เนตมากทีเดียว ซึ่งได้สนใจและสนับสนุนหนังเรื่องนี้ของพวกเรา    ก็ขอขอบคุณมากๆทุกคนปกติธรรมดาได้สนใจผม    รักและเอาใจใส่นักแสดงทีมงานละครของพวกเรา    ขอขอบคุณ

พิธีกร；เป็นไปได้เพื่อนสหายอินเตอร์เนตมากหลายไม่ได้มองดูสภาพการณ์รอบๆข้างของพวกเรา    เพียงแต่ผมรู้สึกมีแรงกดดันอย่างมาก    เพราะว่าตั้งนมนานมา    รายการของพวกเรา    พนักงานรอบๆข้างล้วนเป็นบรรณาธิการ    นักข่าว   ขอพูดความจริง    เคยมองเห็นวงการนักแสดงหรือดาราของพวกเรามากมาย  เพียงแต่ว่าวันนี้ระดับความสนใจเอาใจใส่ของพวกเขาสามารถเข้าถึงใกล้ๆตัวของทั้ง 3 ท่าน    ผมรู้สึกว่ายากเป็นพิเศษ    เป็นหนังเรื่องนี้ของพวกเราตัวเองจะทำให้ทุกคนสนใจเอาใจใส่อย่างมาก    ขณะเดียวกันยังมีดาราทั้ง 3 ท่านรับมืออยู่

[Chomnath]

เจียงผิง：เขาทั้งสองต่างเป็นดารา    ผมก็เป็นนักประพันธ์งานศิลปะแสดงคนหนึ่ง    แน่ละพวกเขาก็เป็นนักแสดง    ผมจะกล่าวอย่างเป็นพิเศษคือ    เขาทั้งสองล้วนได้ผ่านจากดาราไอดอนหรือจากดาราท่าทางสวยสง่าการแสดงหนังเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ)    กลายเป็นนักศิลปะแสดง    นี่คือเรื่องราวสำคัญพิเศษเรื่องหนึ่ง    เป็นไปได้ดาราอยู่ได้ไม่นาน    เป็นไปได้เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า    ฟ้าสว่างแล้วดวงดาวจึงมืดสลัว    ผมรู้สึกว่าเขาทั้งสองกำลังเสร็จสิ้นสมบูรณ์จากดาราสง่างาม หรือดาราไอดอนขั้นตอนเปลี่ยนแปลงมุ่งการสู่นักศิลปะแสดง    อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ลำบากยากยิ่ง    เป็นทุกข์ยากแสนเข็ญ    เจ็บปวดทั้งมีความสุข

พิธีกร：รายการก่อนหน้านั้นผมได้ยินผู้กำกับเคยกล่าวไว้ว่า    พวกเราเป็นโฉมหน้าขบวนดารานักแสดงทั้งหมด    ถึงจะมีบทบาทเล็กน้อยคำพูดสักประโยคสองประโยค    ก็จะได้เชิญนักแสดงวิชาชีพมาแสดง    ผมต้องถามพระเอกนางเอกทั้งสองท่าน    คุณมาพิจารณาคุณค่าสักหน่อยบทหนังในนั้นนักแสดงสายอาชีพมีคำพูดประโยคสองประโยคเท่านั้นมีน้อยมาก 

ซูโหย่วเผิง：คุณพูดถึงล้วนเป็นฝีมือเพชฌฆาตเหล่านั้นนะ    ปล่อยให้พวกเราอยู่ในสนามถ่ายสดรู้สึกได้เพิ่มแรงกดดัน    ที่จริงพวกเขาล้วนน่าดูตระการตามากทีเดียว    ขณะทุกๆคนเวลาต่างนำเอามุมด้านหนึ่งดีที่สุดของตนเองอุทิศถวายออกมา    จึงทำให้หนังทั้งเรื่องของพวกเราเต็มล้นหลามเป็นพิเศษ    รู้สึกขอบคุณมากทีเดียวซึ่งพวกเขาได้เข้ามาร่วมชมดูหนัง

พิธีกร：พวกเรารู้ว่า จวีเหวินเพ่ยเป็นผู้มีความสามารถที่ถูกคัดเลือก รูปโฉมเก่งทุกด้านหลายอย่าง    ตัวเองก็ได้เป็นพิธีกรสาวสวย    ถ้าหากมีการหยิบยกคำถามที่ไม่ได้ถามถึง    ช่วยผมถามเพิ่มเติมทั้งสองท่านสักหน่อย

จวีเหวินเพ่ย；ตอนนี้คุณพูดอย่างนี้    ฉันก็มีแรงกดดันมากทีเดียว    เมื่อก่อนฉันก็เคยเห็น    วันนี้ได้มาถึงที่นี่เป็นเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่มีความสุขมาก

พิธีกร；ขอบคุณ    เมื่อก่อนพวกเราก็เคยเห็นสื่อหลากหลายได้สนใจเอาใจใส่ด้านภาพยนตร์เรื่องนี้    ควรจะกล่าวพระเอกนางเอกทั้งสองท่านเป็นครั้งแรกออกแสดงบทบาทรูปเอกลักษณ์แบบนี้ใช่หรือไม่

[Chomnath]

ซูโหย่วเผิง；ผมใช่

จวีเหวินเพ่ย；ฉันก็ใช่

ซูโหย่วเผิง；เป็นครั้งแรกผมได้สวมใส่ชุดเสื้อผ้าทหารแบบแปลกมากๆ

พิธีกร：เขาทั้งสองไม่เคยแสดงบทบาทรูปเอกลักษณ์แบบนี้    คุณมีความมั่นใจแบบนี้ไดอย่างไร    หรือว่ามีตาทิพย์รู้จักวีระชนผู้กล้า

เจียงผิง；ไม่กล้าพูดว่ามีตาทิพย์รู้จักวีรชนผู้กล้า    เพียงแต่อย่างน้อยที่สุดผมกล้ามากแต่ใจเล็ก    ที่เรียกว่ากล้ามาก    ผมเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งเชี่ยวชาญใช้นักแสดงหรือผู้กำกับเชี่ยวชาญรู้ตัวนักแสดง    ถึงแม้ว่าผมไม่ใช่เป็นผู้กำกับที่ดีที่สุดสายหนึ่ง    เพียงแต่ผมรู้สึกมาตลอดว่า ผมเป็นนักผลิตสร้างหนังดีมากทีเดียวคนหนึ่ง    เพราะผมรู้สึกจากมุมนักสร้างหนัง เป็นไปได้คัดเลือกนักแสดงเทียบเคียงมุมผู้กำกับคัดเลือกนักแสดงกระชับแน่นยิ่งขึ้น    เหมาะสมยิ่งขึ้น    เพราะที่เรียกว่าผู้มองดูอยู่ข้างๆมองเห็นชัดเจน    เพราะผมเป็นผู้กำกับมาอย่างเดียว ผมจึงคิดได้ว่าเขาสามารถแสดงเป็นอย่างไรบ้าง    แต่ว่าผู้เป็นนักผลิตหนังคนหนึ่ง    ผมสามารถพิจารณาผลของการแสดงของเขาออกมาเป็นอย่างไรบ้าง    จุดขายเป็นอย่างไรบ้าง    นอกเหนือจากศิลปะแสดงผมไม่สงสัยแล้ว    ยังต้องพิจารณามุมการยอมรับของท่านผู้ชม    และขั้นตอนสะท้อนกลับของผู้จัดการโรงภาพยนตร์ในอนาคต

พิธีกร：อย่างนี้หาได้ยากมาก    ปล่อยให้ชาวบ้านเคยแสดงผู้ชายเบอร์หนึ่ง  ผู้หญิงเบอร์หนึ่งของคนในนั้นแสดงประโยคสองประโยค    อย่างนี้กำกับก้อยากมาก

เจียงผิง：ตามที่จวีเหวินเพ่ย แสดงเป็นพี่สะใภ้คนโตในนักแสดง    เดิมทียังมีคำพูดประโยคที่พูดไม่น้อยต่อมาล้วนถูกตัดออกหมด    สุดท้ายเธอจึงหลงเหลือไว้คำพูดประโยคหนึ่งคือ ”สิ้นสุดจบแล้ว”  อักษรสี่คำเท่านั้นแต่ว่าเธอเคยแสดงนางเอกมาตั้งหลายเรื่อง    ควรจะกล่าวว่าเป็นเรื่องราว 20 กว่าปีก่อน    จึงเป็นนักแสดงที่ดีมากทีเดียวในเมืองเซี่ยงไฮ้     ดังนั้นผมจึงพูดว่า    เพราะมีนักแสดงแบบนี้แสดงเป็นดารารับเชิญอยู่ในนั้น    เช่นให้ (ซูโหย่วเผิง) แสดงเป็นตัวประกอบ    แสดงเป็นหัวหน้าค่ายทหารค่ายที่สาม    20 ปี ก่อนเขาร่วมแสดงกับ วีหยงกวนเป็นดาราสมัยเดียวกันในขณะนั้น    ให้ซูโหย่วเผิงวิ่งโล่ชุดมังกร   แต่ สวีเสี่ยวเจี้ยนไม่มีคำกล่าวว่าไม่ยอมสักคำเดียว    ท่ามกลางหนังของพวกเราได้รับรางวัลไก่ทองคำ   ช่อดอกไม้   การแสดงตุ๊กตาทองยอดเยี่ยมได้รางวัลราชาและราชินีบุคลิกภาพอันมากมาย    เช่น ชื่อเสียงอันโด่งดังอาทิ ไช่หมิง    องหง   เซี่ยยุ่น   จางกวงเป่ยเป็นต้น    บุคคลอันมากมาย    ยังได้เพิ่มนักแสดงหลักๆหลายท่านอาทิเช่น ผูปาเจี่ย   เหยียนถิง   เฉินเม่าหลิน   เจิ้นหวี่จือเป็นต้น    ล้วนมีหนังแสดงคนละนิดละหน่อย    เพียงเพราะว่านักแสดงเหล่านี้    เป็นผู้สร้างทำให้อยู่ในวงการรุ่งเรืองดีมากทีเดียวคนหนึ่ง    แต่เวลาอยู่ในวงการรุ่งโรจน์อันนี้ส่องฉายไปทั่วกาย ซูโหย่วเผิงและจวีเหวินเพ่ย    เป็นธรรมดาพวกเขาจะมีแรงกดดัน    ผมหวังว่าแรงดันกลายเป็นแรงขับเคลื่อน    ผมพูดกับซูโหย่วเผิงว่าวันนี้ให้คุณแสดงหนังเป็นตัวประกอบเป็นนักศิลปะแสดงคนๆนั้น    เขามองถึงตอนนี้    พวกเขาจึงรู้สึกว่า    ถ้าหากพวกเขาไม่แสดงให้ดีจึงเป็นการไม่ให้อภัยที่ช่วยเขาวิ่งโล่ชุดมังกรของนักศิลปะแสดง

[Chomnath]

พิธีกร；นักแสดงเอกทั้งสองท่านช่างร้ายกาจจริงๆ    ถ้าเป็นคนทั่วไปได้ยินแรงกดดันอย่างมหาศาล    จึงได้แต่แสดงแล้วตัวสั่นทั้งตัว    เพราะนักศิลปะแสดงผู้อาวุโสมากมายล้วนวางท่าทางไว้แล้ว    หลายคนนอกจากสนใจเอาใจใส่หนังแสดงแล้ว    ยังเอาใจใส่ต่อผลงานทั้งสองท่าน    วันนี้เพื่อนสหายมากมายรู้สึกว่าผลงานของ(หย่วเผิง) แต่ละบทบาทมีความแตกต่างอย่างมากหลาย    ความรู้สึกครั้งนี้มีสีสันการแสดงของตนเองยังมีอยู่เล็กๆน้อยๆอยู่ในนั้นทีเดียว    หรือยังอาศัยการแสดงแบบศิลปะออกมาของตัวเองบ้าง

ซูโหย่วเผิง：หรือว่ายังต้องการทำจู่โจมสยบเหล่านี้บ้าง    เพราะการดำรงชีพของยุคนั้นกับสมัยนี้เทียบแล้วยังคงห่างไกลกันมาก    ผู้กำกับอยู่ในกองถ่ายพูดกับพวกเราเรื่องราวในยุคนั้นบ่อยๆบ้าง    ผมรู้สึกว่าบุคคลมีอารมณ์ความรักบ้าง    ยังมีเขายึดความเชื่อมั่นมากบ้าง    สิ่งเหล่านี้เป็นที่ต้องการทำจู่โจมสยบก่อนที่จะมั่นใจ    นอกจากอันนี้แล้ว    อยู่ในด้านรูปเอกลักษณ์ของตัวบุคคล    จริงๆแล้วอันนี้ก็ต้องมอบให้ผู้กำกับ    รวมทั้งอยู่ในหนังของผมได้สวมใส่ดอกไม้ยางพลาสติกใสๆ    จึงเป็นยุคสิ่งของที่มีสีสันพิเศษทีเดียว    ยังเป็นครั้งแรกผมได้สวมใส่ชุดทหารสีเหลือง    ส่วนด้านมุมพูดของผมล้วนเป็นเรื่องราวเรื่องแปลกๆมาก

พิธีกร；ต้องขอขอบคุณผู้กำกับเจียงผิง    เอาใจใส่อย่างละเอียดปราณีตพิเศษต่อบุคคลหนึ่ง พูดถึงรูปเอกลักษณ์ ขอซูโหย่วเผิงวิจารณ์สาวสวยสักหน่อย    คุณรู้สึกรูปเอกลักษณ์ในชีวิตจริงๆปัจจุบันของ จวีเหวินเพ่ยเทียบแล้วสวยกว่ามาก    ยังสวมชุดเสื้อผ้าชนเผ่ายิ่งสวยมากขึ้น

ซูโหย่วเผิง；ถึงคิวผมถ่ายหนังจนจบในวันนั้น    พวกเราทานข้าวพร้อมกัน    เพราะว่าทุกคนต้องแยกย้ายกันไปผมเชิญทุกคนทานข้าว    ผมคิดว่าด้านข้างผมเป็นใครกันนะ    ที่แท้ชุดเสื้อผ้ายุคปัจจุบันของคุณเป็นแบบนี้    เพราะหนังทั้งเรื่องต่างมองดูตัวเธอ....

เจียงผิง；หน้ามอมแมม ผมบนหัวก็ยุ่งเหยิง    หรือไม่ก็คือใบหน้าทั้งหัวเต็มไปด้วยคละฝุ่นดินโคลน    เหงื่อไหลโชกโชน    มีความรู้สึกอย่างนี้    ใบหน้าเต็มไปด้วยที่ราบสูงสีแดงๆ    ความสวยเด็กสาวชาวเผ่า ธิเบต สวยแบบหนึ่ง    การเปลี่ยนแปลงทั้งตัวบุคคลใหญ่มากเกินไป    โหย่วเผิงก่อนอยู่ที่นี่กับเธอไม่เคยมีความสัมผัสใกล้ชิดนิสัยธาตุแท้จริงๆ    วันนั้นเวลาถ่ายหนังเสร็จ    เขาคุยหัวเราะหยอกล้อสาวสวยคนนี้เป็นใครหละ

[Chomnath]

ซูโหย่วเผิง；ขอขอบคุณผู้กำกับให้โอกาสนี้แก่ผม    มีตาทิพย์จริงๆ

พิธีกร：กล่าวได้ว่าอยู่ในภาพยนตร์    สาวสวยเป็นเพราะเบื้องหลังฉากถ่ายยุคนั้นในเวลานั้น ต่อมาจึงได้เป็นแบบอย่างการออกกำลังกาย    ภายนอกสวยไม่ได้บรรลุถึงภายในสวย มองเผินๆสวยอย่างนั้น     สาวสวยได้พูดสักหน่อย    อยู่บนที่ราบสูงถ่ายหนังจะมีการแตกต่างกันบ้างไหม    เพราะผมได้ยินในข่าวสาร มีคนพูดว่าเหมือนกับจะมีถูกสะท้อนบ้าง

จวีเหวินเพ่ย：ก่อนสะท้อนเวลาไปจึงต้องดื่มสุราหงจิ่งเทียน    ที่จริงหลังจากได้ถึงที่นั่น    ทุกๆวันคุณดูอะไรล้วนเหมือนอยากดูภาพยนตร์    แน่ละฉากสีสันสวยมาก ลักษณะท่าทางของร่างกาย คุณจึงต้องการอย่างนี้มากคุณอยากจะหายใจก็แสนลำบาก

ซูโหย่วเผิง；สวยจนหายใจไม่ทัน

เจียงผิง；เฉลี่ยแล้วบนที่ราบความสูงห่างจากใต้ทะเล 3800 เมตร    อย่างสูง 4000 เมตร

ซูโหย่วเผิง；วันแรกผมลงจากเครื่องบินไปที่พักโรงแรมเพื่อรายงานตัว    เป็นเวลาดึกมากเป็นพิเศษ    เพราะว่าหนทางบนภูเขายาวมาก    ไม่ได้หลับนอนตลอดทาง    เวลาผ่านไป 12 ชั่วโมง    ผู้กำกับถูกว่า โหย่วเผิงมาหรือยัง    นำเอาสุราหงจิ่งเทียนมาดื่มแล้ว ขาดแคลน อ๊อกซิเย่น อีก    เหนื่อยลำบากมากอีก

พิธีกร；สาวสวยยอมสนใจไปบนที่ราบสูงสีแดงตากแดดจริงๆหรือไม่

ซูโหย่วเผิง：ผู้กำกับอยากตากผิวให้แดงจริงๆ

จวีเหวินเพ่ย：ผู้กำกับช่างโหดเหี้ยม    ฉันตั้งแต่วันแรกของการเปิดฉาก    ฉันจึงแต่งหน้าแต่งตัวเป็นข้าทาสชาวนา    หลังจากวาดหน้าแต่งตัว ผมบนศีรษะยุ่งเหยิง    สวมใส่เสื้อนวมขาดๆ    ผู้กำกับยังติว่าไม่พอก้นแป้งอันนั้นของพวกเราเป็นก้อนแป้งลึกที่สุด    หลังจากได้ตีขึ้นไปบนที่ราบสูงสีแดงกายยังต้องสกปรกอีก    ทำให้จนน่าสงสาร    ยังมีบนขารับบาดเจ็บ    น่าเศร้ามาก    ผู้กำกับจึงพูดว่า    เมื่อเป็นอย่างนี้คุณก็ไปเปิดเครื่องทานข้าวนะ    ฉันพูดกับผู้กำกับไม่ต้องหละ    ในที่สุดเพราะเมืองคังติ้งเป็นเมืองสวยงามมากเป็นเขตพื้นที่ท่องเที่ยว    ทุกคนล้วนสวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงามมาก    มีแต่ฉันคนเดียวซึ่งสวมใส่เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง    เวลาฉันไป    จริงๆคนที่มีอยู่มองเห็นฉันจึงมีความรู้สึกน่าสงสารอย่างนั้น    หลังจากนั้นพูดว่าคุณทานข้าวมาจากที่ไหน

พิธีกร；นี่เป็นคนที่มีประกันภัยอุบัติเหตุท่องเที่ยวหรือไม่   

[Chomnath]

เจียงผิง：เพราะว่าพวกเราล้วนจบการ ศึกษาจากสถาบันวิชาสายอาชีพ    เวลาพวกเราเรียนหนังสืออยู่    ครูบาอาจารย์จะพูดกับพวกเราว่า    ในปีนั้นพวกเราที่มีอยู่ได้เรียนการแสดง ล้วนเอาเขามาบูชาเป็นครูบาอาจารย์รุ่นปู่ของอาจารย์ภาพยนตร์รัสเซียกล่าวคำพูดสองคำ    อันดับแรกไม่มีนักแสดงรุ่นเล็ก    แต่มีบทบาทเล็กน้อย    อันดับที่สองในสายตาต้องรักศิลปะแสดง    ตัวเองไม่รักศิลปะแสดง    นี่คืออาจารย์สแตนนีกล่าวคำพูดไว้สองประโยคพวกเราทำได้แล้ว    ผมพูดกับพวกเขาซ้ำไปซ้ำมา    ในสายตาต้องรักศิลปะแสดง    อย่าเที่ยวชมเชยศิลปะแสดงของตัวเอง    อย่าคิดว่าผมอยู่หน้ากล้องมองดูดีไม่ดี    สายตาของผมมีหรือไม่    ริมฝีปากของฉันไม่ปริแตก    อย่างนี้ไม่ได้    ริมฝีปากต้องแตกแห้ง    นี่จึงเป็นเหตุการณ์สาวข้าทาสชนเผ่า ธิเบต คนหนึ่งเติบโตในชีวิตทุกข์ยากสุดๆแบบนั้น    ถ้าไม่เช่นนั้นทำไมถึงแสดงความรู้สึกพลิกกายยืนหยัดขึ้นมาอย่างแท้จริงละหนอ    ซูโหย่วเผิงก็เป็นอย่างนั้นด้วย    ผมก็พูดเปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่างใหม่    ผมหยิบรูปถ่ายผู้ไม่มีความรู้ยุค 40 ปีก่อนหลายรูปให้เขาดู    ผมพูดกับเขาว่าเส้นผมของพวกเราจำต้องผลักไสแบบนี้    เส้นผมสองข้างขาวหงอกออกมา    ในอดีตทางโลกเรียกว่าถังอุจจาระครอบหัว    ถังขี้ครอบหัวคือชาวบ้านผลักไส    ผู้มีความรู้ข้างบนยังต้องเปิด 3 ส่วนหรือ 7 ส่วน    ค้นหาแว่นตาแต่ละแบบ   ในที่สุดยืนยันแน่ใจว่าต้องพลาสติกสีขาว    วันแรกถ่ายหนังหมัดมวย    จึงทำเอาแว่นตาอันนี้ชำรุดแล้ว    ผมพูดอันนี้ดี    ผู้มีความรู้ในปีนั้นต่อมาก็โทรมลง    มีเงินน้อยมากที่จะไปซ่อมแซม    จึงใช้หนังยางรัด    พอเหมาะพอดี

ซูโหย่วเผิง：เวลานั้นผมตกใจมากจริงๆ    เพราะมีแว่นตาอันนี้อันเดียว    วันแรกแว่นตาเอียงไปนิดหน่อย    ธรรมดาผมก็เคยชินแล้ว    เพราะสมัยเด็กๆก็สวมแว่นตา    หลังจากเอนเอียงผมใช้มือแยกออก    ผลที่สุดก็ชำรุดเสียแล้ว

พิธีกร；พูดถึงทำรูปลักษณะอย่างนั้น    ซูโหย่วเผิงจำต้องไม่เคยมีการแต่งตัวแสดงบทบาทอย่างนี้    ครั้งแรกมองดูการแต่งตัวเพราะรูปถ่ายถึงได้ปรากฏตัวเองยังมีอีกด้านหนึ่ง

ซูโหย่วเผิง：รู้สึกขอบใจมากจริงๆผู้กำกับได้ให้โอกาสนี้    เป็นตาทิพย์จริงๆ    เมื่อก่อนนักสร้างหนังทั่วไปหรือว่าผู้กำกับทั่วไป    ความประทับใจยากที่จะคิดถึงบุคคลเติบโตในไต้หวัน    สามารถแสดงบทบาทอย่างนี้กับยุคสมัยอย่างนั้นรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน    เมื่อก่อนผมก็มีความเกี่ยวข้องกับหนังยุคสมัยในอดีตรู้สึกสนุกสนานมาก    แต่ส่วนใหญ่พวกเขาไม่ให้โอกาสอย่างนี้แก่ผม    พวกเขาจะสงสัย    ผมก็ขอขอบคุณหลังจากมีประสบการณ์อันนี้ครั้งแรก    เป็นไปได้ผลลัพธ์ข้างหน้าได้ยินแล้วก็ใช้ได้     ต่อมาหวังว่าสามารถเปิดบทภาพยนตร์มากหน่อย

เจียงผิง；ซูโหย่วเผิงสามารถเปลี่ยนแปลงได้    ทั้งไม่ใช่นักแสดงหนังเพียงอย่างเดียว

[Chomnath]

พิธีกร：เมื่อกี้นี้ผมก็อยากถามอย่างนี้    เพียงแต่ไม่กล้า    นั้นพวกเราเช็คสายตารอคอย    ทุกคนก็สามารถเดินเข้าไปในโรงหนังดูๆ    ดูๆผู้เติบโตทะเลช่องแคบฝั่งตรงข้าม ซูโหย่วเผิงแต่งแสดงบทบาทอย่างนี้    เหมือนตาทิพย์ของผู้กำกับใช่หรือไม่

เจียงผิง；ที่จริงผมก็ไม่ใช่ตาทิพย์    เมื่อไม่กี่ปีมานี้ผมได้สำรวจและค้นพบ    ผมแนะนำ โหย่วเผิงแสดงหนังมาสี่หรือห้าเรื่อง    ในท่ามกลางหนังสี่หรือห้าเรื่องนี้    ผมค้นพบตัวเขาสามารถแสดงบทบาทรูปแบบต่างๆ    อีกทั้งศิลปะแสดงของเขาท่ามกลางในการฝึกฝนค่อยๆเก่งขึ้น    เขากำลังไม่ใช่เหมือนแบบเดียวกับในหนังเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ) ในปีนั้น ของดาราวัยหนุ่ม พี่ชายรูปหล่อหรือเป็นรูปโฉมไอดอน    เขาก็สามารถแสดงบทบาทอันนี้ได้    เขาสามารถขุดคุ้ยบทบาทสิ่งของที่อยู่ในใจ    พิเศษที่เขาค้นหาบทบาทแม่นยำทะลุเส้นทางเคลื่อนไหว    ยังจะกลัวบทบาทอันเล็กน้อยหรือ   

พวกเราได้ถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง    เป็นเรื่องที่เขาและอีเหนินจิ้ง แสดงด้วยกัน    เป็นภาพยนตร์เด็กๆ    ยุคต่อต้านสงคราม    เขาบริสุทธิ์ใจเพื่ออุทิศถวาย    เขาแสดงเป็นนักล่ามแปลคนหนึ่ง    เขาถ่ายความรู้สึกอย่างนั้นออกมา    ผมค้นพบเขาเป็นนักแสดงแล้ว    ก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นว่าซูโหย่วเผิง ก็คือไอดอนคนหนึ่ง    แต่หลังจากผมได้ค่อยๆค้นพบเขาเป็นนักแสดงคนหนึ่ง    ผมรู้สึกเป็นนักศิลปะแสดงง่ายๆ    เป็นไอดอนคนหนึ่งยิ่งง่ายๆ    เป็นไปได้สักวันหนึ่ง   คืนหนึ่งเพื่อนดารานักข่าวกลุ่มหนึ่งได้ช่วยเหลือ    เป็นไปได้เขาจึงได้กลายเป็นดารา    แต่เพื่อเป็นนักแสดงคนหนึ่ง     นักแสดง   นักแสดง    เป็นหนึ่งในท่ามกลางคณะทีมงานศิลปะแสดง    นั่นก็ไม่ใช่ง่ายๆเลย เพราะว่าเขาต้องเข้าสู่สายอาชีพศิลปะแสดงอย่างแท้จริง

ดังนั้นผมจึงรู้สึกว่าเขาพร้อมที่จะมีธาตุแท้อันนี้    ดังนั้นเขาอยู่ในท่ามกลางหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) แสดงออก    ผมรู้สึกเป็นการบังเอิญ    ก็ต้องเป็นเช่นนั้น    เมื่อเขาได้ถ่ายทอดออกมาแล้ว    ก็เป็นการสะสมน้ำตื้นๆ    เขาจึงเป็นเช่นนั้น   

จวีเหวินเพ่ยก็เป็นเช่นนั้น    เพราะคุ้นเคยกับ จวีเหวินเพ่ย ท่านผู้ชมต่างก็ทราบแล้ว    เธอเป็นคนรุ่นสาวสวยแจ๋ว    เด็กสาวรูปโฉมอารมณ์เซ็กซี่เฉียบแหลม    ปล่อยให้เธอเวลาเพิ่งเริ่มออกสนามถ่ายแสดงเป็นสายตาเซ่อๆคนหนึ่ง    ข้างหลังอันแน่วแน่ผิดปกติ    ดื้อรั้น    เป็นเด็กสาวกล้าหาญด้านความรักพรหมจรรย์    เป็นไปได้คนอื่นเห็นว่าเธอไม่สามารถรับหน้าที่นี้ได้    ท่ามกลางดำรงชีวิตเธอเป็นสาวผู้น่ารักคนหนึ่ง    ผมรู้จักเธอมาหลายปีแล้ว    เพียงแต่ผมรู้ว่าเธอมีความจริงใจถึงในกระดุกและถือทิฎฐิในกระดุก    ดังนั้นผมมั่นใจว่าเธอสามารถแสดงได้อย่างดี    นี่ก็คือสาเหตุของผมที่ใช้พวกเขากล้าตัดสินใจอันนี้

[Chomnath]

ซูโหย่วเผิง；แม้กระทั่งอยู่ที่ประเทศอเมริการับรางวัลแล้ว

พิธีกร；พวกเรากล่าวว่าเหตุการณ์ที่ต้องการเอารางวัลสักครั้ง    รูปธรรมคือเหตุการณ์ณ์อะไร

เจียงผิง；ซูโหย่วเผิงได้เปิดกล้องให้เป็นฤกษ์ชัยก่อน    ก่อนอื่นเขาอยู่ที่งานแสดงภาพยนตร์ช่อดอกไม้ไก่ทองคำรับเอาหนึ่งรางวัล    ของไป๋เสี่ยวเหนียน   ต่อมาเขามีหนังเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ) เป็นหนังที่มีคู่แข่งอย่างรุนแรง    ทำให้ได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ได้เกิดมีความรู้สึก    ซูโหย่วเผิงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทีเดียว    ทั้งไม่ใช่เป็นนักแสดงซึ่งมีหนังเส้นทางเดียว    หรือว่าหลี่ซูเจี๋ยบทบาทอันนี้คือผลักดันให้เขาขึ้นชิงบนเวทีรางวัลช่อดอกไม้ทำเอาไป๋เสี่ยวเหนียนบทบาทอันนี้มีความสำคัญอันหนึ่งของแรงหนุนหลัง    เขาอยู่ที่อเมริกา    ก่อนครึ่งค่อนเดือน ก่อนที่พวกเราไปรับรางวัลถ้วยแก้วทองคำอันนี้    เป็นรางวัลภาพยนตร์อันหนึ่งของประเทศอเมริกา     จึงเป็นการเฝ้าดูตัวเขา ระยะอันใกล้ๆนี้อยู่ในภาพยนตร์แสดงอย่างมีสีสัน    รวมทั้งแสดงออกหนังเรื่อง (เฟิงเซิน)    ให้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมคนหนึ่ง    เพราะรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมอันนี้    เพราะนอกเหนือจากบทบาทไป๋เสี่ยวเหนียน    หนัง (คังติ้งฉิงเกอ)  ได้โฆษณาครึ่งปีมาแล้วและท่านผู้ชมที่ได้ชมดูการแสดงออกท่ามกลางหนังทุกรูปแบบ    รวมทั้งคณะกรรมการตัดสินคะแนนหลังจากได้ชมดูหนังไม่กี่เรื่อง    ให้ยอดสรุปแก่เขา    สุดท้ายเขาได้เอารางวัลนี้    ผมรู้สึกหลังจากเขาให้พวกเราเปิดฤกษ์ชัยดีแล้ว

ต่อมาพวกเราจึงได้ไปที่ ฮอลลีวูด    อยู่ในงานแสดงภาพยนตร์ของอเมริกาในงาน ฮอลลีวูดสมัยครั้งที่ 6    พวกเราเมื่อดำเนินจัดการชิงรางวัลได้รับรางวัลใหญ่ๆ 3 รายการ    กล่าวขึ้นมาผมก็ตื่นเต้นดีอกดีใจ    แต่ผมก็ละอายใจ    เพราะผมรู้สึกมีหนังดีๆหลายเรื่อง    มีผู้กำกับดีๆหลายคน    ครั้งนี้ ฮอลลีวูดอยู่ในสหภาพแรงงานผู้กำกับอเมริกาแจกรางวัล    สหภาพแรงงานผู้กำกับอันนี้เป็นครั้งแรกเพื่อดำเนินการพิธีแจกรางวัลอย่างนี้จริงๆ


วันนั้นมี 80 เปอร์เซนต์ขึ้นไปล้วนเป็นคนทุกชนิดของ ฮอลลีวูด    มีชื่อเสียงมากทีเดียว    เหมือนผู้กำกับ (ซือจื่อหวัง)---ราชาสิงห์โต    เหมือนผู้กำกับ (ไชตั้นปู้ตุ้ย)---ทีมงานถอดกระสุน    บุคคลที่มีชื่อเสียงอันมากมายล้วนไปที่นั่น    พิเศษคือมีภาพยนตร์ 10 เรื่องของจีนและอเมริกาอยู่ในงานแสดงภาพยนตร์นี้ได้รับรางวัลหนังภาพยนตร์ดีเด่น    แม้กระทั่งหนังเรื่องสุดท้ายได้รับรางวัลใหญ่คือหนังเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ) ของพวกเราชั่วเดี๋ยวเดียวนั้น ผมจึงถูกกระตุ้นอารมณ์ใจจริงๆ    ผมรู้สึกงานเหน็ดเหนื่อยของพวกเราไม่ได้สูญเสียเปล่า    แม้กระทั่งก่อนหน้านี้    พวกเราสามารถปลอบโยนกันคือ    ดาราหญิงทั้งสองท่าน    นักแสดงหญิงทั้งสองท่านล้วนได้รับรางวัลแล้ว    ท่านหนึ่งก็คือ จวีเหวินเพ่ย ได้รับรางวัลนักแสดงหญิงดีเด่นที่สุด    เพราะท่ามกลางหนัง(คังติ้งฉิงเกอ) ของต๋าอัว    อีกท่านหนึ่งก็คือ ไอ้ซินเจวี๋ยหลัวฉี่ซิน    เพราะเหมยตั่วในหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) ได้รับรางวัล คนใหม่ดีเด่น    ดังนั้นขึ้นเวทีรับรางวัล 3 ครั้ง    ทางด้านพวกเรามากล่าวถึงได้รับรางวัลแล้ว    ก็เฆี่ยนตีแส้ม้า    พวกเขาพูดว่ายังไม่มีหนังภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง    สามารถอยู่ในงานแสดงภาพยนตร์อเมริกาในงาน ฮอลลีวูด    หนังภาพยนตร์ภาษาจีนเรื่องหนึ่งได้รับ 3 รางวัลอย่างต่อเนื่อง    ดังนั้นพวกเราจึงตื่นเต้นดีอกดีใจ ซูโหย่วเผิง โชว์ตัวเอง “ได้พบหญิงงาม” สาวสวย ตันปาโชว์แสดงร้องเพลงเต้นรำอย่างมีจังหวะเป็นพิเศษ

[Chomnath]

พิธีกร：พวกเราขอปรบมือเพื่อเป็นการสนับสนุนสักหน่อย

เจียงผิง；หลังจากวันนั้นเสร็จสิ้นลง    เวลาดูหนัง    นอกจากเพื่อนสหายเคยชมภาพยนตร์บ้างแล้วก็ติดตามพวกเราไปฉลองยามราตรีด้วยกัน    พื้นฐานที่หลงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของหนังภาพยนตร์อเมริกา    พนักงานสำคัญหรือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง    หลังจากชมจบแล้ว    มีอยู่ท่านหนึ่งเป็นดาราได้เคยรับรางวัลออสก้าหลายครั้ง    ดูจบน้ำตาร่วง    หลังจากออกมาเขาพูดว่า    สังคมยุคปัจจุบันนี้เป็นเวลาทุกคนที่ถือเงินตราและกามตัณหารักใคร่มองเป็นเรื่องสำคัญทีเดียว    มีภาพยนตร์อย่างนี้เรื่องหนึ่ง    ทำให้ผมรูสึกกระตุ้นอารมณ์    จริงๆไม่ใช่เรื่องง่ายๆทีเดียว

พิธีกร；คนอเมริกันจะพูดว่า    ในหนังไททานิค นางเอกได้แต่งงานแล้ว

เจียงผิง：ในหนังไททานิค นางเอกยังมีความรักคืนหนึ่ง    เขาทั้งสองแม้กระทั่งมือยังไม่เคยจูง    คุณมีความเสียดายนิดหน่อยใช่หรือไม่

ซูโหย่วเผิง：ไม่มีการจูงมือสักครั้ง

เจียงผิง：วิธีคิดของซูโหย่วเผิงคือเขาทั้งสองได้ควบขี่ม้าบนทุ่งหญ้าด้วยกัน    หลังจากนั้น ต๋าอัว จากม้าของเธอกระโดดข้ามไปที่ม้าของซูโหย่วเผิง    หลังจากนั้นไปที่ภูเขาลูกหนึ่งในทิศตะวันออก    ข้างหลังก็คือ......ผลที่สุดไม่มีการถ่าย

พิธีกร；ผมในที่นี้ต้องการถามสักหน่อย    นอกจากภาพยนตร์ของพวกเรา    พวกเราทราบว่าหนัง (คังติ้งฉิงเกอ)ตัวผมเองมีทำนองเพลงแบนี้เพลงหนึ่ง    จึงได้ร้องมาหลายปีแล้ว    จวีเหวินเพ่ยต้นกำเนิดคือเรียนดนตรี    คุณได้ยินศิลปะแสดงของซูโหย่วเผิง    วิจารณ์คุณค่าสักหน่อย

จวีเหวินเพ่ย；เวลาพวกเราอยู่เมืองคังติ้ง    เวลาพวกเราอยู่ระหว่างการถ่ายทิวทัศน์อันนั้น    แน่นอนผู้กำกับต้องพาพวกเราย้อนกลับไปในยุคนั้น    ทุกครั้งผู้กำกับล้วนเล่านิทานมากมายให้พวกเราฟัง    พวกเราได้ยินนิทานเรื่องนั้นจึงร้องไห้    ขณะนั้นเล่านิทานเรื่องหนึ่ง    ตอนถ่ายหนังจริงๆมีครูท่านหนึ่งได้โปรดปล่อยช่วยเหลือข้าทาสชาวนาแล้ว   เอาเด็กๆเหล่านั้นพาไปศึกษาเรียนที่สถาบันศึกษาละครหนังเมือง เซี่ยงไฮ้ และสถาบันดนตรีเมือง เซี่ยงไฮ้    เป็นทหารโปรดปล่อยเสรีท้องถิ่นและสาวๆท้องถิ่นจริงๆ     ความรักระหว่างทหารโปรดปล่อยและสาวๆชนเผ่า ธิเบตเหล่านั้น

นี่คือนิยายจริงๆเรื่องหนึ่ง    ดังนั้นหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) อยู่ในท่ามกลางนิยายเรื่องนี้    จึงจะแสดงออก ความหมายของหนังเป็นปกติพวกเราได้ยินแตกต่างกันทีเดียว    เป็นครั้งแรกเวลาได้ยิน โหย่วเผิงอยู่เมืองคังติ้งร้องเพลง    เวลาร่วมกับเด็กสาว ตันปา 8 คนร้องเพลงด้วยกัน    ขณะนั้นร้องเพลงร่วมคู่กัน    เมื่อโหย่วเผิงร้องเพลง    เพราะพวกเราล้วนเคยได้ยินเพลงของซูโหย่วเผิงมามากมาย    รวมทั้งเมื่อพวกเราอยู่ในยามราตรีชุนหวั่น---ราตรีฤดูใบไม้ผลิ    พี่โหย่วเผิงอยู่ในใจของพวกเราเหมือนคนหนุ่มโสดคนหนึ่ง    เป็นความสุขอย่างหนึ่ง    เป็นพลังอย่างหนึ่ง    เป็นแสงตะวันอย่างหนึ่ง    ดังนั้นทุกครั้งเมื่อได้มองเห็น โหย่วเผิง    รู้สึกล้วนเป็นเรื่องราวเหมือนแสงตะวันสว่างมากๆอย่างหนึ่ง    แต่โหย่วเผิงเวลาร้องเพลง (คังติ้งฉิงเกอ) ช่างลึกซึ้งใจจริงๆ    เขาไม่ใช้แบบบริสุทธิ์ใจใช้แบบวิธีชนเผ่า ธิเบต มาร้องเพลง    แต่เขาใช้หัวใจของเขาหนึ่งดวงเวลานำความรู้สึกต่อแผ่นดินผืนนั้นไปร้องเพลง    เป็นความรักลึกซึ้งกินใจอีกอย่างหนึ่ง    เมื่อพวกคุณอยู่ในภาพยนตร์ได้ยินโหย่วเผิงร้องเพลง เป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งซึ่งไม่เหมือนเลยทีเดียว

[Chomnath]

ซูโหย่วเผิง；พวกเราถ่ายหนังในวันนั้น    สาวสวยตันปา 8 คนนั้น    พวกเธออยู่ที่นั่นแสดงโชว์เต้นรำร้องเพลงโดยเฉพาะ    พวกเขาร้องขึ้นมาแล้วมีลีลาท่าทางและเต้นจังหวะทำนองเป็นพิเศษ    โยกเอวเล็กๆอันนั้นนะ    ทิ้งสายตาเย้ายวนเสน่หานะ

เจียงผิง；ยังต้องทำวัตถุระเบิดคือสาวสวยตันปา 8 คนถูกซูโหย่วเผิงหลงใหลแล้ว    ผมร้องตะโกนหยุดๆ    สาวสวยตันปา 8 คนต้องถ่ายรูปก่อน    หลังจากนั้นมีลีลาท่าทางหนึ่งท่า    หลังจากถ่ายเสร็จจึงมีการเคลื่อนไหวแบบตกใจน่ากลัว     8 คนเอาศีรษะและขาของเขายกขึ้น    ถูกโยนกลางอากาศ    นี่คือแสดงความยินดีต้อนรับ

ซูโหย่วเผิง：วันนั้นคือผมเป็นหวัดอย่างหนักวันหนึ่ง     หัวของผมมึนงงเป็นพิเศษ    ผมพูดอย่าโยนผมแล้ว
ขอบคุณพวกคุณ

เจียงผิง；เดิมทีก็คือ 4000 เมตร    โยนอีกครั้งหนึ่งจึงอยู่บนพื้นฐานเมนูมึนงง

พิธีกร：เพื่อนสหายอินเตอร์เนตของพวกเราไม่ดีใจ    พูดเพราะซูโหย่วเผิงช่างหล่อเหลือเกิน    ดังนั้นทุกคนมองไม่เห็นศิลปะแสดงของเขา    พวกเรากล่าวบ่อยๆอยากมีชื่อเสียงต้องถือโอกาสช่วงต้นๆ    พวกเราไม่สามารถเหมือนนักศิลปะแสดงอาวุโส   

ซูโหย่วเผิง；ผมเริ่มมีชื่อเสียงตั้งแต่เยาว์วัย   

เจียงผิง：คุณคือดาราเด็ก

FC；ผมรู้สึกเมื่อก่อนเขาคือไอดอน    แต่ก็เป็นไอดอนแสดงเก่งมาก

เจียงผิง；ผมรู้สึกก่อนอื่นเขาเป็นนักแสดงที่ดีมาก    แต่ผมรู้สึกว่าเขาจากไอดอนกลายเป็นนักศิลปะแสดง    นั่นคือต้องมีขั้นตอน

FC；ขอแสดงความยินดีกับซูโหย่วเผิงที่มีผลงานดี    หวังว่าสักวันหนึ่งสามารถมองเห็นคุณได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง    สู้ๆ

พิธีกร；คำกล่าวชมเชยไม่ขอพูดมากไป

FC；คุณร้องเพลง (คังติ้งฉิงเกอ) ช่างกระตุ้นเร้าอารมณ์จริงๆ

FC：ถ่ายหนังเรื่องนี้    ได้รับความลำบากไม่น้อย    ทุกคนต้องสนับสนุนอย่างแน่นอน    ภาพยนตร์หนังต้องขายดีมากๆ

ซูโหย่วเผิง；พวกเราขอบคุณ-ยินดีทั้งสถานี

FC；ในที่สุดโฆษณาถี่แน่นเกินไป    ขอให้ทุกคนระวังสุขภาพ

FC；งานของปีหน้าทั้ง 3 ท่านมีการวางแผนออกมาแล้วไหม

[Chomnath]

พิธีกร：พวกเราแบ่งแยกกล่าว  พูดแผนงานแต่ละคนของทั้งสามท่าน

เจียงผิง：พวกคุณสองคนกล่าวก่อน    พูดเสร็จแล้วเพื่อให้ผมทราบว่าพวกคุณปีหน้าต้องการทำอะไรบ้าง

จวีเหวินเพ่ย；ปกติฉันยังต้องทำดนตรี    ดังนั้นเป็นไปได้ขั้นต่อไปจะทำดนตรีจอทีวี    หลังจากนั้นยังต้องดูบทละคร    หวังว่าทุกๆครั้งล้วนทำลายสถิติได้    เพราะฉันรู้สึกขอขอบคุณผู้กำกับเจียงผิงเป็นพิเศษครั้งนี้ให้ฉันแสดงเป็น ต๋าอัว    เพราะฉันชอบเขตพื้นที่นี้เป็นพิเศษ    ก็ชอบนิยายเรื่องนี้เป็นพิเศษ    เมื่ออยู่ในประสบการณ์แบบนี้    ฉันรู้สึกสิ่งสำคัญพิเศษคือสามารถทำให้ท่ามกลางชีวิตของคุณได้รับการโปรดปล่อยอย่างหนึ่งและความรู้สึกได้รับขั้นตอนประสบการณ์ของชีวิต    ดังนั้นหวังว่าปีหน้ามีผลงานดีๆ

พิธีกร；จากมุมมองของผม จวีเหวินเพ่ยของท่านผู้ชมหลงใหล   ก็คือตาโตๆ    และริมฝีปาก SEXY    มีจุดปรามพิเศษของชนเผ่าน้อย    จากการมุมมองบริสุทธิ์ข้างนอกของผม    การงานของคุณโหย่วเผิงมีการวางแผนบ้างไหม

ซูโหย่วเผิง；ผมไม่วางแผนเรียบเรียงงานการ    ตอนนี้ผมวางแผนการพักร้อน (555+)

เจียงผิง；ผมเป็นบุคคลเครื่องจักร    ทุกๆวันเอาตนเองขึ้นใบกระดาษให้เต็ม    หรือเหมือนแบบเดียวกับลูกข่างถูกใช้เชือกหมุนลูกข่างไม่หยุด    ผมเป็นบุคคลบริการประชาชน    ทุกๆวันผมทำงานแทนบุคคลอื่น    แต่ผมก็ยินยอม    ใครเรียกใช้ผมทำ ผมก็ยินยอม    เพราะผมรู้สึกทำเพื่อบริการบุคคลภาพยนตร์ก็เป็นหน้าที่ของผม        เพื่อนสหายอินเตอร์เนต；คุณโหย่วเผิง    คืนนี้บริษัทจงอิ่งจะช่วยสมาคมพบหน้ากันเวลาเช้า 9.45 น.คุณจะไปไหม

ซูโหย่วเผิง：ต้องไป

FC：พวกเราจะอยู่ที่เมืองเฉิงตูรอคอยพวกคุณ

ซูโหย่วเผิง；อีกสองวันค่อยไป

พิธีกร；พวกเพื่อนๆไม่ต้องรีบร้อง

ซูโหย่วเผิง：ผมมีชื่อเสียงอยู่ในวัยต้นๆ

เจียงผิง；คุณเป็นดาราเด็ก

FC：เมืองกุ้ยหลินมณฑลกว่างซี หนัง (คังติ้งฉิงเกอ) จะเข้าโรงฉายเมื่อไร

เจียงผิง：ควรออกฉายเวลาเดียวกัน

ซูโหย่วเผิง；วันนี้

จวีเหวินเพ่ย；，ไม่ว่ายุคไหน    ความรักภายใต้แสงอาทิตย์ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย

FC；หวังว่าผู้กำกับเจียงอยู่ในโรงภาพยนตร์เมืองเล็กๆได้จัดเรียงภาพยนตร์มากหน่อย

เจียงผิง；ครั้งนี้พวกเราเปิดฉายทั้งหมด    เวลาเดียวกันจัดเรียงภาพยนตร์

พิธีกร；เมื่อกี้นี้พูดถึงสายหลักใหญ่คือนิยายความรักอยู่ในเบื้องหลังยุคนั้น    พวกคุณทั้งสองสามารถเข้าใจความรักแบบนั้นไหม    เพราะทรรศนะความรักตอนนี้และเวลานั้นไม่เหมือนกันทีเดียว   

[Chomnath]

ซูโหย่วเผิง；ตอนนี้เพราะข่าวสารทุกคนเทียบแล้วเจริญก้าวหน้า    ดังนั้นเมื่อมีเวลามากๆความรักอย่างนั้นเทียบแล้วกินรวดเร็วไปหน่อย    คู่กันกับยุคในสมัยนั้น    อารมณ์รักใคร่ของคนค่อนข้างบริสุทธิ์ซื่อสัตย์เสมอๆ    ปัจจุบันนี้ค่อนข้างใจแตกง่ายๆ    สมัยยุคนั้นไม่เป็น

พิธีกร：สองคนต่างเสียสละซึ่งกันและกัน    หลายสิบปีไม่พบหน้ากันเลย    ยังคงเฝ้ารักษาคำมั่นสัญญาอันนั้นอยู่    คุณโหย่วเผิง    อยู่ยุคปัจจุบัน    ตัวคุณเองสามารถทำเพื่อความรักเสียสละยิ่งใหญ่ที่สุดคืออะไร

ซูโหย่วเผิง；ก็คือหนึ่งเดียว     ผมรู้สึกนี่คือคำมั่นสัญญาที่ดีที่สุด

พิธีกร；เหมือนพวกเขาอย่างนั้นรอคอยหลายสิบปีก็ทนไม่ไหว

ซูโหย่วเผิง；ถ้าหากไม่เห็นหน้ากัน 60 ปีทีเดียว คุณทนได้หรือไม่

จวีเหวินเพ่ย：พวกเขาไม่ได้คิดจะรอคอย 60 วัน    พวกเขาเห็นว่าพรุ่งนี้ก็สามารถเห็นหน้ากัน    พวกเขาไม่เคยคิดที่จะรอคอย รอถึงชั่วชีวิต   

พิธีกร；พูดจนน้ำตาผมจะไหลออกมาแล้ว    ผมต้องการถามสาวสวยหน่อย    คุณเชื่อว่ารักแรกพบดี    หรือว่านานวันเกิดความรักกันดี

จวีเหวินเพ่ย；ฉันรู้สึกระหว่างของแต่ละคนมีโอกาส    มีบุคคลหนึ่งอยู่ในใจของคุณตามคุณเติบโตขึ้นพร้อมกัน    ฉันรู้สึกไม่ว่าอยู่ยุคไหน    ความรักภายใต้ดวงตะวันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย    ความรักใคร่อย่างนี้อยู่ในใจจะไม่เปลี่ยนแปลงโดยตลอด    คุณต่างหวังว่าคุณสามารถมีใจเต็มร้อยเพื่อไปค้นหาคนๆนั้นในใจคุณ    แม้แต่เมื่อคนๆนั้นได้ปรากฏขึ้นคุณก็จะทราบ   

ซูโหย่วเผิง；ผมรู้สึกเป็นอย่างนี้เสมอแต่ล้วนไม่ใช่

จวีเหวินเพ่ย；นั่นคือคุณต้องมองดูคนๆนั้นในใจคุณดีๆสักหน่อย

พิธีกร；เมื่อเวลาไปโรงเรียนมองดูไอดอนของรูปโฉมเจ้าชายม้าขาว    ครั้งนี้มาร่วมมือด้วยกัน    จึงไม่ได้รักแรกพบสักครั้ง

[Chomnath]

จวีเหวินเพ่ย；ที่จริงฉันรู้สึกได้เหมือนต๋าหวามีความรักต่อ หลี่ซูเจี๋ย    ขณะเมื่อเวลาเธอมองเห็นชั่วขณะ    เธอจะรู้สึกแสงตะวันของเขาสอดส่องชีวิตของเธอ    ที่จริงฉันรู้สึกเป็นไปได้จึงเป็นความรู้สึกอย่างนี้    หลังจากนั้นคุณก็ไม่ทราบ    ขณะคนนี้เวลาพักอยู่ในใจคุณสักหน่อย    เมื่อได้พักก็คือชั่วชีวิต

พิธีกร；มีคำถาม

FC；ขอถามผู้กำกับเจียง    ตอนนี้ (คังติ้งฉิงเกอ) คู่แข่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องไหน

เจียงผิง；ผมเพิ่งกลับจากอเมริกา    ตอนนี้เกือบจะไม่ได้กำกับเรื่องใดเลย    ผมไม่ได้สนใจว่าสองวันนี้มีภาพยนตร์เรื่องอื่นเป็นเรื่องอะไรช่วงเวลาเดียวกันเพื่อนำออกฉาย    แต่ผมรู้สึกเป็นอย่างนี้    ไม่ว่าอะไรรอบๆข้างยังไม่มีภาพยนตร์อะไร    ผมหวังว่าทุกคนสบายดี    เจริญยิ่งๆขึ้นไป    ภาพยนตร์จีนทุกคนต้องการสร้างผ่านไปทั่วทุกหนทุกแห่ง    สมัครสมานสามัคคี    ร่วมด้วยช่วยเหลือกัน    ถ้าหากรอบข้างผมล้วนเป็นภาพยนตร์ผลิตในประเทศ   ผมจะมีความจริงใจ หวังว่าภาพยนตร์พี่น้องของผม  มีแบบเดียวกับผม ล้วนสามารถได้รับเอาใจใส่สนใจ    ถ้าหากรอบข้างผมยังมีภาพยนตร์ต่างประเทศ    นั่นผมหวังว่าพวกพี่น้องของผมล้วนต้องเกาะกลุ่มสามัคคีกัน    เอาภาพยนตร์ของพวกเราสร้างให้ดี เพื่อจะได้ตามเทียบเคียงกับพวกเขา

FC：ขอถามคุณโหย่วเผิง    จวีเหวินเพ่ยและเจ้าเหวยนัยน์ตาของใครใหญ่โตกว่ากัน

ซูโหย่วเผิง；ใกล้เคียงกัน

เจียงผิง；ปีที่แล้วผมได้พาเจ้าเหวยและจวีเหวินเพ่ยไปที่ญี่ปุ่น    เธอทั้งสองใช้เวลาดื่มกาแฟด้วยกัน    ผมพูดเธอทั้งสองนัยน์ตาล้วนใหญ่โต    เจ้าเหวยพูดนัยน์ตาของฉันใหญ่และความใหญ่ของเธอไม่เหมือนกัน    ตอนนี้ผมไม่เข้าใจพวกเขาทั้งสองกล่าวอะไรที่ไม่เหมือนกัน    พวกเธออยู่ในสายตาของผมล้วนเป็นน้องสาวน้อยๆน่ารักนัยน์ตาของพวกเธอไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก    ผมรู้สึกไม่ได้เทียบเคียงนัยน์ตาของเธอทั้งสองล้วนแสดงความไร้เดียงสา    นัยน์ตาเธอทั้งสองล้วนมีสิ่งสกปรกน้อยมาก    อัตราส่วนที่โปร่งใสได้ยึดครองส่วนหนึ่งที่ใหญ่มากๆ    ผมรู้สึกนัยน์ตาโตก็ดี    นัยน์ตาเล็กก็ดี    สามารถทะลุผ่านนัยน์ตามองเห็นจิตวิญญาณของพวกเธอ    ผมรู้สึกนั่นก็เพียงพอแล้ว

[Chomnath]

พิธีกร：สามารถแสดงสาวชนเผ่า ธิเบตคนหนึ่งอย่างนี้    เป็นนักแสดงที่บริสุทธิ์ใจมากจริงๆ    ไปถึงญี่ปุ่นแล้วการมองของผู้กำกับเจียงผิงก็ใหญ่โตมาก    พูดถึงการเดินทางมีการจัดการวางแผนการเดินทาง    เมืองหังโจว   มณฑลเหอหนาน   เมืองจี้หนาน หรือไม่

เจียงผิง；หลักใหญ่ๆการเดินทางในครั้งนี้คือเดินสายโรงหนังในท้องถิ่น    มีการเรียงลำดับเป็นอย่างนี้    เมืองเฉิงตูเป็นนิยายของพวกเราเกิดขึ้นในมณฑลนี้    เพราะนิยายเกิดขึ้นที่มณฑลเสฉวน    เมืองซูโจวมีแค่หนังครึ่งเดียว    เพราะพวกเรายังมีทีมหนังทีมหนึ่ง    ก็คือแสดงอาจารย์เฉินเม่าหลินตอนวัยชราของซูโหย่วเผิง    นำพาหลานสาวของเขาเหยียนถิงเป็นผู้แสดง    นั่นคือเส้นทางสายหนึ่ง 60 ปีต่อมา    เส้นทางนั้นจากเมืองซูโจวเป็นจุดเริ่มต้น    ดังนั้นซูโจวจึงเป็นจุดหนึ่ง แม้แต่พวกเขาไปถึงเขตพื้นที่ ธิเบต ต่อมา    จึงได้พบเจอนิยายระหว่างผูปาเจี่ยและไอ้ซินเจวี๋ยหลัวฉี่ซินอีก    เพราะในหนังแบบนี้ของพวกเรามีนักแสดงเพาเวอร์มากเป็นเมืองเซี่ยงไฮ้    เช่นพูดจวีเหวินเพ่ย    เช่นพูดเหยียนถิง   ครูเฉิงเม่าหลินเป็นต้น    ดังนั้นเซี่ยงไฮ้ยังเป็นจุดหนึ่ง    อยู่ในท่ามกลางอย่างนี้    บริษัทจงอิ่งมีเมืองโรงถ่ายอยู่โรงหนึ่งเปิดกิจการอยู่ที่เซินเจิ้น    พวกเราถือโอกาสนี้ไปที่นั่นเฉลิมฉลองกิจการเมืองโรงถ่ายตัวเองของพวกเรา    ครั้งนี้วางแผนจัดการกี่จุดนี้ชั่วคราวก่อน    จุดข้างหลังต้องอาศัยแฟ้มงานของนักแสดงตัดสินใจครั้งสุดท้ายอีก    ดังนั้นเหล่าเพื่อนสหายอินเตอร์เนต    ถ้าหากพวกคุณไม่ได้ไปถึงจุดนั้น    มิใช่ไม่มองเห็นเป็นข้อความสำคัญ    พวกคุณก็เป็นดาราในใจของพวกเรา    ไม่มีท่านผู้ชมก็ไม่มีพวกเราอย่างแน่นอน    ดังนั้นแน่นอนพวกเราจะเอาความคาดหวังและไหว้วานของพวกคุณล้วนจดจำอยู่ในใจของพวกเรา    เมื่อหนังออกฉายที่นั่น    ช่วยเรียกพวกเขาเข้าโรงหนังชมดูหลายรอบ    สนใจเอาใจใส่ต่อพวกคุณมากบ้าง

FC；ขอบคุณมากๆ    ขอแสดงเคารพนับถือผู้กำกับเจียงผิงมากๆพิธีบนเวทีเคารพต่อนักศิลปะแสดงอาวุโส

พิธีกร：สองท่านได้เปิดเผยฉากจากกองถ่ายหนังในขณะนั้นให้แก่พวกเรา

จวีเหวินเพ่ย；ที่จริงไม่ใช่พิธีบนเวที    ปกติผู้กำกับเจียงผิงมีต่อนักศิลปะแสดงอาวุโสแสดงความเคารพและปกป้องรักษามากๆมาตลอด    ทุกครั้งพวกเราได้ทำกิจกรรม    ฉันกับผู้กำกับเจียงผิงเวลาทำกิจกรรมค่อนข้างเยอะกิจกรรมทุกครั้งไม่เคยมองเห็นผู้กำกับเจียงผิงทานข้าว    ดื่มน้ำ    เขาดูแลนักศิลปะแสดงอาวุโสมาตลอด    เอาพวกเขาส่งถึงเก้าอี้นั่ง    ดูแลพวกเขาอย่างละเอียดประณีตมากๆ    เวลาพวกเราอยู่ในท่ามกลางกิจกรรม    สามารถได้รับความรู้สึก ผู้กำกับเจียงผิงมีการแสดงความเคารพและปกปักรักษา  ความรักต่อนักศิลปะแสดงอาวุโส    เขาใช้จิตใจแทคแคร์พวกเขาจริงๆ    เหมือนกับญาติสนิทคนหนึ่ง    มีครั้งหนึ่งเวลาผมอยู่อาคารตึกได้ออกอากาศที่เมืองเซี่ยงไฮ้    ฉันพูดกับผู้กำกับเจียงผิงคุณมาถึงที่นี่ได้อย่างไร    เขาพูดวันนี้เป็นวันตรุษจีน    ต้องการร่วมกับนักศิลปะแสดงอาวุโสฉลองตรุษจีนพร้อมกัน    พวกเขาเคยให้ชีวิตและศิลปะแสดงแก่พวกเรานำพาแสงสว่างและความอบอุ่นมากทีเดียว    เพียงแต่เมื่อสามารถเอาใจใส่ต่อพวกเขา    แน่นอนผู้กำกับเจียงผิงจึงเอาใจใส่ต่อพวกเขา    เมื่อนักศิลปะแสดงอาวุโสโชคร้ายละโลกไปแล้ว    ผู้กำกับเจียงผิงจะเศร้าสลดเสียใจมาก    เขาจะน้ำตาไหล    ยามกลางคืนไม่ว่างานยุ่งมากขนาดไหน    เขาจะเขียนบทความสองบท    เพราะมีนักศิลปะแสดงอาวุโสอีกท่านหนึ่งได้อำลาพวกเราไปแล้ว    ดังนั้นครั้งนี้พิธีบนเวที    เวลาพวกเรากล่าวถึงอาจารย์หวง    พวกเราต่างเศร้าสลดเสียใจมาก    เพราะพวกเราต่างมีผลงานของพวกเขา    ผมรู้สึกพิธีบนเวทีมีความรู้สึกได้รับสักระยะหนึ่ง    พวกเราในใจรู้สึกว่า    ก็เพื่อให้รู้ว่าควรไปรักปกป้องนักศิลปะแสดงอาวุโสของพวกเราได้อย่างไร    อยู่กับผู้กำกับเจียงผิงด้วยกัน    พวกเรามีความรู้สึกสิ่งที่ได้รับและได้ศึกษาช่างมากมายจริงๆ

[Chomnath]

พิธีกร：อยู่ในรายการของพวกเรา    มีมิตรสหายมากมายมีการสนับสนุนต่อพวกคุณ    ช่างมากมายเหลือเกิน    ผมต้องการคัดเลือกมาอ่าน

FC：ตอนนี้ไม่จืดชืดแล้ว    เพราะผู้จัดการเพิ่งเดินผ่านข้างกายไป

FC： คุณโหย่วเผิงมีหนังอีกเรื่องหนึ่ง    ชม 5 ครั้งแล้ว    คุณแสดงดีจริงๆ    ตอนนี้คู่แข่งขันภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเรื่องนั้น    ตัวเองแข่งขันกับตัวเอง    หนัง (คังติ้งฉิงเกอ) ในที่นี้ของพวกเราเพียงวางเรียงสองโรงหนังเท่านั้น    หวังว่าสามารถเพิ่มความเข้มข้นยิ่งขึ้น

FC；ใกล้ๆนี้โหย่วเผิงจะออก อัลบั้มเพลง ไหม

ซูโหย่วเผิง：ตอนนี้ยังไม่มีครับ

เจียงผิง；ผมออกแผ่นเสียงให้คุณ    ต้นฉบับพิมพ์ทุกชนิดของ (คังติ้งฉิงเกอ) พวกเราจะไปออกแผ่น CD ด้วยกัน     เพราะมี ส้งจู่อิง   หนินจิ้ง   ซูโหย่วเผิง   ผูปาเจี่ย    ไอ้ซินเจวี๋ยหลังฉี่ซิน เป็นผู้ขับร้อง    พวกเขาทั้ง 5 ท่านเป็นผู้ขับร้องเพลงพร้อมกัน    ทำนองเพลงนี้แต่งออกมาไม่เลว    เป็นทำนองแต่งเพลงเพลงชุดหวงเหอเจวี๋ยเลี่ยน---แม่น้ำเหลืองสิ้นใยรัก    รวมทั้งพวกเราได้เชิญเพื่อนญี่ปุ่นเรียบเรียงทำนองเพลงให้แก่พวกเรา    รวมทั้ง จวีเหวินเพ่ยและหวังซีชงเพิ่ง 20 ปีต้นๆจบการศึกษาท่านหนึ่งร่วมแต่งทำนองเพลงด้วยกัน    ดนตรีในหนังเพราะมาก    ในหนังของตัวมันเองเป็นการสืบทอดเพลงจากชาวบ้าน

พิธีกร；รายการวันนี้มีเพียงกี่นาทีเท่านั้น    เพราะทั้ง 3 ท่านยังมีงานอื่นอยู่      ทำนองเพลงหลักๆของภาพยนตร์เพลง (คังติ้งฉิงเกอ) อยู่ข้างหูวงเวียนไปมาโดยตลอด    ทั้ง 3 ท่านมีการขับร้องหรือไม่

[Chomnath]

เจียงผิง：อันนี้โหย่วเผิงคือวิชาสายอาชีพ

พิธีกร：ทั้ง 3 ท่านล้วนเป็นวิชาสายอาชีพ

เจียงผิง：ครั้งนี้พวกเราได้ค้นเจอจริงๆ    คือค้นเจอ (คังติ้งฉิงเกอ) เนื้อเพลงในอดีตถูกต้องแล้ว    ผมรู้สึกขับร้องผิดแล้ว    เล่าลือผิดๆกันต่อๆไป    เขาขับร้องคือพี่ชายใหญ่ของบ้านตระกูลจางพรวดๆ    มีวิชาความรู้ดีพรวดๆ    พี่สาวใหญ่บ้านตระกูลหลี่พรวดๆ    เขามองรักชอบพรวดๆ    ครั้งนี้พวกเราแก้ไขเป็นพี่ชายใหญ่บ้านตระกูลหลี่พรวดๆ    มีวิชาความรู้ดีพรวดๆ    พี่สาวใหญ่บ้านตระกูลจ้างพรวดๆ    เขามองรักชอบพรวดๆ   

พิธีกร：พวกเราเชิญอาจารย์ซู  นำทั้งสามท่านนักร้องขับร้องเพลงพร้อมกัน    ใช้เสียงเพลงเพราะๆมาจบรายการของพวกเรา “ร้อง (คังติ้งฉิงเกอ) “

เจียงผิง：ทำนองอันนี้ชักนำผสมไม่ค่อยดี    ต้องการหนึ่งคนร้องหนึ่งทำนอง    ครั้งนี้ผมปรักปรำหนินจิ้งมากเป็นพิเศษ    หนินจิ้งเป็นศิษย์น้อง(สาว)ของผม    เป็นเพื่อนที่ดีพิเศษของผม    ผมเพื่อช่วยทำเสียงทำนองเพลงให้แก่ ซูโหย่วเผิง    แล้วยอม นำเอา หนินจิ้งเพื่อดึงเสียงทำนองให้สูงขึ้น    ผมยืมใช้โอกาสนี้มุ่งไปยังศิษย์น้องของผมทักทาย    น้องสาวข้า    ให้อภัยผมด้วย

FC；คุณปู่คุณย่ากับผมต่างชอบอารมณ์รักใคร่ช่วงนั้นเมื่อ 60 ปีก่อน    เพียงแต่ปัจจุบันนี้นิยายเหล่านั้นรุ่นเก่าแก่ของปีนั้นแสดงออกมาน้อยเกินไป

FC；ผู้กำกับเจียงผิงต้องขอบใจท่านแล้ว

พิธีกร：ขอบคุณผู้สร้างทั้ง 3 ท่านนำเอานิยายที่สวยงามของปีนั้นให้แก่พวกเรารำลึก    ยังมีระยะเวลานั้นสะท้อนชีวิตของชาวบ้าน    ก็คือหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) เรื่องนี้    ทั้ง 3 ท่านได้ให้การเล่าขานกล่าวพอประมาณให้แก่พวกเรา   ความรู้สึกได้รับถึงเนื้อหาทั้งเรื่อง    คืนนี้ที่ปักกิ่งมีกิจกรรมอย่างหนึ่ง    ตามมายังมีกิจกรรมของแต่ละแห่ง    ทุกคนต่างสามารถมองเห็นผู้สร้างทั้ง 3 ท่าน    ดังนั้นพวกเราจึงเอาใจใส่สนใจการเดินทางทั้ง 3 ท่าน    ไปโรงภาพยนตร์เพื่อมาชมหนัง (คังติ้งฉิงเกอ) เรื่องนี้

เจียงผิง：ขอขอบคุณเพื่อนสหายอินเตอร์เนตเป่ยชิงอย่างจริงใจมากทีเดียวเกี่ยวกับการสนับสนุนของพวกเรา ก็ขอขอบคุณการสนับสนุนของเพื่อนสหายอินเตอร์เนตที่อื่นๆ    ขอบคุณท่านผู้ชมทุกคนเกี่ยวกับการสนับสนุนภาพยนตร์ของพวกเรา    พวกเราทั้ง 3 ท่านขอแสดงความจริงใจมากๆ    ขอขอบคุณทุกคนอย่างจริงใจมากๆ    ไม่มีพวกคุณก็ไม่มีภาพยนตร์จีน    ขอบคุณครับ

จวีเหวินเพ่ย：ขอบคุณค่ะ

ซูโหย่วเผิง：ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน    ขอเชิญทุกคนเข้าโรงหนังสนับสนุนพวกเรา

จวีเหวินเพ่ย：ขอบคุณการสนับสนุนของทุกคน    เพราะนี่คือนิยายเกี่ยวกับความรักเรื่องหนึ่ง    ที่จริงฉันรู้สึกทุกคนล้วนสามารถถูกมันดึงดูดสะท้องสะเทือนอารมรื   หวังว่าทุกคนล้วนมีความรู้สึกได้รับถึงทิวทัศน์อันสวยงามส่วนหนึ่งอย่างนี้ และความรักอย่างนี้                     

...The End...